ที่พักที่จองไว้คือ อันดาเลย์ บีช รีสอร์ท ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกของเกาะ มอเตอร์ไซค์พวงข้างหรือซาเล้งจอดรอรับผู้โดยสารอยู่แล้ว น้องคนขี่เป็นหญิงสาวชื่อ การ์ตูน คิดเราคนละ 60 บาทเพื่อเดินทางไปยังที่พักท่ามกลางสายฝนที่โปรยปราย

ระหว่างทางเราก็ซักถามในรายละเอียดของเกาะลิบง ได้ความว่าเกาะนี้มีประชากรราวพันคน โดย 97% นับถือศาสนาอิสลาม มี 4 หมู่ แต่ตัวเลขของหมู่ไม่ได้เรียงกัน โดยบางเลขกระโดดไปอยู่ที่ฝั่ง เพราะตำบลลิบงนั้นครอบคลุมทั้งเกาะลิบง กับพื้นที่บนฝั่งด้วย

ระหว่างทางเราเห็นซาเล้งผ่านมาหลายคัน แท่งสังเกตว่าคนขี่ซาเล้งเกือบทั้งหมดเป็นผู้หญิง น้องการ์ตูนจึงบอกว่าที่เป็นเช่นนี้เพราะผู้ชายมีอาชีพประมงกับทำสวน ส่วนผู้หญิงอยู่บ้านว่างๆก็มาขี่ซาเล้งหารายได้ช่วยครอบครัว

เกาะลิบงเป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่ที่สุดใน จ.ตรัง ถนนบนเกาะนี้มีเส้นทางหลักเพียงเส้นเดียว เริ่มจากที่ท่าเรือไปทางทิศตะวันออกฉียงใต้สู่บ้านจ๊ะไหน แล้วไปสุดทางที่บ้านหลังเขา อันเป็นที่ตั้งของที่พักที่เราจองไว้ นั่นหมายถึงบนเกาะนี้ไม่ได้มีถนนวนรอบเกาะ แต่แม้จะมีถนนเพียงเท่านี้ แต่ก็ทำไว้อย่างดีด้วยการปูด้วยอิฐตัวหนอน ซึ่งก็แข็งแรงพอสำหรับพาหนะหลักบนเกาะซึ่งก็คือมอเตอร์ไซค์

ก่อนถึงบ้านจ๊ะไหน น้องการ์ตูนบอกว่ามีโรตีเจ้าอร่อย เราอยากกินไหม ฝนตก อากาศเย็นๆเช่นนี้ ได้กินโรตีร้อนๆก็เข้าท่า แถมคนพื้นที่ยังแนะนำอีกว่าเจ้าอร่อย มีหรือเราจะพลาด ทีแรกคิดว่าเป็นร้านโรตีรถเข็น แต่ที่ไหนได้ แม้จะอยู่บนเกาะ แต่ร้านน้ำชาบังแอร์ก็ตกแต่งร้านไว้อย่างน่านั่งมาก สู้ร้านฮิปๆบนฝั่งได้สบาย

ผมตามน้องการ์ตูนเข้าไปในร้าน ในขณะที่แท่งขอนั่งหลบฝนอยู่ในรถ โรตีที่นี่มีหลายไส้มาก แต่ไส้ที่เราสองคนเลือกตรงกันก็คือไส้มะพร้าวอ่อน เพราะไม่ค่อยเห็นร้านไหนมีไส้นี้ คนทำนั้นเป็นคุณป้า ซึ่งผมเรียกว่า มะ อันหมายถึง แม่ มะบรรจงทอดโรตีบนเตา ทีแรกคิดว่าจะกินร้อนๆเลย แต่ไม่สะดวกนักในการกินบนรถซาเล้งที่กำลังวิ่ง จึงต้องเก็บไปกินที่รีสอร์ทแทน

เดิมทีจะพักโฮมสเตย์ที่บ้านจ๊ะไหน ซึ่งเป็นชุมชนที่ใหญ่ที่สุดในเกาะ การพักโฮมสเตย์ที่นี่จึงน่าจะซึมซับวิถีชีวิตของชาวเกาะลิบงได้ดี แต่ด้วยอิทธิพลของโครงการเที่ยวด้วยกัน ที่เราจ่ายค่าที่พักเพียง 60% จึงเบนเข็มมาพักที่อันดาเลย์ บีช รีสอร์ท ซึ่งเป็นรีสอร์ทที่ใหญ่ สวยงาม และหรูหราที่สุดในเกาะลิบง โดยจ่าย 1,620 บาท ซึ่งแม้จะราคาต่างจากการพักโฮมสเตย์ห้องแอร์ 2 เท่า แต่ก็ได้มาซึ่งความสวยของห้องพัก บรรยากาศและบริการที่ดีกว่า แถมยังได้ส่วนลดค่าอาหารอีก 40% จากที่เคยนอนแต่โฮสเทลบ้าง โรงแรมราคาประหยัดบ้าง คืนนี้จึงขอไฮโซสักคืน

พนักงานให้บริการเราอย่างดีในการเช็คอิน เสริฟเวลคัมดริ๊งค์ และเอากระเป๋าเข้าห้องพัก โดยก่อนเดินทางผมมีประเด็นการจองห้องพักกับ Agoda เพราะในการจองระบุไปว่าต้องการห้องแบบ 2 เตียง แต่ใบยืนยันการจองระบุเป็นห้องเตี่ยงเดียวแบบคิงไซส์ ซึ่งหากมากับเพื่อนคนอื่นก็คงไม่มีปัญหาอะไร แต่การมากับแท่ง ซึ่งนับวันตัวจะโตอ้วนขึ้นทุกวัน แค่คิดก็มีปัญหาแล้ว แต่ Agoda ไม่รับผิดชอบอะไรเลย บอกเพียงว่าทางรีสอร์ทมีห้องแบบเตียงเดี่ยวเท่านั้น ผมจึงส่งเมลแจ้งไปยังรีสอร์ท ในช่วงเช็คอินพนักงานต้อนรับจึงแจ้งว่า ทางรีสอร์ทได้เอาเตียงเสริมไปไว้ในห้องแล้ว 1 เตียง และอัพเกรดจากการพักชั้นล่าง ขึ้นไปยังชั้น 2 โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายเพิ่ม จากที่รู้สึกดีเมื่อเห็นสภาพแวดล้อมดีๆของรีสอร์ท ก็ทำให้รู้สึกดีมากขึ้นไปอีก

หลังจากชื่นชมความสวยหรูของห้องพัก และจัดการกับโรตีไส้มะพร้าวอ่อนเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาที่จะไปเดินชายหาดเพื่อชื่นชมความสวยงามของท้องทะเลแห่งเกาะลิบง เพราะช่วงนี้เข้าฤดูหนาวอย่างเป็นทางการแล้ว แค่ 6 โมงเย็น ท้องฟ้าก็เริ่มมืดครึ้ม

ชายหาดบ้านหลังเขาอันเป็นที่ตั้งของรีสอร์ทนั้น ท้องทะเลเรียบสงบ ปราศจากคลื่น โดยมีกองหินสีดำขึ้นกระจายไปทั่ว เป็นความงามที่แปลกตา และไม่ไกลจากชายหาดเป็นที่ตั้งของเกาะเล็กๆ ซึ่งเวลาน้ำลดเช่นนี้สามารถเดินถลกขากางเกงไปถึงเกาะได้ แต่ผมเลือกที่จะยืนมองแสงของท้องฟ้าที่ค่อยๆเปลี่ยนสีไปตามดวงอาทิตย์ที่กำลังจากลาลับแผ่นฟ้า เพราะเป็นภาพที่สวยงามยิ่งนัก หยุดเดิน แล้วหายใจอย่างช้าๆ ทอดสายตาไปยังภาพที่อยู่เบื้องหน้า เป็นความรู้สึกสุข และสงบจะอยากจะอยู่ในความรู้สึกแบบนี้ไปนานๆ

แต่ผมก็อยู่กับความรู้สึกแบบนี้ได้ไม่นานเท่าไหร่ เพราะแท่งนั่งกดดันรอผมให้ไปกินมื้อเย็นที่ร้านอาหารของรีสอร์ท แน่นอนมื้อนี้เรากินอย่างหรูเพราะได้รับส่วนลดค่าอาหารอีก 40% จากโครงการเราเที่ยวด้วยกัน มาถึงเกาะในทะเลอันดามัน มื้อนี้เราจึงสั่งแต่อาหารทะเล ไม่ว่าจะเป็น ปลากระพงทอดกระเทียม กุ้งผัดเปรี้ยวหวาน และทะเลผัดผงกระหรี่ มื้อนี้อร่อย อิ่ม ส่งผลให้คืนนี้ผมนอนหลับสนิทบนที่นอนนุ่มสบาย แต่ไม่รู้ว่าแท่งที่ยอมเสียสละนอนที่นอนเสริมจะหลับสบายเหมือนผมไหม

กระทิงเปลี่ยวเที่ยวโลกกว้าง

 วันอาทิตย์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2564 เวลา 15.51 น.

ความคิดเห็น