บางครั้ง! เหตุผลในการเดินทางไปไหนสักที่ อาจจะไม่ได้มีอะไรพิเศษมากมาย
บางทีแค่ทำอย่างไรก็ได้.... พาตัวเองออกไปจากตรงที่เราไม่สบายใจ ณ ตอนนั้นก็พอ...
ครับก่อนอื่นต้องขอกล่าวคำว่า สวัสดีท่านผู้อ่านที่เคารพรักทุกๆท่านนะครับ ปีใหม่แล้ว จะว่าไป 1 ปีที่ผ่านมานับว่าเป็นปีแห่งการฝ่าฟันอุปสรรค แบบทรหด อดทน จริงๆครับ ขอเป็นกำลังใจให้พ่อแม่พี่น้องชาวไทยทุกๆท่านผ่านพ้นเรื่องร้ายๆไปได้ด้วยดี ขอให้ปีนี้เป็นปีแห่งความสุขของพี่น้องชาวไทยทุกๆท่าน สวัสดีปีใหม่ย้อนหลังนะครับ🎁
ทริปนี้จะพาทุกๆท่าน ไปแว๊นมอไซต์สัมผัสอากาศหนาวๆ เย็นๆ ให้สมกับการรอคอยมาเกือบ 1 ปี กว่าจะได้พาสังขารที่อิดโรย ลุกออกจากโต๊ะทำงานได้นั้นมันยากเสียเหลือเกิน ผมเลยกะว่าจะออกทริปนี้ ให้แจ่มๆไปเลย หลังเลิกงานลองถามแม่บ้านเล่นๆว่า
ผม: ในประเทศเราเนี๊ย มีที่ไหนแจ่มๆ บ้าง?
แม่บ้าน: แม่แจ่มไง!
ผม: เอ่อใช่!! แจ่มจริงๆ ฮ่าๆๆ
DAY 1 : ออกเดินทางจากบ้าน
หลังเลิกงาน ผมรีบบึ่งรถจากที่พักมาที่สถานีขนส่งผู้โดยสาร จ.อุบลราชธานี (เกือบไม่ทัน)เพราะดันกะเวลาผิด
🏷️trips : การเดินทางครั้งนี้ผมใช้เวลาในการจองตั๋วเดินทาง รวมถึงที่พักล่วงหน้า ประมาณ 2 อาทิตย์ และเลือกเดินทางในช่วงวันธรรมดา เพราะเป็นโรคกลัวคนเยอะ? ไม่ใช่หรอกครับอันที่จริงแค่หลีกเลี่ยงการแออัดของนักท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดแค่นั้นเอง ^ ^ (เดินทางวันที่ 10 พ.ย.2563)
รถทัวร์สาย อุบล-เชียงใหม่ มีให้เลือกไม่เยอะซักเท่าไหร่ครับ ผมเลยให้คุณแม่บ้านเป็นคนเลือกเอง
นั่งรอรถสักพัก รถคันที่จะพาเราไป เชียงใหม่ ก็มาถึงแล้ว
รีวิว ที่นอนของเราคืนนี้ ซะหน่อย หลักๆมีเบาะนวดไฟ เครื่องเล่นฯ และช่องเสียบ USB (2ช่อง/1ที่นั่ง) นอกนั้นก็จะมีคล้ายๆกับรถประจำทางทั่วไปครับ
เผลอแพร๊บ!!!เดียว เราก็วาร์ปมาเลยครึ่งทางแล้วครับ ของีบอีกสักหน่อยละกัน ^ ^
ในขณะที่ภรรยาของผมกำลังเข้าเฝ้าพระอินทร์ กิจกรรมแก้เบื่อของผมระหว่างทางคือการดูหนังไปพลางๆ และเพื่อไปอย่างรวดเร็ว ขออนุญาตเปิดแกนวาร์ป🛸!!! วาร์ปไปเช้าของวันที่ 2 เลยนะครับ
DAY 2 part 1 : เช่ารถ
รถทัวร์พาเรามาถึง อาเขต ในตอนเที่ยง หลังจากทำธุระส่วนตัวของแต่ละคนเสร็จ เรารีบตรงดิ่งไปที่ร้านเช่ารถ ซึ่งได้ดูไว้ก่อนจะมาถึง 1 วัน ผมเลือกเช่ามอเตอร์ไซค์ แบบเกียร์ธรรมดา เพราะคิดว่าน่าจะเหมาะกับการขึ้นเขามากกว่า ระบบเกียร์ออโต้ (สายพาน) "ตัวนี้เป็นความคิดส่วนตัวของผมนะครับ" หากท่านใดถนัดแบบเกียร์ออโต้ ก็สามารถเลือกได้ครับ ที่สำคัญคือ ต้องเช็ค ดอกยาง เบรค โซ่ สเตอร์ และสภาพโดยรวมของรถ ก่อนตัดสินใจเช่าครับ
รุ่นที่ผมเลือกคือ suzuki smash 110 ที่จริงมอง Honda Wave 125i ไว้ แต่พอถึงวันเช่ารถดันหมด หมดนี่ คือ Honda Wave ทุกรุ่นในร้านหมดเลย (หัวเราะ)
🏷️trips : พยายามมองหาร้านเช่ารถฯ ที่ใกล้กับขนส่ง (อาเขต) หากท่านมีสัมภาระที่ค่อนข้างหนัก 🧳 การเดินไปหาร้านเช่าที่ไกลๆ บางทีก็เล่นเอาเหนื่อยหอบเหมือนกันนะครับ เดี๋ยวจะพลอยหมดสนุกเอาเสียก่อน ยิ่งถ้าต้องขับรถมอเตอร์ไซค์ต่ออีกหลายๆ กิโล ควรเพื่อพลังงานไว้เยอะๆครับ ^ ^
อ๋อ!! ลืมบอกไปครับ หมวกกันน็อค⛑ อันนี้สำคัญเลยอย่าลืมเด็ดขาด ทางร้านจะมีให้เลือกเช่าเป็นวันครับ บางร้านมีแบบแถมฟรีให้ด้วย (ผมเลือกแบบฟรี) ใส่ไว้เพิ่อความปลอดภัยอุ่นใจกว่า ^ ^
เราตั้งจุดแรกที่ร้านเช่ารถฯ และจุดที่2 คือ ด่านตรวจจุดที่ 2 เวลาตอนนั้นน่าจะราวๆ เกือบบ่าย3 เท่ากับว่าผมมีเวลาแค่2ชั่วโมง ในการขับรถเพื่อไปให้ถึงจุดหมาย ก่อนพระอาทิตย์จะตกดิน ความตั้งใจของผมคือ อยากพาตัวเองไปนั่งโง่ๆ มองพระอาทิตย์ค่อยๆลาลับขอบฟ้า กับทุ่งนาสีเหลืองทองอะหล่าม นั้นคือสิ่งผมคิดและจินตนาการเอาไว้ สถานที่ที่ว่าคือ บ้านป่าบงเบียง
แน่นอนครับ น้องG นางก็ช่วยได้บ้างไม่ได้บ้าง เราเลยต้องใช้แผนที่โบราณ (ถามชาวบ้าน) และอาศัยดูป้ายบอกทางไปตลอดเส้นทาง ถือเป็นการพักรถไปในตัวด้วย
สำหรับมือใหม่อย่างผม อาจจะต้องเพิ่มความระมัดระวังเรื่องรถบรรทุกด้วยครับ เพราะตลอดทางผมโดนพี่10ล้อทักทายตลอดเส้นทางเลย (หัวเราะ)
🏷️trips : การตั้ง GPS ผมจะตั้งแบบที่ละจุดไปเรื่อยๆ ตัวอย่างผมออกจาก อาเขต จะตั้งจุดที่จะไปจุดแรก คือ ด่านตรวจจุดที่ 2 (ทางแยกดอยอินทนนท์ - อำเภอแม่แจ่ม) พอถึงที่หมายแล้วค่อยตั้งจุดหมายใหม่ที่จะไปต่อ ประมาณว่าถ้าเกิด GPS พาหลง อย่างน้อยๆ ก็หลงไม่ไกล (หัวเราะ)
part 2 : เขาสูงชัน กับ อีแดงแรงฤทธิ์
เสียงอีแดง เริ่มเปลี่ยน ราวกับว่ามีบางอย่างมาฉุดรั้งมันไว้ ทำให้ความเร็วลดลงอย่างเห็นได้ชัด เป็นสัญญานบอกเราว่า "การขับรถขึ้นดอยครั้งนี้ ไม่หมูซะเเล้ว"
อีแดง คือ ชื่อมอไซต์ที่ผมกับแม่บ้านตั้งให้
ผมเริ่มสังเกตว่า ทำไมรถคันอื่นๆ ที่วิ่งผ่านเราไป คันแล้ว คันเล่า มันเร็วกว่าอีแดง ทั้งๆที่อีแดงของเราก็อายุมไม่ได้เยอะขนาดนั้น หนักสุดคือโดน Honda C70 แซงไปต่อหน้าต่อตา เฮ้ย!! ไม่ใช่ละ มารู้เอาตอนขากลับว่าเกิดจากกระเป๋าเจ้ากรรมของเราที่ถ่วงน้ำหนักไปด้านหลัง แทนที่จะอยู่ด้านหน้า พอเอากระเป๋าไปไว้ด้านหน้าเท่านั้นแระ ยังกะได้รถคันใหม่ ถ้าอีแดงมันพูดได้คงจะบอกว่า "เป็นบุญของกูจริงจรี๊งงง!!! ที่มรึงสองคนคิดได้ " (หัวเราะ)
เส้นทางต่อจากนี้ ไม่มีอะไรซับซ้อนมากมายครับ ใครถนัดตั้งGPS หรือจะสายชิวๆ ขับตามถนนเลยก็ได้ค คิดง่ายๆ เด๋อๆด๋าๆ แบบผม ยังไปถึงมาแล้ว ท่านผู้อ่านนี่สบายเลยครับ (หัวเราะ)
ถึงด่านตรวจจุดที่ 2 อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ถ้ามาจากตัวเมืองเชียงใหม่ให้เลี่ยวซ้ายนะครับ ถ้าตรงไปจะขึ้นดอยอินทนนท์ สังเกตง่ายๆ เลยจุดตรวจมานิดหน่อย จะมีป้ายบอกทางว่าไปอำเภอแม่แจ่ม (ถนน 1192) ให้เลี่ยวซ้ายตามป้ายเลยหรือขับตามพิกัดนี้เลยครับ 🗺️ https://goo.gl/maps/t1QVUuNMjV...
หลังจากนั้นเส้นทางจะเริ่มทวีความมันส์ขึ้นเรื่อยๆ ชนิดที่ว่า ชันแล้ว ชันอีก ชันๆๆ!!! บางจุดนี่ ผมถึงกับต้องจอดรถแล้วกำหนดลมหายใจเข้า-ออก 🧘 ก่อนจะขับต่อเลยทีเดียว มันส์ก็มัน กลัวก็กลัว (หัวเราะ)
เห็นได้ชัดว่านี่เป็นความโชคดีปนความลำบาก ของคนที่ไม่ค่อยได้ขับมอไซต์อย่างผม เพราะถ้าคุณเป็นสายแว๊นอยู่แล้ว ยิ่งถ้าขับขึ้นดอยเป็นประจำ จุดนี้จะเป็นจุดที่คุณรู้สึกว่าเฉยๆไปเลยครับ ต้องขออภัยที่ไม่ได้เก็บภาพมาฝากท่านผู้อ่านนะครับ ท่านใดที่ไปมาแล้ว มันส์ ไม่มันส์ อย่างไร แวะมาเล่าสู่กันฟังบ้างนะครับ ^ ^
ขอแช๊ะ!! ซะหน่อย
จากจุดที่แล้วมาประมาณ 6-7 กิโลเมตร เราจะเจอแยกสำคัญ ขอเรียกว่า แยกตัวY ละกัน ให้เลี่ยวขวา แล้วขับไปต่ออีกราวๆ 4 กม. หรือขับตามพิกัดนี้เลยครับ 🗺️ https://goo.gl/maps/GFTEzKgKYo... ** แต่ถ้าใครจะเข้าตัวเมืองแม่แจ่ม ก็ขับตรงไปเลยครับ
จากจุดนี้ดูเหมือนว่าถนนจะแคบลง แต่ก็ถือว่ายังขับง่ายกว่าทุกๆจุด ที่ผ่านมาครับ ที่สำคัญแนะนำให้ใช้เกียร์ต่ำ ความเร็วไม่เกิน 30-40กม./ชม. ก็พอครับเพราะมีรถของชาวบ้านสัญจรไปมาอยู่ตลอด
ขับมาสักพักได้ยินเสียงของลำธารดังมาแต่ไกล ระงมไปด้วยเสียงของนก แมลง ทั้วทั้งป่า เราเลยขอเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึกสักหน่อย ^ ^
นอกจากนั้นยังมีสถานที่ท่องเที่ยวระหว่างทาง ก่อนจะถึงบ้านป่าบงเปียง อีกหลายจุด เช่น หน่วยพิทักษ์น้ำตกแม่ปาน(แม่แจ่ม) ,น้ำตกห้วยทรายเหลือง ,น้ำตกผาสำราญ ,น้ำตกแม่ปาน ท่านใดที่มาเที่ยวนาขั้นบันไดบ้านป่าบงเปียงก็อย่าลืมแวะชมความความงามของน้ำตกนะครับ ผู้เขียนไม่ได้แวะเนื่องจากมีเวลาค่อนข้างจำกัด ถือว่าพลาดมากๆครับ😭
แม่แจ่ม "บ้านป่าบงเปียง" แจ่มที่ 1
ยอดเขาสลับซับซ้อนมองไกลสุดลูกหูลูกตา... แสงแดดอุ่นๆ สายลมเย็นๆ เเละทุ่งนาสีทอง
ผมลดกล้องลง📷 หลับตาแล้วสูดหายใจลึกๆ .......
บ้านป่าบงเปียง หรือ ที่หลายๆท่าน คุ้นหูอีกชื่อ ก็คือ นาขั้นบันไดบ้านป่าบงเปียง เป็นอีกหนึ่ง Unseen ของจังหวัดเชียงใหม่ ที่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติให้ความสนใจเป็นอย่างมาก เพราะสามารถเดินทางมาชมความงามของ นาขั้นบันได ได้เกือบทุกฤดู โดยจะแบ่งออกเป็น 3 ช่วง คือ
1. ฤดูฝน ช่วงทำนา-ดำนา
2. ช่วงข้าวตั้งท้อง (ข้าวเขียว)
3. ฤดูหนาว ช่วงเก็บเกี่ยว (ทุ่งนาสีทอง)
ผมเลือกเดินทางมาที่นี่ในช่วงฤดูหนาว แม้ว่าเพื่อนหลายๆคน ที่เคยมาแล้วจะบอกผมว่า นาขั้นบันไดฯ ต้องมาช่วงหน้าฝนถึงจะสวย ทำให้ระว่างทางผมได้แต่คุ้นคิดในหัวว่า จะคุ้มหรือปล่า? จะได้ภาพสวยๆไหม? แต่พอหันกลับมามองแม่บ้าน คนที่เป็นตัวตั้งตัวตีในการริเริ่มแผนการครั้งนี้ ก็อดนึกในใจไม่ได้ว่า "ช่างมันเถอะ อย่างน้อยๆแค่เราสองคนได้หาที่เงียบๆ พักเรื่องงาน เรื่องชีวิต หลบมาอยู่ในโลกของเราสักสองสามวัน ก็คุ้มสุดๆแล้ว"
เผลอหลุดไปคิดเรื่องราวในอดีต นานแค่ไหนไม่รู้ ที่รู้คือ ผมเดินห่างจากแม่บ้านที่กำลังหามุมเซลฟี่อยู่ มาไกลมากๆ และเบื้องหน้าผมตอนนี้คือ ยอดเขาสลับซับซ้อนมองไกลสุดลูกหูลูกตา แสงแดดอุ่นๆ สายลมเย็นๆ เเละทุ่งนาสีทอง ผมลดกล้องลงหลับตาแล้วสูดหายใจลึกๆ พลางนึกในใจ บางทีความสุขของคนเรา ก็ต้องการแค่นี้แหละ
พันธุ์ข้าวที่นิยมปลูกที่นี่ คือ บือมูโป๊ะ เป็นพันธุ์พื้นเมืองดั้งเดิมที่ผ่านการคัดเลือก โดยภูมิปัญญาของบรรพบุรุษเป็นมรดกสืบทอดกันมา ค่อนข้างมีความหลากหลายทางชีวภาพ ลำต้นจะมีขนาดไม่สูงมาก เมื่อเทียบกับต้นข้าวทางบ้านผม
เก็บภาพเป็นที่ระลึกจนเย็น ก็ได้เวลาเข้าที่พักสำหรับคืนนี้กันแล้วครับ ที่จริงต้องเรียกว่า โฮมสเตย์ เน๊อะ ถึงจะถูก ^ ^ แน่นอนว่า โฮมสเตย์ แต่ละที่ก็จะมีรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป ในส่วนนี้ท่านผู้อ่านสามารถเลือกบ้านได้ตามความชอบเลยครับว่าจะเอาแบบไหน ซึ่งราคาจะแตกต่างกันไม่มากครับ
ภายในของตัวบ้านออกแบบให้ได้กลิ่นอาย และบรรยากาศ ของพี่น้องชาวเขาได้เป็นอย่างลงตัว ทำให้ผมหวนนึกถึงสมัยผมเป็นเด็กไปทำไร่ทำนากับครอบครัว พอเสร็จจากภารกิจไร่นาพวกเราก็จะเข้าพักผ่อนเอาแรงในกระท่อม แถวบ้านผมเรียก เถียงนา การมาแม่แจ่มครั้งนี้จึงเหมือนการย้อนวันวานของผมไปในตัว
มองเผินๆหลายท่านอาจจะคิดในใจว่า ตอนดึกๆ อากาศหนาวๆ จะเอาอยู่ไหมเนี๊ย! บอกเลยครับว่าข้างในตัวบ้านอุ่นมากๆ คิดเอาว่าผมแทบไม่อยากลุกจากที่นอนเลยล่ะ
สำหรับท่านใดที่ตื่นเช้าแล้ว ยังมีอาการขี้เกียจลุกจากที่นอนในตอนเช้า ท่านสามารถชมวิวนาขั้นบันได และทะเลหมอกตอนเช้าผ่านทางหน้าต่างได้เลยเป็นภาพที่หาดูได้ยากมากๆ
ตะวันลาลับขอบฟ้าแล้ว....
คุณลุงคุณป้าต้อนรับพวกเราด้วยเมนูที่ผมและภรรยาไม่ได้กินมานานแล้ว นั้นคือ กระเพราไก่ใส่ถั่วฟักยาว พร้อมข้าวสวยร้อนๆ และกับข้าวอีก2อย่าง ด้วยความที่ใช้พลังงานมาทั้งวัน ทำให้ผมอัดมื้อเย็นวันนั้นจนเกลี้ยง 😋
หลังจากทำธุระส่วนตัวของแต่ละคนเสร็จแล้ว หัวถึงที่นอนเท่านั้นแหละ 🛏️zZZ มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนนาฬิกาปลุก รอบที่ 2
เวลาตอนนั้นเกือบจะตี5แล้ว เรารีบลุกจากที่นอนอุ่นๆมานั่งดูว่าทะเลหมอกจะมาตามนัดหรือเปล่า
ระหว่างรอทะเลหมอกก็หากิจกรรมมาเล่นฆ่าเวลา ใครที่มีไฟฉายก็เอามาสร้างบรรยากาศ แต่ดูจากภาพของผมกับแม่บ้านน่าจะออกไปอีกอารมณ์หนึ่ง (หัวเราะ)
ไม่นานเราก็เริ่มมองเห็นทะเลหมอกลอยมาแต่ไกล ตรงแนวสันเขา
นานแค่ไหนไม่รู้ที่ผมไม่ได้สูดอากาศเต็มๆปอดแบบนี้ 🤗
กว่าทะเลหมอกจะข้ามเขา มาถึงหน้าบ้านเรา ก็จางลงเหลือน้อยแล้ว คุณลุงบอกว่าหมอกจะมาเยอะๆ ช่วงกลางเดือนธันวาคมของทุกปี และอุณหภูมิจะลดลงกว่าตอนที่ผมมาอีกประมาณ 7-8 °C หรือประมาณ 9°C (อุณหภูมิที่ผมวัดได้วัน คือ 16°C) สำหรับผมถือว่าวันนั้นอากาศดีมากๆ
เดินเก็บภาพจนเหนื่อย เสียงท้องก็ร้องดังมาเป็นระยะ เหมือนส่งสัญญานบอกว่าได้เวลาอาหารเช้าแล้วนะตัวเธอ!! ว่าแล้วก็ไปดูเมนูสำหรับเช้าวันนี้ของเรากันเลยครับ
เมนูตอนเช้าของเราครับ ^ ^ ข้าวต้มร้อนๆ🍲 และ ไข่ต้มยางมะตูม🥚 ตบท้ายด้วยโอวัลติน และกาแฟร้อนๆ☕
อัดมื้อเช้าไปค่อนข้างหนัก ทั้งข้าวทั้งกาแฟ ก่อนกลับเรานึกขึ้นได้ว่า มีหนึ่งจุดที่คุณลุงแนะนำไว้เมื่อตอนหัวค่ำว่าต้องมาถ่ายภาพเป็นที่ระลึกให้ได้นะ เดี๋ยวจะคุยกับเขาไม่รู้เรื่อง 🥰
ถ้าหากท่านใดที่มาตอนช่วงข้าวสีเขียว คงจะสวยไปอีกแบบแน่ๆครับ 🥰
จุดนี้เป็นจุดที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของนาขั้นบันไดฯ ได้แบบ 180 องศา และแน่นอนว่ายังมีอีกหลายจุดที่ผมยังไปไม่ถึงโดยเฉพาะถ้าท่านใดพอมีเวลาเหลือ ผมแนะนำให้เข้ารถ🛵เข้าไปในหมู่บ้านอีกราวๆ3-4กิโล จะพบกับมุมของนาขั้นบันไดสวยงามไม่แพ้กันครับ
🥰 เรากล่าวคำบอกลา และขอบคุณคุณลุงคุณป้า สุดท้ายนี้ผมและภรรยาต้องขอขอบพระคุณคุณลุงมากๆครับที่เป็นธุระพาผมไปซื้อน้ำมันในตัวหมู่บ้าน หากไม่ได้คุณลุงงานเข้าผมแน่ๆครับ คงได้เข็นรถขึ้นดอยแหงๆ 😅🙏
แล้วพบกันใหม่ครับ บ้านป่าบงเปียง ^ ^
ว่าแล้วก็ออกเดินทางกันไปที่แจ่มๆต่อเลยครับ จุดหมายที่เราจะไปต่อคือ ม่อนแจ่ม ซึ่งอยู่ห่างจากที่นี่ประมาณ 160 กม.
หรือท่านใดมีเวลาเหลือ แนะนำให้แวะชมความความของดอยอินทนนท์ และกิ่วแม่ป่านก่อนนะครับ ตามภาพนี้เส้นทางไปดอยอินทนนท์จะอยู่ด้านหลังครับ หากมาจาก อ.แม่แจ่ม ให้เลี่ยวซ้ายได้เลยครับ (ในภาพคือ ด่านตรวจจุดที่ 2 อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์)
เส้นทางหลังจากนี้ไม่มีอะไรซับซ้อนมากครับ เพราะเป็นเส้นทางเดิมที่เราเคยขับมาแล้วเมื่อวาน ที่ต้องเพิ่มคือความระมัดระวังในการขับรถ เพราะขากลับจะเป็นการขับรถลงดอยเสียส่วนใหญ่ ควรใช้เกียร์ต่ำ เคารพเครื่องหมายจราจร มีน้ำใจให้ผู้ร่วมทาง แค่นี้ก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงครับ
: ท่านสามารถเดินทางตามพิกัดนี้ได้เลยครับ https://goo.gl/maps/x78n51zfrV...
ด้วยความเป็นมือใหม่ในการขับรถฯ แถมแวะอุดหนุนร้านค้าร้านขายตลอดทาง ทำให้กว่าจะมาถึงม่อนแจ่ม เวลาก็ปาเข้าไปเกือบ 1 ทุ่ม กว่าจะติดต่อพนักงานเพื่อเข้าที่พักได้ก็เล่นเอาเพลียเหมือนกัน (หัวเราะ)
ห้องพักที่นี่ มีให้เลือก 3 แบบ 1.แบบกระโจม หรือ บางท่านอาจจะเรียก เต็นท์กระโจมวินเทจ 2.แบบกล่อง 3.บ้านไม้ไผ่ ผมเลือกบ้านไม้ไผ่ เพราะคิดว่าอากาศต้องหน่าวแน่ๆ และก็หนาวจริง (หัวเราะ) ก่อนหน้านี้มองแบบกระโจมไว้ เพราะคิดว่าน่าจะถ่ายรูปออกมาสวย พอนึกถึงความอุ่นแล้วเลยเลือกบ้านไม้ไผ่ดีกว่า
🏷️trips : การจองห้องพักผมจองก่อนจะมาถึงที่นี่ประมาณ 1 อาทิตย์ กรณีนี้ท่านผู้อ่านอาจจะมัดจำไว้สัก 1-2อาทิตย์ ก่อนเดินทางในวันธรรมดา ในส่วนวันหยุด หรือช่วงHigh season อาจจะต้องจองล่วงหน้าสัก2อาทิตย์ นานหน่อยแต่แลกกับการได้ที่พักที่ถูกใจครับ *ณ ตอนนี้ด้วยสถานการณ์ของโควิด-19 ที่กลับมาระบาดใหม่ ผมไม่แน่ใจว่าการจองที่พักจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ เพื่อความชัวร์ให้ติดต่อสอบถามที่พักอีกครั้งนะครับ
"ม่อนแจ่ม" แจ่มที่ 2
ม่อนแจ่ม หรือ ดอยม่อนแจ่ม (Mon Jam)
ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ เป็นส่วนหนึ่งของศูนย์พัฒนาโครงการหลวงหนองหอย นับเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตที่งดงามไปด้วยทัศนียภาพกว้างขวาง มองเห็นวิวทิวเขาสลับซับซ้อนบวกกับสภาพแวดล้อมของเมืองเชียงใหม่ ตัวอำเภออยู่ห่างจาก จังหวัดเชียงใหม่ประมาณ 40 กม. โดยขับรถมาตามทางหลวง หมายเลข 107 สายเชียงใหม่-ฝาง ตรงไปถึงอำเภอแม่ริม บริเวณกิโลเมตรที่ 17 ให้เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวง หมายเลข 1096 สายแม่ริม-สะเมิง บริเวณกิโลเมตรที่ 15 ให้เลี้ยวขวาที่บ้านโป่งแยก ตรงไปอีก 6 กิโลเมตร
ขอบขอบคุณที่มา : ม่อนแจ่ม ดินแดนแห่งขุนเขา
DAY 3 : ด้วยความตื่นเต้น ประกอบกับบรรยากาศที่หนาวเย็นเป็นพิเศษ ทำให้ผมทนไม่ได้ต้องลุกขึ้นมากระดกไวท์ที่สแปรไว้ในกระเป๋าตั้งแต่เมื่อวานเพื่อดับความหนาว แต่เอาเข้าจริงๆ อุณหภูมิที่ม่อนแจ่มสูงกว่า แม่แจ่มด้วยซ้ำ ผมวัดได้วันนั้น 18องศา แต่ทำไมอากาศมันดูหนาวเย็นจนบอกไม่ถูก
ไหนๆก็ลุกมาแล้ว รอดูพระอาทิตย์ขึ้นเลยละกัน ถ้าโชคดีวันนี้อาจจะได้เห็นทะเลหมอกก็ได้เคยเห็นแต่ในรีวิว แต่ผิดคาดครับวันนั้นไม่มีทะเลหมอก ....
ถึงแม้จะไม่ได้ความฟินของทะเลหมอกในตอนเช้า แต่สายลมหนาวที่พัดแรงเอาเรื่องก็ทำให้ผมลืมmomentที่วาดเอาไว้ในหัว พร้อมที่จะกระโจนเข้าไปซุกที่นอนอีกรอบ
พอพระอาทิตย์เลยหัวมานิดหน่อยอากาศก็เริ่มอุ่นๆ ผมลุกจากที่นอนเป็นรอบที่2 เมื่อคืนแอบเห็นแว๊ปๆว่ามี ทุ่งดอกมากาเร็ตสีม่วงตรงทางเข้าที่พัก เลยแวะไปเก็บภาพเสียหน่อยครับ
ช่วงที่ผมไป ทุ่งดอกมากาเร็ตน่าจะอยู่ในช่วงกำลังปลูก เวลานี้คงบานจะสะพรั่งสวยงามเต็มที่แล้ว หากท่านใดไปมาแล้วอย่าลืมมาเล่าสู่กันฟังบ้างนะครับ ^ ^
อากาศหนาวๆแบบนี้คงไม่มีอะไรจะเข้าท่าไปกว่า ข้าวต้มร้อนๆ และโอวัลตินอุ่นๆอีกแล้วครับ ในส่วนของอาหารเช้าเป็นบริการจากทางที่พักครับ นอกจากนี้ยังมีเมนูสุดฮิตของที่นี่ คือ หมูกระทะ ท่านใดเป็นสายปิ้งย่างไม่ควรพลาดนะครับ
สำหรับท่านใดที่ชื่นชอบในการถ่ายภาพ ที่นี่มีมุมถ่ายภาพสวยๆให้เลือกถ่ายเยอะเลยครับ
พิกัดที่พักครับ แผนที่ : https://goo.gl/maps/i7WsApPrXv...
facebook : https://www.facebook.com/%E0%B...
เป็นอย่างไรบ้างครับ หวังว่า 2ที่แจ่มๆที่ผมแนะนำไปจะช่วยเป็นอีกหนึ่งตัวเลือก ในการหาสถานที่พักผ่อนของหลายๆท่านนะครับ หากเนื้อหา/ภาพ ส่วนใด ขาดตกบกพร่องหรือผิดพลาดประการใด กระผมเองต้องขออภัยท่านผู้อ่าน มา ณ โอกาศนี้ด้วยนะครับ
ขอขอบคุณผู้อ่านทุกๆท่านครับ 🙏
- สรุปค่าใช้จ่ายทั้งทริป 🚗 🌄 (สองคน) รวมเป็นเงินทั้งสิน 12,000 💵 💵
- อุปกรณ์ที่ใช้ในการบันทึกภาพ XE-1 ,Gopro Hero 8 Black
- เพิ่มเติมนิดหน่อยครับ
หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการเดินทาง ผมยินดีให้ความช่วยเหลือเต็มที่ครับ
https://www.facebook.com/Suiy.Kee.King
DanOnTour
วันเสาร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2564 เวลา 22.57 น.