ในชีวิตคนเรา ในช่วงชีวิตที่เราจะนึกถึงใครสักคน ในช่วงเวลา และสถานที่ ที่มีผลต่อความรู้สึกของเรา ความผูกพันที่ก่อตัวขึ้นอย่างช้า ๆ ตามกาลเวลา แม้มันจะผ่านไปนานแค่ไหน แต่เรากลับยิ้มทุกครั้งที่คิดถึงช่วงเวลานั้น
.
ในช่วงชีวิตในรั้วมหาลัย คงเป็นอีกหนึ่งความทรงจำที่ทำให้เราหวนคิดถึง ช่วงชีวิตที่ทำให้เรายิ้ม หัวเราะ และร้องไห้ได้แบบไม่ต้องอายใคร
.
การนึกถึงเวลาเก่าๆ นึกถึงความสัมพันธ์หรือช่วงเวลาที่มีความผูกพันระหว่างกัน มีความใกล้ชิด มีเรื่องราวดีๆ ด้วยกัน การได้หวนนึกถึงบางคน สถานที่บางแห่ง ก็ทำให้เราอดยิ้มไม่ได้นะ
.
วันนี้นวลจะพาย้อนกลับไปคิดถึง มหาวิทยาลัยนเรศวรกัน แม้วันเวลาจะผ่านไป สถานที่อาจเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา แต่ความทรงจำ และความคิดถึงที่มีต่อสถานที่นั้น ๆ นวลว่ามันไม่ได้น้อยลงไปเลย
.
มันอาจทำให้หายคิดถึงได้บ้าง แต่ถ้าไม่หายคิดถึง ต้องเก็บเป๋ากลับไปหวนคิดถึงวันเก่าที่พิษณุโลกแล้วละเนอะ

มหาวิทยาลัยนเรศวร “เพราะคิดถึง.. จึงมาหา”

แน่นอนล่ะ ทุกคนต้องมีสถานที่สักแห่งที่อัดแน่นไปด้วยความทรงจำมากมาย ใครที่เคยผ่านชีวิตในรั้วมหาลัยมาคงจะเข้าใจดี เพราะมันเป็นช่วงเวลาที่มีคุณค่า สอนให้เราเติบโต ทำให้เราเข้าใจชีวิต และสิ่งนึงที่นวลมั่นใจคือ สถานที่แห่งนี้ทำให้เราหวนนึกถึงเพื่อนหลาย ๆ คน และที่สำคัญ .. “ใครบางคน”
.
ใครยังเก็บรูปป้ายหน้ามหาลัยเอาไว้บ้าง เอามาแชร์กัน!

นอกจากห้องเรียน ศูนย์อาหารก็ดูจะเป็นสถานที่ที่ทุกคนรู้จัก และผูกพันอย่างขาดไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นตัวสถานที่ แม่ค้าใจดี ร้านประจำ และความทรงจำนับพันนับหมื่นที่เคยมี
.
ที่ NU CANTEEN หลายคนอาจได้ทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ในวันนั้น ที่ทุกวันนี้กลายมาเป็นเพื่อนสนิทที่สุด บางคนอาจเริ่มสบตาทำความรู้จักกับคนรู้ใจที่นี่ ขณะที่บางคนอาจมีประสบการณ์ผิดหวัง เคยนั่งเศร้าอยู่ที่โต๊ะมุมประจำมาบ้าง ใครจะเชื่อว่าเพียงได้กลับมายืนที่เดิมในช่วงเวลาที่เปลี่ยนไป จะทำให้เราสามารถเรียกคืนความทรงจำเก่าๆ มาได้มากมายขนาดนี้

ด้วยความที่ NU CANTEEN เป็นจุดศูนย์รวมนิสิตจากทุกคณะ เราจะได้เห็นหนุ่ม ๆ สาว ๆ คณะอื่น เดินเข้าออกตลอดวัน แน่ล่ะ บางคนอาจจะเคยบริหารสเน่ห์เบา ๆ แอบมองบ้างอะไรบ้าง รักเอยเตยหอมบ้าง ส่วนใครที่กลุ่มใหญ่ใจกล้าหน่อย ก็นั่งแซวหนุ่ม แหย่สาว เย้าหยอกกันเพลิน ๆ

“เจอกันที่ NU CANTEEN นะ”

หนึ่งในสถานที่ยอดฮิตในการนัดเจอเพื่อน ก็ศูนย์อาหารฯ นี่แหล่ะ ไม่ว่าจะนัดกินข้าว เอาของมาคืน เอาของมาให้ยืม นัดคุยงาน เตรียมพรีเซนต์โปรเจ็กต์ และสารพัดรูปแบบของการนัดพบปะของชาวมอนอ มักจะเกิดขึ้นที่นี่ นั่นก็เลยทำให้ NU CANTEEN กลายเป็นหนึ่งในสถานที่ที่เก็บรวบรวมเอาความทรงจำเอาไว้มากมาย โดยเฉพาะช่วงปีแรก ๆ ที่ก้าวเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย

สวนเทเลทับบี้ คือสวนสาธารณะกลางมหาวิทยาลัยที่ตั้งอยู่ระหว่างอาคารสำนักหอสมุด คณะวิศวกรรมศาสตร์ และคณะวิทยาศาสตร์ ซึ่งเจ้าสนามหน้าโล่งๆ นี้ มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า "กรีน แอเรีย" (Green Area) หรือ "โอเอซิส" (Oasis) แต่เอาเข้าจริง ๆ ชื่อที่ติดปากนิสิตที่นี่ก็คงจะไม่พ้น “สวนเทเลทับบี้” หรือ “ลานเทเลทับบี้” ด้วยลักษณะของสวนที่ประกอบด้วยลานหญ้าและเนินต่ำ ๆ เหมือนทุ่งหญ้าในรายการทีวีเรื่อง "เทเลทับบี้" นั่นเอง

เชื่อว่าหลายคนคงจะเคยเดินเล่นรับลม ชมวิว ในบรรยากาศโล่ง ๆ ของสวนเทเลทับบี้กับกลุ่มเพื่อนหรือคนพิเศษกันมาบ้าง ด้วยบรรยากาศโปร่ง ๆ ลมเย็น ๆ ที่คอยพัดไอแดดอุ่น ๆ ปะทะใบหน้าในช่วงหน้าร้อน และไอหมอกเย็น ๆ ในช่วงหน้าหนาว จึงทำให้สวนเทเลทับบี้เป็นอีกหนึ่งสถานที่แห่งความทรงจำที่ทุกคนอยากจะแวะเวียนเข้าไปสัมผัสอีกครั้ง ส่วนใครที่ยังไม่เคย บอกเลยว่านี่คืออีกหนึ่งสถานที่ที่ต้องไปเช็คอินสร้างความทรงจำครั้งใหม่แบบด่วนๆ

ฮั่นแน่.. ใครเคยถ่ายรูปซุ้มประตูที่โถงทางเดินหอสมุดมาแล้วบ้าง สารภาพมา

ด้วยความที่เป็นโถงทางเดินยาว ๆ ให้เราอาศัยหลบแดดหลบฝน แอบเดินกระหนุงกระหนิง เข้า-ออก หอสมุด เป็นประจำ ‘โถงทางเดินหอสมุด’ เลยทำหน้าที่เป็นประตูสู่ความทรงจำของหลาย ๆ คน เมื่อได้ย้อนกลับมาที่นี่อีกครั้ง
.
ไหนๆ ก็พูดถึงประตูแล้ว จะบอกว่าประตูทางเข้ามหาวิทยาลัยฯ จริง ๆ นั้น จะมีอยู่ 6 ประตู
ประตู 1, 2 เป็นประตูหน้ามอ ติดถนนใหญ่สายเอเชีย ประตู 3 เป็นฝั่งที่อยู่ใกล้ที่อยู่อาศัยของชาวบ้าน อาจจะมีหอพักบ้างประปราย เวลาไม่สบายใจก็จะแอบไปขี่รถเล่นเงียบๆ ก็ช่วยให้รู้สึกสงบและดีขึ้นอย่างบอกไม่ถูก
.
ส่วนประตู 4 และ 5 เป็นประตูสู่ความครึกครื้นนอก มอนอ นิสิตมักจะพักอยู่โซนนี้เป็นส่วนมาก ผู้คนขวักไขว่ เต็มไปด้วยแสงสี
ขณะที่ประตู 6 เป็นประตูทางไปชุมชนคนหน้ามอ แต่รถยนต์ไม่สามารถผ่านเข้าออกได้ เพราะประตูทางเข้าค่อนข้างเล็ก

จากโถงทางเดิน เราก็ย้ายเข้ามาสูดกลิ่นกระดาษย้อนความทรงจำในหอสมุดกันบ้าง สิ่งแรกที่นวลเชื่อว่าหลายคนต้องทำเหมือนกันคือเดินเข้าไปส่องมุมประจำที่เคยนั่งอ่านหนังสือ หรือแม้แต่มุมที่เคยแอบมานั่งหลับ ชั้นหนังสือแถวโปรด ว่ายังอยู่ดีรึเปล่า หนังสือเล่มนั้นที่เราเคยยืมวันนี้จะยังอยู่มั้ย ตำราวิชาถนัดที่เคยช่วยให้เราสอบได้คะแนนสูงสุดจะมีนิสิตคนไหนได้หยิบยืมไปอ่านแล้วบ้าง

กลิ่นกระดาษจากหนังสือเล่มเก่า หอบเอาความรู้สึกและความทรงจำเดิม ๆ เข้ามาได้มากกว่าที่คิด หนังสือบางเล่มเราอาจจะอ่านเพลินจนจบเล่มได้ในวันเดียว ขณะที่บางเล่มกว่าจะอ่านจบได้ก็ปาไปเป็นเทอม หรือบางเล่มเราอาจต้องขอข้าม ...พักก่อนนนน!

แต่เชื่อมั้ยว่า การได้กลับมาเดินทบทวนความทรงจำที่นี่ มันวิเศษจนบอกไม่ถูก

ส่วนใครที่ยังไม่เคยเข้ามา นวลก็อยากจะแนะนำว่า ลองเข้าไปสัมผัสดูเถอะ อย่างน้อย ๆ ถ้าตอนนี้ยังไม่มีความทรงจำอะไร ก็ถือว่าไปครีเอทมุมถ่ายรูปชิค ๆ สร้างความทรงจำครั้งแรกกับหอสมุด มอนอ อย่างมีสไตล์ก็ฟังดูดีใช่ย่อยนะ

หอสมุดเป็นอีกหนึ่งสถานที่ ที่เหล่านิสิตต่างคณะหรือคณะเดียวกันได้มีโอกาสพบปะและทำความรู้จัก บางคนอาจเคยหยิบหนังสือเล่มเดียวกัน บางคนแอบยิ้มให้กันตอนต่อแถวลงทะเบียนยืมหนังสือ หรือแม้แต่มาแอบมองรุ่นพี่ที่แอบชอบที่นี่ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมการได้ย้อนกลับมามองสถานที่เดิม ๆ ในช่วงเวลาที่เปลี่ยนไป ถึงทำให้เรารู้สึกอบอุ่นหัวใจได้มากมายเหลือเกิน

ที่ ม.นเรศวร จะเรียกผู้เข้าศึกษาว่านิสิต แทนนักศึกษา สาเหตุก็เพราะ ม.นเรศวร เดิมคือ ม.ศรีนครินทรวิโรฒ วิทยาเขตพิษณุโลก จึงทำให้ที่นี่รับเอาแนวทางที่มหาวิทยาลัยใช้เรียกขานผู้เข้ารับการศึกษาในแบบของ มศว. เช่นเดียวกับมหาวิทยาลัยอื่นๆ ที่แยกตัวออกมาจาก มศว. อย่าง มหาวิทยาลัยบูรพา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม และมหาวิทยาลัยทักษิณ รวมไปถึงมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

นอกจากนี้ ในไทยยังมีอีกสองมหาวิทยาลัยหลักที่ใช้คำว่านิสิตแทนนักศึกษา ซึ่งก็คือ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ ม.เกษตร

รถประจำทางระบบไฟฟ้าเป็นอีกหนึ่งเช็กอินพอยท์ที่ควรสัมผัสของ ม.นเรศวร ไม่ว่าคุณจะเป็นนิสิตเก่าที่เข้าเรียนก่อนจะมีการรถไฟฟ้าเข้ามาใช้งาน หรือเป็นผู้มาเยี่ยมชมสถานที่ครั้งแรกก็ตาม
ด้วยลวดลายและสีสันอันเป็นเอกลักษณ์ ทำให้ ‘รถไฟฟ้ามหาลัย’ ของมอนอ กลายเป็นอีกหนึ่งไอเท็มสุดคูลที่บอกได้ว่า ต้องลองสักครั้ง

เราจะเห็นโมเมนต์รอรถประจำทางในฉากหนังโรแมนติกหลายเรื่อง ซึ่งหลายฉากก็ดึงมาจากชีวิตจริงของเรา ๆ นี่แหล่ะ ไม่ว่าจะฟีลรักเอยเตยหอม รอขึ้นรถพร้อมกัน หรือมายืนส่งเขาขึ้นรถ ก่อนจะแยกย้ายกันไปเรียน
จะบอกว่าที่ป้ายรถไฟฟ้า สนามบอล2 ม.นเรศวร ก็ให้ฟีลโรแมนติกได้ไม่แพ้กัน ส่วนใครที่อยากจะได้มุมไว้ครีเอทท่าถ่ายรูปเก๋ ๆ แนะนำว่าถ้ามีโอกาสมาที่ ม.นเรศวร ให้จดลงลิสต์ไว้เลย

“ม.น. เทา แสด แดดและยุง”
ด้วยความที่สีเทา-แสด เป็นสีประจำมหาวิทยาลัยนเรศวร โดยสีเทาสื่อถึงความรู้ เนื่องจากเป็นสีของสมอง ขณะที่สีแสดหรือส้ม มาจากการรวมกันของสีแดงและสีเหลือง ซึ่งสีแดงหมายถึงความกล้าหาญ หรือ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ส่วนสีเหลืองสื่อถึงพระพุทธชินราช พระคู่บ้านคู่เมืองพิษณุโลก

และด้วยความที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ร้อนชื้นและมียุงชุม ชาว ม.น. รุ่นเก่าๆ จึงตั้งฉายาประจำมหาวิทยาลัยแบบขำ ๆ และส่งต่อฉายาอันเป็นเอกลักษณ์นี้จากสู่รุ่นสู่รุ่น และนั่นก็คือ “ม.น. เทา แสด แดดและยุง”

แม้มหาวิทยาลัยจะไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อเป็นสถานที่ท่องเที่ยวโดยตรง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า มันคือสถานที่ที่มีชีวิต และถูกออกแบบมาเพื่อมนุษย์โดยเฉพาะ ดังนั้น เราจะเห็นรูปแบบทางสถาปัตยกรรมต่าง ๆ ที่มีรูปแบบสวยงาม และเหมาะกับการใช้งานจริง ๆ เยอะมาก ดังนั้น ใครที่ชอบเยี่ยมชมหรือถ่ายภาพอาคารสถานที่ จึงไม่ควรพลาดที่จะแวะเวียนเข้ามาที่ ม.นเรศวร

มหาวิทยาลัยนเรศวรมีบริการรถไฟฟ้ารอบมหาวิทยาลัย เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการเดินทางให้แก่นิสิต อาจารย์ และบุคลากร ภายใต้โครงการขนส่งมวลชน ในการกำกับดูแลของหน่วยงาน กองอาคารสถานที่ นอกจากนี้ ยังเป็นการโครงการเพื่อรณรงค์ด้านการรักษาสิ่งแวดล้อม เพื่อก้าวสู่การเป็นมหาวิทยาลัยสีเขียว (Green University) ด้วย

เพราะหอพัก เปรียบเหมือนบ้าน และสถานที่ซึ่งบรรจุความทรงจำของทุกคนเอาไว้มากมาย
หอพักนิสิต จึงเรียกได้ว่าเป็นที่พักของทั้งร่างกายและจิตใจอย่างแท้จริง ไม่ว่าใครจะเคยพักอยู่หอนี้ยาวนานหรือสั้นแค่ไหน ก็คงไม่ทำให้ความทรงจำดี ๆ ลดน้อยลงไปเลย นวลจึงมั่นใจว่าที่นี่คืออีกหนึ่งจุดหมายที่หลายคนอยากกลับไปเยี่ยมเยือน

จะใช้คำว่า มีทุกสิ่งให้เลือกสรร ก็คงจะไม่ผิดเท่าไหร่ ถ้าพูดถึงศูนย์อาหาร NU-SQUARE หรือโรงอาหารหน้าหอใน เพราะที่นี่มีร้านขายอาหารมากมายหลายเมนู ไม่ว่าจะเป็น ข้าวราดแกง อาหารตามสั่ง ก๋วยจั๊บ ก๋วยเตี๋ยว ขนมหวาน น้ำปั่น ผลไม้ ลูกชิ้น เครป ร้านเย็บผ้า สายกินแหลกแทบจะไม่ต้องห่วงเรื่องของกินเลยเมื่ออยู่หอใน
ใครจะซื้อไอติมง้อแฟน หรือซื้อผลไม้ฝากเพื่อนก็จัดไป ไม่ผิดหวังแน่นอน

ศูนย์อาหาร NU Square มีที่นั่งกว้างขวาง โอ่โถง ลมพัดเย็นสบาย ชวนให้นึกถึงบรรยากาศเก่า ๆ ใครที่เคยอยู่หอใน จะบอกว่าไม่เคยมานั่งก็คงเป็นไปได้ยาก ใครที่มีโอกาสได้กลับมาก็อย่าลืมไปอุดหนุนแม่ค้าร้านประจำสมัยเรียนกันด้วยล่ะ
.
“นวลมีสาระมาฝาก”
มหาวิทยาลัยนเรศวรมีประวัติการก่อตั้งและพัฒนาโดยแบ่งได้เป็น 3 ยุคสมัย คือ ยุคที่ 1 วิทยาลัยวิชาการศึกษาพิษณุโลก ยุคที่ 2 มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ วิทยาเขตพิษณุโลก และยุคปัจจุบัน คือ มหาวิทยาลัยนเรศวร

วาฟเฟิลแม่ฟ้าหลวง อีกหนึ่งตำนานความอร่อยที่ นิสิต มอนอ ต้องเคยกิน

ด้วยบรรยากาศเอย ลมเย็น ๆ เอย แดดอุ่น ๆ เอย ‘อ่างเก็บน้ำหลังมอ’ ถือได้ว่าเป็นสถานที่แห่งความทรงจำดี ๆ ของคนที่เคยอยู่ ม.นเรศวร มาก่อน ไม่ว่าจะมากินลมชมวิวเพลิน ๆ หรือแอบมานั่งร้องไห้ตอนสอบตก อกหัก หรือทะเลาะกับเพื่อนก็แล้วแต่ อ่างเก็บน้ำหลังมอแห่งนี้จึงไม่ได้กักเก็บน้ำอย่างเดียวเหมือนอ่างเก็บน้ำทั่วไป หากแต่เก็บความทรงจำของใครหลายคนเอาไว้ รอให้หวนกลับมานึกถึงอยู่เสมอ

ด้วยความที่เป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ มีถนนลาดยางมะตอยระยะทาง 2.5 กม. จึงทำให้อ่างเก็บน้ำหลังมอ เป็นทั้งสถานที่เดินเล่นและวิ่งออกกำลังกายยอดฮิตของชาวหอใน ไม่ว่าวันนั้นคิดจะไปวิ่งจริงๆ หรือทำทีไปทำทีให้อาหารปลา ส่งสายตาเหล่หนุ่มงานดี แถมที่นี่ยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามด้วยนะ

อีกหนึ่งสถาปัตยกรรมเด่นของ ม.นเรศวร ที่ควรค่าแก่การมาเยี่ยมเยือน ก็คือ หอประดิษฐานพระพุทธรูป ภปร. ซึ่งเป็นพระพุทธรูปประจำมหาวิทยาลัย ที่มีเอกลักษณ์ สะท้อนรูปลักษณ์ศิลปสถานเมืองพิษณุโลก ซึ่งมีลักษณะร่วมของสถาปัตยกรรมแบบสุโขทัยและกรุงศรีอยุธยา
โดยหอพระเทพฯ แห่งนี้ตั้งอยู่กลางสระน้ำระหว่างลานสมเด็จฯ สำนักงานอธิการบดี และโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร โดยมีสะพานเชื่อมต่อกับลานสมเด็จฯ และถนนหน้าโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร

นอกจากจะโดดเด่นด้านงานศิลปะและสถาปัตยกรรม หอพระเทพรัตน์ยังออกแบบให้มีทางเดินกลางสระ ให้ได้เดินชมบรรยากาศและความงดงามของสถานที่ได้อย่างใกล้ชิด ใครที่แวะเวียนเข้ามาที่ ม.นเรศวร ไม่ได้มาเยี่ยมชมสถานที่แห่งนี้ ถือว่ามาไม่ถึง!

มาถึงที่แล้วก็อย่าลืมเก็บรูปไว้เป็นที่ระลึกด้วยล่ะ

อย่างที่นวลเคยบอกไว้ว่าความทรงจำสร้างได้ ถ้าคุณเพิ่งเคยมาที่นี่ครั้งแรก ยังไม่มีอดีตให้หวนรำลึก ก็ให้การมาครั้งนี้เป็นการสร้างความทรงจำครั้งแรก กลับมาคราวหน้าก็จะได้มีฟีลดี ๆ ให้ได้นึกถึง

ต้องบอกว่าศูนย์รวมจิตใจของนิสิต และบุคลากรทั้งมหาวิทยาลัย จะอยู่ที่ลานที่ประดิษฐานพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช

ที่นี่จะมีนิสิตมากราบไหว้เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะช่วงสอบกลางภาคและสอบปลายภาค ตั้งแต่ตอนเย็นเป็นต้นไปควันธูปจะเต็มลาน เต็มแบบว่ามองหากันไม่เจอ

เมื่อมีการบนบานศาลกล่าวสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไว้แล้ว แน่นอนว่าต้องมีการแก้บนตามมาด้วย ซึ่งการแก้บนที่นี่ ก็มักจะเป็นการวิ่งรอบลานหรือถูลานสมเด็จฯ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมลานสมเด็จฯ ถึงได้ดูสะอาดเอี่ยม เงาวับตลอดเวลา ส่วนใครที่บนวิ่งรอบลานไว้ ส่วนใหญ่จะนิยมวิ่งแก้ถึง 100 รอบขึ้นไปเลยทีเดียว

ออกจากมอนอไปไม่ไกล เรามานั่งพักดื่มเครื่องดื่มเย็นๆ กันที่ ร้าน ศาลาขาว (Salakhaow) คาเฟ่สุดเลิฟของชาวมอนอและชาวพิดโลก ที่โดดเด่นด้วยตัวอาคารขนาดกะทัดรัดหลังสีขาว สวยสบายตา ปลอดโปร่งโอ่โถงด้วยบานกระจกใส ทำให้มองเห็นบรรยากาศสนามหญ้าและสวนสีเขียวภายนอก เพิ่มความสดชื่นไปอีกระดับ

ที่นี่เราสามารถเติมความสดชื่นได้ด้วยเครื่องดื่มเย็น ๆ หลากหลายเมนู หรือจะเป็นขนมหวานไทยหลายแบบให้เลือกทานได้ตามใจชอบ อร่อยเหมือนฝีมือแม่แน่นอน

ส่วนใครที่หิวมื้อหนัก ทางร้านศาลาขาวก็มีอาหารบริการด้วยนะ

นอกจากจะเป็นจุดทานอาหาร ดื่มเครื่องดื่ม ผ่อนคลายอารมณ์แล้ว ที่นี่ยังเป็นจุดพบปะพูดคุย แลกเปลี่ยนไอเดียของชาวมอนอ ที่สำคัญร้านศาลาขาวยังเป็นแลนด์มาร์กเก๋ๆ สำหรับสายคาเฟ่ ที่ชื่นชอบการจิบเครื่องดื่มดีๆ สรรหามุมถ่ายรูปเก๋ ๆ ไว้อัพเฟซบุค หรือไอจีด้วย

สำหรับสายดนตรีผู้มีเสียงเพลงในหัวใจ อีกหนึ่งสถานที่ห้ามพลาดก็คือ TAURUS KARAOKE ที่นี่มีเพลงให้เลือกร้องเยอะแยะ ห้องหับกว้างขวาง เหมาะสำหรับการมากับเพื่อน โยกย้ายส่ายสะโพก วาดลวดลาย ออกลีลา กันได้ครบทุกสเต็ป

ส่วนใครเป็นสายโรแมนติกก็นั่งกุมมือร้องเพลงซึ้ง ๆ คลอเสียงดนตรีเบา ๆ สวีท ๆ สองต่อสองไปเลยจ้า

ว่าก็ว่าเถอะ เด็กมอนอแทบจะทุกคนจะมีสกิลการร้องคาราโอเกะกันพอสมควร เพราะเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมยามว่างของเด็กมอนอเลยก็ว่าได้

ก่อนจะเดินทางกลับ เราไม่ลืมที่จะไปสักการะพระพุทธรูปที่วัดวิหารทอง โบราณสถานแห่งเมืองสองแคว ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ที่สำคัญในอดีต
ที่มีเจดีย์ประธานมีรูปแบบพระปรางค์สมัยอยุธยาตอนต้น ที่แม้ปัจจุบันจะเหลือเพียงส่วนฐานเขียงและฐานบัวลูกฟัก แต่ยังคงความสวยงามและน่าเลื่อมใสไม่เสื่อมคลาย

เดินทางมาถึงโบราณสถานสำคัญของเมืองพิษณุโลกทั้งที เราก็ไม่ลืมที่จะเก็บภาพบันทึกความทรงจำสำหรับการเดินทางย้อนสู่อดีตครั้งนี้อย่างแน่นอน

วัดวิหารทองเป็นวัดใหญ่ ซึ่งตั้งอยู่ติดกับสำนักงานที่ดินจังหวัดพิษณุโลก ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำน่าน และทางทิศใต้ของพระราชวังจันทน์ สิ่งก่อสร้างสำคัญ ปัจจุบันเป็นวัดร้างเหลืออยู่แต่เนินฐานเจดีย์ซึ่งมีขนาดใหญ่มาก โดยใช้ศิลาแลงขนาดใหญ่ ประมาณ 7 ต้น หันหน้าไปทางทิศตะวันออก เดิมเป็นวิหารประดิษฐานพระอัฏฐารสซึ่งปัจจุบันประดิษฐานอยู่ที่วัดสระเกศ

หลังจากเดินท้าแดดท้าลมชมความยิ่งใหญ่ในอดีตของวัดวิหารทองแล้ว เราก็ขอหลบลมร้อนของช่วงกลางซัมเมอร์เข้ามานั่งเติมความหวานในร้าน THE AREA 41 คาเฟ่ สีขาวสไตล์เกาหลี ในบรรยากาศสบาย ๆ กันบ้าง

นอกเหนือจากบรรยากาศภายในร้านที่ตกแต่งแบบจัดเต็ม ให้ฟีลเหมือนอยู่ในเกาหลีใต้ยังไงยังงั้น ทางร้านเขาก็มีเมนูเครื่องดื่มเย็นหลากหลายรูปแบบ ทั้งกาแฟ โซดา สมู้ทตี้ หรือเมนูนมให้เลือก
ที่สำคัญทางร้านบอกว่าวัตถุดิบเกือบทั้งหมดนำเข้าจากต่างประเทศด้วยนะจ๊ะ

หลังจากดื่มเครื่องดื่มคลายความร้อน และเติมความชิลให้กลับมาสดชื่นเหมือนเดิมแล้ว เราก็ไม่ลืมที่จะเก็บภาพบรรยากาศภายในร้านที่มีหลายมุมให้เราครีเอทช็อตเด็ด ด้วยบรรยากาศที่เหมือนหลุดมาอยู่กลางเมียงดง ทำให้เราเผลอตัวรัวชัตเตอร์ออกไปจนนับไม่ถ้วน ทีเด็ดทุกมุมจริง ๆ

กลับมาเยือนพิษณุโลกทั้งทีก็ขอทำตัวย้อนวัยไปเป็นวัยรุ่นเมืองสองแควสักหน่อย ด้วยการดูหนังซักรอบ เพิ่มอรรถรสด้วยน้ำอัดลม และป็อบคอร์นเพลินๆ ที่ Thana Cineplex โรงหนังยอดนิยมประจำเมืองพิษณุโลก ที่มีจุดเด่นตรงเก้าอี้นุ่ม ๆ ที่นั่งกว้าง ๆ ช่วยให้เราดูหนังได้เพลิดเพลินยิ่งขึ้นไปอีกขั้น

ไม่น่าเชื่อว่าการได้นั่งกินป๊อบคอร์นเพลิน ๆ หน้าโรงหนังระหว่างรอรอบฉาย จะช่วยให้เราย้อนวัยและย้อนความทรงจำได้ดีขนาดนี้ คงจะจริงอย่างที่ใคร ๆ พูดกันแหล่ะ ว่าสถานที่บางแห่ง กิจกรรมง่าย ๆ บางอย่าง ก็ทำให้เราเรียกคืนความรู้สึกดี ๆ ในอดีตได้อย่างมากมายเกินจะคาดถึง

ในชีวิตคนเรา ในช่วงชีวิตที่เราจะนึกถึงใครสักคน ในช่วงเวลา และสถานที่ ที่มีผลต่อความรู้สึกของเรา ความผูกพันที่ก่อตัวขึ้นอย่างช้า ๆ ตามกาลเวลา แม้มันจะผ่านไปนานแค่ไหน แต่เรากลับยิ้มทุกครั้งที่คิดถึงช่วงเวลานั้น

ในช่วงชีวิตในรั้วมหาลัย คงเป็นอีกหนึ่งความทรงจำที่ทำให้เราหวนคิดถึง ช่วงชีวิตที่ทำให้เรายิ้ม หัวเราะ และร้องไห้ได้แบบไม่ต้องอายใคร

การนึกถึงเวลาเก่าๆ นึกถึงความสัมพันธ์หรือช่วงเวลาที่มีความผูกพันระหว่างกัน มีความใกล้ชิด มีเรื่องราวดีๆ ด้วยกัน การได้หวนนึกถึงบางคน สถานที่บางแห่ง ก็ทำให้เราอดยิ้มไม่ได้นะ

ส่วนใครที่ยังไม่หายคิดถึง ก็อย่าลืมกลับไปเติมความทรงจำดี ๆ กันที่พิษณุโลกกันอีกครั้งด้วยล่ะ

น ว ล by ผู้ชายนวลๆ

 วันพฤหัสที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2564 เวลา 11.20 น.

ความคิดเห็น