^___^ Welcome Back ^___^


กลับมาอีกครั้งกับปุยฝ้ายลูกอ่อนตะลอนทัวร์จ้าาาาาา.......(ปรบมือต้อนรับสิคะ เหร่เร้ววว)

รอบนี้ขอคั่นเบรคจากการพาเที่ยวสระบุรีบ้านเกิดนะคะ เนื่องจากทริปนี้เป็นทริปฉบับเร่งด่วนกระทันหัน
....กระทันหันยังไง ไปชมกันเล้ยยยยย



ทริปนี้ตั้งแต่วันที่ 5 พ.ค 59 จริงๆตั้งใจจะไปเยี่ยมญาติค่ะ พอดีตรงกับวันหยุด คุยกันไปๆมาๆได้ 5 นาที จัดทริปกันเฉ้ย ตกลงที่เที่ยวได้ก็ออกเดินทางกันใน 5 นาทีนั้นละ แบบว่าไม่ได้วางแผนอะไรมาก่อนเลย อยู่ตรงไหนบ้างก็ไม่รู้
เปิด GPS อย่างเดียวโลด

ถึงแล้ววววว.....วัดเจดีย์หอย นี่คือที่แรกที่พวกเราไป แวบแรกที่ลงรถคือ โอ้ยยยย นี่เข้าวัดแล้วร้อนมันเป็นแบบนี้นี่เอง
คือแดดแรงมว๊ากกก โดนแปปเดียวแสบผิวสุดๆ แต่เรามาถึงแล้ว เราต้องลงค่ะ
(ขับมาจากรังสิต บ้านญาติอยู่ที่นั่น ไกลอยู่นะคะจากรังสิตมาที่วัดนี้ เราจะไม่ลงไม่ได้)

พี่ชายแมนๆของเรายังต้องกางร่มเลยค่ะ ยอมใจกับแดดเมืองไทยมาก

เดินมาค่ะ เดินมาอีกนิดจะเจอกองซากหอย ที่หน้าตาไม่เหมือนเจดีย์ เอ๊ะ แล้วไหนละเจดีย์ ยังคงหาไม่เจอ


เดินวนไปค่ะ วนกันไปปป วนแล้ววนอีก ไหนคะเจดีย์.......???

สอบถามทางวัดได้ความว่า น้ำท่วมปี 54 เจดีย์เลยพังไปหมดแล้วจ้า
เลยเอาซากหอยมาล้างทำความสะอาดแล้วบูรณะเตรียมเอามาสร้างใหม่เป็นเจดีย์แบบเดิม

กองซากหอยที่ทางวัดให้ร่วมทำบุญหอยละ 20 บาท ให้เราเขียนชื่อลงไปแล้วนำไปสร้างเจดีย์ใหม่
ส่วนตัวคิดว่าไม่น่าให้เขียนชื่อเลยเนอะ มันจะเลอะเทอะมั้ยเวลาผ่านไปสัก 100 ปี 1,000 ปี เผื่อนักวิทยาศาสตร์เอาไปศึกษากัน จะงงมั้ยนะว่า เอ๊ะ นี่ลายเปลือกหอยหรอ ฮ่าๆ หรือหมึกมันจะจางไปก่อนก็ไม่รู้เนอะ
(แอบมีแซวกันด้วยนะ หอยพันปี ราคาหอยละ 20 บาทเอง 555)

เห็นว่าที่นี่เคยเป็นทะเลมาก่อนค่ะ ขอบอกพิกัดวัดนิดนึง วัดนี้อยู่ที่ อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานีจ้า

"ภาพกองซากหอยที่รอการบูรณะ รีไซเคิลความศรัทธากันอีกสักครั้ง"
หอยที่ว่านี้เป็นหอยนางรมนะ เห็นพระท่านว่ามีหอยใหญ่ๆขนาดแบบเท่ากะละมังเลย แต่เราไม่ได้ไปดู ร้อนเกินนน และมีโปรแกรมต่อเลยกลับก่อน (กลับมาลองเสริชหารูปหอยยักษ์ที่ว่า โอ้ย ยักษ์จริงๆ
ลองหาดูกันนะคะ เสียดายตอนนั้นไม่ยอมเดินไปดู อีกนิดเดียวเอง)


ไหนๆมาถึงที่แล้ว น้าสาวเราเลยขอทำบุญสักหน่อย หอย 20 บาทนี่ละ

ทำบุญกันแล้วก็ขอเก็บภาพกับกองซากหอยหน่อย ที่ไม่มีเจดีย์ เสียดายจัง

มาแล้ววววว นางเอกประจำ(ทุก)ทริป สาวน้อยแบ่งปัน อากาศร้อนมาก นางหงุดหงิดค่ะ ดูหน้าสิไม่รับแขกเลย

พี่ชายเราเอ๊ง ยังโสดนะคะ ฮ่าๆ ตลกมากตรงที่ ทริปนี้มีแต่คนเข้าใจว่าเป็นแฟนเราค่ะ แล้วกระเตงลูกอ่อนกัน โอ้ยยย พี่ค่ะพี่

หลังจากหันหลังให้กับกองซากหอย เราก็มุ่งหน้าไปสู่หอยยักษ์ ทีแรกตั้งใจจะไปดูค่ะ แต่พอเดินผ่านโบสถ์ที่มีพระประธานองค์ใหญ่อยู่ เราก็โดนดูดให้แวะถ่ายภาพ ปรากฎว่าทุกคนเดินตามเรามาหมดเลย กลายเป็นเรานำเที่ยวซะงั้น

ถ่ายจากด้านนอกก่อนเข้าไปด้านในค่ะ

หันหลังมาอีกที อ้าว เดินตามกันมา แถมซื้อดอกไม้ธูปเทียนพร้อมจ้าาา เอ้า งั้นเข้าไปข้างในกันเลย


สาวน้อยพอได้ลงเดินแล้ว อารมณ์ดีเลย เตรียมซ่าแล้วจ้าาาา



เข้ามาด้านในกันค่ะ ในนี้มีพัดลมตัวใหญ่ยักษ์อยู่ เราไปยืนจ่อมาแล้ว เย็นมาก ฮ่าๆ ถ่ายภาพไปผมปลิวไปค่ะ

พระประธานองค์นี้เป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องนะคะ เป็นศิลปะสมัยอยุธยา หรือเรียกอีกอย่างว่า ปางทรมานพระยามหาชมพู

ซูมเข้าไปอีกสักนิด ให้เห็นชัดๆ สีทองอร่ามมากค่ะ

ไหว้พระเสร็จก็เก็บภาพผู้ร่วมทริปครั้งนี้กันซะก่อน ลูกสาวตัวน้อยแอบสงสัยว่าใครกัน ไม่คุ้นหน้าเลย
(นานๆจะพามาเยี่ยมญาติทีค่ะ)
ดูความร้อนได้จากเหงื่อของทุกคนค่ะ แวววับสะท้อนแสงเลย เข้าวัดแล้วร้อนกันทั้งบ้าน เอ๊ะยังไง ฮ่าๆๆ
พอเดินออกมาจากตัวอุโบสถ ตัดสินใจไปต่ออีกที่เลยค่ะ ร้อนมาก ไม่ไหว
ตอนนั้นบ่ายสองครึ่งได้ กำลังระอุเต็มที่เลย สรุปแล้วหอยยักษ์ที่เดินไปอีกไม่กี่ก้าว เราก็ไม่ได้ไปชม



หลังจากที่เราออกจากวัดเจดีย์หอย ก็ยิงยาวบึ่งรถมุ่งหน้าสู่หมู่บ้านญี่ปุ่น ณ อยุธยาเลย

ไปถึงก็บ่ายสามกว่าๆแล้ว ลงรถมา โอ้ยยย บรรยากาศช่างแตกต่างกับที่ก่อน ร่มรื่นมาก ต้นไม้เยอะ มีลมพัดบ้างเป็นระยะ

สวนสไตล์ญี่ปุ่น พร้อมหินสลักเป็นภาษาญี่ปุ่น ซึ่งเราอ่านไม่ออกหรอก แต่ก็รู้สึกว่าได้บรรยากาศญี่ปุ่น(นิดๆ)อยู่

เราเดินไปซื้อบัตรคนละ 50 บาท สามารถเข้าชมได้ทุกอาคารที่จัดแสดง ซื้อบัตรเสร็จพี่ชายเราพาเดินนำไปอาคารด้านในสุด
ปรากฎว่าเป็นอาคารสองจ้าาา นี่เราข้ามอาคารแรกไปซะงั้น

เข้ามาด้านในจะมีส่วนจัดแสดงเรื่องราวของคนญี่ปุ่นที่มาอาศัยอยู่ในอยุธยาสมัยนั้น
ในภาพเป็นหุ่นจำลองของท่านท้าวทองกีบม้า ลูกครึ่งญี่ปุ่นโปรตุเกสที่ถือกำเนิดขึ้นในแผ่นดินไทย ผู้คิดค้นขนมทองหยิบ ทองหยอด เม็ดขนุนทั้งหลาย ด้านหลังคือหุ่นจำลองเท่าขนาดตัวจริงของท่านยามาดะ นางามาซะ หรือ ออกญาเสนาภิมุข ส่งตรงมาจากญี่ปุ่นจัดแสดงที่ไทยนี้ (แอบตัวเล็กอยู่นะคะ ก็เจ้าหน้าที่บอกว่าขนาดเท่าตัวจริง)

ชุดเครื่องราชย์เต็มยศของขุนนางญี่ปุ่นที่มาอยู่ในอยุธยา

ระหว่างรอเข้าชมวิดิทัศน์ด้านใน ก็เดินชมวนไปวนมาอยู่ด้านนอก คุยกับเจ้าหน้าที่เพลินๆ แอร์เย็นๆ (เจ้าหน้าที่คุยสนุกมากค่ะ)

เดินเล่นรอ หาความรู้ไปเรื่อย อันนี้เป็นดาบอยุธยาที่ได้แรงบันดาลใจลักษณะการตีมาจากญี่ปุ่น
ด้านบนสองอันคือของญี่ปุ่น ด้านล่างคือดาบอยุธยาจ้า

เลิกหงุดหงิดแล้วค่ะ แอร์เย็น สบ๊ายยยย

น้องปันหิวแล้วค่ะม๊าาา เราเอาขนมในถาดมากินได้มั้ยคะ......เดาเอาจากสายตาลูกสาวนะคะ ฮ่าๆ

ขนมที่คิดว่าเป็นขนมไทย แต่แท้จริงแล้วมีต้นกำเนิดมาจากโปรตุเกสนะคะ โดยการคิดค้นของท่านท้าวทองกีบมา ที่ต้องทำขนมต้อนรับคณะคนใหญ่คนโตทั้งหลาย จึงเอาวัตถุดิบท้องถิ่นที่หาง่าย เช่น ไข่ น้ำตาลโตนด มาทำขนม ปรากฎว่าอร่อยค่ะ เกิดขนมทองหยิบทองหยอด ตระกูลทองๆทั้งหลายมาจากคนนี้เลยค่ะ (สายตาลูกสาวยังคงไม่ลดละจากขนมในถาด - -)

แอร์เย็นๆ เอาละค่ะ เริ่มง่วงละ ......Zzzz

เดินดูจนทั่วก็มานั่งรอหน้าประตูห้องเข้าชมวิดิทัศน์ รอบก่อนเราเป็นภาษาญี่ปุ่นค่ะ มีคนญี่ปุ่นมาเที่ยวอยู่นะะะ

เตรียมตัวเช้าชมด้านใน.....พร้อมแล้วลุยยย

เข้ามาด้านในแล้ว แอร์เย็นกว่าข้างนอกอี๊ก มีโต๊ะไม้ให้นั่งอารมณ์ห้องญี่ปุ่นเล็กๆ มีจอยักษ์ให้เราชมวิดิทัศน์ภาพจำลอง

เตรียมความพร้อมในการรับชม จัดแจงท่าให้ดีค่ะลูก มืดๆหลับได้ ไม่ว่ากัน อิอิ

จอภาพแสตนด์บายใกล้จะฉายแล้วค่ะ ในนี้ถ่ายรูปได้นะคะ เราถามเจ้าหน้าที่แล้ว

ตั้งใจรับชมกันอย่างเต็มที่ ส่วนเราสนใจแต่เก็บภาพ ฮ่าๆ ทั้งห้องมีแค่พวกเราค่ะ เหมือนห้องนี้ข้าครอง

หลังจากชมอาคาร 2 เสร็จ ออกกันมา เจ้าหน้าที่บอกว่าก่อนออกให้เงยหน้ามองช่องด้านบนระหว่างอาคาร
เราก็เงยไปค่ะ.....เจออะไร......ทายสิคะ เขาบอกว่าที่นี่เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวญี่ปุ่นตื่นตาตื่นใจกว่าพิพิธภัณฑ์อีกนะ
เฉลยยยย..........ตุ๊กแกจ้าาา ตัวอ้วนๆ เกาะในซอกอาคารเป็นสิบๆตัว เจ้าหน้าที่บอกว่าเมื่อก่อนเยอะกว่านี้อีกนะ
แต่ช่วงนี้งูเยอะเลยหายๆไปบ้าง นี่น้อยลงแล้วหรือ บรึ๋ยยยส์ ไม่ได้เก็บภาพมานะคะ กลัวแหงนกล้องขึ้นไป
เกรงว่ามันจะตกลงมานอนอาบแดดรับลมบนหน้าเลนส์

หลังจากตากแอร์ ง่วง ยังไม่ทันได้หลับ ต้องออกมาเจออากาศแห่งโลกความเป็นจริง หน้านางกลับมามู้ดเดิมแล้วค่ะ เฮ้อ

บรรยากาศด้านหลังหมู่บ้านญี่ปุ่น มองไปเห็นแม่น้ำกั้นและเห็นหมู่บ้านโปรตุเกศค่ะ
หมู่บ้านโปรตุเกศเป็นโบสถ์คาทอลิกและเป็นสุสานนะคะ

บรรยากาศบริเวณด้านหน้าอาคาร 2 เรากำลังเดินทางไปสู่อาคาร 1 ที่เราข้ามมา

ขอต้อนรับสู่อาคาร 1 ที่ถูกมองข้าม แหะๆ ใกล้ๆกับห้องขายบัตรตอนแรกเลย แต่เราเลยมาได้ไงนี่

ที่นี่มีห้องให้ชมวิดิทัศน์เช่นกันค่ะ(ห้องเล็กกว่าอาคารสองเยอะมาก)
โดยจะพูดถึงการเดินทางมาของชาวต่างชาติที่มาอยู่ในอยุธยา สินค้านำเข้าส่งออกในสมัยนั้น

มีส่วนจัดแสดงสินค้านำเข้าส่งออกในสมัยนั้นด้วย

ที่นี่มีรายละเอียด(ที่ละเอียดมาก)เกี่ยวกับการไหลเข้ามาของชาวต่างชาติในสมัยอยุธยา มีเส้นกราฟ แผนที่การเดินเรือ ลำดับไทม์ไลน์ของแต่ละขุนนาง แต่ละชาติที่เข้ามาติดต่อด้วย แต่ละสมัยของกษัตริย์ไทย เอาว่าใครต้องทำรายงาน จะเกี่ยวกับอยุธยา / การเข้ามาของชาวต่างชาติสมัยอยุธยา / ขนมไทยต้นกำเนิดจากต่างชาติ / การเข้ามาของศาสนาต่างชาติในไทย
บลาๆๆๆ.....อีกหลากหลายหัวข้อ แนะนำมาที่นี่ได้ค่ะ (เห้ย ดูเที่ยวแบบมีสาระ ดูมีความรู้เชียว)

เจ้าหน้าที่บอกว่ามีหมู่บ้านฮอลันดาอีกนะ ขับรถไปไม่ไกล อยู่ฝั่งเดียวกันนี่ละ น้าสาวเราเลยตัดสินใจไปต่อค่ะ
ก่อนออกจากที่นี่ ก็ขอเก็บภาพในสวนมาสักหน่อย

มีสวนไผ่เล็กๆด้วยนะคะ ตรงกลางเป็นสแคว์หินสลักให้เดินเล่นรับลมด้วย



ถึงแล้ว ที่สุดท้ายของวัน.....บ้านฮอลันดา

ตอนที่เราไปถึงก็ห้าโมงเย็นแล้ว เขากำลังจะปิดละจ้าาา โธ่ เลยไม่ได้ขึ้นไปด้านบนที่เป็นส่วนพิพิธภัณฑ์นะคะ ค่าบัตรคนละ 50 เหมือนกัน แต่เราอยากเดินดูให้ทั่วๆ แหม เราเที่ยวแบบเก็บข้อมูลมีสาระเนอะ (หราาา อิอิ)
เห็นว่าคงได้เดินดูแปปๆก็รีบออกมา เลยไม่ขึ้นดีกว่า

เข้ามาด้านในของบ้านฮอลันดา ชั้นล่างจะเป็นร้านกาแฟ นมสด เครื่องดื่ม ประมาณนี้ บรรยากาศชิวๆแอร์เย็นน่านั่งค่ะ
เราเห็นเด็กมานั่งทำรายงานกันเยอะอยู่ หรือจะคนวัยทำงานเองก็มี

บรรยากาศในร้านค่ะ ตกแต่งมีสไตล์อยู่

แอบกระซิบ(ดังๆ) ว่าราคาแอบแรงอยู่ นมสดธรรมดา ไม่ปั่นด้วยนะ แก้วละ 60 บาท รสชาดก็ปกติสามัญ(มาก)

น้าสาวคนสวยและพี่ชายสุดหล่อเฟี้ยว ฮ่าๆ กำลังเลือกไอศกรีมกันอย่างตั้งใจ อากาศร้อนมากค่ะ ไม่ไหวล้าว

ระหว่างที่เราเลือกเครื่องดื่มอยู่ ตัดภาพมาที่ลูกสาวคนสวย นางหิวน้ำค่ะ แทบจะเลียตู้แช่น้ำแทนละ โธ่ลูก ไม่เอานะคะ



เราไม่ได้ขึ้นไปข้างบน แต่ก็สามารถถ่ายภาพสวยๆจากบริเวณด้านนอกได้อีกนะคะ จริงๆสนามด้านในยังมีมุมให้ถ่ายภาพสวยๆอีกเยอะเลย แต่พอดีเย็นมากแล้ว ยังต้องขับรถกลับสระบุรีอีก ลูกสาวก็หิวแล้วด้วย เลยรีบกลับจ้า

มีสวนเล็กๆให้เราเก็บภาพสวยๆก่อนกลับด้วยค่ะ ที่นี่ก็ค่อนข้างร่มรื่น บรรยากาศดีเลยละ แต่ทางเข้าจากถนนใหญ่นี่ป่าม้ากมากกก (สเตรทเสียงสูงตามด้วยนะคะ) คือไม่คิดว่าจะมีบ้านอะไรแบบนี้อยู่ข้างในได้ ยังไงใครจะมา ดูป้ายดีๆนะคะ
ทีแรกเราขับเลยไปนิดนึงด้วย เพราะไม่คิดว่า นี่หรือคือทางเข้า

หลังจากน้องปันเริ่มงอแงอีกรอบ เราออกจากที่นี่แล้วไปหาอะไรกินที่วัดใหญ่ฯกัน ก่อนจะแยกย้ายกับน้าสาวและพี่ชาย
สองคนนั้นมีภารกิจตามล่าของฝาก คือหนังปลาทอดกรอบ (ซึ่งต้องแว๊นไปซื้อที่วัดมงคลบพิตร)
ส่วนเราสามคนขอตัวบึ่งกลับสระบุรีก่อนจ้า

ภาพบรรยากาศริมน้ำจากบ้านฮอลันดาค่ะ



สรุปทริป

วัดเจดีย์หอย


การเดินทาง

  • โดยรถยนต์ส่วนตัว จากทางหลวงหมายเลข 341 ปทุมธานี ลาดหลุมแก้ว ถึงหลักกิโลเมตรที่ 21-22 แล้วแยกเข้าวัดไปประมาณ 10 กิโลเมตร / โดยสารรถสองแถวจากตัวเมือง สายปทุมธานี-วัดเจดีย์หอย
  • ปล. เตรียมร่ม ทาครีมกันแดดไป หากใครจะไปตอนกลางวัน รถยนต์ส่วนตัวเตรียมที่บังแดดในรถไปด้วย แนะนำเลย ที่จอดเป็นกลางแจ้งที่ร้อนมากกกกกกก ภายในวัดมีร้านอาหารแบบตามสั่งขายนะคะ แต่เราไม่ได้ซื้อ ไม่รู้ราคาว่าเรทปกติไหม แล้วอย่าลืมแวะชมหอยยักษ์กันด้วยล่ะ



หมู่บ้านญี่ปุ่น

การเดินทาง - ตามภาพได้เล้ยยย

  • ข้อแนะนำ - เข้าอาคาร 1 ก่อนอาคาร 2 นะ ฮ่าๆ แนะนำไปวันธรรมดาคนจะน้อย โดยเฉพาะใครที่ต้องการไปเก็บข้อมูลหรือทำรายงานต่างๆที่ต้องใช้เวลาเดินชมรอบๆนานพอสมควร เตรียมเครื่องดื่มไปเองด้วยถ้าคิดว่าจะอยู่ที่นี่นานแบบ 1-2ชั่วโมง หรือมากกว่านั้น ที่นี่มีร้านค้าแต่ว่าตอนเราไปเขาปิด ทั้งๆที่เป็นวันหยุดนักขัตฤกษ์ควรจะเปิดรอนักท่องเที่ยวยังปิด เลยไม่แน่ใจว่าวันธรรมดาจะยิ่งปิดเลยหรือเปล่า
  • ปล.ระวังตุ๊กแกตกใส่ด้วย อิอิ



บ้านฮอลันดา


การเดินทาง

  • เลยจากหมู่บ้านญี่ปุ่นไปนิดเดียว อยู่ฝั่งเดียวกับหมู่บ้านญี่ปุ่นเลย ถ้าใครไปหมู่บ้านญี่ปุ่นถูก รับรองไม่หลงค่ะ นิดเดียวจริงๆ แบบขับรถไป1-2นาทีถึงทางเข้าละ แต่ๆๆๆๆๆ.......ดูป้ายดีๆนะ อย่างที่บอก ทางเข้าเป็นทางลูกรัง มีป่าขึ้นบังจนมองแทบไม่เห็นตัวบ้านฮอลันดาเลย ตอนฝ้ายไปฝ้ายขับเลยค่ะ ต้องถอยหลังแล้วเลี้ยวเข้าไป สังเกตจากที่มีรถจอดอยู่หลังกอต้นไม้ทึบไกลๆลิบๆ ฮ่าๆ เลยเลี้ยวตามเขาเข้าไป


ข้อแนะนำ

  • ไปเร็วๆถึงสักบ่ายสามกำลังดีค่ะ (ในความคิดเรานะ หรือใครจะแพลนยังไงไม่ว่ากัน) แต่อย่าไปเย็นจนอดขึ้นชมด้านบน เรากลับมาหาข้อมูล ด้านบนน่าเข้าชมพอสมควรเลย มีข้อมูลให้ศึกษากันเยอะอยู่ แถมมีโอกาสได้นั่งพัก ดื่มเครื่องดื่มเย็นๆ ฟังเพลงชิวๆ เดินชมสวนให้สบายตาสบายใจ หรือจะไปรับวิวริมน้ำก็ยังได
  • ปล. ราคาเครื่องดื่มแพงกว่าบัตรค่าเข้าชมพิพิทธภัณฑ์นะคะ ย้ำ อิอิ
    และใครอยากหารีวิวเพิ่มเติม เห็นในพันทิปมีรีวิวบ้านฮอลันดาอยู่

ลากันด้วยภาพนี้ เจอกันทริปหน้านะคะ จะพาไปไหน ติดตามได้จ้าาาา
ไว้จะเอารีวิวเด็ดๆภาพสวยๆมาฝากกันเน้อ ส่วนใครมีที่เที่ยวแนะนำหรืออยากให้เรารีวิวอะไร
แนะนำมาได้นะ ยินดีค่า.....จะได้มีที่เที่ยวใหม่ๆ ภาพสวยๆมาให้ชมกันเนอะ



ปล.สุดท้าย

ฝากเข้าไปเยี่ยมชมรีวิวอื่นๆและพูดคุยคอมเม้นได้นะคะ ^^

PuiFai Miniiz

 วันพฤหัสที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 เวลา 12.23 น.

ความคิดเห็น