ใครเคยฝันอยาก Road Trip ในอเมริกาบ้าง

เราเป็นคนหนึ่งที่มีความฝันแบบนี้มากๆ อยากใช้ชีวิต Slow Life ขับรถเที่ยวไปเรื่อยๆ วิวข้างทางก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ เช่นกัน ตรงไหนสวย ก็จอด ถ่ายรูป ค่ำที่ไหน ก็นอนเมืองนั้นแหละ โอ๊ยยยย อยู่ในใจมานาน เมื่่อไรภาพฝันจะออกมาเป็นภาพจริงสักที

และแล้ววันนี้ก้อมาถึง บังเอิญว่าเรามีโอกาสไปเมืองลาสเวกัส รัฐเนวาด้า ประเทศอเมริกา เลยอยากจะขับรถเที่ยวต่อนั่นเอง ใจเต้นตูมตาม ถึงเวลาที่ภาพฝันจะเป็นจริงละน้าาา ทริปนี้เรา Road Trip กัน 2 คนกับแฟน เราเองเคยไปอยู่อเมริกามาแล้ว แต่ที่ที่จะขับรถไปเที่ยวกัน ก็ไม่เคยไปหรอกนะ คิดว่าคงไ่ม่ได้ยากอะไร แต่การขับรถเนี่ยสิ เราก็ไม่เคยขับ แฟนก็เพิ่งจะไปอเมริกาครั้งแรก พวงมาลัยด้านซ้ายเนี่ยแหละ เราจะงงกันมั้ย แถมได้ยินว่ากฎจราจรที่นั่นเป๊ะมากนะ ถ้าเกิดขับผิดขับถูก ฝ่าฝืนกฎขึ้นมา คงได้เจอรถตำรวจขับตามแน่ หรือไม่ก้อใบสั่งส่งมาไทยเป็นปึกๆ แค่คิดก็เสียวแล้ว เหอ เหอ

แต่คิดเสร็จก้อไม่รีรอแล้ว เริ่มต้นวางแผนกันสักที ไปไหนบ้างดีนะ Google Map มีประโยชน์มากเลยในเวลานี้ ดูเลยแต่ละที่ที่จะไปห่างกันกี่ชั่วโมง เริ่มจากตรงไหน จะพักที่ไหน แนะนำว่า ก่อนไป จองทุกอย่างให้เสร็จสรรพเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นที่พัก รถเช่า หรือค่าเข้าสถานที่ต่างๆ ที่ต้องจองล่วงหน้า บอกเลยว่า ฤดูท่องเที่ยวแบบนี้ เต็มเร็วมากนะ ไม่ต้องรอใกล้ๆ ค่าาา เดี๋ยวจะอดกันพอดี เราจองล่วงหน้าเกิน 6 เดือน เลยได้ทุกอย่างตามแพลน อิอิ อ้อ อย่าลืมเรื่อง Time Zone ของแต่ละรัฐด้วยนะ วางแผนดีๆ แล้วให้หัวใจพาไป จองเลย

... แต่น แตน แต๊นนนนน แพลนออกมาแล้วจ้าา ...

5 วัน 4 คืน กับ 3 รัฐ Nevada, Arizona และ Utah เริ่มต้นที่ลาสเวกัส และจบลงที่ลาสเวกัส ระยะทาง 837 ไมล์ เท่ากับ 1,340 กม. แต่ขับจริง เกินกว่านี้นิดหน่อย เพราะมีขับ แวะ ขับ แวะ ตามประสา Slow Life ^^

Day 1 Nevada & Arizona : Las Vegas -> Hoover Dam -> Route 66

เริ่มต้นทริปด้วยการไปรับรถที่เช่าไว้ค่ะ เรานอนที่โรงแรม Mandalay Bay บน The Strip เมือง Las Vegas เลย ก็เลยเลือกรับรถที่โรงแรมใกล้ๆ ไม่ได้ไปรับสนามบินนะ เพราะสามารถเดินไปรับรถที่โรงแรมได้เลยสบายๆ การเช่ารถ ก็ควรจองล่วงหน้าไว้ก่อนนะคะ เราจองของบริษัท Hertz รวมประกันไว้ด้วยเลย จะได้อุ่นใจ เราจองรุ่น Intermediate SUV ไว้ นั่งแค่ 2 คน แต่ขอรถใหญ่หน่อย เพราะไหนจะกระเป๋าอีก เสบียงระหว่างทางอีก แล้วเส้นทางตามแพลนเราก้อเข้าอุทยานบ้างอะไรบ้าง ถนนจะเป็นไงไม่รู้ เผื่อเป็นหลุมเป็นบ่อ เอารถใหญ่ดีกว่า ซึ่งโชคดีมาก วันที่ไปรับรถ เราได้อัพเกรดฟรีจ้าาาา เลยได้รถ SUV มาเลย สวยจริงอะไรจริง

เมื่อได้รถแล้ว ก็สวดมนต​์กันก่อน ขับรถอเมริกาครั้งแรก 555 สวดมนต์เสร็จ ก็ไปลุยกันเลย ที่แรกไป ​Hoover Dam เขื่อนขนาดใหญ่มาก นับว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกด้านวิศวกรรมกันเลยทีเดียว อยู่ตรงพรมแดนระหว่างรัฐ Nevada และ Arizona พอดี มีนาฬิกาติดบอก Time Zone เลยแหละ จริงๆ ที่นี่ เราสามารถซื้อตั๋วเข้าไปดูด้านในได้ด้วยนะ แต่เราไม่ได้อินอะไรกับวิศวกรรมขนาดนั้น ขอแค่ชมความงามด้านบน และถ่ายภาพก็เพียงพอ ซึ่งการไปชม ก็ขับรถไปตามป้าย Hoover Dam เลยจ้าา แล้วจะเห็นเวิ้งที่จอดรถ ไม่เสียเงินด้วยนะ คนจอดกันเพียบ แล้วก็เดินลงมาตามทาง ประมาณ 5 นาที ก็ถึงจุดไฮไลท์แล้วจ้า ถ่ายรูป รัวๆ

คุ้นๆ มั้ยคะ ที่ทำการของ Sector Seven ไง เก็บหุ่น Decepticons เอาไว้ด้านล่าง และจุดนี้ก้อตอนที่ Bumblebee กลิ้งตกลงไปตรงนี้ล่ะ ชะเง้อดูหน่อย Bumblebee ยังอยู่มั้ยนะ

จากนั้นเราก็ออกเดินทางเพื่อไป Route 66 ผับแถว RCA เอ้ย ไม่ใช่!!!! มันคือ ถนนประวัติศาสตร์ชาติอเมริกาต่างหาก ซึ่งถนนนี้ตัดผ่านตั้งแต่เมือง Chicago จบลงที่เมือง Los Angeles รวมทั้งหมด 8 รัฐ ระยะทางเกือบ 4 พันกิโลเมตร และถนนเส้นนี้ ยังเป็นแรงบันดาลใจของ Location ในภาพยนตร์เรื่อง Cars ซึ่งเราอยากมาเหยียบบนถนนนี้มาก จาก Hoover Dam ก็ขับลงมายังเมืองแรกของ Route 66 คือ เมือง Kingman และเราก็แพลนไปนอน Motel บนถนนประวัติศาสตร์นี้ ที่เมือง Seligman ซะเลย feeling ภาพยนตร์ฮอลลีวูดมาเต็ม ^^

Day 2 Arizona : Route 66 -> Grand Canyon South Rim

เช้าวันนี้ตื่นมาพร้อมกับหิมะจ้าาาา อ่านไม่ผิดค่ะ หิมะในเดือนพฤษภาคม โอ๊ยยย อะไรจะครบรสขนาดนั้น เราเช็คอุณหภูมิก่อนจัดกระเป๋ามา คือ ประมาณ 20 องศาเซลเซียส แต่เช้านี้ตื่นมาที่ -3 องศา รู้สึกว่าพายุเข้า ฝนตก อากาศเย็นลงมาก ตายละ จะไปเอาขนเป็ด heattech ที่ไหนใส่ละเนี่ย ทำได้แค่ใส่เสื้อผ้าหลายๆ ชั้นเข้าไว้ แล้วก้อเที่ยวต่อค่ะ ^^

เมือง Seligman นี้ เป็นเมืองที่ถนน Route 66 ตัดผ่านเมืองเลย และเป็นเมืองที่น่ารักมากๆ เลยนะ เหมือนอยู่ในภาพยนตร์การ์ตูน Cars จริงๆ ซึ่งโลเคชั่นของภาพยนตร์เรื่อง Cars ก็ได้แรงบันดาลใจจากที่นี่แหละจ้า สีสันสุดๆ ถ่ายรูปตรงไหนก็สวย ยิ่งตรงไหนที่มีป้าย Route 66 นะ อยากจะวิ่งเข้าไปถ่ายรูปกันเลยทีเดียว Motel ที่เราพัก ก็อยู่ตรงแหล่งถ่ายรูปสวยๆ นี่เลยค่ะ เดินถ่ายรูป ซื้อของที่ระลึกกันเพลินเลย

ใครมาที่นี่ แนะนำร้านเก่าแก่ร้านนี้นะคะ Delgadillos Snow Cap ด้วยความที่อากาศหนาว เราเลยสั่ง Hot Chocolate พร้อมวิปครีม อร่อย นุ่มลิ้นสุดๆ และร้านนี้ก็มีเอกลักษณ์เก๋ๆ ผู้มาเยือนก็จะเขียนชื่อลงบนธนบัตรประเทศตัวเองแปะไว้ด้วยน้าาา

ได้เวลาออกเดินทางไปยัง Grand Canyon แล้ว โบกมือลา Route 66 กัน

ทริปนี้ เราไป Grand Canyon ฝั่ง South Rim ค่ะ ส่วนใหญ่ถ้ามาจาก Las Vegas มักจะไปฝั่ง West Rim เพราะเป็น One Day Trip จาก Las Vegas ได้เลย แต่เราศึกษามาว่า ฝั่ง South Rim จะสวยที่สุด และมีที่พักด้านในอุทยานด้วย จากเมือง Seligman ก็จะผ่านเมือง Williams อยู่บน Route 66 เช่นเดิม ซึ่งเมืองนี้ นับได้ว่าเป็น Gateway to Grand Canyon หรือ ประตูสู่แกรนด์แคนยอนนั่นเอง แวะเติมพลังกันที่เมืองนี้ก่อนเลย 

เมือง Williams นี้ เป็นแค่เมืองเล็กๆ ค่ะ ขับผ่านเข้าไปในเมืองเลย พอออกจากเมือง เราก็จะถึงทางเข้า Grand Canyon National Park ฝั่ง South Rim ทันที ค่าเข้ารถยนต์ $35 สำหรับ 7 วัน เราสามารถจอดรถตรง Visitor Center แล้วนั่ง Shuttle Bus ฟรี ไปยังจุดต่างๆ ใน Grand Canyon ได้เลยนะคะ เพราะจะมีที่จอดรถแค่บาง point เท่านั้น สามารถวางแผน ตามแผนที่นี้ได้เลยค่า 

https://www.nps.gov/grca/index.htm

เราไปถึงตอนบ่าย โชคดีว่า ฝนหยุดตกแล้ว แต่ท้องฟ้าเต็มไปด้วยเมฆ และอากาศ 7 องศาเท่านั้น ฮือฮือ

เราเลือกนอนใน Grand Canyon เลย ค่าที่พักถือว่าราคาสูงใช้ได้ แต่เอาน่าาา ได้ feeling กว่าเยอะเลย ดูพระอาทิตย์ตกได้ แบบไม่ต้องรีบกลับ และตื่นเช้ามาดูพระอาทิตย์ขึ้นได้อีกต่างหาก ที่พักมีหลายรีสอร์ทนะคะ จากรูปก็มีตรง Village เป็นที่พักริมผาเลย แต่เราพัก Yavapai Lodge ตรง Market Plaza ค่ะ สะดวกมากๆ มีร้านอาหาร Store มันคือจุดศูนย์กลางจริงๆ ไปถึงก็จอดรถ Check in แล้วก็นั่ง Shuttle Bus ฟรีไปยังจุดต่างๆ สามารถเข้าไปจองที่พักได้ที่นี่ค่ะ 

https://www.visitgrandcanyon.com/yavapai-lodge แนะนำว่าจองแต่เนิ่นๆ นะจ๊ะ เราจองล่วงหน้าประมาณ 6 เดือนจ้า

Day 3 Arizona : Grand Canyon South Rim -> Horseshoe Bend -> Lower Antelope Canyon

เช้าตื่นมา วันนี้อากาศดี๊ดี ฟ้าแจ่มมากกกกก ฟ้าหลังฝนย่อมสวยงามเสมอ คิดถูกที่นอนในอุทยาน เลยได้รูป Grand Canyon แบบฟ้าแจ่มๆ ก่อนจะบ๊ายบายที่นี่ ตอนนี้อุณหภูมิก็ประมาณ 10 องศาค่ะ แต่มีแดด เลยกำลังสบาย ไม่หนาว เราชอบอากาศประมาณนี้มาก ^^

ออกจาก Grand Canyon โดยขับไปทาง East นะคะ จะได้ไม่ต้องย้อนลงมาที่เมือง Williams ตามเดิม แล้วเราก็มุ่งหน้าไปยัง Horseshoe Bend โค้งน้ำรูปเกือกม้า ค่าเข้ารถยนต์คันละ $10 จะอยู่กี่ชั่วโมงก็ได้ แต่ถ้าขับออกมาแล้ว จะกลับเข้าไปอีก เสียเงินใหม่นะจ๊ะ 

เราอ่านรีวิวมาว่า ให้ไปช่วงสายๆ หรือบ่ายต้นๆ เพราะจะไม่มีเงาแดดมาบดบัง จะเห็นโค้งน้ำสวยงาม เราไปถึงตอนบ่ายโมงครึ่งค่ะ สวยจริงๆ ขนาดไม่ใช่ตากล้องนะ ถ้ามืออาชีพมา บอกเลย ตรงนี้พีคสุดๆ

หลังจากชมความงามของ Horseshoe Bend แล้ว เราก็ไปจุดไฮไลท์ถัดไปที่ถ้ามา Arizona แล้ว ต้องไป Check in ที่นี่เลยแหละ นั่นก็คือ Antelope Canyon จ้า จะมีฝั่ง Upper และ Lower นะคะ อ่านรีวิวมาเยอะ เค้าบอกว่า Lower ริ้วสวยกว่า โอเค ไป Lower จ้าาา หรือใครจะไปทั้ง 2 ที่ ก็จัดเลยค่ะ อ้อ เราจะเดินดุ่มๆ ลงไปดูเองไม่ได้นะคะ ต้องซื้อตั๋วเข้าเท่านั้น และจะมีไกด์ท้องถิ่นพาเราเข้าไป เนื่องจากเคยมีน้ำท่วม และมีคนเสียชีวิตมาก่อน แนะนำจองล่วงหน้านานๆ นะคะ เต็มเร็วอีกเช่นเคย 

https://lowerantelope.com เราจองแบบ General Tour ค่ะ คือ ห้ามเอาไม้ Selfie และขาตั้งกล้องเข้าไป ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง เราจองรอบ 15.30 ไว้ค่าา (ช่วง Summer รอบสุดท้าย คือ 17.00 แต่ถ้ามาช่วง Winter ฟ้าจะมืดเร็ว รอบสุดท้าย คือ 15.30) ส่วน Deluxe Tour สำหรับช่างภาพมืออาชีพ อุปกรณ์ต้องพร้อม

Trick ของการถ่ายรูปที่นี่ให้สวย ไกด์ท้องถิ่นแนะนำมาค่ะ คือ เราต้องตั้งค่ากล้องมือถือเราเป็น Cloudy หรือ ค่า 6,500 เราไม่เข้าใจหรอกนะ ทำตามเค้าบอก ^^

Day 4 Arizona & Utah : Page -> Bryce Canyon -> Zion Luxury Camping

เมื่อคืน เราเลือกที่พักที่เมือง Page รัฐ Arizona ซึ่งอยู่ห่างจาก Lower Antelope Canyon ประมาณ 15 นาที และอยู่ใกล้พรมแดนรัฐ Utah ค่ะ เช้าวันนี้เราก็ขับรถเข้า Utah กันเลย ที่แรกที่ไป ก็คือ Bryce Canyon National Park

พอถึงทางเข้า ก็เริ่มจากเ

สียค่าเข้ากันก่อน รถยนต์ $35 สำหรับ 7 วัน เหมือนกับ Grand Canyon เลยค่า เราสามารถจอดรถฝั่งตรงข้าม Visitor Center (ตำแหน่งที่ 9 ในรูป) แล้วเดินข้ามถนนไปนั่ง Shuttle Bus ฟรี ไปยังจุดต่างๆ ได้เลย เริ่มจากตำแหน่งที่ 1 นะคะ อยากลงจุดไหน ก็ลงจากรถ ถ่ายรูป กลับมาจุดขึ้นรถ เพื่อรอขึึ้นรถไปยังจุดถัดไป สะดวกสุดๆ ค่าาา จุดที่แนะนำ ก็คือ ตำแหน่ง 3 4 6 และ 8 ค่ะ ^^

หลังจาก Bryce Canyon เราก็จะไปที่พักสำหรับคืนนี้กัน เราภูมิใจนำเสนอสุดๆ เลยน้าาาา ราคาหลักพัน แต่วิวหลักล้านจริงๆ นะ คืนนี้เราจะนอน Campground กัน เรามาทันรอดูพระอาทิตย์ตกดินด้วยล่ะ ^^

ที่นี่เก๋สุดๆ ก็คือ ไม่มีพนักงานแม้แต่คนเดียว ตอนเช้า เค้าจะ email มาว่าเราพักเต็นท์ไหน แล้วให้เราไปที่เต็นท์นั้นได้เลย ไม่ต้อง Check in จ้าาา มาถึง เราจะเจอเต็นท์ของเรา ที่ก่อกองไฟ เตาบาร์บีคิว ไว้ให้พร้อมเลย เและถ้าเราอยากก่อกองไฟ ก็พิมพ์แจ้งเค้า เดี๋ยวเค้าจะเอาฟื้นมาให้ ราคา $20 แต่ละเต็นท์ จะห่างกัน มีพื้นที่ส่วนตัว private สุดๆ มีห้องอาบน้ำด้วยน้าา สะอาด เริ่ด ใครสนใจพักแบบนี้ ตาม link นี้เลย 

https://www.zionluxurycamping.com

แต่และแล้ว เราก็ได้รู้ว่า วิชาลูกเสือ เนตรนารี ยุวกาชาดที่เคยเรียนๆ มา คืนคุณครูไปหมดแล้ว 555 เรากับแฟนก่อกองไฟกันไม่เป็นจ้า ไม่รู้ว่าต้องมีอุปกรณ์อะไรยังไงบ้าง ทำไงดีๆๆ เราเดินไปขอความช่วยเหลือจากเต็นท์ข้างๆ แฮร่ๆ ชาวต่างชาติใจดี มาช่วยจุดไฟให้เราก่อน จากนั้นแฟนเราก็สุมไฟต่อเพื่อให้มันลุกโชน แล้วเราก็ออกไป Supermarket ซื้อไส้กรอก แฮม มาร์ชเมลโล มาเผาไฟ ปิ้งกิน ตามประเพณีของการก่อกองไฟ พร้อมดวงดาวเต็มท้องฟ้า เปิดเพลงคลอเบาๆ ชิลล์ไปอีก บอกแล้วว่า Slow Life สุดๆ ทริปนี้ คืนนี้หลับฝันดีค่ะ

Day 5 Utah & Nevada : Zion Luxury Camping -> Las Vegas

ช่วงเช้าอากาศดี ฟ้าแจ่มมาก ก็เดินเล่น ถ่ายรูปที่พักนี้กันไป ได้ทั้งวิวธรรมชาติ และวิว Zion National Park เป็น Background ฟินๆ ด้วยอ่ะ สวยมากๆ

ก่อนจะกลับเข้าลาสเวกัส เราก็ยังมีเวลาเหลือๆ ทำอะไรดีน้าาาาา หากิจกรรมทำดีกว่า บอกเลยว่ากิจกรรมนี้ เพิ่งคิดล่วงหน้าไม่กี่วัน เพราะความอยากมันบังเกิด 555 เรา search เจอฟาร์มม้า ห่างจากที่พัก 5 นาที เลยติดต่อไปเลย เค้าเป็น Private Tour ค่ะ เราก็แจ้งไปว่าไปกัน 2 คน ความสูงเท่าไร เค้าจะเลือกม้าที่เหมาะกับเราให้ พอถึงเวลานัด ก็ขับรถไปฟาร์มม้าแห่งนี้ ม้าตัวใหญ่ สวยงาม เค้าก็จัดให้เลยค่ะ ใครขี่ม้าตัวไหน แล้วเจ้าของฟาร์มก็ขี่นำเราไป เราจองแบบ 1 ชั่วโมง เป็นครั้งแรกของเรากับแฟนเลยสำหรับการขี่ม้า เฮ้ย มันดี ขี่ม้าท่ามกลางอากาศเย็นๆ วิวสวยๆ มันใช่มาก ไม่ต้องเคยขี่ม้ามาก่อน ก็ขี่ได้เลยจ้า

หลังจากนั้น เราก็เข้า Las Vegas กันจ้าา เมื่อถึง Las Vegas แล้ว ก็ห้ามพลาดกับเครื่องเล่นสุดเสียวที่ Stratosphere Casino Hotel & Tower แค่เห็นก็เสียวแล้ว 555 จริงๆ มี 3 เครื่องค่ะ แต่วันนั้นลมแรงมาก คิดว่าจะไม่ได้เล่นแล้ว แต่ยังโชคดี ปิดแค่เครื่องเล่น Big Shot เท่านั้น เหลือเพียง 2 อย่าง คือ X-Scream เครื่องเล่นจะพุ่งออกไปนอกตึก แล้วค้าง แล้วก็ถอยหลังกลับ น่ากลัวตอนมันพุ่งออกนอกตึกนั่นแหละ นั่งหน้าสุดนะ หัวใจจะวาย 55 ส่วน Insanity จะเป็นเครื่องเล่นวงกลม แล้วค่อยๆ หมุนออกมานอกตึก กางกว้างขึ้นๆ เรื่อยๆ มองลองไปข้างล่างนะ เสียวมากจ้า เราซื้อบัตร ขึ้นหอคอย + เครื่องเล่น 2 อย่าง แต่แฟนเราซื้อแบบ unlimit เล่นได้ทุกอย่าง กี่รอบก็ได้ omg!!!! 

https://www.stratospherehotel.com/ThrillRides

เราชอบ Insanity นะ ก่อนเล่น คือ เสียว มือสั่น ขาสั่น แต่พอเครื่องมันหมุนเท่านั้นแหละ มันส์สุดๆ เลยจ้าา อะดรีนาลีนพุ่งปรี๊ดดดดด

หลังจากเล่นเสร็จ ก็ขับรถไปสนามบิน คืนรถ และบินกลับเมืองไทยโดยสวัสดิภาพ พร้อมหัวใจพองโตที่ชาร์จแบตมาเต็มเปี่ยม พร้อมที่จะวางแผนทริปถัดไปค่ะ ^^

ราคาสำหรับทริปนี้ ไม่รวมตั๋วเครื่องบิน ไม่รวมอาหารการกินต่างๆ ไม่รวมช้อปปิ้ง ซื้อของฝาก ของที่ระลึกนะคะ เราขอแจกแจงไว้ให้เลยค่ะ

รถเช่า 5 วัน พร้อมประกัน = $470

น้ำมัน = $140

ที่พัก Seligman, Arizona = $70

ที่พัก Grand Canyon = $180

ที่พัก Page, Arizona = $110

ที่พัก Zion Luxury Camping = $95

ขีี่ม้า 1 ชั่วโมง 2 คน = $150

ค่าเข้า Grand Canyon = $35

ค่าเข้า Bryce Canyon = $35

ค่าเข้า Horseshoe Bend = $10

ค่าเข้า Lower Antelope Canyon = $102

ค่าเครื่องเล่น = $80

Jobs fill your bank account. Adventures fill your soul.

Follow me : https://www.instagram.com/lodk...


Travelholic

 วันพุธที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2564 เวลา 23.09 น.

ความคิดเห็น