เราอำลาเมืองกันตังเพียงเท่านี้ ผมขับรถมุ่งไปยังอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม ในขณะที่สายฝนยังโปรยปรายไม่ขาดสาย เมื่อพ้นจากตัวเมืองก็เริ่มมีงานก่อสร้างปรับปรุงผิวถนน เมื่อพ้นกับเขตก่อสร้าง รถก็เริ่มส่งเสียงดัง เหมือนมีอะไรหลุดออกมาแล้วเสียดสีกับพื้นถนนไปตลอดทาง จนเมื่อจอดลงมาดู จึงพบว่าบังโคลนหน้าหลุดลงมาเสียดสีกับผิวถนน ทีแรกตกใจเหมือนกันว่าต้องแจ้งบริษัทรถเช่าไหม แล้วจะต้องเสียค่าปรับหรือเปล่า แต่เมื่อลองยัดบังโคลนกลับเข้าไป ทุกอย่างก็กลับมาเป็นปกติ
เมื่อวานก็ผ่านมาทีหนึ่งแล้ว ในเมื่อวันนี้ผ่านอีกครั้งจึงขอแวะสักหน่อย เราจึงเลี้ยวเข้าไปยังวนอุทยานบ่อน้ำร้อนกังตัน ช่วงเวลาที่เรามาฝนยังโปรยปรายอยู่ แต่ก็ยังพอมีนักท่องเที่ยวที่น่าจะเป็นคนละแวกนั้นลงแช่ในบ่อน้ำร้อน ที่มีการผสมน้ำอุณหภูมิปกติ จนพอที่จะลงแช่ได้ เพราะน้ำร้อนที่นี่มีอุณหภูมิสูงสุดถึง 70 องศาเซลเซียส
สภาพโดยรอบได้รับการปรับแต่งภูมิทัศน์ไว้อย่างสวยงาม นอกจากบ่อน้ำร้อนขนาดใหญ่กลางแจ้งแล้ว ยังมีลำธารน้ำร้อนไว้ให้ได้แช่เท้า แช่ขาที่เหนื่อยล้าจากการเดินทางด้วย แต่กลายเป็นว่าสิ่งที่ช่วยชดเชยความเหนื่อยล้าให้กับเรา กลับกลายเป็นไอศครีม ที่คนขายขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามาพอดีในจังหวะที่เรากลับมาที่รถ
แล้วก็มาถึงจุดหมายคือ อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม สิ่งแรกที่ต้อนรับเราคือ แนวต้นสนที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตาตลอดเส้นทางภายในเขตอุทยาน อุทยานแห่งนี้ครอบคลุมพื้นที่แนวชายทะเลตั้งแต่หาดสั้น หาดยาว ยาวไปจนถึงหาดปากเมง และรวมถึงพื้นที่บนทะเล ที่มีเกาะสำคัญหลายเกาะ ทั้งเกาะมุก เกาะกระดาน เกาะเชือก ซึ่งวันพรุ่งนี้เราจะไปเกาะเหล่านี้กัน
หากไม่ได้ประกาศเป็นเขตอุทยาน ตลอดแนวชายหาดคงคราคร่ำไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร เตียงผ้าใบ และเหล่าที่พัก แต่พื้นที่บริเวณที่ทำการอุทยานนี้เงียบสงบ จะมีก็เพียงเสียงลมที่พัดให้แนวใบสนไหวตาม
เราเดินไปตามชายหาด ในเวลานี้เป็นช่วงน้ำลง ชายหาดจึงกว้างไกลมาก ปลายสุดอีกฟากหนึ่งเป็นแนวชายหาดที่สามารถเดินเชื่อมไปยังเขาแบนะ หากเป็นช่วงน้ำขึ้น เขานี้คงกลายสภาพเป็นเกาะที่สองเท้าไม่อาจเดินไปถึง
เราซึมซับความสวยงามและเงียบสงบของหาดเจ้าไหมกันพอประมาณ จากนั้นจึงขับรถเลียบเลาะขึ้นเหนือไปตามถนนที่สร้างเลียบชายทะเลสู่หาดปากเมง โดยคืนนี้เราจะพักกันที่ ปากเมงรีสอร์ท ซึ่งเป็นรีสอร์ทเก่าแก่ มีพื้นที่กว้างมาก อยู่บริเวณต้นหาด ในวันที่เรามามีบริษัทหนึ่งมาจัดงานพอดี ภายในรีสอร์ทจึงดูพลุกพล่านพอสมควร ไม่แน่ใจว่าปกติจะพลุกพล่านขนาดนี้ไหม แต่ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีสำหรับผู้ประกอบการที่พัก ที่จะได้ฟื้นตัวจากพิษโควิด 19
เย็นนี้เราใช้สิทธิ์เราเที่ยวด้วยกัน เป็นส่วนลดค่าอาหารที่รีสอร์ท โดยเป็นอาหารพื้นบ้านอย่าง น้ำพริกปู กุ้งต้มกะทิยอดมะพร้าว ซึ่งเป็นเมนูที่เพิ่งเคยกินเป็นครั้งแรก แต่กลายเป็นว่า ยอดมะพร้าวหมด จึงใส่เห็ดแทน แต่ก็อร่อย ดับความเผ็ดของน้ำพริกได้เป็นอย่างดี
ค่ำนี้ผมปล่อยตัวเองและเวลาเพื่อชมความงามของผืนทะเล ในช่วงเวลาที่พระอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้า ท้องทะเลและแผ่นฟ้าค่อยๆแปรเปลี่ยนสีไปตามสีของดวงอาทิตย์ที่กำลังลับลง
ด้วยความสะดวกและมั่นใจว่ามีรถมารับแน่นอน เราจึงเลือกที่จะซื้อแพ็จเกจทัวร์ วันเดย์ทริปเที่ยวเกาะต่างๆในท้องทะเลตรัง จากปากเมงรีสอร์ท ในราคา 850 บาท ซึ่งแพงกว่าการซื้อผ่านไลน์ของบริษัททัวร์อยู่เล็กน้อย
เช้านี้มีเวลาก่อนที่รถจะมารับในเวลา 9 โมง อีกทั้งแท่งเองก็เลือกที่จะนอนในห้อง ผมจึงออกสำรวจรีสอร์ท พบว่าด้านหลังนั้นติดกับคลองหละ บรรยากาศเงียบสงบ ยืนฟังเสียงนกร้องสักพัก ก็ขับรถไปเที่ยวชายหาดปากเมงเพียงลำพัง โดยขับเลียบชายทะเลขึ้นไปทางเหนือ เลยจากปากเมงรีสอร์ทขึ้นไปมีบ้านพักและร้านอาหารค่อนข้างมาก เมื่อคืนบริเวณนี้คงคึกคักไม่ใช่น้อย แต่ในเวลาที่พระอาทิตย์เพิ่งเริ่มทำงานเช่นนี้ บรรยากาศจึงเงียบสงบ
ผมจอดรถเพื่อที่จะถอดรองเท้าลงเดินบนชายหาด ทอดสายตามองไปตามชายหาดที่กว้างไกล มองเห็นเกาะเมงตั้งตระหง่านอยู่ปลายทาง การฟังเสียงคลื่น รับสายลม และแผ่นเท้าสัมผัสความอ่อนโยนของชายหาด ในเวลาที่แสงแดดกำลังทอแสงอ่อนละมุน ช่วงเวลาจึงเต็มไปด้วยความสุขเหลือเกิน
กระทิงเปลี่ยวเที่ยวโลกกว้าง
วันอาทิตย์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2564 เวลา 13.47 น.