......... “เมื่อสุริยนต์ ย่ำสนธยา หมู่นกกาก็บินมาสู่รัง".........
สวัสดีทุกคนค่า ก่อนอื่นแนะนำตัวก่อนเลย ชื่อฝ้ายนะคะ เป็นกระทู้แรกของที่นี่เลยหลังจากซุ่มอ่านมานาน วันนี้อยากมารีวิวบ้าง เกาะกระแสท่องเที่ยวที่มาแรงเกินแดดช่วงนี้อีก ออกตัวก่อนเลยว่าปัจจุบันตอนนี้มีครอบครัวแล้วกำลังลูกอ่อนเลย
ลูกสาวค่ะ ชื่อน้อง“แบ่งปัน"

(จะบอกทำไมไม่เกี่ยวกับการรีวิวเลย) เนื่องจากเราเป็นคนสระบุรีโดยกำเนิด และลูกอ่อนด้วย (ขวบครึ่งเอง) เลยไม่อยากพาไปไหนไกลมาก ไม่ได้กลัวลูกเหนื่อยค่ะ กลัวตัวเองเหนื่อยทั้งขับรถ ถ่ายรูป เก็บข้อมูลรีวิวและดูลูก 555


นี่เลยค่ะ โฉมหน้าของผู้ร่วมทริปรีวิวในวันนี้ ฝ้ายและน้องแบ่งปัน ลูกสาวสุดแซบ


เอาว่าเที่ยวในจังหวัดเราเนี่ยละเนอะ ที่แรกที่จะพามาชมคือ วัดพระพุทธฉายค่ะ หลายคนแค่รู้จักแต่ไม่เคยมา หรือหลายคนอาจจะเคยมาแล้ว แต่ ๆๆๆๆ อาจจะมีน้อยคนที่เคยมาในช่วงยามเย็น อย่างเพลงของแม่พุ่มที่เราได้จั่วหัวไว้



......... “เมื่อสุริยนต์ ย่ำสนธยา หมู่นกกาก็บินมาสู่รัง".........
เราไปชมวัดพระพุทธฉายยามเย็นกันเลยดีกว่า


วันนี้เป็นวันแรงงานค่ะ นานๆทีสามีจะได้หยุดกับเขาบ้าง เลยออดอ้อนสามีให้พาเที่ยว แต่ก็ไม่อยากไปไหนไกลมาก เพราะเราเลือกจะออกบ้านช่วงเย็น ทนสภาพแดดช่วงนี้ไม่ไหวจริงๆ เหมือนคุณพระอาทิตย์จะเคียดแค้นอะไรกันมา จะแผดเผาเราให้ตายเสียให้ได้ แถมลูกยังเล็ก ไม่อยากให้ร้อนด้วย เราเลยจบลงที่วัดพระพุทธฉาย ถ้านับจากตัวเมืองมาขับรถยนต์ส่วนตัวใช้เวลาเดินทางแค่ 15 นาทีก็ถึงแล้ว แต่ถ้าใครมาไม่ถูกแนะนำ Google Maps ในมือถือ พามาถึงที่แน่นอนจ้า

ถ้ามาจากตัวเมือง เลยรร.เซนต์จอห์นแมรีมาก็เลี้ยวซ้ายเข้าทางที่จะไปนครราชสีมา(โคราช)
แต่ถ้ามาจากกทม.ก็ขึ้นสะพานที่ให้เลี้ยวขวาไปโคราชค่ะ จะไปบรรจบเส้นเดียวกันนั่นละ
ตรงมาเรื่อยๆจะเจอสี่แยกไฟแดงให้เลี้ยวขวา แล้วก็ตามป้ายโลด ไม่หลงแน่
เอาจริงๆแค่ตรงสี่แยกไฟแดงก็มองเห็นวัดพระพุทธฉายบนเขาอยู่ลิบๆแล้วจ้า

วันนี้เราตั้งใจไปอุทยานแห่งชาติน้ำตกสามหลั่นด้วย อยากไปถ่ายน้ำตกยามเย็น แต่ปรากฏว่าพอขับรถไปถึง


เราเปิดกระจกตรงป้อมทางเข้า บอกเจ้าหน้าที่ว่า........“มาถ่ายน้ำตกค่ะ"

พี่เจ้าหน้าที่ตอบกลับมาแบบเสียงแข็งว่า ............“แห้งหมดแล้ว แล้งมากปีนี้ ไม่มีให้ถ่ายหรอก"

เราแอบเฟล แต่ก็ถามกลับอีกครั้งอย่างมีความหวัง ..........“ไม่มีสักหยดเลยหรอคะ สายน้ำไหลเอื่อยๆก็ไม่มีเลยหรอคะ"
(คือเราพกขาตั้งกล้องมาด้วย สายน้ำเอื่อยๆเราก็มาลากสปีดชัตเตอร์ได้ นิดนึงก็ยังดีเนอะ)

คุณพี่เจ้าหน้าที่คนเดิม แต่เสียงหนักแน่นกว่าเดิม ...........“ไม่มีหรอก กลับรถเลย ข้างหน้าตรงที่ว่างน่ะ"



ทำไมพี่ตัดบทเราแบบห้วนๆเลยละคะ เศร้าใจจัง เอ้า กลับก็กลับ เลยกลับรถแล้วมุ่งหน้าไปที่วัดพระพุทธฉายค่ะ
ตอนนั้นเป็นเวลาประมาณ 17.30 น. แล้ว บรรยากาศยามเย็นสุดๆ


เริ่มออกเดินทางในยามเย็น ให้วิวที่แปลกตาไปเหมือนกัน ช่วงเย็นจะมีชาวบ้านมาวิ่งและปั่นจักรยานออกกำลังกายบนถนนสายนี้ด้วย ทางกลับจากอุทยานแห่งชาติน้ำตกสามหลั่น ถนนโล่งดีมากค่ะ

ขับรถมาหาที่จอดบริเวณวัดพระพุทธฉาย เราจอดไว้ตรงด้านหน้า ยังไม่ขับรถขึ้นไปข้างบน บริเวณด้านหน้าจะมีร้านของชำเล็กๆ
และที่สำคัญมีลิงด้วย อันนี้ขาดไม่ได้จุดขายของที่นี่เลยละ


บริเวณที่จอดรถค่ะ


ด้านหน้าเป็นร้านขายของชำเล็กๆ


มาตอนเย็นๆ คนน้อยมาก แทบไม่มีคนเลย นี่รถของเรา คันสีแดงแป๊ด


ด้านหน้าบริเวณทางเข้าวัด

เดินเข้ามาก็จะเจอเจ้าหน้าที่คอยต้อนรับ วัดนี้มีสุนัขเยอะมากๆ เพราะมีไว้ต้อนลิง
อย่างข้างบนตัวทางเข้าชมรอยพระพุทธฉายก็จะมีประจำการ
อยู่เหมือนกัน เวลาเราเดินไปไหนเขาจะเดินนำหน้าคอยไล่ลิงให้เรา
จะไปยืนแยกเขี้ยวประจันหน้ากับลิงเลย ถ่ายภาพได้ไม่ต้องกลัวลิง
แต่ก็อย่าประมาทเชียว เดี๋ยวหาว่าไม่เตือน

เมื่อเข้ามาจะเจอกับสวนที่ร่มรื่นแบบนี้ มาช่วงนี้ลมเย็นมากๆเลย


เมื่อเดินเข้ามาจะพบกับบันไดอันสูงลิบเห็นยอดอยู่ไกลๆ สามีกำลังมองพลางคิดอยู่ว่า เอ.....จะพาลูกเดินขึ้นหรืออุ้มขึ้นดีนะ


สุดท้ายก็ตัดสินใจเดินขึ้น

แถมมีการหันมามองด้วย “หม่าม๊าตามมาเร็วๆ ปันถึงข้างบนแล้วนะ"
ลืมบอกค่ะ น้องปันจะเรียกฝ้ายว่าหม่าม๊าและเรียกพ่อเขาว่า ป๊า

ตำนานของวัดพระพุทธฉายมีอยู่ว่าพระพุทธเจ้าเสด็จมา ที่เขาฆาฏกะ(เขาพระพุทธฉาย) เพื่อโปรดนายพรานฆาฏกะจนสำเร็จพระอรหันต์ ครั้นพระพุทธเจ้าเสด็จกลับ พระฆาฏกะได้ทูลขอให้ ประทานสิ่งอันเป็นอนุสรณ์ เพื่อสักการะกราบไหว้ พระพุทธเจ้าจึงทรงแสดงพุทธปาฏิหาริย์ให้เงาของพระองค์ติดอยู่ในเนื้อหิน ที่เงื้อมเขาพระพุทธฉายบรรพต ในบริเวณใกล้เคียงมีมณฑปประดิษฐานรอยพระพุทธบาทเบื้องขวา มณฑปหลังนี้สร้างขึ้นในสมัย สมเด็จพระเจ้าเสือ และมีต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่อัญเชิญมาจากลังกา ทุกปีจะมีงานนมัสการพระพุทธฉาย พร้อมกับงานนมัสการรอย พระพุทธบาทที่จังหวัดสระบุรี

บรรยากาศข้างบันไดทางขึ้น

วิวดี ต้นไม้เยอะมาก

ขึ้นมาด้านบนจะพบกับเหล่าบรรดานายแบบนางแบบ รอให้ชักภาพอยู่อย่างเรียงราย
ไม่เสียเงินค่าตัวนะคะ จะกี่ช๊อตตามสบายเลย

ลิงน้อยยามประจำต้นโพธิ์ กำลังเกาะผ้าจีวรสีแดง แสดงถึงต้นไม้นี้ได้รับการ “บวชต้นไม้" เรียบร้อยแล้ว

สุดช๊อค! ลิงหนุ่มทำอนาจารในเขตอาราม ทำเอาลิงตัวอื่นแตกตื่นด้วยความตกใจ
ขำๆนะคะ พอดีเดินชมบริเวณด้านบนแล้วเจอลิงหนุ่มกำลังมีพื้นที่ส่วนตัวในพื้นที่สาธารณะ แอบเก็บภาพมาค่ะ

ภาพวิวจากด้านบน

นี่เลยยยย ผู้พิทักษ์เราจากลิง เราเดินไปไหนเขาก็จะคอยเดินนำหน้าไล่ลิงให้เรา

ทำหน้าที่ได้ดีมากๆเลย ใครไปก็เอ็นดูพี่เขาหน่อยนะ

เข้ามาชมด้านในกันเลย เดินเข้ามาก็จะเจอแบบที่เห็น

มีองค์พระพุทธรูปเรียงรายให้สักการะ อีกด้านจะเป็นที่สำหรับถวายสังฆทาน

ข้ามธรณีประตูเข้ามาลึกไปอีกขั้น จะเป็นบริเวณรอยพระพุทธฉายและที่สักการะรัชกาลที่ 5

รอยสลักพระนามที่ผาหินด้านหลัง

พระนอนองค์ใหญ่ (มากๆ) ประดิษฐานอยู่ส่วนในสุดของด้านบนเขานี้เลย

ที่สะดุดตาและน่าสังเกตคือ ลักษณะของพระบาทเป็นแบบนี้ค่ะ
เราก็ไม่มีความรู้ทางศิลปะมากเท่าไรว่านี่เป็นการปั้นตามศิลปะแบบใด ยุคใด
หรือมีเหตุผลอะไรในการปั้นให้เป็นแบบนี้ ก็แปลกตาดี


มาดูบรรยากาศโดยรอบของด้านบนส่วนชั้นในกันค่ะ

บรรยากาศโดยรอบของด้านในที่เราเดินเข้ามาชมกัน

มองเห็นฟ้ายามเย็นด้วย ลมพัดเย็นสบายมากๆ

เราจะพาทุกท่านออกไปสู่ด้านนอกแล้วนะคะะะะ ตามมาเลย

ออกจากประตูมา มองไปอีกฝั่งก็จะมีพระพุทธรูปเรียงรายอยู่พร้อมให้สักการะ

เดินออกมาก็จะเจอแบบนี้

มีระฆังให้เราตีด้วย พร้อมน้องหมาบอดี้การ์ดไล่ลิงให้เราอีกตามเคย ทำหน้าที่ดีมากจริงๆ

“ลงเถอะ กลัวลิง"........ระหว่างที่เรากำลังกดชัตเตอร์บันทึกภาพอย่างเพลิดเพลิน เสียงที่คุ้นหูก็ลอยแว่วมา สามีเดินมาหาพร้อมกับอุ้มน้องปันอยู่ในอก ท่าทางขาแข็งจะก้าวไม่ออกแล้ว เราก็แอบขำในใจ แหม ผู้ชายอะไรกลัวลิง แต่นั่นละค่ะ ลิงไม่ได้เป็นมิตรทุกตัว นักท่องเที่ยวหลายคนอาจจะมองว่าลิงน่ารัก จริงๆเปอร์เซ็นต์น่ารักค่อนข้างน้อยค่ะ ส่วนมากจะดุ ไม่เป็นมิตร เอาเข้าจริงฝ้ายว่าเขาก็กลัวคนนะ และอีกส่วนก็คือคนเนี่ยละที่ทำเขาเสียนิสัย การให้อาหารลิงในที่ๆไม่ควรให้ก็ทำให้เขาเคยตัว มาคอยขออาหาร ถ้าเราไม่ให้เขาบางทีอาจจะมีแยกเขี้ยวขู่ด้วยนะ อีกอย่างระวังลิงแย่งของด้วย อันนี้เคยเจอมาหลายรอบแล้ว หมวกเอย แว่นเอย โดนมาหมดแล้วค่ะ


ระหว่างที่เรายังคงกดชัตเตอร์ต่อไป หันมาอีกที ป๊ากับปันลงไปถึงข้างล่างแล้ว เอ้า ลงก็ลง เรายังมีอีกที่ในวัดพระพุทธฉายที่ต้องไป เดี๋ยวจะเย็นมากกว่านี้ ก็เลยตัดสินใจลงตามทั้งคู่ไป แล้วขึ้นรถขับไปด้านบนของเขาลูกนี้ ด้านบนมีรอยพระพุทธบาทจำลองอยู่ด้วย ทางเข้าจะอยู่ด้านซ้ายมือของตัววัด ขับขึ้นไปได้เลยเป็นวันเวย์ ใครขึ้นไปไม่ถูกถามร้านขายของชำหน้าวัดได้เลย

ทางลงค่ะ บันไดที่เราขึ้นมาตอนแรก มองจากมุมนี้แล้วสูงเหมือนกันเนอะ

หลังจากขับรถขึ้นมา เราก็จะเจอลานจอดรถที่มีฝูงลิงจำนวนมากรอต้อนรับอยู่ (ย้ำอีกครั้งว่าลิงไม่ได้น่ารักอย่างที่คิด) เราเจอสองสามีภรรยาขี่รถมอเตอร์ไซค์มาจอดบริเวณลานจอดกำลังให้อาหารลิงอยู่ ตัดภาพไปที่ลานจอดค่ะ
มีป้ายขนาดใหญ่เขียนว่า “กรุณาอย่าให้อาหารลิงบริเวณนี้"

เราก็ได้แต่มองสองคนนั้นสลับกับป้ายนี้ไปมา.......


บริเวณลานจอดอย่างที่บอกว่าลิงเยอะมาก ซึ่งหากมาแล้วไม่มีเจ้าหน้าที่คอยดูแลรถให้ อย่าทิ้งรถไว้นะคะ
ต้องมีคนอยู่ในรถ ไม่เช่นนั้นลิงอาจทำความเสียหายให้รถคุณได้ ตอนฝ้ายมาเย็นมาก(มากจริงๆ) ไม่มีเจ้าหน้าที่แล้ว
พระอาทิตย์กำลังตกด้วย แถมลิงก็เยอะสุดพลัง กลัวลูกสาวแสนซนจะไปเอามือจับลิงแล้วโดนกัด
เลยตัดสินใจทิ้งไว้บนรถกับป๊าเขาสองคน ราขึ้นไปเก็บภาพคนเดียว


ทางขึ้นไปด้านบนค่ะ เป็นบันไดเดินสะดวก แต่เห็นแบบนี้เล่นเอาสาวร่างเล็กวัย 25 ปี หอบกินเหมือนกันนะคะ

ระหว่างทางจะมีช่องเขาแคบๆ ให้ความรู้สึกเหมือนออบหลวงที่เชียงใหม่เล็กๆ

แต่เป็นเวอร์ชันมีบันได ไม่ใช่สายน้ำไหลผ่าน

ขึ้นมาด้านบนก็จะพบกับวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม ให้อารมณ์เหมือนได้ปีนเขาเล็กๆเลย

มองจากมุมด้านบนเขา จะเห็นทุ่งนาด้านข้างที่ชาวบ้านแถบนั้นยังคงยึดอาชีพนี้อยู่ค่ะ

ด้านบนนี้จะมีพระพุทธรูปให้นักท่องเที่ยวได้มาสักการะกันด้วย พร้อมชมบรรยากาศสวยๆในยามเย็น

มาถึงไฮไลท์ของบริเวณด้านบนค่ะ คือมณฑปและรอยพระพุทธบาทจำลอง แต่ ๆๆๆๆๆ ด้วยความที่เรามากันเย็นมาก
สังเกตจากพระอาทิตย์จะลับขอบฟ้าแล้ว เขาปิดไม่ให้เข้าแล้วค่า เลยได้แต่เก็บภาพรอบนอกมาเท่านั้น

เห็นว่าเย็นมากแล้ว เลยตัดสินใจเดินลงกลับไปที่ลานจอดรถค่ะ เดี๋ยวสองคนนั้นจะรอนาน โดนลิงรุมไปเสียก่อน
ระหว่างทางลงเลยเก็บภาพวิวสวยๆมาฝากกัน

ถ่ายภาพไป แบกกล้องและขาตั้งไป ก็จะมีลิงเกาะขอบแนวบันไดมานั่งแยกเขี้ยวข้างๆไป ให้อารมณ์ลุ้นตอนกดชัตเตอร์มาก
คือไม่ได้ลุ้นว่าภาพจะสวยไหม ลุ้นว่าตอนก้มไปมองช่องมองภาพลิงข้างๆจะมากินหัวเราไหมนี่

พอลงมาถึงลานจอดรถก็พบว่า รถคันสีแดงแป๊ดของเรากำลังขับวนไปเรื่อยๆ เลยรีบฝ่าฝูงลิงที่มาแยกเขี้ยวพร้อมส่งสายตาอย่างหวาดระแวงมาที่เรา เราก็เลยรีบขึ้นรถแล้วถามแฟนว่าทำไมขับวนละ ลิงปีนรถหรอ


“2 ตัวแน่ะ เห็นรอยเท้าที่หน้ากระจกปะ คาดว่าบนหลังคารถก็น่าจะมี
นี่ขับวนไปให้มันไม่ปีนขึ้นมา ขับสะบัดให้หลุดออกจากรถ"
แหม.....ขับวนไปนี่นึกถึง ไดอารี่ตุ๊ดซี่ส์ เดอะ ซีรีส์ เลย ขับวนไปค่ะ ขับวนไปค่า


หลังจากขึ้นรถ ก็รีบออกรถหนีลิงกลับบ้านถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพปลอดภัยจากลิง

Tips

  • การเดินทาง – เข้าเส้นหลักที่ให้ไปทางนครราชสีมา(โคราช)ได้เลยค่ะ ถ้ามาจากตัวเมืองสระบุรีเลี้ยวซ้ายตรงเลยรร.เซนต์จอห์นแมรี่ไป ตรงเรื่อยๆเจอสี่แยกไฟแดงใหญ่ๆเลี้ยวขวาแล้วตามป้ายเลย ถึงแน่นอน แต่ถ้าใครมาจากกรุงเทพฯ ขึ้นสะพานต่างระดับโค้งๆที่ให้เลี้ยวขวาไปนครราชสีมาค่ะ จะไปบรรจบกับเส้นที่มาจากตัวเมืองค่ะ เจอสี่แยกไฟแดงแล้วเลี้ยวขวาตามป้ายเช่นกัน
  • ช่วงเวลาที่ควรเดินทาง – หากใครกลัวร้อนและไม่ชอบความวุ่นวายของผู้คน แนะนำมาช่วงเวลา4โมงเย็น-6โมงเย็นค่ะ เงียบสงบ เหมือนวัดนี้มีเพียงเรา แต่ข้อเสียคือ วัดปิดแล้วค่ะ ไม่มีเจ้าหน้าที่ เราเข้าไปชมบริเวณรอยพระพุทธฉายและรอยพระพุทธบาทไม่ได้ จะได้แค่เดินดูรอบนอกเท่านั้น แบบทริปนี้เลย แต่ถ้าใครอยากได้ข้อมูลหรือเข้าชมรอยพระพุทธฉายและรอยพระพุทธบาท แถมไม่ร้อนด้วย แนะนำช่วงเช้าค่ะ วันพระอาจได้ฟังเทศน์ด้วย ก็ต้องขยันตื่นเช้าหน่อย อย่าลืมดูทิศทางพระอาทิตย์ตกนะคะ ช่วงเช้าและเย็นก็คนละทิศ อยากได้ภาพแบบไหน มุมไหนเลือกช่วงเวลาได้เลยค่า ถ้ากลางวันจะร้อนหน่อย แต่ถ้าวันไหนฟ้าเปิดมากๆก็สวยอีกแบบนะ
  • เด็กน้อยและลิง – สำหรับใครที่มีเด็กเล็กมาด้วยนะคะ ถ้ามาช่วงกลางวันแนะนำว่าใส่เสื้อยืดมีหมวกคลุม(มีฮูดอะค่ะ)เลยจะดีสุด อย่าใส่หมวกแยกหรือกางร่ม เสี่ยงต่อการยื้อยุดฉุดกระฉากจากลิงมากอาจเป็นอันตรายต่อเด็ก ควรดูแลเด็กแบบใกล้ชิดอย่าปล่อยวิ่งเล่นค่ะ บันไดสูงมาก ลิงดุมากภาพจากทริปนี้ ถ่ายด้วยกล้อง Nikon D750 กับเลนส์ 24-120 mm.ทั้งหมด


ต่อไปนี้เป็นภาพเก็บตกบรรยากาศรอบๆในบริเวณวัดกันค่ะ

ขุนเขาและสายน้ำ บริเวณวัด ถ้าดอกหางนกยูงบานสีแดงทั้งแถบน่าจะสวยมากๆเลย


สีหน้าลิงน้อยตอนโดนสุนัขผู้พิทักษ์ของเราเดินไล่

จบแล้วค่ะสำหรับการรีวิว(ครั้งแรก) กับสถานที่เที่ยวของสระบุรี ตั้งใจว่ากระทู้ต่อๆไปจะพาเที่ยวที่อื่นในสระบุรี เพราะจังหวัดเล็กๆนี้เองที่ครบครันทุกรูปแบบของการท่องเที่ยว ทั้งสายธรรมชาติ สายบุญ สายผจญภัย สายประวัติศาสตร์ สายศิลปวัฒนธรรม
หรือแม้แต่สายกิน (ซึ่งเป็นสายถนัดของเรา) รอบหน้าจะพาไปชมที่ไหน รอติดตามกันนะคะ.........

PuiFai Miniiz

 วันพฤหัสที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 เวลา 12.17 น.

ความคิดเห็น