

วันนี้เราจะพาทุกคนไปพักผ่อนสบายๆ กับทริปกระบี่
3 วัน 2 คืน เราพักกันที่ "Tinidee Hideaway Tonsai Beach" มีไปดำน้ำ 4 เกาะ แล้วก็แวะกินอะไรอร่อยๆ 3-4 ร้าน ร้านเบียร์สักหนึ่ง เป็นทริปสบายๆ เน้นการพักผ่อนเป็นหลัก
เราออกเดินทางวันเสาร์ที่ 27 พฤษภาคม 2568 จากสนามบินดอนเมืองตอน 10.35 น. ถึงสนามบินกระบี่ตอนเที่ยง แล้วนั่ง Shutter Bus เข้าไปที่หาดอ่าวนาง ราคาคนละ 150 บาท นั่งยาวๆ ประมาณ 1 ชั่วโมง 30 กิโลเมตร ปลายทางที่เราลงคือ ร้านวังทรายซีฟู๊ด
"ร้านวังทรายซีฟู๊ด" เปิด-ปิด 11.00-22.00 น.
Facebook: https://www.facebook.com/@cheramboo/?locale=th_TH
ร้านตั้งอยู่อ่าวนางริมทะเล บรรยากาศดีมาก มีโซนติดริมทะเล อาหารอร่อยให้เยอะ ถ้าเทียบราคาคือคุ้มค่ามากๆ เราสั่ง "หอยชักตีน" หอยสด กรุบ หนึบหนับ อร่อยดี ทุกคนต้องลอง


อีก 4 เมนู คือ ข้าวผัดปู ปลานึ่งนึงมะนาว กุ้งผัดพริกเกลือ และแกงปูยอดมะพร้าวอ่อน ไม่รู้ว่าหิวมากหรืออะไร แต่อาหารอร่อยมาก น้องที่ไปด้วยกันชมไม่หยุดปาก กุ้งตัวโต ปลาหมึกก็สด กิน 4 คน รวมทั้งหมด 1,850 บาท อิ่มจุกๆไปเลย


จากนั้นนั่งรถพ่วงข้างไปซื้อเครื่องดื่มกันนิดหน่อยเพื่อเอาไปทานที่ที่พัก (ที่พักของเราต้องนั่งเรือข้ามไป) แล้วก็มาซื้อตั๋วข้ามเกาะ ไปหาดต้นไทร เพื่อเข้าที่พัก คนละ 100 บาท



เรานั่งรถ 2 แถวเพื่อมาขึ้นเรือที่อ่าวนาง เป็นเรือหางยาว โดยเรือจะแวะส่งเราที่หาดต้นไทรกันก่อน ส่วนปลายทางของเรือคือหาดไร่เลย์ถัดออกจากเราไป นั่งประมาณ 15-20 นาทีค่ะ คลื่นลมมีนิดหน่อย แป๊ปเดียวก็มาถึงหาดต้นไทร ที่พักเราอยู่ที่นี่
ที่พักเราชื่อว่า "Tinidee Hideaway" ตั้งอยู่บนหาดต้นไทร เป็นหาดที่อยู่ระหว่างอ่าวนางและหาดไร่เลย์ตะวันตก เป็นหาดที่ล้อมด้วยภูเขาหินปูน สามารถเข้าถึงได้โดยทางเรือเท่านั้น สามารถขึ้นเรือโดยสารจากท่าเรืออ่าวนาง ปกติค่าโดยสารเรือ คนละ 100 บาท (ต้องรอไปพร้อมกับคนอื่นๆ ประมาณ 8 - 10 คน) หรือจะเหมาเรือก็ได้ราคา 600 บาท
Facebook: https://www.facebook.com/Tinideekrabi/?locale=th_TH
พอมาถึงที่พัก ก็มีพนักงานมารับพร้อมรถกอล์ฟ (เราโทรแจ้งที่พักก่อนว่าเดินทางมาแล้ว)



ที่นี่เป็นวิลล่า 16 หลัง Family Room 4 ห้อง มีห้องพัก 3 แบบ คือ
1.Beach Front Villa หันหน้าออกสู่ทะเลทุกห้อง
2.Balcony Villa เยื้องกับวิลล่า Beach Front เห็นวิวทะเลแบบเฉียงๆ
3.Family Room มีห้องเดี่ยวเตียงใหญ่และ เตียง 2 ชั้น พักได้ 6 ท่าน
วิลล่าแต่ละหลังเป็นบ้านใต้ถุนสูง ทำให้เห็นทั้งวิวทะเล และภูเขาได้เลย ภายในออกแบบเน้น function เรียบง่าย เหมาะสำหรับการพักผ่อนมากๆ มีแอร์ มีนํ้าอุ่นแถมเครื่องกรองนํ้าที่ดื่มได้เลย ไม่ต้องซื้อน้ำมาก็ได้ เรามา 4 คนแต่พักที่ Family Room จอง 2 คืน ราคา 11,160 บาท (ราคารวมอาหารเช้า) ชั้นบนมีห้องนอนและห้องน้ำ ชั้นล่างเป็น shared common room ขนาดใหญ่ สำหรับนั่งเล่น พร้อมวิวดงมะพร้าว ด้านหลัง


หลังจาก Check-in แล้ว พักผ่อนและเก็บของกันก่อนที่จะออกมาที่ Lobby เพื่อดูเมนูอาหารเย็นกัน ตอนนั้นประมาณ 16.30 น. วันนี้อากาศครึ้มนิดหน่อย เราไปเดินเล่นกันที่หาดต้นไทร ซึ่งสุดหาดทางซ้ายมือสามารถเดินขึ้นเขาไปที่หาดไร่เลย์ได้


ระหว่างทางก็ผ่านจุดปืนเขาที่มีชื่อเสียงงของที่นี่ด้วย มีต่างชาติปีนอยู่ 1 คน เรามุ่งหน้าไปสุดทางเพื่อข้ามไปฝั่งหาดไร่เลย์ แต่โชคไม่ดีเท่าไหร่ น้ำขึ้นแล้วค่าาา ข้ามไปไม่ได้ เพราะน้ำสูงมาก ไม่งั้นจะเปียกแน่ๆ เลยถอยกัน กลับมาที่หาดต้นไทรแทน


ไหนๆก็ไหนๆแล้ว เลยทานข้าวเย็นกันเลย ทานที่ที่พัก มีหลากหลายเมนูให้เลือก ทานเสร็จก็ปิดจ๊อบวันนี้ พักผ่อน นอนเร็วหน่อย เพราะพรุ่งนี้มีดำน้ำกัน



เริ่มวันที่ 2 ด้วยอากาศที่ดีมากๆ วันนี้ฟ้าเปิด สดใส



เราตื่นนอน อาบน้ำและลงมาทานมื้อเช้าของที่พักกันตอนประมาณ 07.30 น. Clubhouse ของที่พักจะเป็น Open Air อยู่ติดกับ Lobby อาหารหลักมีให้เลือก 2 Set คือ American Breakfast หรือชุดข้าวต้ม เลือกได้ด้วยว่าจะทานไข่แบบไหน ส่วนเครื่องเคียงอื่นๆก็มีพร้อม ผลไม้ นม ชา กาแฟ น้ำผลไม้ น้ำเปล่า เรียกว่าอิ่มจุกๆกันตั้งแต่เช้าเลย พร้อมลุยกันมาก


เราจองทริปดำน้ำของอันดามันซีไว้ พิกัดคือที่เกาะแดง เกาเหลาลาดิง เกาะห้องลากูน เกาะห้องบีช (สามารถคุยกับทริปได้ว่าเราอยากไปที่ไหน เวลาเท่าไหร่) ช่วงเวลาการออกทริปคือ 9.00-16.00 น. ราคา 5,700 บาท ราคารวมหน้ากากดำน้ำ ผลไม้ น้ำดื่ม อาหารกล่องและค่าอุทยานคนไทย เป็นเรือหางยาวเหมาลำ ขึ้น-ลงเรือที่อ่าวนาง
Andaman sea Travel www.ANDAMANSEATRAVEL.com

เรานั่งเรือออกจากที่พัก หาดต้นไทร ไปที่อ่าวนาง (ให้ที่พักเรียกให้ เหมาลำ 600 บาท) จุดแรกที่ไปคือ "เกาะแดง" เป็นเกาะที่ไม่มีหาดทราย แต่จุดเด่นคือ ปะการังอุดมสมบูรณ์ มากและมีปลาหลากหลายชนิดรอบๆเกาะนี้ น้ำใสเขียวมรกตแบบนี้เลย



ถัดมาคือ "เกาะเหลาลาดิง"
อีกชื่อเรียกคือ เกาะละดิง อยู่ในอุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี เป็นเกาะขนาดเล็ก มีชายหาดโค้งเว้าหลังหินปูน ค่อนข้างเงียบสงบ หาดทรายสีขาวกีดีมากๆ ที่นี่ถูกขนานนามว่าเป็น "Paradise Island" สามารถลงเล่นน้ำที่นี่ได้




จุดที่ 3 คือ "เกาะห้องบีช"
อยู่ในอุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในหมู่เกาะห้อง มีชายหาดยาวประมาณ 500 เมตร เป็นหาดทรายขาวสวยงาม น้ำทะเลในเป็นสีเขียวมรกต จุดเด่นของที่นี่ คือ ชายหาดด้านหน้าเกาะเป็นรูปทรงครึ่งวงกลม มีแนวป่าเส้นทางศึกษาธรรมชาติ เกือบ 400 เมตร เล่นน้ำได้ นอนอาบแดดได้ แถมมีดำน้ำ พายเรือแคนนู รอบ ๆ เกาะได้อีกด้วย
เราแวะทานข้าวกันที่นี่ค่ะ เป็นข้าวกล่อง พร้อมน้ำและผลไม้





ฝนตกปรอยๆอยู่พักนึง แต่ก็มีนักท่องเที่ยวลงเล่นน้ำอยู่เรื่อยๆ ไฮไลท์อีกอย่างนึงของที่นี่คือ มุมถ่ายรูปทางเข้าของเกาะค่ะ จะเป็นเขา 2 ฝั่ง แล้วคั่นด้วยทะเล ก่อนจะออกจากที่นี่เราก็แวะปั๊มสมุดท่องเที่ยวอุทยานด้วย


จุดที่ 4 จุดสุดท้ายของทริปคือ "เกาะห้องลากูน"
หรือทะเลใน เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ เรือจะลอดผ่านช่องแคบเล็กๆเข้าไปในลากูน น้ำเป็นสีมรกตล้อมด้วยภูเขารอบด้าน เรือหางยาวจะจอดให้นักท่องเที่ยวนอนอาบแดด บางลำก็ดำน้ำ ส่วนเราแค่ล่องเรือรอบๆและถ่ายรูปกันนิดหน่อย


แล้วก็ได้เวลากลับกันแล้ว ด้วยความที่เราเป็นเหมาลำ เราสามารถยืดหยุ่นเวลาของแต่ละเกาะได้เอง จะอยู่ตรงนี้นานหน่อย ตรงนี้ไม่นาน ทำได้หมดค่ะ คุยกับพี่คนขับเรือได้เลย เราออกจากเกาะมาประมาณ 14.30 น. เพื่อกลับเข้าฝั่ง เพราะเราเช่ารถไว้จะไปหาอะไรกินบนฝั่ง (เราเช่ารถ 1 วัน รับรถ 16.00 น. ที่อ่าวนางและคืนที่สนามบิน ราคา 1,200 บาท)
ขึ้นฝั่งมาได้ เราไปอาบน้ำ/เปลี่ยนเสื้อผ้ากันที่อุทยานหาดนพรัตน์ธารา ห่างจากอ่าวนาง 3-4 กิโลเมตร อาบน้ำเสร็จเราก็ไปแวะคาเฟ่กันก่อน ชื่อร้าน C'more แล้วค่อยไปทานข้าวเย็น
"ร้านเรือนไม้"
เปิด-ปิด: 10.30–15.00, 17.00–21.00น.
Facebook:https://www.facebook.com/ruenmaikrabirestuarant/?locale=th_TH
เป็นร้านอาหารท้องถิ่นขึ้นชื่อของเมืองกระบี่ บรรยากาศร้านและรสชาติอาหารแบบปักษ์ใต้ของแท้ๆ ตกแต่งสไตล์ทรอปิคอล เน้นความเป็นธรรมชาติสุดๆ เราโทรมาจองไว้ก่อนค่ะ


อาหารที่สั่งมาคือ ยำส้มโอปลาแห้ง หมูผัดกะปิสะตอ ปลาทรายทอดขมิ้น แกงปูใบชะพลู และมีน้ำพริกกะปิพร้อมผักสดมาด้วย บอกเลยว่ารสชาติอร่อยมาก ทุกอย่างเลย ทั้งหมด 5 เมนู รวมน้ำ ราคา 1,210 บาท

ร้านถัดมาเป็นร้านคราฟเบียร์ ใจกลางเมืองกระบี่เลย
ชื่อร้านว่า "Tank Craft" เปิด-ปิด: 17.00-01.00 น.
Facebook: https://www.facebook.com/willsuperpart/
ติดกับตลาดถนนคนเดินกระบี่ ร้านเปิดโล่ง บรรยากาศดี มีเครื่องดื่มให้เลือกเยอะ ภายในร้านตกแต่งด้วยไฟหลากสี บรรยากาศอบอุ่นๆ มีดนตรีสดทุกวัน เราไปชิมเบียร์กันค่ะ


1 ทุ่มกว่าๆ เราก็กลับมาที่ที่พักกัน ฝากรถไว้แถวอ่าวนาง คืนละ 200 บาท แล้วนั่งเรือกลับที่พักเหมาลำ 800 บาท ฝนตกปรอยๆ แต่คลื่นฝั่งค่อนข้างสูงเลย นั่งน้ำตานองในเรืออยู่พักนึงจนออกห่างจากฝั่ง พี่คนขับเรือบอกว่าไม่มีไรแล้วเลยสบายใจขึ้น จบวันที่ 2 แบบเต็มอิ่มทั้งวิวและอาหารเลย
เริ่มวันที่ 3 ของทริป วันสุดท้าย ตื่นนอนแล้วทานข้าวเช้าที่ที่พัก เช้านี้ฝนตกปรอยๆ อากาศน่านอนต่อมากเลยค่ะ แต่ว่าเวลาสนุกใกล้จะหมดแล้ว มื้อเช้าวันนี้เราเลือกเป็นชุดข้าวต้ม



ทานอาหารเช้าเสร็จ เราก็เก็บกระเป๋า Check-Out ที่พักตอนประมาณ 9.30 น. ให้ที่พักเรียกเรือมาให้ เหมาลำ 600 บาท หน้าตาเรือหางยาวที่เรานั่งตลอด 3 วันจะหน้าตาแบบนี้

ข้อแนะนำสำหรับการเข้าพักที่นี่คือ
อยู่ยาวๆไม่ต้องขึ้นฝั่ง จะได้ไม่เสียค่าเรือหางยาวหลายรอบค่ะ พักชิลๆ เดินเล่นข้ามไปฝั่งไร่เลย์ได้เลย
หลังจากถึงฝั่งแล้ว เราไปคาเฟ่ร้าน "Terpy" และร้านติ่มซำ
ชื่อร้าน "ติ่มซำหยวนเป่า" เปิด-ปิด: 06.30-15.00 น.
Facebook: https://www.facebook.com/Yuanbaokrabi/
เป็นอีกหนึ่งร้านติ่มซำแนะนำของคนในพื้นที่ ร้านตั้งอยู่ริมถนน เปิดโล่ง ที่นั่งเยอะ เข้าร้านแล้วก็จับจองโต๊ะก่อน จากนั้นก็ไปเลือกหยิบติ่มซำพร้อมแจ้งเลขโต๊ะได้เลย เมนูติ่มซำหลากหลายใช้ได้ มีทั้งของนึ่งของทอด ใครกลัวไม่อิ่มที่ร้านก็มีขนมจีน ข้าวคลุกกะปิ โจ๊ก ข้าวต้ม พวกข้าวอีกหลายอย่างเลย เรียกว่าอิ่มจุกอีกร้านทีเดียว



ทานข้าวเสร็จได้เวลากลับแล้ว เราบินออกจากสนามบินกระบี่ตอน 15.45 น. เป็นอันปิดทริป 3 วัน 2คืน กับจังหวัดกระบี่ จังหวัดที่มารอบเดียวไม่พอแน่นอน เพราะมีอีกหลายเกาะหลายที่ที่น่าสนใจมากๆ
ฝากติดตามที่ Readme #AnywhereIGobyThita #ฐิตา
Twitter: @AnywhereIGo2
https://x.com/AnywhereIGo2
ฐิตา
วันอังคารที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 เวลา 16.27 น.