คำเตือน : รูปเยอะมาก

ทริปกระบี่เดินทางเมื่อวันที่ 15-17 ธันวาคม 2563 ด้วยความตั้งใจว่าจะไปกระบี่เป็นทริปสุดท้ายของปี 2563 เป็นการกลับไปเที่ยวกระบี่อีกครั้งในรอบ 20 ปี และเป็นทริปปิดท้ายตั๋วบุฟเฟ่ต์ของแอร์เอเชียด้วย

เริ่มต้นทริปด้วยรถไฟชานเมือง ขบวน 339 ออกจากหัวลำโพง 5:20 ปกติจะมาถึงดอนเมืองไม่เกิน 5:52


แต่วันนั้นไม่ปกติ รถเที่ยวล่องช้าทุกขบวน ขบวนธรรมดาที่เรานั่งมาต้องจอดรอก่อนเข้าสถานีดอนเมืองยัน 6:15 และรอข้ามทางรถไฟเพื่อขึ้นทางเชื่อมเข้าสนามบินดอนเมือง ติดขบวนเชียงใหม่ที่จอดที่สถานีดอนเมืองนานมาก เราได้ข้ามตอน 6:30 ต้องวิ่งใส่เกียร์หมามากๆ Boarding time 6:45 ด้วยความโชคดีที่เช้าวันนั้น (15 ธันวาคม 2563) ผู้คนมาใช้บริการสนามบินไม่เยอะ และได้ bus gate 74 เลยวิ่งไม่ไกล ไปถึงหน้าเกท 6:42 เหงื่อท่วมตัวและบันเทิงตั้งแต่เริ่มทริปกันเลย ช่วงนี้เริ่มออกช้านิดหน่อยแล้วนะ ชอบแสงเช้าวันนั้นมาก สวยงาม

เครื่องขึ้นก็เห็นเลยว่าฝุ่นจิ๋วปกคลุมกรุงเทพฯ ไว้หมดแล้ว

สั่งอาหารล่วงหน้า สั่งข้าวยำเกาหลีอีกแล้ว คิดว่าอร่อยที่สุดในอาหารร้อนช่วงนั้น

ก่อนจะลงสนามบินนานาชาติกระบี่ วิวด้านล่างสวยงามมาก ทริปนี้ดีใจมากที่เราไม่เจอฝน เราหลุดพ้นคำสาปไปที่ไหนพาฝนไปด้วยแล้ว เย่ๆๆๆๆๆๆ

ลงมาเราออกมาหาบูธขายตั๋ว Airport Shuttle bus ไปอ่าวนาง ขาไปขาตั๋ว 150 บาท ช่วงนี้นักท่องเที่ยวน้อยเขาจะให้บริการด้วยรถตู้แทน ส่งถึงโรงแรมเลย

รถตู้มาส่งเราคนสุดท้าย เราพักที่ 8icon Aonang Hotel ก่อนเดินทางเราส่งข้อความไปสอบถามรายละเอียด ทางเพจของโรงแรมตอบรวดเร็วมาก พอถึงวันเดินทางรถรับ-ส่งจากสนามบินกระบี่มาส่งถึงโรงแรม พอเลี้ยวก่อนถึงโรงแรมเราแอบตกใจนึกว่าทางเข้าร้างๆ แต่ไม่ใช่เป็นด้านข้างโรงแรม ร้านหรืออะไรสักอย่างที่มีการหยุดกิจการช่วงโควิด บรรยากาศรอบๆ โรงแรมและห้องพักที่เราพัก 

เป็นโรงแรมแรกตั้งแต่เปิดให้เที่ยวหลังโควิดรอบแรกเลยนะที่มีมาตรฐานที่เข้มงวดมาก ห้องพักจะได้ตอนเที่ยงตรง เราเลยฝากกระเป๋าและออกสำรวจบริเวณรอบๆ สักนิด ซอยเงียบเหงามาก

ริมทะเลอ่าวนางสวยมาก แดดดี ฟ้าใส ดีใจไม่เจอฝน

11 โมงแล้วต้องรีบกินข้าว เราซื้อทัวร์ Sunset ไว้ รถจะมารับ 12:30 มื้อแรกที่อ่าวนางเลือกมากไม่ได้ มีขายร้านเดียว ร้านก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย เราเลือกสั่งกะเพราเนื้อ+ไข่ดาว และลาเต้เย็น อร่อยใช้ได้เลยนะ แต่รสชาติกะเพราเหมาะกับชาวต่างชาติมากๆ คือเราเข้าใจทุกร้านที่เห็นหนังหน้าเราแล้วคิดว่าต้องกินไม่เผ็ดแน่ๆ ฝากถึงทุกร้านเลยแล้วกัน กรุณาทำรสชาติมาตรฐานของร้านตัวเอง คนกินเข้าใจได้ถ้าจะเผ็ดไปบ้าง

เราจองทัวร์กับเจ้านี้

ช่วงที่เราไปทุกเจ้าจะส่งต่อไปรวมกัน ด้วยความโชคดีที่เราได้ไปกับ Mariam Travel & Tour (มีหลายคนบอกเจ้านี้เก่งทริป 7 เกาะ sunset) มารับเราคนแรกเลย ตอนแรกกลัวว่าเขาจะไม่ออกทัวร์ด้วยซ้ำ สรุปทริป 7 เกาะ Sunset มีผู้ใหญ่ 6 เด็ก 2 และ Mariam Travel & Tour จัดให้พวกเราไปกับ speed boat

เริ่มต้นทริปด้วยการไปถ่ายรูปกับเกาะไก่กันก่อน รอเวลาน้ำลดให้ทะเลแหวกจนสามารถเดินข้ามเกาะได้ก่อน

ลงไปดำน้ำจุดแรกกันที่บริเวณเกาะไก่

ถึงเวลาน้ำลดแล้ว ไปทะเลแหวกกัน ไกด์บอกว่าเป็นความโชคดีของคนที่มาเที่ยวในช่วงนี้ เพราะ คนน้อย เรือจอดน้อย ถ่ายรูปสวยมาก

และแล้วคำสาปที่เราพาฝนไปด้วยก็ยังไม่หายไป ตกหนักมาก ลมแรงสุดๆ คอตกหลบฝนหน้าตู้ที่เจ้าหน้าที่อุทยานฯ ประจำการณ์อยู่

ฝนตกไป 20 นาที น้ำลดจนสามารถเดินไปเกาะไก่ได้แล้ว เราก็พุ่งตัวไปคนแรกเลย ถือว่าทริปนี้ยังพอมีแต้มบุญเหลือบ้าง ได้ข้ามทะเลแหวกตั้งแต่ครั้งแรก คนที่ร่วมทริปมาตั้ง 7 ครั้งถึงได้ข้าม ทางเดินนั้นไม่ได้มีแค่ทรายขาวๆ ละเอียดๆ เท่านั้น มีเศษปะการังด้วย ถามว่าเจ็บเท้าไหม เจ็บมากแต่จะหันกลับก็ไม่ได้แล้ว ต้องลุยต่อไปให้ถึง

เมื่อฝนตก คลื่นลมแรงเลยไม่ได้ไปดำน้ำที่เกาะตังหมิง มาดำน้ำบริเวณเกาะปอดะแทน ฝนลงน้ำขุ่นแล้ว น่าเสียด้าย ไปการดำน้ำท่ามกลางสายฝนที่สนุกมาก

ขึ้นเกาะปอดะมาเดินถ่ายรูป จุดแรกถ่ายเกาะตังหมิงก่อนเลย

เดินสำรวจและเก็บภาพบนเกาะปอดะกัน เงียบสงบ สวยงามมาก 

มุ่งหน้าไปที่หาดไร่เลย์ฝั่งตะวันตก พอถึงหาดไร่เลย์ไม่มีฝนแล้ว ดีงาม

ทัวร์จัดมื้อเย็นให้ มีข้าวและบาร์บีคิว อร่อย พอคนน้อย ไกด์ก็เติมให้จนอิ่มมาก

เดินมาเก็บแสงอาทิตย์ตกที่บริเวณหาดถ้ำพระนาง กระโดดริมทะเลสักนิด 

สักการะศาลพระนางก่อนไปดูแพลงตอนเรืองแสง

ปิดท้ายทริป 7 เกาะ sunset ด้วยการลงไปดำน้ำยามหัวค่ำเพื่อดูแพลงตอนเรืองแสง ไม่สามารถถ่ายรูปได้ แพลงตอนไม่ชอบแสง ลงดำน้ำมืดๆ เอามือตีน้ำมัน WOW มาก ตื่นตาตื่นใจสุดๆ ทริปนี้สมบูรณ์ที่สุดแล้ว ขอบคุณทีมงานของ Mariam Travel & Tour มาก ประทับใจที่สุด

เช้าวันที่ 2 ของทริป (16 ธันวาคม 2563) เลือกออกเดินไปทางฝั่งหาดนพรัตน์ธาราใกล้ที่พักเรามาก

ซื้อทัวร์พีพีกับรุ่งตะวันทัวร์ ซื้อตามคนที่ร่วมทริป sunset ด้วย วันนั้นคนเยอะเต็ม speed boat พอดี 28 คน นั่งไหล่เกยกันเลยทีเดียว จุดแรกของทริปเป็นเกาะไม้ไผ่ (Bamboo Island) มาถึงต้องประทับตรา Passport อุทยานฯ สักนิด เมื่อวานลืม

ถูกต้อนรับด้วยตั่วเฮียนอนอาบแดดอย่างสบายอารมณ์

เกาะไม้ไผ่สวยมาก ไกด์บอกต้องรีบถ่ายรูปนะ ปกติไม่เคยหาดว่างขนาดนี้ ทุกทีจะมีเรือเต็มรอบเกาะไปหมด เราเลือกเดินไปสุดหาด ไปต่อยากแล้วเลยหยุดเล่นน้ำ และถ่ายรูป สงบมากจริงๆ 

ออกจากเกาะไม้ไผ่ก็มาที่ถ้ำไวกิ้ง ที่เก็บรังนก ลอยลำถ่ายรูปได้เท่านั้น ลอยลำนานมีคนเมาเรือจนได้

จากนั้นมาที่ปิเละลากูน ที่นี่ดีงามมาก น้ำสีสวย ใครมาหลายคนสามารถจองเรือหางยาวถ่ายรูปสวยๆ ได้เลย มาคนเดียวก็ถ่ายหัวเรือ speed boat และลอยคอถ่ายรูปเอาได้เหมือนกัน

มาต่อที่อ่าวมาหยา ต้องถ่ายบนเรือเท่านั้น เมื่อ 20 ปีก่อนได้มีโอกาสเดินสำรวจแล้ว แต่รอบนี้มองจากไกลๆ สวยมาก (ขออภัยมือถือซูมแล้วแตก)

ดำผิวน้ำที่อ่าวโละซามะ

เดินทางต่อมาที่อ่าวลิง

ถึงเวลากินข้าวเที่ยงแล้ว ทัวร์พามากินบนเกาะพีพี เป็นบุฟเฟต์ สาคูน้ำกะทิอร่อยมาก (ไม่มีรูปแบตมือถือหมดพอดี) ออกมาสำรวจเกาะกันสักนิด อยู่ที่นี่ถึงบ่าย 2:30

ก่อนกลับเข้าฝั่งฝนกระหน่ำอีกแล้ว โชคดีที่วิ่งไปหลบที่บริษัททัวร์ทัน เปียกไม่มาก พอฝนหยุดเราเดินไปหาดนพรัตน์ธารา ช่วงเย็นๆ มีคนออกมาวิ่งออกกำลังกาย ส่วนเรามาเดินถ่ายรูป

เช้าวันที่ 3 (17 ธันวาคม 2563) ตัดสินใจไปซ้ำที่หาดไร่เลย์ ด้วยการนั่งเรือจากปากแม่น้ำติดหาดนพรัตน์ธารา บังเจ้าของเรือบอกว่าถ้าจะไปคนละ 100 บาทต้องรอให้ได้ 8 คนก่อนนะ ถ้าไม่รอจะเหมาไหมคิด 500 พอ บังกล้าให้เราก็กล้าไป

ยกมือไหว้ขอบคุณบังที่มาส่งด้วยราคาพิเศษ บังมาส่งที่หาดไร่เลย์ตะวันออก เงียบมาก

ทางเดินเพื่อจะไปฝั่งไร่เลย์ตะวันตก ร้านรวงยังคงไม่เปิด เงียบไปหมด 

เจอป้ายไปถ้ำพระนางใน หรือถ้ำเพชร เราเลือกเดินมาที่นี่ เสียค่าธรรมเนียมอุทยานฯ 40 บาท เจ้าหน้าที่จะเปิดไฟให้ ถ้ำสวยกว่าที่คิดมาก เจ้าหน้าที่ดีมาก พูดคุยให้ข้อมูลดี

เดินต่อมาฝั่งไร่เลย์ตะวันตก เดินดูไปเรื่อยๆ

แวะกินโรตืและกาแฟที่ร้าน Friendship restaurant บรรยากาศดีงามมาก 

เดินต่อไปที่หาดถ้ำพระนางอีกครั้ง ทางเดินเพื่อที่จะไปหาด เมื่อวันแรกมามืดแล้ว ยังไม่ได้มุดเข้าซอกเล็กซอกน้อยสำรวจอะไรเลย

หาดและศาลพระนาง

หมดเวลาซนแล้ว เรือฝั่งไร่เลย์ตะวันออกไม่มีออกมาจากอ่าวนางเลย ถ้าจะกลับต้องเหมา เราเลยต้องเดินมาอักฝั่งเพื่อนั่งเรือไปท่าเรือน้ำเมาแทน

ฝั่งนี้นั่งเรือใกล้มากๆ ถึงแล้วท่าเรือน้ำเมา ถ่ายทางเข้าท่าเรือของมาเรียมมาด้วย จากท่าเรือน้ำเมากลับมาที่โรงแรม เรานั่งสองแถว ค่าโดยสาร 30 บาท ฝนตกหนักมากอีกครั้ง 

กลับมาถึงที่โรงแรมแป๊บเดียว รถสนามบินมารับพอดี ขากลับจ่ายเพียง 100 บาท ถึงสนามบินมีเวลาช้อปปิ้งร้านในสนามบิน เราชอบร้านขอบคุณครับมาก ร้านร่วมโครงการ "เราเที่ยวด้วยกัน" และ "คนละครึ่ง" ชุดไก่ทอดข้าวเหนียวมีถุงมือให้ด้วย ขนมลากรอบก็ดีงาม ร้านนี้ราคาปกติเลย ส่วนอีกร้านด้านในเราซื้อแค่หมูฮ้องอย่างเดียว ราคาแพงกว่าร้านอื่นมาก

ขากลับเป็นเที่ยวบินคนป่วยที่แออัดมาก แน่น เต็มทุกที่นั่ง และไอจามกันจนเรากลัว เที่ยวบินคนป่วยชัดๆ เครื่องขึ้นแสงยังไม่หมด ยังโอเคอยู่

ขากลับลองสั่งผัดไทย อร่อยดีนะ 

ทริปกระบี่เป็นทริปที่ได้ออกทะเลแล้ว เขาหลักกับภูเก็ตไม่ได้ออกทะเลเลย เป็นอีกทริปที่ประทับใจ ได้มิตรภาพกลับมาจากทริปนี้อีกด้วย ยินดีที่ได้รู้จักคุณตุ๊ก คุณจุ๋ม และน้องเบิร์ด คงมีโอกาสร่วมทริปกันในครั้งหน้า

ตะลุยเดี่ยวแบกเป้เที่ยว

 วันอาทิตย์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 เวลา 00.31 น.

ความคิดเห็น