มาแล้วครับ ทริปซัมเมอร์ ปี2016ของผมและชาวคณะ (ทริปอื่นๆติดตามได้จากกระทู้เก่าด้านล่างนะครับ)

วันนี้ไม่ขอพูดพร่ำทำเพลงเยอะ เอาแต่รูปสวยๆ และรายละเอียดของที่พักและการเดินทางมาประกอบการตัดสินใจให้หลายๆคนที่กำลังมองหารีวิวเพื่อที่จะไปเที่ยวเกาะกูดกันดีกว่า การเดินทางของเราเริ่มต้นขึ้น ในเช้าวันที่ 4 พฤษภาคม เวลา 04.00 น. เดินทางด้วยรถส่วนตัว 2 คัน เนื่องจากสมาชิกเยอะครับ ขับไปเรื่อยๆ เพราะเรือที่จองไว้คือรอบ 10.45 น.

ประมาณ 9 โมงครึ่ง เราก็มาถึง ออฟฟิตบุญศิริ แหลมศอก ใช่แล้วครับ เราจองเรือเร็วบุญศิริ เพื่อข้ามไปยังเกาะกูด ค่าเรือคนละ 500 บาท ไป-กลับด้วยรวม 1000 บาท แต่ก่อนจะขึ้นเรือ ขอกินข้าวลองท้องก่อนขึ้นเรือก่อนนะครับ

ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. ครึ่งก็ถึงที่หมาย แต่สำหรับผม เรือวิ่งช้าไปนิดครับ แต่ก็รู้สึกปลอดภัยดี

เมื่อเรามาถึงที่ท่าเรือ อ่าวสลัดแล้ว ให้เดินมาขึ้นรถสองแถวที่จอดรออยู่ได้เลยนะครับ ถ้าขึ้นเรือบุญศิริมา เขามีรถบริการไปส่งตามรีสอร์ทต่างๆ ค่าใช้จ่ายรวมไปกับค่าเรือ 500 บาทแล้วครับ บอกเขาว่าพักที่ไหน เขาจะชี้รถให้ครับว่าคันไหน

เรามาว่ากันด้วยเรื่องของที่พักกันก่อนดีกว่า ทริปนี้เราเลือกพักที่ แมงโกรฟบังกะโล ราคาไม่แพง ใกล้ชายหาด และหลายเสียงบอกว่าที่นี่อาหารอร่อย

เราเลือกพักที่นี่ 4 วัน 3 คืน บ้านพักที่ได้ เป็นบ้านที่ด้านหน้าติดคลอง สามารถนั่งชิวชิว ระเบียงหน้าบ้านได้เลย ข้อดีอย่างแรกของที่นี่คือ ห้องแอร์สามารถเปิดแอร์ได้ทั้งวันครับ ไม่กำหนดเวลาเหมือนบางที่ อย่างที่สองคือ สามารถปิ้งย่างทำอาหารกินได้สบายๆ เจ้าของรีสอร์ทไม่ค่อยมาวุ่นวายกับแขก อาหารเช้าบุฟเฟต์ทุกวันถึงแม้เมนูจะไม่หลากหลาย ข้อดีอีกอย่าง คือเรือคายัค บริการฟรีสำหรับลูกค้ารีสอร์ทตลอดทั้งวันครับ

และที่ขาดไม่ได้เลยคือต้องถ่ายรูป ผ.บ. ซะหน่อย ก็วิวมันสวย ใครหละจะอดใจไหว ^^

เรียกได้ว่าเป็น Signature ของที่พักแห่งนี้เลยก็ได้ ที่ใครมาก็ต้องมานอนรับลมริมคลอง แล้วถ่ายรูป....ฟินกันไป

ข้อแนะนำสำหรับคนที่จะมาพักที่นี่นะครับ เตรียมปลั๊กพ่วงมาเองด้วยจะดีมาก ถ้ามีอุปกรณืที่ต้องชาร์ตไฟหลายชิ้น ปลั๊กอาจไม่พอ น้ำดื่มตอนที่พวกเราไป ได้ห้องละ 2 ขวด ตั้งแต่วันแรกส่วนวันสุดท้ายของทริป ต้องซื้อเองนะครับ แต่ข้าวของที่เกาะกูดราคาปกติเหมือนบ้านเราครับ น้ำดื่มขวดเล็กขวดละ10-15 ขวดใหญ่ 20-25 ชาเขียวโออิชิ ขวด 500 ml ราคา 20-25 จัดว่าไม่แพงครับ ว่าแต่ตอนนี้ก็บ่ายและหา กาแฟแก้ง่วงกันก่อนดีก่า

วันแรกของทริปอากาศร้อนดีจริงๆ ยังไงก็อย่าลืมทาครีมกันแดดก่อนเล่นน้ำทะเลด้วยนะครับ วันนี้ฟ้าค่อนข้างเป็นใจ เรียกได้ว่าฟ้าเป็นฟ้าเลยก็ได้ บ่ายแก่ๆแบบนี้จะมีอะไรดีไปกว่าการถ่ายรูปเล่นหละ ฟ้าแบบนี้ หยิบกล้องแปปปปปป

สำหรับชายหาดที่ใกล้รีสอร์ทที่สุด คือ หาดคลองเจ้า ชายหาดที่อยู่หน้าทิงเกอร์เบล และปีเตอร์แพนรีสอร์ท น้ำทะเลใส หาดทรายสีขาว หนานุ่มเท้าดีจริงจริงครับ แต่แนะนำว่าอย่าเดินตอนกลางวันเด็ดขาด สองเท้าคุณอาจกลายเป็นเกาลัดคั่วได้

บรรยากาศริมคลองตรงจุดที่เราพักก็ถ่ายรูปสวยนะอยากให้ลองมาสัมผัสกันครับ

ไฮไลท์สำคัญของทริปนี้ก็คือ.....ล่าทางช้างเผือก คืนวันแรกผมรีบนอนแต่หัวค่ำ อาจเป็นเพราะเราเพลียจากการขับรถและการนั่งเรือมาเกือบครึ่งวัน
.....ผมตั้งนาฬิกาปลุกไว้ช่วงตี3 เห็นจะได้ ภารกิจสำคัญรอเราอยู่ ลุ้น...ว่าเราจะได้ช้างไหมคืนนี้

ตารางและช่วงเวลาการขึ้นของทางช้างเผือกประจำปี 59 นะครับ

ฤดูล่า ทางช้างเผือก 2559 จะเริ่มต้นในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งถือเป็นเดือนแรกที่พอจะถ่ายภาพทางช้างเผือกได้ในเวลาประมาณตี 5 โดยทางช้างเผือกจะขึ้นขนานเส้นขอบฟ้าในทิศตะวันออกเฉียงใต้ครับ (แต่ยังไม่ได้รูปที่สวยนัก จะขึ้นแบนๆ ขนานขอบฟ้า)

เดือนมีนาคม ผมให้เป็นเดือนที่เหมาะที่จะถ่ายทางช้างเผือก คู่กับแสงเช้า (โดยที่ไม่เหนื่อยเกินไปนัก) ซึ่งเริ่มปักหลักถ่ายทางช้างเผือกตั้งแต่ตี 3 จากนั้นราวๆ ตี 5 ทางช้างเผือกจะเริ่มมีรูปคล้ายคันธนูโค้งรับทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ จากนั้นเราสามารถเก็บแสงเช้าต่อได้อีก

เดือนมิถุนายน – กรกฎาคม ถือเป็นเดือนยอดนิยมของการล่าช้าง โดยสามารถเริ่มถ่ายภาพทางช้างเผือกได้ตั้งแต่ 3 ทุ่มในต้นเดือนมิถุนายน (ทางช้างเผือกเริ่มปรากฎ) และตั้งแต่ 1 ทุ่มในเดือนกรกฎาคม เรียกว่าสามารถถ่ายภาพดาว + ทางช้างเผือกในรูปทรงต่างๆ (ขนาดขอบฟ้า, โค้งคันธนู, และตั้งโด่เด่) ได้ตลอดคืน จากนั้นเวลา 7 โมงเช้า (ในเดือนมิถุนายน) ทางช้างเผือกก็จะตกลงในทิศตะวันตกเฉียงใต้ ดังนั้น ช่วง 2 เดือนนี้ แนะนำให้นอนเก็บแรงตอนบ่าย แล้วจัดหนักตลอดคืน ถึงแสงเช้าได้เลยครับ

ใครอยากถ่ายทางช้างเผือกแบบตั้งโด่เด่ และไม่อยากนอนดึกมาก แนะนำถ่ายภาพในเดือนกันยายน (3 ทุ่ม) และในเดือนตุลาคม (1 ทุ่ม)

เดือนพฤศจิกายน เป็นโค้งสุดท้าย ที่พอจะเห็น ทางช้างเผือก ในทิศตะวันตกเฉียงใต้ในช่วงเวลา 1-2 ทุ่ม จากนั้นก็จะลับขอบฟ้าไปประมาณ 3 ทุ่ม

เดือนธันวาคม และ มกราคม ของทุกปี ไม่ต้องไปหาถ่ายภาพทางช้างเผือกที่ไหนนะครับ เก็บกล้องขึ้นดอย สอยน้องดาวก็พอ ช่วงนี้ … น้องช้างลาพักร้อนครับ

เครดิต : http://rewkew.com/2016/01/14/ปฏิทินวางแผนตามล่า-ถ่ายภาพ-ทางช้างเผือก-ในปี-2559/

และแล้วก็ถึงเวลาที่ผมรอคอย ตี3 แล้ว เสียงโทรศัพท์ที่ตั้งปลุกไว้ดังขึ้น ..... ผมเดินออกมาหน้ารีสอร์ท....พระเจ้าช่วย กล้วยทอด คืนนี้ฟ้าเป็นใจมาก ดาวเต็มฟ้า ผมสามารถมองทางช้างเผือกที่ขึ้นอยู่บนหัวผมได้จากตาปล่าว (ลักษณะจะเหมือนกลุ่มควันบางๆเป็นทางยาวๆ) รออะไรหละครับ กางขาตั้งกล้องแปป

วิธีการตั้งค่ากล้องในการถ่ายทางช้างเผือกของผมนะครับ

- เลนส์ขนาด 14mm F2.8 บนกล้อง Fullframe

- ISO 3200

- F2.8

- Speed Shutter 20วินาที

- White Balance ผมเลือกตั้งเป็น Auto เพราะถ่าย RAW มา Process ทีหลังอยู่แล้ว ผมใช้เวลาในการถ่ายประมาณ 10 นาที อย่าถามว่าทำไมรีบถ่ายจัง...สั้นๆครับ กลัวผี5555 เอาเป็นว่าคืนนี้หลับฝันดีหละครับได้ช้างสมใจ

เช้าวันที่ 2 ทานอาหารเช้าที่รีสอร์ทเตรียมไว้ให้ ก่อนจะออกเที่ยวรอบๆเกาะ

เราเช่ามอเตอร์ไซต์ เพื่อเที่ยวรอบเกาะ ตระเวนไปตามรีสอร์ท และชายหาดต่างๆ ซึ่งชายหาดที่เราเล็งไว้ คืออ่าวน้อยรีสอร์ท เมื่อมาถึงก็สวยสมใจครับ ครั้งหน้าถ้าได้มาคิดไว้ว่าคงมาพักที่นี่แน่ๆ ค่าเช่ามอเตอร์ไซต์แล้วแต่รีสอร์ทนะครับ ว่าราคาเท่าไหร่ คิดค่าเช่าแบบ24ชั่วโมง เช่าเวลาไหนคืนเวลานั้น

อีกรีสอร์ทที่เราแวะเวียนไปดูก็คือ เดอะบีชเนเชอรัลรีสอร์ท ตั้งใจจะไปถ่ายรูปสะพานที่นี่ เลยได้มาหลายสะพาน เพราะติดกับเดอะบีชเนเชอรัล ก็จะเป็นทูเดอะซีรีสอร์ท เดินเลาะๆชายหาดมาก็จะเป็นสยามบีชเกาะกูด ชายหาดที่น้ำทะเลสวย ใสทุกหาดเลยหละครับ ขึ้นอยู่กับว่าเป็นชายหาดที่เป็นทราย หรือเป็นโขดหิน

ดับกระหายคลายร้อนด้วยเครื่องดื่นเย็นๆซักแก้ว


พาท่านผู้ชมไปชมพระอาทิตย์ตกทะเลกันบ้างสำหรับเย็นวันนี้

ค่ำนี้เราเลือกที่จะหม่ำอาหารทะเลกัน เมนูวันนี้ก็มี กุ้ง กับ ปลาหมึก ย่าง

เช้าตรู่ของวันที่ 3 เราตื่นขึ้นมาขี่มอไซต์เล่นแถวที่พัก เพราะไกล้ที่จะต้องคืนรถมอไซแล้วแต่ว่าน้ำมันยังเหลือเพียบเลย

กิจจกรรมที่พลาดไม่ได้ ดำน้ำสน้อกเกิ้ล เราไม่ได้ซื้อทริปดำน้ำกันนะครับ เพราะสมาชิกส่วนใหญ่เป็นเด็กๆ กลัวจะดูแลไม่ทั่วถึง เลยเดินไปเช่าอุปกรณ์ที่ร้านแถวๆปีเตอร์แพนรีสอร์ท แล้วมาดำเล่นแถวๆโขดหินที่หาดคลองเจ้า ซึ่งมีปลาให้ดูเล่นเยอะเหมือนกัน ถูกอกถูกใจสมาชิกเราไม่น้อย ส่วนการพายเรือคายัค โชคดีที่แมงโกรฟมีเรือคายัคให้ใช้ฟรี เราเลยได้พายเรือตั้งแต่หน้าห้องพัก ออกมาถึงหน้าชายหาดเลยทีเดียว

ร้านอาหารที่เกาะกูดมีร้านอร่อยหลายร้าน แต่เราไม่ได้ไปกินครับ ส่วนใหญ่ มื้อค่ำจะฝากท้องไว้ที่รีสอร์ท และซื้ออาหารทะเลมาปิ่งย่างกินกันเองหน้าห้องพัก ส่วนมื้อเที่ยง ก็ร้านอาหารตามสั่ง ร้านก๋วยเตี๋ยวแถวๆนั้น มื้อบ่ายๆนอกจากนั่งชิวชิวริมคลองกับกาแฟและขนมที่รีสอร์ท ก็มีอีกร้านที่เราไปก็คือ กู๊ดวิวคอฟฟี่ ร้านกาแฟวิวสวยๆ บนภูเขา นั่งชิวชิวชมทะเลและพระอาทิตย์ตกดิน ซึ่งทางเดินขึ้นร้าน ก็อยู่บริเวณหาดคลองเจ้าที่เราเล่นน้ำนั่นแหล่ะครับ (สรุปว่าไม่ไปไหนไกลจากที่พักเลย 555) ประทับใจที่สุดก็ชาเขียวมะนาวของร้านนี้ละครับ นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าอย่าสั่งอะไรที่อยู่นอกเหนือเมนู TT แต่รสชาติเครื่องดื่มที่สั่งมาก็อร่อยใช้ได้ครับ เสียดายไม่ได้ชิมเค้ก เพราะรู้สึกอิ่มมาจากก๋วยเตี๋ยวสองชามเมื่อสักพักนี่เอง



เราใช้เวลาพักผ่อนอยู่ที่เกาะกูดครั้งนี้ 4 วัน กับ 3 คืน ก็ต้องเดินทางกลับ ขากลับเราจองเรือ รอบ9.00 น. เพราะเกรงว่ารถจะติดขาเข้า กทม. ประมาณ 8 โมงเช้า ขณะที่กำลังรับประทานอาหารเช้า รถสองแถวของบุญศริริเรือเร็ว ก็มารับเราตามเวลานัดหมายเป๊ะๆ พวกเราต้องรีบวางช้อนแล้วสละอาหารในจานที่ตักมาเพื่อมาเช็คเอ้าท์และขนสัมภาระขึ้นรถ (อาหารเช้าที่รีสอร์ทวันนี้ออกช้ามากครับ กว่าจะตั้งเสร็จก็ 7.50 น.แล้ว TT แอบเสียใจที่กินยังไม่อิ่มดีเลย อุตส่าขนสัมภาระมานั่งรอตั้งแต่7.30 น.)
ประมาณ30นาที คนขับรถก็พาเราซิ่งมาถึงท่าเรืออ่าวสลัดอย่างปลอดภัย (รถรับจ้างที่นี่ซิ่งเกือบทุกคันครับ) น้ำทะเลที่ท่าเรืออ่าวสลัดเช้าวันนี้ ยังคงสดใสเหมือนเดิม แต่ที่เพิ่มเติมคือ เราต้องจากมันไปแล้วครับ แอบเสียดายที่ไม่ได้ไปเยือนทุกหาดในเกาะกูด ยังมีหาดสวยๆอีกหลายหาดที่เรายังไม่ได้ไป และมีรีสอร์ทสวยๆอีกหลายที่ ที่น่าไปพักในเกาะกูด ไว้โอกาสหน้าเราค่อยเจอกันใหม่นะ....เกาะกูด

ทริปจบ อารมณ์ไม่จบ


ความคิดเห็น