เป็นปกติเกือบทุกครั้งไม่ว่าจะเดินทางไปกับเพื่อนร่วมทางคนไหน โดยเฉพาะเดินทางกับแท่ง ทุกเช้าผมมักจะออกจากที่พักตั้งแต่ไก่โห่ เพื่อเดินทอดน่องชมโน่นชมนี่ในระยะที่พอเดินถึง เช้านี้ก็เช่นกัน ผมออกจากรีสอร์ทตั้งแต่ 6 โมงเศษ เดินออกไปยังหมู่บ้านบ้านหลังเขา เวลานี้ร้านค้าของชาวบ้านซึ่งมีไม่กี่ร้านเปิดแล้ว แม่ค้ากำลังทอดไก่ทอดหอมฉุยเลย อยากซื้อกินมาก แต่ก็ต้องตัดใจเพราะที่พักมีอาหารเช้าให้บริการอยู่แล้ว
นอกจากร้าค้าแล้ว ในหมู่บ้านบ้านหลังเขามีบ้านที่เปิดเป็นโฮมสตย์อยู่หลายหลัง หากใครไม่ชอบรีสอร์ทหรูๆ อยากมาอยู่ภายใต้ร่มเงาของสวนยาง สวนมะพร้าวก็ทำได้ สุดถนนเป็นชายทะเล ซึ่งก็เป็นชายทะเลเดียวกับรีสอร์ทที่เราพัก
ในพื้นที่บ้านหลังเขามีโรงเรียนหนึ่งแห่ง แม้วันนี้จะเป็นวันศุกร์ แต่น่าเสียดายที่คุณครูไปอบรมกันหมด วันนี้จึงไม่มีการเรียนการสอน ผมจึงอดเห็นเด็กตัวน้อยวิ่งเล่นบนสนามหญ้าที่กว้างใหญ่หน้าโรงเรียน
ผมเดินลัดเลาะไปตามถนนที่ผ่านหน้าอันดาเลย์ บีชรีสอร์ท ผ่านสวนยาง ทางดินสิ้นสุดที่รีสอร์ทอีกแห่งหนึ่งคือ ลิบงบีชรีสอร์ท รีสอร์ทแห่งนี้เป็นสไตล์บ้านเป็นหลังๆ พักกันเป็นครอบครัว ช่วงเวลาที่ผมมาถึง แขกกลุ่มใหญ่กำลังนั่งรวมกลุ่มคุยกันในระหว่างการรอรถมารับ
หลังจากแขกกลุ่มนี้ไป ชายหาดและท้องทะเลแห่งเกาะลิบง ที่บ้านหลังเขาก็เข้าสู่ความเงียบสงบ ในเวลานี้โดยรอบมีผมเพียงคนเดียวที่เดินเท้าเปล่าบนผืนทรายที่นุ่มละมุน ไปตามแนวคลื่นน้อยๆที่ค่อยๆเคลื่อนตัวซัดชายหาดอย่างอ่อนโยน ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ผมกลับมาถึงรีสอร์ทในเวลาที่แท่งพร้อมแล้วสำหรับอาหารเช้า นอกจากอาหารเช้าที่มีเหมือนรีสอร์ทหรือโรงแรมหรูทั่วไปแล้ว ยังมีโรตีราดนมให้ลิ้มลองด้วย ผมจึงขอลิ้มลองไปเสียทุกเมนู จนไม่น่าเชื่อว่าคนผอมอย่างผมจะกินอาหารจุกว่าคนเจ้าเนื้ออย่างแท่งเสียอีก
เช้านี้เรามีนัดกับน้องการ์ตูน เพราะเมื่อวานเราว่าจ้างน้องในการขี่ซาเล้งพาเราเที่ยวสถานที่ต่างๆรอบเกาะ โดยเธอคิดค่าบริการ 600 บาท จากบ้านหลังเขา น้องการ์ตูนพาขึ้นเหนือเพื่อไปยังสะพานหินเป็นสถานที่แรก ด้วยการที่ต้องขึ้นเขา กำลังมอเตอร์ไซค์ไม่พอที่จะพาทั้งซาเล้งและคนอีก 3 คนขึ้นไปได้ เราจึงต้องลงเดิน เพื่อให้น้องการ์ตูนสามารถพาซาเล้งเปล่าขึ้นไปรอเราที่บนเขา เรากลับขึ้นซาเล้งอีกครั้ง แต่ก็ไปต่ออีกไม่ไกล ก็ถึงเวลาที่ต้องลงเดินกันอย่างจริงๆ
การไปสู่สะพานหินเป็นทางลาดลงสู่ชายทะเล น้องการ์ตูนพาเรามาส่งที่ปากทาง โดยบอกว่า เมื่อถึงชายหาดแล้ว เดินไปทางซ้ายมือก็จะเจอสะพานหิน จากสะพานหินให้เดินต่อไปเรื่อยๆก็จะเจอน้ำตกโต๊ะแซะ โดยเธอจะขี่ซาเล้งไปรอที่น้ำตก เพราะระยะทางในการเดินเลียบชายหาดนั้นสั้นกว่าทางถนน อีกทั้งเราจะได้ไม่ต้องขึ้นเขา และลงเขา 2 รอบ
ทางเดินลงสู่ชายหาดอันเป็นที่ตั้งของสะพานหินนั้นชันพอประมาณ ชายหาดบริเวณนี้มีโขดหิน ก้อนหินระเกะระกะ กระจายไปทั่ว จนถึงกลุ่มโขดหินที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ซึ่งถูกน้ำทะเลและกระแสลมกัดเซาะจนเกิดช่องตรงกลาง จนกลายเป็นสะพานหินธรรมชาติที่ตั้งอยู่ริมทะเล
จากสะพานหินเราเดินเลียบไปตามชายหาดตามที่น้องการ์ตูนบอก ชายหาดนั้นเงียบมีเพียงเสียงคลื่นเท่านั้นที่ซัดสาด เดินได้ไม่ไกลก็พบน้องการ์ตูนยืนรออยู่ ผมถามว่าชายหาดนี้ชื่อว่าอะไร เธอบอกว่าไม่มีชื่อ แต่ก็เป็นชายหาดเดียวกันกับชายหาดทุ่งหญ้าคา ที่จะพาเราไปชมต่อไป
น้องการ์ตูนพาเราไปชมน้ำตกโต๊ะแซะที่สายน้ำไหลผ่านชั้นหินที่ไม่สูงนัก แม้จะเป็นน้ำตกขนาดเล็กๆ แต่ก็ดูสวยงามและแปลกตา เนื่องจากเป็นน้ำตกที่ไหลลงสู่ทะเล ซึ่งไม่ค่อยมีให้เห็นสักเท่าไหร่ เห็นน้ำตกผมจึงถามน้องการ์ตูนว่า ชาวบ้านที่เกาะลิบงใช้น้ำจืดจากน้ำตก ลำคลองใช่ไหม เธอบอกว่าไม่ใช่ เพราะแม้เกาะลิบงจะมีลำคลองไหลอยู่ภายในเกาะ แต่ก็เป็นลำคลองเล็กๆที่น้ำมีไม่พอให้ใช้ น้ำบาดาลจึงเป็นแหล่งน้ำใช้หลักของชาวเกาะ
เราไต่เชือกที่ขึงไว้ ผ่านน้ำตกเพื่อขึ้นไปยังถนนด้านบน น้องการ์ตูนขี่ซาเล้งพาเราเดินทางต่อไปยังหาดทุ่งหญ้าคาที่อยู่ไม่ไกลนัก อย่างที่น้องการ์ตูนบอก จริงๆแล้วชายหาดแห่งนี้ก็เป็นชายหาดเดียวกับที่สะพานหิน เพียงแต่ที่นี้มองเห็นทิวทัศน์และชายหาดที่ทอดยาวมากกว่า
นอกจากบ้านของชาวบ้านไม่กี่หลังที่บริเวณปากทางลงสู่ชายหาดแล้ว ตลอดแนวชายหาดก็ปราศจากสิ่งก่อสร้างใดๆ จึงเป็นความสวยและเงียบสงบ ซึ่งจากจุดนี้มองไปไม่ไกลนักก็จะเห็นเกาะเล็กๆ ซึ่งก็คือเกาะเดียวกับที่อยู่ด้านหน้ารีสอร์ทที่เราพัก
กระทิงเปลี่ยวเที่ยวโลกกว้าง
วันเสาร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2564 เวลา 10.16 น.