สวัสดีค่ะเพื่อนๆ วันนี้เราจะมาเล่าประสบการณ์ “ลอยกระทงบนภูกระดึง” ให้ฟังกัน ฟังดูพิศวงพิลึก แต่ก็ทำมาแล้วค่ะ 555
รีวิวนี้ไม่เน้นพวกข้อมูลรายละเอียดมากนะคะ จะเหมือนเพื่อนมาเล่าให้เพื่อนฟังมากกว่า ว่าแล้วก็ไปเที่ยวกันค่ะ
Day 0 (30 ต.ค. 2563)
เราออกเดินทางคืนวันที่ 30 ที่หมอชิต ทริปนี้มีสมาชิกทั้งหมด 4 คน ออกเดินทางโดยรถทัวร์ยี่ห้อซันบัสตามเสียงลือเสียงเล่าอ้างค่ะ (สรุปปวดตูดมากก เพราะเบาะแข็งมากกก) ภายในรถสะอาดและค่อนข้างใหม่ มีที่เสียบชาร์จแบบ USB รถรอบ 22.10 ชานชาลาที่ 28 (แต่รถจริงข้างรถเขียนว่าบขส.ชานชาลา 30 งงไปอีก ให้ถามพนักงานตรงนั้นอีกทีก่อนขึ้นรถนะคะ)
Day 1 (31 ต.ค. 2563)
ถึงผานกเค้า 05.10 หน้าร้านเจ๊กิม หาอะไรทานก่อนขึ้นรถเดงไปภูค่ะ ของกินเยอะดี มีให้เลือกหลากหลาย ค่ารถแดงคนละ 30 บาท หรือจะเหมาเลยก็ได้ 300 บาทค่ะ (แต่เรางก ขอรอคนอื่นดีกว่า 555)
ไปถึงอุทยานเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ล้างหน้า แปรงฟัน เราเริ่มเดินขึ้นตอน 8.30 ค่ะ และนี่คือโฉมหน้าสมาชิกแก๊งค์เรานะคะ (คนขวาสุดยังโสดนะคะ ขอพื้นที่โปรโมทเพื่อนหน่อย 555)
เราถึงซำแฮกตอน 9.10 ค่ะ แตงโมในตำนานต้องมาแล้วจังหวะนี้ ชิ้นละ 10บาท ถูกกว่ากทม.อีก สดชื่นที่ซู๊ดดด มะพร้าวยังเอาขึ้นมาขายเลยอะคิดดู สุดยอดจริงๆ
วันที่เราไปพื้นเละพอสมควรค่ะ เพราะคืนก่อนหน้าฝนตก แต่ดีที่วันที่เราไปฝนไม่ตกเลย ไม่งั้นได้เล่นสไลเดอร์ตลอดทางแน่ ๆ
5 ชั่วโมงผ่านไป (13.30) เย้ ถึงลานแปแล้วจ้า แต่อย่าเพิ่งดีใจ ต้องเดินต่อไปอีก 3 กิโลนะ อ่าวเฮ้ย ! o-O
และนี่คือสภาพรองท้าและกางเกงตอนถึงลานแป 55555555
ไปค่ะ เดินกันต่อไปที่ลานกางเต๊นท์ อีก 3 กิโลเท่านั้น (หรอ???)
หน้าตาต้นไม้สองข้างทางคือจะแบ่งฝั่งชัดเจนมากค่ะเพราะฝั่งซ้ายคือฝั่งที่เพิ่งโดนไฟไหม้ไปเมื่อกลางปี ทำให้ต้นไม้ฝั่งซ้ายจะเป็นตอสีดำไปหมดเลย ก็สวยอีกแบบ เพราะนี่คือธรรมชาติ
บรรยากาศคือหมอกลงตลอดทางหยั่งกะ Silent hill เหมือนเดินในเมืองหมอก และเช่นเคยค่ะ ทางเละเช่นเคย มันยังไม่จบ !!!
และคุณต้นสนโดดเดี่ยวในตำนาน มาหาแล้วน้า
พอมาถึงที่บ้านพัก ก็เก็บกระเป๋ากันค่ะ บ้านพักชื่ออัมพวา นอนได้ 8 คน หลังละ 2400 บาท/คืน เราจองมา 2 คืน ก็ 4800 บาทค่ะ ที่สำคัญคือมีน้ำอุ่นด้วยยย (พอดีตอนแรกเพื่อนจะมากัน 7 คนค่ะ เลยจองบ้านหลังใหญ่ แต่เพื่อนเท แง)
มาค่ะ มาหาอะไรกินกัน ร้านที่นี่เยอะมากกกกกกกกก อาหารหลากหลายสุดดด คนกินยากไม่ต้องกังวลอะไรทั้งสิ้น ตัวเลือกเยอะกว่าที่กินที่บ้านอีก ! มีทั้งตามสั่ง โจ๊ก ปาท่องโก๋ และที่สำคัญไปกว่านั้น หมูกระทะ !!!! รีบกินรีบไปนะ จะถึงเวลาลอยกระทงแล้วจ้า
และนี่คือกระทงที่เจ้าหน้าที่จัดเตรียมไว้ให้ ราคา 50 บาทค่ะ เราจะไปลอยที่อ่างเก็บน้ำวังบอนกัน เย้
มาถึงคือไม่เห็นอะไรเลย เพราะมืดมาก แบบมากขั้นสุด เราเจอบางอย่างที่ใคร ๆ ก็เล่ากันว่ามาภูกระดึงยังไงก็เจอดีแน่ และมันจะเป็นอะไรไปไม่ได้เลย ก็คือ คืออออ อีน้องทากกกก แวร๊กกกกกกก โทรศัพท์กรูวววววววว
หลังจากเคลียร์เหล่าน้อง ๆ ประมาณ 8-9 ตัว ออกไปจากตัวหมดแล้ว ก็คือรีบถ่ายรูปรีบลอยจ้ะ เพราะไม่งั้นเดี๋ยวมันมาอีกกกกก ฮืออ
ขอจบ Day 1 ไปด้วยรูปคู่สุดหวานแหวว 555
Day 2 (1 พ.ย. 2563)
วันนี้เราจะมาเดินมาราธอนกันทุกคน ระยะทางประมาณ 20 กิโล จะทำได้มั้ย ทำได้รึเปล่า ??
เส้นทางเดินวันนี้เราจะเดินไปทางสระอโนดาต และตัดลงมาผาเหยียบเมฆ และไปสุดที่ผาหล่มสักนะจ๊ะ
อากาศเย็นหน่อย แต่แดดแรงมาก แนะนำว่าพาครีมกันแดดมาด้วยน้า
อันนี้วิวที่ผาเหยียบเมฆค่ะสวยมากกกกกกกก เราคิดว่าสวยกว่าผาหล่มสักอีก เพราะวิวมันเกือบ 180 องศาเลย
มาถึงจุดไฮไลท์ของทริปนี้ค่ะ ใครไม่มาผาหล่มสักถือว่ามาไม่ถึงน้า สมใจอยากแล้ววว
พอพระอาทิตย์ตกแล้ว เรากินข้าวกันแปปนึง และเริ่มออกเดินจากผาหล่มสักประมาณ 6.30 ค่ะ ณ จุดจุดนี้ทั้งหนาว ทั้งหลอน เพราะมันมืดมากกก แสงสว่างมีแค่ไฟฉายกับพระจันทร์ ต้องเดินในป่าตั้ง 10 กิโล กับคน 4 คน ฮืออ แอบกลัวอยู่เหมือนกันค่ะ ต้องคอยสาดไฟดูข้างทางตลอด ใครมาน้อยคนไม่แนะนำให้เดินรูทแบบนี้นะคะ เพราะมันจะทำให้กลับถึงดึกเกินค่ะ แนะนำว่าอยู่ดูพระอาทิตย์ตกที่ผาหมากดูกก็ได้ ใกล้ดีค่ะ จะได้ไม่กลับถึงเต๊นท์มืดเกินไปแบบเรา
แต่ความน่ากลัวนี้มันแฝงไปด้วยความสงบและบรรยากาศที่แปลกตามาก ๆ แค่ลองดับไฟฉายและมองขึ้นไปบนฟ้า คือสวยมากจริง ๆ มันดีมากและสนุกมาก เป็นอะไรที่ไม่เคยทำมาก่อนในชีวิตเลย ไม่รู้จะบรรยายยังไงมันซาบซึ้งกับชีวิตตัวเองมากจริงๆ ณ ตอนนั้น มาถึงบ้านพัก 21.20 ด้วยความเร็วแบบสับแหลก เพราะเป้าหมายคือปาท่องโก๋ที่จะปิดตอน 22.00 เลยรีบกันใหญ่เลยตอนนั้น เพื่อนในกลุ่มก็คือให้กำลังใจกันสุดฤทธิ์ 555 มันมากและปวดเท้ามากกกกก จบ day 2 ไปแบบประทับใจสุดๆๆๆ
Day 3 (2 พ.ย. 2563)
วันนี้ง่าย ๆ ค่ะ ไม่มีอะไร ตื่นตี 5 ไปจุดชมวิวผานกแอ่นเพื่อดูพระอาทิตย์ขึ้น แต่ก็ไม่เห็นอะไรเลย เดินไปถึงจุดหมายด้วยความหน้าบูดบึ้งเพราะกรูใช้โควต้าการเดินวันนี้แบบเสียเปล่ามาก โอ๊ยยยยย หมอกฟุ้งไปหมด แงง อยากร้องไห้
หลังจากกินข้าวเช้าเสร็จ ก็เริ่มเดินลงตอน 10 โมง ด้วยความเร็วแบบเต่าคลาน เพราะตอนนี้ตรีนฉันร้าวไปหมดแล้ว TT การลงเป็นอะไรที่ลำบากกว่าตอนขึ้นมากโคตรๆๆๆ เพราะเท้าพองจ้า ความรู้สึกมากมายถาโถมเข้ามาชั้นอยากนอนบนนี้โว้ยย ไม่อยากลงแล้ววววว แต่โชคดีที่แฟนเดินรอตลอดทาง และคอยนวดเท้าให้ด้วยค่ะ อยากเอาพวงมาลัยมากราบนางมาก ณ จุดนี้
เดินลงมาถึงประมาณ 13.30 อาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า เตรียมนั่งรถแดงกลับไปขึ้นรถทัวร์ที่ร้านเจ๊กิมค่ะ
ขากลับเรานั่งยี่ห้อแอร์เมืองเลย รอบ 15.00 ภายในค่อนข้างเก่านะ เบาะแคบกว่าซันบัส แต่ปรากฏว่าเราชอบมากกว่าเพราะเบาะนิ่มค่ะ ได้นอนหลับสบายสักที ถึงกทม 22.40 ราว ๆ นี้ค่ะ ไวดี รถรอบนี้กำลังดีเลย
สรุป
ทริปนี้เป็นทริปที่สนุกที่สุดในบรรดาทุกทริปที่เคยเดินมา (ภูสอยดาว ผาหินกูบ ผ้าห่มปก) เพราะข้างบนมีกิจกรรมให้ทำเยอะ และป่าข้างบนไม่เหมือนอยู่ประเทศไทยเลย ชอบที่สุดคือเดินป่าตอนกลางคืน ชอบมากจริง ๆ ดาวสวยมาก (แอบเห็นดาวตกด้วยนะ ^^) แต่ทุกที่มีสเน่ห์ในตัวเองค่ะ จากเราที่คิดว่าภูกระดึงหรอ? ใคร ๆ ก็มา มันจะยากแค่ไหนเชียว แต่ที่ไหนได้เราคิดผิดถนัด มันไม่ใช่แบบที่คิดเลย มันดีกว่าที่คี๊สสสสสสส (แต่เดิน 20 โล เกินเบอร์ไปนี๊สนึง 5555) จากคนที่เดินวันละ 2000 ก้าว ต้องมาเดิน 3 วัน 100,000 ก้าว บ้าไปแร้ววว
ที่สำคัญประทับใจพ่อค้าแม่ค้าที่นี่มาก ใจดีทุกร้าน เป็นกันเองมาก ไม่ซื้อของเขาก็ยังเรียกเข้าไปนั่งในร้าน น่ารักอะ ของขายราคาไม่แพงเลยเมื่อเทียบกับที่เขาต้องแบกขึ้นมาไกลขนาดนี้ ข้าวราคาทั่วไป 60-70 น้ำแพงหน่อย 30-50 บาท
ขอลาทริปนี้ไปด้วยมุมมหาชนภาพนี้ค่ะ ชั้นมาถึงแล้วโว้ยยยยย สวัสดี
ค่าใช้จ่าย
ซันบัส 633 บาท
แอร์เมืองเลย 431 บาท
ค่ากิน 1,500 (ประมาณ)
ค่าที่พัก 700 บาท (2 คืน)
ค่าลูกหาบ 360 บาท (โลละ 30 ขึ้น+ลง)
รวม 3,624 บาท
อุปกรณ์ที่สำคัญ
รองเท้า ควรเป็นรองเท้าเดินป่าไม่ก็สตั๊ดดอยนะ
ครีมกันแดด
ซอฟเฟล
ไฟฉาย* สำคัญมาก
เงิน และเงินนน (ไม่ต้องเตรียมของกินไปเลย ข้างบนมีทุกอย่าง เตรียมเงินไปแค่นั้นจ้า)
GOwithMe_FreeBreakfast
วันอังคารที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2564 เวลา 15.45 น.