ทริปเพ็ดชะบุรี – เพชรบุรี
4 …..คน
3 …..วัน
2 .....คืน
1 .....พันเก้าร้อยห้าสิบบาท/คน
.
Heal
และแล้วปฏิทินก็เปิดเข้าสู่ไตรมาสสุดท้ายของปี 2564 สภาพ !!! เกือบ 2 ปีที่ผ่านมาเราเหมือนนกน้อยที่ถูกขังอยู่แต่ในกรงอย่างอ้างว้าง เมื่อจังหวะประตูเปิดอ้าก็โผถลาออกสู่นภากว้างอย่างไม่รีรอ
ความเป็นพิษได้สะสมบ่มเพาะตกค้างมาอย่างยาวนาน ทั้งในร่างกายและในความคิด คล้ายกับกระบวนการ biomagnification เพราะมนุษย์อย่างเรา ๆ จัดอยู่ในตำแหน่งสุดท้ายของห่วงโซ่ สถานที่เป็นความหวังแรกสำหรับการพาร่างกายอันแสนอ่อนล้าออกไปเยียวยา จึงได้ถูกกำหนดขึ้น
“สถานที่เที่ยวที่แรกอย่างเป็นทางการ ถ้าไม่นับรวมตอนนั่งรถไปทำงาน ที่แห่งนั้นของคุณคือที่ใด ?”
***สำหรับบทความการเดินทางในครั้งนี้ เราจะแบ่งเป็นทั้งหมด 2 ep. ที่จะพาทุกท่านร่วมเดินทางไปด้วยกัน
ทริปเพ็ดชะบุรี – เพชรบุรี EP. 1 แก่งกระจาน
ที่หมาย
กว่าจะถึงที่พักก็ล่วงเลยเข้าไป 22:00 น. กว่าแล้ว ไหนจะเซอร์ไพรส์เป่าเค้กแบบเสมือนว่าเจ้าตัวไม่รู้เลยจริ๊ง ๆ กว่าชาบูหม่าล่ามื้อดึกของเราจะเดือดปุด ๆ (อ๋อที่นี้ทำอาหารได้นะ (แบบเตาที่ใช้แก๊สกระป๋องหนะ) เตาเขาก็มีให้เช่า หรือจะสั่งแบบสำเร็จรูปก็มีให้บริการ) กว่าจะได้อาบน้ำและเอนตัวล้มลงนอน วันที่ก็เปลี่ยนเป็นเลขใหม่ไปเสียแล้ว งั้นพรุ่งนี้พวกเราก็สบาย ๆ หน่อยแล้วกันเนอะ
น้ำในลำธารที่ไหลเชี่ยวส่งเสียงซ่าอย่างกับฝนตก ปลุกให้ต้องลุกตื่นขึ้นมาดื่มด่ำกับธรรมชาติและความสงบ ก่อนจะจัดการกับเสบียงมื้อเช้าเรียกแรงให้กับร่างกายเพื่อเดินทางไปตามแผนที่วางเอาไว้ แต่จะว่าไปแดดสาย ๆ ของเมืองเพชรนี้ก็เอาเรื่องอยู่เหมือนกันเลยนะ
ปลายทาง
สุณี รีสอร์ท แก่งกระจาน ที่พักที่พวกเราเลือกจองสำหรับทริปนี้ เพราะนอกจากจะมีบรรยากาศร่มรื่นดีแล้ว ที่สำคัญบ้านพักอยู่ติดลำธาร ราคาหารกันแล้วก็ตกอยู่ที่คนละ 450 ต่อคนต่อคืน (หรือแบบแพคเกจติดต่อที่พักก็มี) และมีอาหารเช้าให้ (นี่รีวิวมาขนาดนี้สปอนเซอร์ต้องเข้าแล้ว) มื้อเช้าวันนี้เป็นข้าวต้มหมู ปาโทงโก๋จิ้มนม ขนมปังปิ้ง และน้ำชงเลือกได้คนละแก้ว ไม่ว่าจะเป็น ชา กาแฟ อเมริก้าโน โกโก้ ลาเต้ เอสเพรสโซ่ คาปูชิโน่ ก็สั่งเอามาบริโภคเถอะได้แต่ตามใจต้องการ
แกงแล้วแกงอีก
สถานที่แรกจุดหมายตามแผนของเราคือสะพานยาวที่ทอดไปในทะเล ณ แหลมผักเบี้ย ที่เป็นหนึ่งในไฮไลท์ แต่พอไปถึงก็ต้องใจละเหี่ย เพราะสะพานดันเสียปิดปรับปรุงชั่วคราว (17/10/2564) ได้แต่บอกตัวเองว่าไม่เป็นไรไหน ๆ ก็มาแล้วงั้นขอเปลี่ยนแผนไปแวะที่จุดชมวิวหาดทรายเม็ดแรก ปลายแหลมหลวง ให้ลมทะเลพัดหน้าพอเหนียว ๆ แก้ช้ำใจแทนหน่อยก็แล้วกัน
กลับรถเปลี่ยนจุดหมาย อุณหภูมิในกายแข่งขันกับอุณหภูมิภายนอกได้พอ ๆ กัน สถานที่ต่อไป เราจะย้ายจากทะเลฟ้าใส ข้ามไปบึงใหญ่ในอุทยาน ฯ งั้นขอย้อนวันวาน 11 ปี ของสะพานที่มีตำนานหมึก ใช่แล้วครับที่ต่อไป คือสะพานของพี่โชนและน้องน้ำ สะพานแขวน ณ อุทยานแก่งกระจาน (รู้อายุกันเลยทีเดียว) กว่า 77 กิโลที่ขับตัดข้ามกลับมาด้วยหัวใจที่อ่อนล้ายังต้องมาช้ำแล้วช้ำเล่า “สะพานปิดปรับปรุงครับน้อง”
บังเอิญสันเขื่อน
วันนี้เป็นวันอะไรว๊ะเนี่ย ถ้าเพื่อนจะเล่นมุกคงจะบอกว่า “วันเสาร์ที่ 9 ตุลาคม” แต่หยุดก่อนอานนท์ อารมณ์พี่ บ่ จอย งั้นก่อนที่ท้องจะร้องหิวเราคงต้องหาร้านอาหาร หรือ คาเฟ่เท่ ๆ เราจะต้องคอมพลีทกับภารกิจนี้ให้ได้ เพื่อตัดความโชคร้ายที่ผิดแผนตั้งแต่ที่แรกของวัน และจุดหมายปลายทางที่เราเลือกนั้นคือ ต้นไม้ ใบหญ้า คาเฟ่ จากรีวิวในเว็บไซต์ท่องเที่ยวแนะนำให้มา ทำให้เราต้องไป
แต่ก่อนจะถึง เราว่าฟ้าคงจะเกิดความสงสารอยากปลอบใจเราบ้างก็เป็นได้ สันเขื่อนที่อยู่ข้างทางตอนเราขับรถผ่านมานั้น เมื่อมองเข้าไปเห็นวิวไกล ๆ โอ้วโหมันช่างสวยสุดประมาณ หักรถเข้าจอดที่บริเวณปากทางที่มีไม้กั้น สองเท้าก้าวเข้าไป สองมือยกประสานขออนุญาตเจ้าหน้าที่เข้าไปถ่ายรูปสัก 2 – 3 แชะทีได้ไหม โชคดีพี่เขาอนุญาตไม่ได้ว่าอะไร เราจึงได้แวะชมธรรมชาติที่สวยงามแบบนี้ด้วยความบังเอิญ (แต่อันที่จริงเราว่าตรงนี้ก็น่าจะเดินเข้าไปถ่ายได้อยู่แล้วแหละ แต่แค่ห้ามเอารถเข้าเท่านั้น เพราะอาจเกิดอันตรายได้)
กากีเปาะแปะ
ฝนลงเม็ดไล่หลังมาติด ๆ ท้องฟ้าดังฮึ่ม ๆ แข่งกับท้องที่เริ่มร้องประท้วงว่ามันถึงเวลามื้อกลางวันแล้วนะ GPS ยังคงนำทางวกไปวนมาเหมือนเคย เส้นทางที่จะไปร้านแห่งนี้ก็สมชื่อร้าน ต้นไม้ ใบหญ้าที่แท้ทรู เพราะตลอดสองข้างทางที่รถแล่นผ่านมา อืม....ตามนั้น
ก่อนที่พวกเราจะหมดกำลังใจและตัดสินใจเปลี่ยนที่หมาย โชคดีที่เจอพี่จ่ากำลังขับมอเตอร์ไซค์สวนทางผ่านมาไม่รอช้าโบกมือแวะถามทางเพื่อความแน่ใจ แกบอกว่าให้เราตรงไป เจอแยกหน้าเลี้ยวขวา แล้วขับต่อไปอีกหน่อยเจอแยกที่ 2 จะมีทางเลี้ยวซ้าย แต่ไม่ต้องเลี้ยวนะให้ไปทางขวาแทน บอกเสร็จยังไม่ทันได้ขอบคุณ แกก็รีบวาร์ปไปเร็วพอ ๆ กับฝนที่เปาะแปะลงบนเสื้อสีกากีของแกเปียกเป็นดวง ๆ เราได้แต่มองหน้ากันแล้วพูดว่า ทำไมแกไม่บอกให้เลี้ยวขวาเลยวะ.
บ่น ๆ ในฝนตก
ไม่ช้าก็ถึงจุดหมายตามเส้นทางพี่จ่าบอก (จริง ๆ เรียกลุงจ่าน่าจะดีกว่า) ตัวร้านนั้นเลยถัดขึ้นไปอีกหน่อยตั้งอยู่บนเนินเขา หากใครขับรถมาก็สามารถขับขึ้นไปจอดด้านบนเลยก็ได้ แต่เรานั้นเหรอเดินขึ้นสิครับ เพราะรถค่อนข้างเตี้ยขืนฝืนขับขึ้นไปคงจะขูด ครืด ๆ ไปตลอดทางก็เป็นได้ หลังจากลงรถรีบเดินจ้ำอ้าวไปให้ถึงร้านโดยไว ยังไม่ทันหย่อยก้นลงเก้าอี้สิ่งที่พูดไว้เหมือนเห็นดี ว่าถ้าถึงร้านแล้วฝนอยากตกก็เอาให้หนักไปเลย แหมะสมพรปากเลยทีเดียว
บรรยากาศกำลังจะดี ก็ต้องเจออะไรแบบนี้ทุกทีสิน่า วันนี้มันวันอะไรว๊ะ (ไม่เล่นซ้ำนะ) คืออย่างงี้ เดินเข้ามาสั่งอาหาร พอดีมันมีกระเป๋าใบหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะที่ว่าง อยู่ข้าง ๆ โต๊ะที่พี่แกทั้งคู่นั่งอยู่ เพื่อนเราก็ถามในร้านว่าตรงนี้มีคนจองไหม หรือว่ากระเป๋าของใครหรือป่าวเพราะไม่เห็นมีคนอื่นเลย แล้วโต๊ะในร้านก็มีน้อย ความเงียบคือคำตอบ ให้มันได้อย่างนี้สิ ไม่เป็นไรพอสั่งอาหารเสร็จก็ตัดสินใจงั้นเดี่ยวพวกเราเดินฝ่าฝนไปนั่งโต๊ะด้านนอกก็ได้ พอก้าวขาออกจากร้านเท่านั้น นั่นไงชัดเลยอีเจ๊ รีบเอาออกเลยนะ เพราะถ้าพวกเราได้โต๊ะตรงนี้มันจะบังวิวพี่แกใช่ไหม (บังเอิญถ้าเจ้าตัวมาอ่านเจอยังไงก็อ่านต่อไปอีกนิดนะอย่าเพิ่งโกรธกัน)
บรรยากาศกำลังจะดี ตัดเรื่องสองผัวเมียออกไปก่อน ร้านแห่งนี้เขาก็มีดีเหมือนกัน ถ้าหากมองออกไปรอบ ๆ ร้านจะมีวิว ป่าเขา ยอดสนและธรรมชาติที่สวยงามไม่น้อยเลยทีเดียว และที่สำคัญรสชาติกับข้าวที่นี่คือโอเคเลย เชื่อแล้วว่าการที่เราได้กินอาหารอร่อย ๆ จะช่วยให้ใจเย็นลง นั้นไงสงสัยก่อนหน้านี้โมโหหิวแหละ (โทษทีนะเจ๊)
Hilight
ก่อนจะเข้าสู่อีกหนึ่งโปรแกรมหลักของการมาเที่ยวทริปในที่แบบนี้ กิจกรรมที่ไม่ควรพลาดเลยคุณคิดว่าคืออะไร แต่ก่อนจะตอบ...
เราขอแวะตลาดสดที่อยู่ใกล้ ๆ เพื่อตระเตรียมเกียมเสบียงไว้สำหรับเมนูในค่ำคืนนี้ก่อนกลับที่พักสักหน่อย ที่นี่มีทั้งอาหารทะเล หมู หมึก ไก่ กุ้ง และอื่น ๆ อีกหลายอย่าง ทั้งที่เป็นของสดหรือจะเป็นกับข้าวที่ทำสำเร็จรูปแล้วก็มี
14.00 น.เราพบว่าพวกเรามากันไวเกินไป แต่โชคยังเข้าข้างที่แม่ค้าที่นี่ใจดียกเอาของที่เราต้องการมาให้เราเลือกก่อนแม้จะยังจัดแผงกันไม่เสร็จก็ตาม
คำตอบก่อนหน้านี้ที่ถามคุณว่ากิจกรรมที่ไม่ควรพลาดคืออะไร...สำหรับพวกเราคือ“ร่องแกร่ง” มีใครตอบเหมือนกันบ้างหรือป่าว
เรือยางแบบเหมาลำราคา 1,000 บาท จากปกติ 1,400 บาท หากคุณตัดสินใจลงตอนนี้ แถมเสื้อชูชีพฟรี พร้อมคนคัดท้าย 1 คน (ปกติก็แถมอยู่แล้วมะ) 15.00 น. ถึงคิวที่ดีลไว้ เซคชั่นบ่ายทุกอย่างดำเนินไปตามแผนที่วางไว้อย่างลงตัว เรือยางพร้อมคนคัดท้าย แบบ private ทริป ก็ได้เริ่มต้นขึ้น (เพราะไปเพียงแค่ลำเดียว ลำอื่นเขาไปก่อนแล้ว) การล่องแพครั้งนี้ดูเหมือนกระแสน้ำจะแรงกว่าทุกครั้งที่เคยมาแก่งกระจาน อาจเพราะว่าช่วงนี้หน้าฝน และตอนนี้ฝนก็กำลังโปรยปลายลงมาโดยตลอดทำให้ปริมาณน้ำเลยเยอะกว่าปกติ
ลุงเกียรติรับหน้าที่กัปตันนำทีมพาเดอะแก๊งโลดแล่นไปตามสายน้ำ คอยบอกชื่อรีสอร์ทโน้นทีตอบคำถามนี้ทีไปตลอดทาง การทำลายความเงียบของพวกเราน่ะเหรอ คือการคอยแซวหนุ่ม ๆ สาว ๆ ตลอดสองข้างทางที่แพแล่นผ่าน แต่มันก็สนุกดีนะเพราะเขาก็ตอบรับแซวกลับมาด้วยเหมือนรู้จักกันมานาน แต่อันที่จริงเราว่าเราไม่เคยรู้จักกันมาก่อนนะ
- เสียดายคลิปยังตัดไม่เสร็จ -
Climax
**(บทนี้แค่อยากเล่าถึงประสบการณ์หากใครเข้ามาอ่านแค่เรื่องเที่ยวคุณสามารถ skip ไปบทถัดไปได้เลย)
เวลาไปเที่ยวที่ไหนเรามักจะมีเรื่องราวที่เก็บเป็นเศษเสียวของความทรงจำกลับมาในแต่ละทริปเสมอ “สไลเดอร์” รอต้อนรับคุณอยู่แล้ว นี่เป็นอีกหนึ่งเครื่องเล่นที่หลังจากล่องแพเสร็จแล้วต้องกลับมาเล่นให้ได้ ถ้าเป็นคำพูดป๊าเต๊ดก็คงจะบอกว่า “คำถามนี้ไม่ถามก็ไม่ได้นะครับ” แต่เราก็จะบอกเหมือนกันว่า “เครื่องเล่นนี้ไม่เล่นก็คงจะไม่ได้เช่นกันครับ”
ตามหลักการเมื่อปล่อยตัวไถลไปจนถึงปลายราง กระแสน้ำก็จะพัดเราต่อไปจนถึงจุดขึ้นฝั่งข้าง ๆ รีสอร์ท และเราก็ทำทุกอย่างเหมือนเคย แต่ว่าครั้งนี้มันแตกต่างออกไป เมื่อถึงจุดที่จะต้องว่ายเข้าเพื่อขึ้นฝั่งแต่เราไม่ได้อยู่ในตำแหน่งนั้นแล้ว สหายสาวทั้งสองที่ลอยตามกระแสน้ำมาทีหลังดูเหมือนว่าน้ำมันไหลแรงกว่าเดิม เสียงเพื่อนร้องเรียกเสียงหลงมือหนึ่งก็รีบกวาดคว้าแขนเพื่อนเอาไว้ แต่อย่างกับละครชีวิตมือเพื่อนนั้นรูดหลุดมือเราไปต่อหน้าต่อตา สัญชาตญาณบอกให้เรารีบคว้ากิ่งไม้เอาไว้มิเช่นนั้นก็จะถูกน้ำพลัดตามไปด้วยเช่นกัน
ใช่แล้วกระแสน้ำมันแรงเกินไป สองตาคู่นี้ได้แต่จับจ้องดวงตาของเพื่อนคู่นั้น เสียงขานชื่อยังคงดังติดก้องอยู่เต็มสองหู ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ตอนนั้นคิดแค่ว่าต้องรีบขึ้นจากน้ำถึงจะช่วยเพื่อนได้ สองขายืนหยัดประคองตั้งมั่น น้ำที่พัดมามีแรงมากมันไม่ง่ายเลยที่จะออกแรงดึงตัวขึ้นไปบนฝั่งในครั้งเดียว “บอกตัวเองว่าอีกครั้งนะลองอีกทีนะ” หนึ่งอึดใจโถมแรงฝืนเหนี่ยวกิ่งไม้เหวี่ยงตัวขึ้นไป พอสองมือแตะขอบฝั่งได้ก็รีบก้าวขาสับเท้าตามไปทันที ภาพเบื้องหน้าทำน้ำในตาแทบจะไหลเพื่อนทั้งสองนอนหงายหมดแรงอยู่ที่โค้งเวิ้งด้านหน้า
ในใจได้แต่คิด เพียงมือเดียวที่หลุดพลาด หมดโอกาสทำได้เพียงมอง สายตาคู่นั้น เสียงชื่อที่เรียกก้องดัง มันเป็นภาพจำ ในใจนั้นรู้สึกผิดคละรู้สึกดีใจที่เพื่อนปลอดภัย ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะต้องมาพบเจอกับอะไรแบบนี้ ความรู้สึกเช่นนี้ มันไม่ใช่หนัง ไม่มีแสตนอิน ไม่อิงนิยาย แต่มันคือเรื่องราว “ที่เกิดขึ้นจริง”
หลังจากผ่านชั่วโมงแห่งชีวิต ชั่วโมงแห่งวิกฤต เราพบว่า เมื่อเราปลอดภัย และเวลาผ่านไปเรื่องราวเหล่านี้ก็จะเป็นเหตุการณ์ที่จะถูกเล่าขานกันตลอดเมื่อนึกถึงมัน เราว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันคงเป็นเส้นบาง ๆ ระหว่าง ประสบการณ์ กับ ประสบภัย ขอบคุณที่เพื่อนเข้าใจ และคอยปลอบให้เราหายนอยด์จากเรื่องราวที่เกิดขึ้น
สุด ๆ ไปเลย
มีคนเคยบอกว่าคนเราเกิดมาเพียงครั้งเดียวก็ควรใช้ชีวิตให้ดี มาออกทริปทั้งทีก็ต้องจัดให้สุด ๆ ไปเลย วันนี้เป็นวันอะไรกันว๊ะเนี่ย (ห้ามเล่นมุก บอกครั้งที่ 2) อาหารที่ดีจะเยียวยาความเศร้าในใจ หม่าล่าเดือดปุด ๆ บนเตาไฟก็เยียวยาความทุกข์ให้หมดไปได้เช่นกัน เมนูมื้อเย็นวันนี้ น่าจะเป็นสิ่งที่ปลอบประโลมหัวใจของพวกเราที่เป็นผู้มีประสบการณ์จนเกือบได้ประสบภัย ท้องอิ่มหนำสำราญ เก็บกวาดซักล้าง อาบน้ำดับไฟ กิจกรรมต่อไป เราขอบอกเลยว่าต่อไปอย่าได้หาทำ
เช้าวันกลับ
หลังจากช่วงเช้าตื่นขึ้นมานั่งคุยกับธรรมชาติสักพัก ก็คิดได้ว่าใครหลายคนอาจเป็นผู้ฟังที่ดี ถ้าหากแต่ละครั้งในการสนทนาเรานั้นรับฟังผู้อื่นอย่างตั้งใจและมีมารยาท เมื่อเรารู้ว่าการเป็นผู้ฟังที่ดีต้องปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างไร พอมานั่งคิดว่าเรานั้นเคยเป็นผู้ฟังที่ดีต่อตัวเองบ้างไหม ลองนั่งฟังเสียงจากตัวเองจริง ๆ บ้างหรือเปล่า...
เก็บของเช็คเอาท์ยกกระเป๋าขึ้นรถ เคลียร์เงินและแวะลาพี่เจ้าของรีสอร์ทก่อนกลับ พี่แกก็บอกว่าหากมีโอกาสก็กลับมาเที่ยวอีกนะครับ เมื่อคืนแก็งเราทำไมดูเงียบกันจัง แต่ตอนดึกยังเห็นไฟเปิดอยู่นะ เราก็ได้แต่มองหน้ากันแล้วยิ้มก่อนตอบว่า “อ๋อเมื่อคืนนั่งดูหนังผีกันพี่ อย่างน่ากลัวเลยนอนเปิดไฟไว้ทั้งคืน”
โปรดติดตาม EP ต่อไป...ทริปเพ็ดชะบุรี – เพชรบุรี EP. 2 ขาร่องกลับ
อุทยานประวัติศาสตร์พระนครคีรี – วัดถ้ำเขาย้อย – เขาอิบิดสวิสต์แลนด์แดนเพชรบุรี
> https://th.readme.me/p/38751 <
เสือซ่อนยิ้ม
วันอาทิตย์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2564 เวลา 14.26 น.