เวลาประมาณ 9 โมง รถตู้มารับเรา พร้อมกับอีก 3 สาวที่พักรีสอร์ทเดียวกันเพื่อเดินทางไปยังท่าเรือปากเมง โดยมีนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่มารอก่อนหน้าเราแล้ว นั่งรอสักพักเจ้าหน้าที่ก็มาอธิบายรายละเอียดของทัวร์วันนี้ โดยจะพาไป 3 เกาะ คือเกาะมุก เกาะกระดาน และเกาะเชือก ซึ่งจะเป็นการลงน้ำทั้งหมด 4 ครั้ง จากนั้นก็เช็คชื่อผู้ร่วมทัวร์ แล้วพาเดินไปขึ้นเรือลำใหญ่ 2 ชั้น นักท่องเที่ยวส่วนใหญเลือกที่จะนั่งชั้นบน ซึ่งน่าจะเห็นทิวทัศน์ได้ดีกว่า เราเดินขึ้นเรือทีหลังจึงเหลือที่นั่งแต่ชั้นล่าง

เรือเล่นผ่านเกลียวคลื่นไปประมาณ 1 ชม. ชมทิวทัศน์ของท้องฟ้า ท้องทะเล และเกาะต่างๆในเขตอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม แล้วก็ถึงจุดแรก ซึ่งเป็น Unseen in Thailand และเป็นแรงบันดาลใจให้เราเดินทางมาที่ตรัง นั่นก็คือ ถ้ำมรกต ซึ่งอยู่ที่เกาะมุก โดยเป็นด้านตรงข้ามกับด้านที่มีที่พักอาศัย

เจ้าหน้าที่อธิบายวิธีเข้าสู่ถ้ำมรกต ซึ่งแม้คนว่ายน้ำไม่เป็นก็สามารถเข้าไป เพราะใส่เสื้อชูชีพ โดยแต่ละคนก็ต่อแถวกันเป็นขบวนยาว คนด้านหลังจะจับด้านบนของเสื้อชูชีพคนหน้า จากนั้นทุกคนก็จะทำหน้าที่ออกแรงขาเหมือนการปั่นจักรยานค่อยๆรอดถ้ำไปสู่ทะเลด้านใน

 ภายในถ้ำนั้นมืด แต่ก็จะมีเจ้าหน้าที่ส่องไฟแสงสว่างให้ ถ้ำมรกตนี้ไม่ใช่สามารถเข้าออกถ้ำได้ตลอดเวลา เนื่องจากมีช่วงเวลาน้ำขึ้นน้ำลง แต่ละวันก็มีช่วงเวลาไม่เหมือนกัน วันหนึ่งจะมีช่วงเวลาน้ำลงเพียงแค่ 2 ครั้งเท่านั้น คนเรือจึงต้องตรวจสอบเวลาน้ำลงให้ชัดเจน มิเช่นนั้นหากเข้าไปแล้ว อาจต้องติดอยู่ในถ้ำเป็นเวลาหลายชั่วโมง หรืออาจข้ามวันเพื่อรอน้ำลง ที่ร้ายยิ่งกว่าคือ หากน้ำขึ้นในช่วงที่เวลารอดถ้ำ อันนี้อันตรายมาก และแต่ละบริษัทก็ต้องมีการตกลงกันว่าจะพาลูกทัวร์เข้าถ้ำในช่วงเวลาไหน เพื่อไม่ให้ภายในถ้ำมีนักท่องเที่ยวมากเกินไป

 จบภาคทฤษฎี ก็ได้เวลาเข้าสู่ภาคปฏิบัติ แต่ละคนส่วมเสื้อชูชีพและทยอยลงสุ่ท้องทะเล เกาะเสื้อชูชีพคนด้านหน้าจะเป็นแถวยาวเหยียดเหมือนขบวนรถไฟ เมื่อแถวพร้อม ทุกคนก็ออกกำลังขาปั่นน้ำทะลเหมือนการปั่นจักรยานค่อยๆเคลื่อนตัวเข้าสู่ภายในถ้ำมรกต ยิ่งเข้าใกล้ถ้ำมากขึ้น ความมืดก็ค่อยปกคลุมมากขึ้น จนมองไปทางไหนก็มีแต่ความมืด มีเพียงแสงไฟจากเจ้าหน้าที่เท่านั้นที่ส่องนำทาง

ทางช่วงแรกเป็นทางตรง ด้วยความมืด ระหว่างการปั่นก็มีเสียงหวีดว้าวของบรรดาสาวๆเป็นระยะ เพื่อปลดปล่อยความตื่นเต้นที่เอ่อล้นอยู่เต็มหัวใจ จนถึงจุดหนึ่งเจ้าหน้าที่ก็บอกให้เลี้ยวขวา ขบวนรถไฟมนุษย์ก็ค่อยๆโค้งไปทางขวา ในขณะที่น้ำทะเลก็ค่อยๆเย็นมากยิ่งขึ้น แล้วที่ปลายทางก็ปรากฏแสงสว่างให้เราเห็น

เมื่อเราพ้นจากถ้ำ ทุกอย่างที่เห็นเป็นอะไรที่น่ามหัศจรรย์มาก เพราภาพที่เห็นเป็นน้ำทะเลสีเขียวมรกต ที่ถูกโอบกอดด้วยชายหาดขาวบริสุทธิ์ และแนวภูเขาสูงตระหง่าน จึงเป็นความอัศจรรย์ทางธรรมชาติ ที่มอบให้แก่มนุษยชาติที่รู้ช่วงเวลาขึ้นลงของน้ำเท่านั้นที่จะได้เห็น

เรามีเวลาเดินชมความงามภายในถ้ำมรกตได้สักพัก เจ้าหน้าที่ก็เรียกรวมกันเพื่อต่อแถวเป็นขบวนรถไฟในการลอดถ้ำออกสู่ภายนอก เพราะอย่างที่บอกว่าถ้ำมรกตนี่มีเวลาน้ำขึ้นน้ำลง หากอยู่นานแล้วน้ำขึ้น อาจต้องติดอยู่ในถ้ำ อีกทั้งความมหัศจรรย์ของสถานที่แห่งนี้ก็อยู่ที่ช่วงเวลาการลอดถ้ำนี่แหละ

ในขากลับคนที่เกาะหลังผมคือสาวมั่นที่มากับเพื่อนชาย ระหว่างการรอดถ้ำไม่รู้ว่ากลัวความมืดหรือต้องการสร้างบรรยากาศเธอจึงร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์ไปตลอดทาง ในขณะที่เพื่อนชายก็เอาแต่ถ่ายวีดีโอ โดยมารู้ภายหลังว่าเขาคือ You Tuber

หลังจากกลับขึ้นเรือ เรือก็เดินทางไปจุดหมายต่อไป นั่นคือเกาะกระดาน ระหว่างการเดินทางก็ให้เราทานอาหารเที่ยงไปในตัว โดยเป็นแบบบุฟเฟ่ต์ ตักแล้วมานั่งกิน อาหารมีหลายอย่าง อร่อย แต่ก็ไม่อยากกินมากนัก เพราะนั่งเรือกลัวจะทำให้เมาเรือหรืออาเจียน ซึ่งในเวลานี้แท่งก็เริ่มมีอาการเมาเรือแล้ว

กระทิงเปลี่ยวเที่ยวโลกกว้าง

 วันเสาร์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2564 เวลา 10.27 น.

ความคิดเห็น