จากความเดิมตอนที่แล้ว [ล่องเรือเที่ยวกรุงเทพ สัมผัสชีวิตย่านริมน้ำ (ตอนที่ 1)] ที่เราได้สำรวจกรุงเทพอย่างงงๆ ด้วยการลงเรือผิดท่า 55555 เราก็มาตั้งต้นกันที่ "ท่าเรือสี่พระยา" กันต่อเลยจ้าาาาา
ด้วยความตั้งใจเดิมของเราคืออยากนั่งเรือชมวิวสองฝั่งของแม่น้ำเจ้าพระยาไปเรื่อยๆ แต่เวลาที่เรามีก็ไม่ได้เอื้อให้เราทำแบบนั้นได้ TT^TT ไว้รอ COVID-19 หมดจะนั่งตั้งแต่ท่าสาทรยันเมืองนนท์เลย 5555
จะสังเกตเห็นได้ว่าตั้งแต่ที่เรือเริ่มออกจากท่าสี่พระยานั้น สองข้างฝั่งริมแม่น้ำเจ้าพระยาก็เต็มไปด้วยความมีเสน่ห์ของสถาปัตยกรรมตึกฝรั่งมากมาย
ไม่ว่าจะเป็น "วัดแม่พระลูกประคํา (กาลหว่าร์)" ที่มีอายุกว่า 130 ปี และถือเป็นโบสถ์ที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ได้เลย ซึ่งวัดแห่งนี้ไม่ใช่วัดในความหมายของศาสนาพุทธแต่อย่างใด
แต่วัดแห่งนี้เป็นวัดของศาสนาคริสต์นิกายโรมันทาทอลิกที่ตั้งอยู่ที่ย่านตลาดน้อยนั่นเองจ้าาา เห็นอยู่บนเรือไกลๆ ยังสวยงามขนาดนี้ถ้าได้ไปถ่ายรูปชื่นชมใกล้ๆ คงเป็นสถาปัตกรรมที่สวยมากๆ เลยแหละ ^^
ถัดไปใกล้ๆ กัน ก็แอบเห็นตึกฝรั่งที่แอบซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางแมกไม้หากไม่ได้ตั้งใจมองน้องก็อาจจะหายลับไปพร้อมกับการเคลื่อนที่ของเรืออย่างรวดเร็ว
ตึกที่แอบซ่อนตัวอยู่นั้นก็คือ "ตึกธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาตลาดน้อย" เป็นอาคารที่ถูกสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 หากสังเกตชื่อภาษาอังกฤษของธนาคารนี้ก็คือ siam commercial bank ทุกคนก็จะคุ้นเคยกันดี
แต่ถ้าแปลมาเป็นภาษาไทยสมัยรัชกาลที่ 5 ก็จะถูกเพี้ยนเสียงไปเป็น "แบงก์สยามกัมมาจล" ตามที่เคยเรียนมาในหนังสือเรียนที่ว่ากันว่าเป็นธนาคารแห่งแรกของประเทศไทย ซึ่งก็คือที่นี่แหละจ้าาาา จุดเริ่มต้นของธนาคารต่างๆ ในปัจจุบัน
ตามริมน้ำเราไม่ได้เห็นเพียงแต่ตึกปูนทรงฝรั่งเท่านั้น เรายังพบตึกทรงไทยประยุกต์และยังพบเห็นท่าจอดเรือของบ้านนั้นๆ ได้ทั่วไปอีกด้วย
นั่งชมวิวกันมาพักใหญ่ ตัวเรือก็เคลื่อนผ่านท่าเรือมาหลายท่า ใกล้ๆ กันกับท่าราชวงศ์ก็จะพบกับตึกฝรั่งสีขาวขนาดใหญ่ และสูงมากกกกกก สูงสุดลูกหูลูกตาตั้งอยู่ โดยตึกสีขาวที่ว่านี้คือ "Bangkok River Park Condominium" ที่มีความสูงของตัวตึก 35 ชั้นกันเลยทีเดียว
เป็นตึกสมัยใหม่ที่สร้างขึ้นมาไม่นานมาก ต่างจากตึกฝรั่งอื่นๆ ในระแวกนั้น และที่สะดุดตาเราที่สุดก็คือลักษณะตัวเสาคล้ายกับเสาในสถาปัตยกรรมโรมันและการทาสีขาวที่ตัวตึกจะค่อนข้างมีความแตกต่างจากตึกฝรั่งในประเทศไทยที่นิยมทาสีเหลืองเป็นสีของตัวตึกมากกว่า
ด้วยความโดดเด่นของตึกสีขาวหลังนี้ทำให้เราแอบไปทำการบ้านเพิ่มว่าทำไมตึกเก่าบ้านเราชอบทาสีเหลืองกันนักจะพบเห็นตึกรูปทรงนี้เป็นสีขาวหรือสีอื่นๆ ได้น้อยมากๆ ก็ได้ความมาว่าสีที่ได้รับความนิยมรองลงมาจากสีขาว ก็คือสีเหลืองที่ได้รับอิทธิพลมาจากสถาปัตยกรรมของยุโยป
ซึ่งในสมัยก่อนช่วงรัชกาลที่ 4 ที่ 5 เป็นต้นมาผู้คนนิยมไปเรียนต่อที่ยุโรปกันอย่างแพร่หลาย ทั้งรูปแบบการใช้ชีวิต ศิลปะ วัฒนธรรมหลายอย่างจึงได้มาจากยุโรป หรือแม้แต่สถาปนิกในยุคนั้นก็ล้วนมาจากยุโรป จึงเป็นเหตุให้สีตัวอาคารกลายเป็นสีเหลืองแทบจะทั้งหมดตามที่เราได้พบเห็นกัน
ใกล้กันก็จะพบกับ "ท่าเรือยอดพิมาน" ซึ่งตรงบริเวณนี้เราสามารถนั่งเรือข้ามฟากเพื่อไปชมสถาปัตยกรรมของ "วัดซางตาครู้ส ย่านกุฎีจีน" ได้อีกด้วย ซึ่งฝั่งท่าเรือยอดพิมานที่ตรงบริเวณนี้ก็จะผสมผสานกันระหว่างพื้นที่ที่เป็นท่าเทียบเรือกับตลาดยอดพิมานเข้าไว้ด้วยกัน จึงทำให้สถาปัตยกรรมแถวนี้สวยกว่าที่อื่นๆ
โดยแต่เดิมนั้นตลาดแห่งนี้เป็นย่านโกดังและที่พักอาศัยของคนที่ทำงานในตลาด ต่อมาก็ได้มีการปรับปรุงให้เข้ากับบริบทสังคมของชุมชในย่านนี้ จึงได้พัฒนากลายมาเป็นอาคารสร้างใหม่ที่มีสถาปัตยกรรมสมัยเดิมของชุมชนก็คือในสมัยรัชกาลที่ 5 เป็นต้นมา ทำให้พื้นที่ตรงนี้เป็นพื้นที่สวยงามอีกแห่งย่านริมน้ำเลยทีเดียว และถ้าหากมาช่วงพระอาทิตย์ใกล้ตกก็เป็นอะไรที่สวยงามมากๆ จ้าาา ^^
ซึ่งท่านี้เป็นท่ายอดนิยมของผู้คนเลยทีเดียว เพราะเราขึ้นมาที่ต้ทางคือท่าสาทรผู้คนก็จะบางตาสามารถเลือกที่นั่งได้ตามสะดวก แต่พอมาเป็นท่ายอดพิมานจะเห็นได้ว่าเรือเต็มทุกที่นั่ง ไม่มีที่เหลือแล้ว ดังนั้นใครจะมาก็ให้เผื่อเวลากันดีๆ นะจ๊ะ ^^
หลังจากจอดรับผู้โดยสารเรียบร้อยแล้ว เรือของเราก็เริ่มเคลื่อนที่ไปบนผืนน้ำอีกครั้ง ใกล้กันกับตลาดยอดพิมานเมื่อครู่เราก็สังเกตเห็นตึกสีเหลืองนวลตาขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ กัน
ซึ่งตึกนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของโรงเรียนราชินีนั่นเองจ้าาา ความสำคัญของโรงเรียนนี้ก็คือเป็นโรงเรียนหลวงสำหรับสตรีแห่งแรกในประเทศไทย โดยสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5
พอเรือแล่นมาเรื่อยๆ เราก็จะสังเกตเห็นวิวที่มีสถาปัตยกรรมบ้านทรงไทยกับสถาปัตยกรรมตึกฝรั่งทั้งสีขาวและสีอิฐที่สร้างอยู่ติดๆ กัน ที่สวยงามแปลกตาไปอีกแบบ
แล้ววิวริมน้ำของเราก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ จนได้มาเจอกับสถาปัตยกรรมที่มีลัษณะคล้ายๆ กับวัดแต่มีขนาดใหญ่กว่าวัดมากๆ นั่นก็คือ "พระบรมมหาราชวัง" ที่เป็นสถานที่คำญคัญของประเทศไทยและมีสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากในหมู่ชาวต่างชาติมาอย่างยาวนาน
จะเห็นได้ว่าวิวริมน้ำเป็นอะไรที่เราตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างมาก เราจะให้เห็นทั้งสถาปัตยกรรม วิถีชีวิตของผู้คน การเปลี่ยงแปลงไปตามเวลาที่มันมีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก อยากให้ทุกคนมาลองสัมผัสด้วยตัวเอง แล้วจะค้นพบว่ามันก็ดีนี่นาาาา ^^
แต่การเดินทางของเรายังไม่ได้จบแต่เพียงเท่านี้ โปรดติดตามตอนต่อไปเร็วๆ นี้จ้าาา และสามารถติดตามเรื่องราวอื่นๆ ของเราได้ที่ [https://th.readme.me/id/JKtrytotry] หรือพูดคุยกันได้ในเพจ "Try to Try ก็แค่ออกไปลอง" แล้วจะรู้ว่าการก้าวออกจาก Comfort zone ของตัวเองมันสนุกแค่ไหน
Try to try ก็แค่ออกไปลอง
วันอังคารที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 เวลา 12.15 น.