มีการเริ่มเขียนรีวิวครั้งแรก


ทริปหนีร้อนพาคุณลูกนั่งรถไฟฟรีไปเที่ยวทะเลหัวหิน ตามไปพิสูจน์ กรุณฮัทเกสท์เฮาส์ (จ่ายร้อย วิวล้าน)


http://pantip.com/topic/35202041


ก็ต้องมีครั้งที่สองและสามตามมาเรื่อยๆคงจะจริงค่ะ5555


ไหนๆก็มีภาพ มีประสพการณ์ มีการไปพิสูจน์ สถานที่มาแล้ว นำมาแชร์กันอ่านดีกว่าเน๊อะ!


ทุกทริปการเดินทาง มักจะเริ่มด้วยรถไฟฟรี หรือ รถไฟชั้น3


เพราะชื่นชมบรรยากาศผู้คนที่ร่วมเดินทางไปด้วยกัน


วิวสองข้างทาง มีอาหาร เครื่องดื่มเดินวนมาขายตลอดเส้นทาง


ทริปนี้เกิดขึ้นเพราะ ความร้อนค่ะ ร้อนจนทนไม่ไหว ร้อนจนต้องหาที่ไปกระโดดน้ำ


จึงเลือกเมืองกาญ เพราะ ได้เดินทางด้วยรถไฟฟรีด้วย อ่านรีวิวหลายท่านถึงเส้นทางการไปที่พัก


เราเลือก แพริเวอร์แควจังเกิ้ลราฟท์ เพราะอยากอยู่ในเขาในป่า ห่างไกลจากเสียงเมือง


https://www.riverkwaijunglerafts.com/th/


โทรไปติดต่อ พนักงานบอกว่าห้องว่างค่ะ เข้ามาได้เลย สองคนราคา2,700


อาหารเย็น และ เช้า พร้อมเรือรับส่ง...โอเค...ออกเดินทางมุ่งหน้าไปโดดน้ำได้



ประมาณ6โมงเช้า ก็ถึงสถานีธนบุรีค่ะ



นำบัตรประชาชนไปแลกตั๋วรถไฟฟรีก่อนเลยค่ะ



ระหว่างรอก็ซนไปเรื่อยตามประสาคนได้ออกไปผจญภัยโลกกว้าง อันแสนร้อนอบอ้าว



ยังไม่8โมงเช้า ก็ร้อนจะละลายแล้วค่ะ


เย้ๆๆรถไฟมาแล้วววว



บอกลาเมืองกรุง มุ่งหน้าเข้าป่าล่ะน่าาา



ขึ้นรถไฟได้ก็ไปอยู่ตู้สัมภาระค่ะ สีสันสวยสดใสจริงๆ



ซนอยู่แต่ตู้สัมภาระ ณ.จุดๆนี้ ต้องไปที่ตู้อื่นล่ะค่ะ เค้าร้อนนนน



ตู้นี้มีเด็กๆดูคึกคักกันดีจัง



เดินสำรวจ เก็บภาพ คนน้อยค่ะ ไปตู้ไหนก็ว่างเปล่า สบายเราเลย ซนได้เต็มพิกัด



หามุมตั้งกล้องเซลฟี่คู่กับรถไฟกลับมาอวดชาวบ้านดีกว่า



เป็นคนที่หลงรักรถไฟคนหนึ่งค่ะ และรถไฟสายเมืองกาญนี้ วิวสวยงามมากจริงๆ



ตั้งตารอช่วงนี้เลยค่ะ โบกมือทักทายนักท่องเที่ยวกันนิด สนุกดี

ทางรถไฟสายมรณะ หรือ ทางรถไฟสายพม่า หรือ ทางรถไฟสายกาญจนบุรี

การรถไฟแห่งประเทศไทยเปิดเดินรถบนเส้นทางนี้ทุกวันและจัดรถไฟขบวนพิเศษสายกรุงเทพฯ - น้ำตก ทุกวันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดราชการ จุดที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจมากคือช่วงสะพานข้ามแม่น้ำแคว และช่วงโค้งมรณะหรือถ้ำกระแซ ซึ่งเป็นสะพานโค้งเลียบแม่น้ำแควน้อยยาวประมาณ 400 เมตร



เตรียมตัวชมความงาม รถไฟสายประวัติศาสตร์



กดภาพกันสนุกไปเลยค่ะ ตื่นเต้นดีค่ะ เคยมาครั้งหนึ่งนานแล้ว


แต่ไม่ได้อยู่บนรถไฟแล้วถ่ายภาพ แตกต่างกันเลยค่ะ


หลังจากนั้นรถไฟก็เลี้ยวซ้าย ขวา ขวา ซ้าย ไปอีกพักใหญ่ๆ ความร้อนระอุของวันนั้น


ทำให้ต้องใช้ กระดาษทิดชู่เปียกจนหมดเลยค่ะ5555



บ่าย2ได้ เราก็ถึงสถานีน้ำตก หิวน้ำ มากๆ ภาพไมไ่ด้เก็บเลยค่ะ ร้อนฝุดๆ


อยากจะประหยัดตามรีวิวที่อ่านมา ขึ้นรถบัสไปลง หลักกีโลเมตรที่56 ท่าเรือ รีโซเทล(ตอนนี้ได้เปลี่ยนชื่อท่าเรือ จาก ท่าเรือรีโซเทล เป็น ' ท่าเรือพุตะเคียน ' จึงเรียนมาเพื่อให้ลูกค้าทุกท่านทราบค่า ท่าเรือยังอยู่ ณ จุดเดิมนะคะ)

...แต่!!ไม่ไหวจะประหยัดค่ะ

ขอจ้างรถไปส่ง สองคน300บาท

ไม่นานเราก็มาถึงท่าเรือ....อยากจะกรี๊ดดดดด ความรู้สึกมันบอกว่า

เราจะไม่ร้อนแล้ววว

เรือรอไม่นานค่ะก็มารับ พาเรา และ ลูกค้าท่านอื่นไปส่งตามจุดพัก

ฟินมากเลยกับวิวสองข้างทาง

ขวามือก็แพ ริเวอร์แควจังเกิ้ลราฟท์ ที่ๆเราจะกระโดดน้ำกันแล้วค่ะ....

อยากโดดๆๆๆๆๆ

เช็คอินที่พักเรียบร้อย ก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้า ใส่เสื้อชูชีพ เพื่อความปลอดภัยโดดดดดดล่ะน่าาาาาาาา

สะใจกับความเย็นของสายน้ำ ปล่อยใจกายให้ลอยไปช้าๆ

ความร้อนที่เจอมาทั้งวัน ค่อยๆหายไป....

มาแทนที่ด้วย ตะคริวกินนิ้วเท้าหลายนิ้ว ในเวลาเดียวกัน

กระโดดน้ำจนเป็นที่น่าพอใจแล้ว ก็อาบน้ำแต่งตัว เดินเก็บภาพ

เก็บบรรยากาศมาอวดเพื่อนๆดีกว่า

ฟินนนนนนนนนนนนนนนอีกแล้วค่ะ รักเลยค่ะที่นี้

เวลาทานอาหารเย็นน่าจะ 19:00 น.

ขอนั่งดื่มเครื่องดื่มเย็นๆรอดีกว่า

นักท่องเที่ยวต่างชาตินี้ เค้าถึกกันจริงๆ ยังเล่นน้ำไม่เลิกเลย

อาหารเย็นมีให้ 4 อย่างค่ะ เป็นอาหารไทย ไม่ได้ถ่ายภาพมาอวดเพราะหิวมากกก

ถือว่าอร่อย และใจดีเติมให้ด้วยถ้าไม่พอ

เค้าจะจัดที่นั่งไว้ให้ ถ้าเราสองคนก็นั่งแบบสองที่นะค่ะ

ส่วนตัวดี....

ยังมีการแสดงตอนเวลา22:00 แต่ไปไหนไม่รอดแล้วค่ะ พักผ่อนดีกว่าพรุ่งนี้ เที่ยวต่อ

เนื่องจากที่รีสอร์ทไม่มีการใช้ไฟฟ้า และเราต้องการให้แขกผู้เข้าพักทุกท่านได้สัมผัสกับการพักผ่อนภายใต้ธรรมชาติอย่างเต็มที่ แม้จะดูเป็นการลำบาก แต่ทุกคนที่มาล้วนแต่พึงพอใจกับการใช้ชีวิตแบบนี้ เนื่องจากไม่สามารถหาได้จากที่อื่น


.........ลำบากนิดค่ะก่อนจะหลับตานอน เค้ามีพัดให้ค่ะในห้องพัก

พัดรุ่น อัตโนมือ กว่าจะหลับลง ก็เมื่อยมือนิดค่ะ555555

แนะนำให้พกพัดลมใส่ถ่าน ไปเปิดเวลานอนค่ะ

แต่พอดึกๆหน่อย อากาศก็หนาว เย็น สบาย

นอกจากพัด ยังมี มุ่งให้กางอีกค่ะ

ตื่นเช้ามา ยังไม่อยากจะลุกจากเตียง ไปห้องน้ำเห็นบรรยากาศ

มีหมอกลงด้วย น้ำลดลง ด้านหลังห้องพักมีหินเต็มเลย

แต่ยังไม่ตื่นดี เลยไม่ได้กดภาพมาอวดค่ะ

นี้คือภาพตอน วิณญาณเข้าร่างแล้วค่ะ

เดินออกมาจากห้องก็เห็นสาวๆชาวมอญรดน้ำต้นไม้

ช้าง.....อ่านรีวิวมา มีช้างรับแขก ที่แพตอนเช้า

ตื่นเต้นกับช้างไปเป็นชั่วโมงค่ะ เพลินตา สบายใจ ท้องเริ่มร้อง อาหารเช้า น่าจะ 8:00 น.ค่ะ


ไม่ได้ถ่ายภาพเช่นเดิมค่ะ 55555


เป็นชุดอาหารฝรั่ง ไข่ดาวหมูแฮม ขนมปัง น้ำส้ม นม ผลไม้


จัดว่า ดีค่ะ ทานไปดูเรือนักท่องเที่ยวผ่านไป

ปลาตัวใหญ่ๆ เต็มเลยค่ะ พนักงานปาก้อนขนมปังลงไปให้


เป็นอีกกิจกรรมที่รู้สึก เรียบง่ายแต่มีความสุข ยิ้มได้


(นั่งดูปลาแย่งกันกินขนมปังเนี้ยนะ!!!555555)


คือเวลาไปเที่ยว เราต้องคิด บวก ไว้เยอะค่ะ ไม่ว่าจะเจออะไร


อะเลิฟ มีความสุขไว้เยอะๆ

อาหารเช้าไม่มีถ่าย แต่แอบถ่ายสาวมอญน่ารักมาฝาก อิอิ



อิ่มอาหารเช้าแล้ว นักท่องเที่ยวก็นั่งเปล ปล่อยอารมณ์ชิลๆ



มีให้ทุกห้องค่ะ ด้านหลังห้องที่เราพักก็มี เปลให้นั่งชิลค่ะ



ได้เวลาไปเยี่ยม หมู่บ้านมอญแล้ว เดินข้ามแพ ที่เราเจอน้องช้างนะค่ะ


http://www.dooasia.com/trips/mon-village/



ชอบเด็กๆค่ะ น่ารักใสๆดี ตัวนิดเดียวเอง อายุ12


แต่ถึงจะตัวเล็ก ก็รู้จักค้าขาย พูดเพราะ ภาษาไทยชัด


เล่นอยู่กับเด็กๆนาน เลยขอให้น้องเค้าแต่งหน้า ทาแป้งให้


สวยเหมือนกันแล้ว เราก็อุดหนุนแป้งมาหนึ่งกระปุก ราคา50บาท


เจอ พ่อแม่ ช้างเมื่อเช้าแล้ว คิดเอาเองนะค่ะ ไม่รู้ใช่ไหม55555



ตั้งใจมาถ่ายภาพเด็กในห้องเรียนแต่!! วันนี้คุณครูไม่อยู่ค่ะ



เหตุผล ตัวโตๆอยู่บนกระดานเลยค่ะ ไม่ใช่ปัญหาค่ะ


ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบได้ ขาดบ้าง เหลือบ้าง ไว้ให้ติดค้าง คิดถึง อยากจะกลับมาอีก



ตัวหนังสือมอญ สวยจัง



เดินเล่น ชมนก ชมไม้ ต่อค่ะ

เตารีดรุ่นนี้ เกิดทัน แต่ไม่ทันได้ใช้แล้วค่ะ



ถ่ายภาพ บอกลาเด็กๆมอญ วันหน้าจะมาเที่ยวใหม่น่าาา



กลับห้องพัก อาบน้ำ เก็บของ เตรียมตัวกลับเมืองหลวง...


แสงสว่างมาจากพี่ๆตะเกียงนี้เอง



กล่าวคำอำลา...บนเรือกับภาพนี้ค่ะ


ด้วยจากใจจริง ขอแนะนำให้ไปใช้เวลาพิเศษที่นี้ค่ะ


ทิ้งทุกอย่างใว้ในเมืองตอนขึ้นเรือมาจะยิ่งดีค่ะ


ใช้ชีวิตแบบอยู่กับธรรมชาติมากที่สุด


ขอบคุณที่มีสถานทีดีๆเช่นนี้ ให้เราได้ไปเติมพลัง และ กลับมาใช้ชีวิตคนเมืองต่อไป



กลับมาที่จุดเริ่มต้น....แต่สิ่งที่เปลี่ยนไป คือ ความสุขที่เรานำกลับมาด้วย


ประทับใจ กับการท่องเที่ยวในครั้งนี้มากค่ะ



ถึงจะหารถออกมาจากท่าเรือไม่ได้ เราก็ยังไม่คิดอะไร



ไม่มีรถ ก็มีขาค่ะ เดินสิค่ะ เดี๋ยวก็เจอทางออกที่ดีกว่า เดินไปก่อน5555


ประมาณเหงื่อแตกเต็มตัว เราก็พบสิ่งที่ดีกว่าขาเราค่ะ


โบกรถชาวบ้าน ออกมาถนนหลัก ชาวบ้านเค้าใจดีนะค่ะ


จะให้นั่งแอร์เย็นๆในรถ แต่เรา....ถึกค่ะ เราขอนั่งหลังรถกระบะ เกลงใจเค้าด้วยนะค่ะ


เท่านี้ก็ถือว่า เราไม่ต้องเดินอีกตั้งช.ม กว่าจะออกมาถึงปากซอยได้


ใครตามรอยมา ตรงนี้ ขอให้ถึกเข้าไว้นะค่ะ


ไม่มีรถใครให้ติดออกมา ก็....เดิน.... สนุกสนาน และ เชื่อเถอะค่ะ


จะเป็นความทรงจำที่ดี ให้คิดถึง ตลอดไป อิอิ

ชาวบ้านใจดีพามาให้ใก้ลที่สุดที่เราจะต่อรถ เข้า กาญจนบุรี


ค่ารถบัส คนล่ะ 40 บาทค่ะ


อย่าถามว่า ร้อนไหม? ถึงร้อนก็ทนได้คร่าาาาา


พอถึงขนส่ง กาญจนบุรี ก็ซื้อตั๋วรถตู้กลับกรุงเทพ




ค่าใช้จ่ายของทริป


ค่าห้องสองคน 2,700 บาท

ค่ารถจากสถานีรถไฟน้ำตก ไป ท่าเรือรีโซเทล 300 บาท

ค่ารถบัสสองคนเข้าเมืองกาญ 80 บาท

ค่ารถตู้สองคนกลับกรุงเทพ 220 บาท

ค่าอาหาร เครื่องดื่มระหว่างเดินทางไปและกลับ 1,100 บาท

รวม4,400 บาท หารสอง จ่ายคนล่ะ 2,200 บาท


คุ้มค่าค่ะ มะนาวรับประกัน ขอบคุณที่ติดตามค่ะ


ผิดพลาดประการใด ขออภัยไว้ ณ ทีนี้ค่ะ


จุดประสงค์หลักของการเขียนรีวิว เพราะ อยากให้ทุกท่านไปเที่ยวค่ะ


ไปกระโดดน้ำเล่นกัน แล้วพบกันใหม่ ทริปหน้าค่ะ บุยๆๆๆๆ




มะนาวก้าวเดิน

 วันพฤหัสที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2559 เวลา 21.29 น.

ความคิดเห็น