หลังจากมีมาตรการผ่อนคลายล็อคของหลายๆจังหวัด ทางเราด้วยความที่ไม่ได้ไปไหนนานมาก ก็หาข้อมูลว่าเราสามารถไปเดินทางไปจังหวัดไหนได้บ้างโดยไม่ต้องกักตัว สุดท้ายมาจบลงที่จังหวัดน่าน เราอ่านรายละเอียดข้อบังคับและมาตรการป้องกันควบคุมโรคติดต่อต่างๆของจังหวัดแล้ว เราก็ทำการโทรจองที่พัก ติดต่อเช่ารถมอร์ไซค์ และจองรถทัวร์ไปที่จังหวัดน่านแบบปุ๊บปับเลย
การเดินทางเข้าจังหวัดน่านหากมาจากพื้นที่สีแดงเข้ม เช่น กรุงเทพฯ ยังต้องกักตัวอยู่นะคะ เว้นแต่ว่าเราได้รับวัคซีนตามข้อกำหนดของจังหวัด ในส่วนของเราได้รับวัคซีนครบโดสตามกำหนดเรียบร้อยเลยไม่ต้องกักตัวค่ะ แต่ต้องแสกน QR CODE น่านปลอดภัย กรอกข้อมูลให้เรียบร้อย และปฏิบัติตามข้อกำหนดต่างๆอย่างเคร่งครัด ใส่แมสตลอดเวลาในที่ชุมชนค่ะ และเมื่อเดินทางเข้ามาถึงจังหวัดน่านแล้วจะมีเจ้าหน้าที่โทรมาสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกับเราด้วยนะคะ แนะนำให้เข้าไปดูข้อปฏิบัติต่างๆก่อนเข้าจังหวัดน่านที่ ประชาสัมพันธ์จังหวัดน่าน | Facebook หรือโทรไปติดต่อสอบถามก่อนค่ะ
หากใครจะเดินทางไปเที่ยวที่ไหนก็ขอความร่วมมือปฏิบัติตามข้อกำหนดต่างๆ อย่างเคร่งครัดด้วยนะคะ จะได้เที่ยวแบบปลอดภัยทั้งตัวเราและผู้อื่นค่ะ
ไปค่ะเริ่มเดินทางกันเลย (มีรายละเอียดค่าใช้จ่ายที่ช่วงท้ายนะคะ ทริปประหยัดเหมือนเดิมค่ะ )
เราออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ด้วยรถทัวร์ของนครชัยแอร์ เวลา 19.30 น.วันที่ 8/9/64 ค่ะ โดยเราแสกน น่านปลอดภัย กรอกข้อมูลต่างๆให้เรียบร้อยก่อนเดินทางค่ะ http://101.51.127.80:5555/ แบบฟอร์มประมาณนี้นะคะ
วันที่ 9/9/64 เวลาประมาณ 6.00 น. เราก็เดินทางมาถึง บขส. จังหวัดน่านแล้วค่ะ คนน้อยและเงียบมาก หลังจากนั้นเราก็โทรไปหาร้านเช่ามอร์ไซค์ให้เอารถมาส่งที่ บขส.ค่ะ เราเช่าที่ร้าน CJ รถเช่าน่าน นะคะ มีทั้งรถยนต์และรถมอร์ไซค์ สำหรับมอร์ไซค์ค่าเช่าเริ่มต้นที่ 300/วันค่ะ มัดจำเพียง 500 บาท สอบถามเบอร์ 062-1245021 คุณ ตฤณ ค่ะ บริการดีมากค่ะ
พอได้มอร์ไซค์แล้วเราก็ขับขึ้นไปไหว้พระขอพรก่อนเดินทางที่วัดเขาน้อยค่ะ ได้ชมวิวเมืองน่านตอนเช้าๆด้วย ตอนเช้ามีหมอกปกคลุมสวยและอาการดีมากค่ะ ขอแปะหลายๆรูปนะคะ
เมืองน่านปกคลุมไปด้วยหมอกค่ะ
แล้วก็ลงมาหาอะไรกินในเมืองค่ะ เป็นตามสั่งง่ายๆ นั่งกินข้าวอยู่ฝนตกมาซะงั้น เลยต้องนั่งรอฝนหยุดพักใหญ่เลยค่ะ พอฝนหยุดเราตั้ง GPS ไปที่วัดก๋ง เลยค่ะ ขับรถตามทางมาเรื่อยๆ สีเขียวๆตลอดทางสดชื่นค่ะ
ถึงแล้วค่ะ วัดศรีมงคล (ก๋ง) ตั้งอยู่ที่ตำบลยม อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน เป็นวัดเก่าแก่นะคะ ซึ่งได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2395 พระสงฆ์ที่มีชื่อที่สุดของวัดนี้คือ หลวงปู่ก๋ง ค่ะ ทางด้านหลังวัดจะเป็นวิวทุ่งนาและทิวเขาค่ะ เรามาไหว้พระและถ่ายรูปกัน ช่วงโควิดคนน้อยมาก ร้านกาแฟที่อยู่ด้านล่างวัดก็ปิดค่ะ
บรรยากาศหลังวัดก๋งค่ะ
เราเดินทางต่อไปวัดที่ 2 ค่ะ วัดภูเก็ต อยู่ที่ อ.ปัว นะคะ เป็นวัดที่มีจุดชมวิวที่สวยงามและสงบ ถ่ายรูปเล่นกันเพลินๆกับฝนตกแบบปรอยๆ คนก็น้อยๆ ดีต่อใจ
บ่ายสองกว่าๆแล้ว ไปที่พักกันค่ะ คืนนี้เรานอนกันที่ปัวนะคะ จองไว้ที่ตานงค์โฮมสเตย์ค่ะ เห็นรีวิวว่าบรรยากาศดีและสงบ ราคาหลักร้อยวิวหลักล้านว่างั้น ขับมอร์ไซค์ตาม GPS มาเรื่อยๆ อ้าววว พามาทางลัดซึ่งเละและแฉะมาก อยากจะร้องไห้ แต่พอไปถึงโฮมสเตย์เท่านั้นแหละค่ะ ยิ้้มออกมาเลย
พอถึงที่พักปุ๊บ ฝนก็ตกลงมาปั๊บเลยค่ะ ถือว่าแต้มบุญยังมีไม่โดนฝนเลย ฮ่าๆๆ
หมอกลงหลังฝนตกค่ะ
เย็นนี้เราสั่งอาหารจากที่พักนะคะ ทั้งหมดนี้ราคา 330 บาท อ่อ มีผัดมาม่าอีกจานนะคะแต่ไม่ได้ถ่ายไว้หมดก่อน แฮ่ๆ อาหารอร่อยนะคะ
กินข้าวอิ่มก็เริ่มง่วงแล้วค่ะ ที่หลับนอนของเราก็จะประมาณนี้นะคะ มีห้องน้ำในตัว มีเครื่องทำน้ำอุ่นให้ค่ะ
10/9/64 ขับรถมาทั้งวันเมื่อคืนเรานอนตั้งแต่สามทุ่มค่ะ ตื่นอีกทีคือหกโมงเช้าเลย เปิดประตูออกมาคือสดชื่นมาก อากาศดีมาก อยากเจอแบบนี้ทุกเช้าจริงๆ
หมอกเยอะมากค่ะ
มื้อเช้าเราวันนี้ค่ะ ทางโฮมสเตย์จัดให้ประมาณนี้ ง่ายๆค่ะ ข้าวต้มมัดอร่อย แฮ่ๆ
จุดหมายต่อไปของเราคือดอยสกาดค่ะ ชาวบ้านแนะนำว่าต้องไปเพราะสวยมาก ทางขึ้นดอยสกาดก็ชันระดับนึง แต่ถนนดีเลยค่ะขับง่าย และระหว่างทางคือวิวสวยมากกกก
วิวระหว่างทางขึ้นดอยสกาดค่ะ
หมอกปกคลุมไปหมดเลยยย ตรงนั้นคือดอยสกาดนะคะ
พอถึงดอยสกาด เราก็พักกินขนม กินกาแฟ สักพักค่ะ ที่ร้าน ดอยสกาดคอฟฟี่ ขนม กาแฟ อร่อย ราคาไม่แพงค่ะ
บรรยากาศดี วิวสอยอย่างที่ชาวบ้านบอกเลยค่ะ
เราลงมาจากดอยสกาด และเดินทางไปบ่อเกลือต่อค่ะ เราวิ่งไปตามถนน 1256 ปัว-บ่อเกลือค่ะ หรือที่เขาเรียกกันว่าถนนลอยฟ้า ระหว่างทางสวยมาก อยากจอดถ่ายรูปตลอดทางเลย
เราขับมอร์ไซค์ดูวิวไปเรื่อยๆแบบไม่รีบค่ะ เพราะอยากมองธรรมชาติแบบไม่รีบร้อน
ตรงนี้เป็นจุดชมวิว 1715 อุทยานแห่งชาติดอยภูคา ค่ะ ตรงนี้ลุ้นมากกลัวฝนตก
เราก็มุ่งหน้าไปสะปันต่อค่ะ เราถึงสะปันเกือบบ่ายสามแล้ว เราพักที่ สะปันซีวิว นะคะ เป็นกระท่อมเต็นท์ค่ะ
ที่พักตัองเดินขึ้นมาบนเขา อีกประมาณ 200 เมตรนะคะ ทางขึ้นชันมาก เดินหอบเลยค่ะ
ทางขึ้นมาที่พักค่ะ เรากำลังเดินลงไปนะคะ จะไปเดินเล่นในหมู่บ้านค่ะ
แม่น้ำสะปันค่ะ ถ่ายตรงสะพานข้าม
เรามาจุดชมวิว หยุดเวลา ณ สะปัน มีร้านกาแฟด้วยนะคะ มุมนี้คือสวยมาก
ทางขึ้นไปจุดชมวิวชันมากนะคะ ระมัดระวังกันด้วยน๊า
อาหารเย็นเป็นขันโตกนะคะ คิดเพิ่มคนละ 150 บาทค่ะ เราไปกัน 3 คนคะ
11/9/64 เช้านี้ที่สะปัน หมอกเยอะ ฟ้าโปร่ง หายใจโล่งมาก
ถ่ายตอนเช้าจากที่พักค่ะ
ที่พักมีอาหารเช้าให้นะคะเป็นข้าวต้ม ไข่ กาแฟ อาหารง่ายๆ แต่บรรยากาศ 10/10 เลยค่ะ
วันนี้เราจะเดินทางกลับเข้าไปน่านแล้วค่ะ จะไปไหว้พระในเมืองต่อ เราเดินงานไปตามถนนบ่อเกลือ -สันติสุข ค่ะ เพื่อจะไปแวะเช็คอินกับถนนเลข 3 ไม่งั้นเหมือนมาไม่ถึงบ่อเกลือค่ะ
วันนี้ไม่เจอฝนเลยร้อนอยู่เหมือนกันนะ
เก็บภาพได้แล้ว เข้าเมืองต่อเลยจ้า
มาไหว้พระประจำปีเกิดก่อนเลยค่ะ วัดพระธาตุแช่แห้งค่ะ
แล้วก็มาวัดภูมินทร์ต่อค่ะ
ตำนานกระซิบรักก้องโลก ปู่ม่าน ย่าม่าน
จิตรกรรมฝาผนังสวยมากค่ะ
เดินต่อมาอีกนิดนึงก็ถึงซุ้มลีลาดีค่ะ แต่ไม่ดอกเลย ฮ่าๆๆ
มาถึงตรงนี้ก็รู้สึกว่าเหนื่อยกันแล้วเลย ไปหาอะไรกินและเตรียมตัวกลับกรุงเทพฯค่ะ
ส่วนค่าใช้จ่ายในทริปนี้ เราไปกัน 3 คนค่ะ ทุกอย่างหาร 3 อิอิ
ค่ารถไปกลับ 3,552 (ขาละ 592 บาทต่อคนนะ)
ค่าที่พัก ปัว 1,000
ค่าที่พัก สะปัน 1,300
ค่าเช่ามอร์ไซค์ 2 คัน 2,000 (วันละ 350 นะ แต่เขาลดให้ 3 วันคิดคันละ 1,000)
รวม 7,852/3 = 2,617 บาท
***ไม่รวมค่ากินต่างๆนะคะกินน้อยกินมากแล้วแต่เราและงบในกระเป๋าค่ะ
***ค่าน้ำมันตกประมาณ 180 บาทค่ะ 3 วัน เราไม่ได้หารค่าน้ำมันค่ะ
ทริปนี้ก็ขอจบไว้แต่เพียงเท่านี้ค่ะ
แค่ทิ้งความกลัวไปบ้าง ก็ใช้ชีวิตสนุกขึ้นเยอะนะ
#ลองเป็นโสดแล้วจะเป็นสุข
รัก :)
ลองเป็นโสดแล้วจะเป็นสุข
วันอังคารที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2564 เวลา 15.37 น.