ภูกระดึง ดึ๊ง ดึง ครั้งนึงไม่พอ ต้องขอสอง
จังหวัด เลย
วันที่ 11 ธีนวาคม 2556
อุปกรณ์ที่ใช้
Canon EOS-600D
Sigma Lens 10-20mm F3.5
รีวิวนี้จะขอรวบยอดทีเดียวจากการไปมา 2 ครั้งเลยน๊ะครับ เพราะเป็นการเดินทางไปที่นานมากแล้วครับ
เริ่มออกเดินทาง โดยการนั่งรถทัวร์จากหมอชิตใหม่ครับ รถออกตอน 4 ทุ่ม
ปลายทางคือร้านเจ๊กิมครับ ถึงนี่ตอนประมาณ ตี 5 ครึ่ง ถึงแล้ว ก็จัดการล้างหน้า แปรงฟันครับ เสร็จแล้ว ก็รับประทานอาหารที่นี่ได้เลย
เสร็จแล้วก็นั่งรถสองแถว ไปลงที่ทำการอุทยานครับ
ขอบอกไว้ก่อนว่า จริงๆแล้วการไปเดินภูกระดึงครั้งนี้นั้นเป็นการไปเดินแบบ ไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลย แค่เห็นคนโชว์รูปใน Facebook เท่านั้น ในใจก็คิดว่า ขนาดสาวๆยังมาเดินได้ เราผู้ชายก็น่าจะสบาย เลยซื้อเต้นท์ จองตั๋วรถ แล้วมาเลยครับ
พอจ่ายเงินค่าเข้าอุทยานก็เดินมาทางขึ้นเลยครับ ตาก็เหลือบไปเห็นป้าย เข้าคิวจองลูกหาบ เราก็ดูๆ แล้วก็ลองจับๆของของเราดู มันก็ไม่หนักนี่หว่า ก็เลยเดินตรงไปที่ทางขึ้นเลยครับ
พอถึงทางขึ้นก็หยิบกล้องออกมาจากกระเป๋า แล้วก็ใส่เลนส์ใหม่แก่ะกล่องที่พึ่งซื้อมาเพื่อทริปนี้โดยเฉพาะ แล้วก็สะพายเดินไป แบกเป้เองด้วยๆ อย่างเท่ห์ครับ 555+++
แต่พอเดินไปถึงทางชันที่ต้อง ออกแรงเดินขึ้นเนินเท่านั้นเหลอะ เดินไปได้นิดเดียวเอง คือเหนื่อยมาก เหนื่อยแบบไม่ไหวแล้ว เดินไปได้นิดเดียวเองแบบว่า เดินได้ 50 เมตร ต้องนั่งพัก 5 นาทีอ่ะครับ (ตอนนี้อ่ะ ถึงเข้าใจว่า ทำไมเค้าถึงต้องจ้างลูกหาบกัน ตอนแรกที่กระเป๋ามันดูเบาๆอ่ะ เหมือนมันหนักขึ้นซัก 10 เท่าได้ T T)
คำเตือน: สำหรับผู้ที่ไม่ได้เตรียมตัว และออกกำลังกายมาก่อน ก็แนะนำว่า อย่าฝืนครับ ให้นั่งพักไปเลย จนหายเหนื่อย แล้วเดินต่อครับ ขึ้นแต่เช้า อย่างงัยก็ถึงครับ 555+++
ส่วนผมนั้น นั่งพักได้สองครั้ง กล้องกับเลนส์ใหม่ที่พึ่งถอยมาก็เก็บใส่กระเป๋าเรียบร้อยครับ
พวกกลุ่มเด็กวัยรุ่นที่เดินไป พักไปด้วยกันกับผม พอเจอหน้ากันก็ถามผมว่า "พี่ๆ กล้องไปไหนแล้วอ่ะ" ผมก็ตอบไปว่า "เก็บแล้ว ไม่ถง ไม่ถ่ายมันแล้ว เหนื่อยๆๆๆ" 555+++
ปล. เสน่ห์อย่างหนึ่งของการเดินป่า โดยเฉพาะภูกระดึงนั้นคือ เวลาเดิน เหนื่อย แล้วเวลานั่งพักนั้น เราจะชวนคุยกับคนแปลกหน้า ที่เดินสวนกัน เดินไปด้วยกันแย่ะมากครับ เพราะปกติ ถ้าไปเดินที่อื่นส่วนใหญ่ ก็เดินผ่านเฉยๆ ไม่ทักทายกันอ่ะครับ
เกร็ดความรู้: จริงๆแล้ว ที่ซำแรกที่ชื่อว่า ซำแฮกนั้น มีคนถอดใจไม่ไปต่อกันแย่ะครับ แล้วก็มีหลายคนที่เดินทางมาเที่ยวภูกระดึง แล้วก็ตั้งใจเดินขึ้นไปหาซื้ออะไรกินกันที่ซำแฮก แล้วก็เดินทางกลับกันก็แย่ะครับ
ส่วนผมนั้นก็คิดครับ แต่คิดได้ว่า ถ้าไม่เดินต่อ ก็ไม่รู้ว่าคืนนี้จะนอนไหน เลยเดินๆ หยุดๆ อยู่อย่างนั้นครับ คือพักมากกว่าเดิน
หลังจากพยายามอยู่นาน ก็เดินขึ้นมาถึงซำแฮกได้สำเร็จครับ ถึงแล้วก็เดินซื้อขนม ซื้อน้ำกิน แล้วก็นั่งพักอยู่นานครับ แล้วก็ตัดสินใจเดินต่อครับ โชคดีที่หลังจากซำแฮกนั้นก็เป็นทางเดินราบยาวๆครับ แล้วทางก็ค่อยๆชันขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาแล้วครับ เหมือนแรงมันจะอยู่ตัวแล้ว และก็ตลอดทางนั้น มันมีของกินขายครับ ผมก็เลยตั้งเป้าหมายในการเดินครับ มันจะไก้ไม่เบื่อ แล้วก็ลืมเหนื่อย โดยเล็งว่าซำต่อไปจะกินอะไรดี อย่างซำนี้กินแตงโมไปแล้ว ซำหน้าจะกินน้ำแข็งใสอะไรงี้ครับ
แตงโมภูกระดึงเป็นของขึ้นชื่อน๊ะ ใครมาเดินต้องซื้อกินครับ เดินมาเหนื่อยๆ แล้วซื้อกินนี่ หวานอร่อยมากครับ (จริงๆ ผมว่ามันก็เหมือนๆกับที่อื่นเหลอะ แต่เรากินตอนที่มันเหนื่อย เลยอร่อยมากกว่า 555+++)
พอไปถึงซำสุดท้ายนี่ คือต้องปีนกันเลยทีเดียวครับ แต่ก็ไม่มีปัญหาอะไร แรงมันอยู่ตัวแล้ว ไม่ได้เหนื่อยมาก
แล้วสุดท้ายก็ถึงหลังแป
พอถึงหลังแป อย่างที่บอกครับ ไม่ได้ศึกษาอะไรมาเลย ก็มองๆ อืมๆๆๆ ไม่เห็นมีลานกางเต้นท์เลย ก็เลยโทรถามเพื่อน เพื่อนบอก มองดูรอบๆ เห็นคนเค้าเดินไปตามทางมั๊ย นั่นเหลอะเดินตามเค้าไป อีกประมาณ 40 นาทีถึงมีที่กางเต้นท์ 555+++
หลังจากนี้ก็ไม่อะไรน๊ะครับ ก็ดูตามรูป แล้วจะมีคำอธิบายอยู่ด้วย
ส่วนการมาเดินขึ้นครั้งที่สองนั้น ผมมีการเตรียมตัวมาอย่างดีครับ มีไปออกกำลังกายโดยปั่นจักรยานรอบสนามบินสุวรรณภูมิทุกสัปดาห์ ครับ เลยเดินขึ้นแบบสบายๆเลย
ปล. การมาเดินครั้งที่สองนั้น ผมมีการเช่าจักรยานเสือภูเขาปั่นด้วยน๊ะครับ สนุกดีครับ
คำเตือน: การปั่นจีกรยานเสือภูเขานั้น ในจังหวะลงเนินที่ชันมากๆ ควรลงเดินเข็นน๊ะครับ เพราะการปั่นลงเนินด้วยความเร็วบนทางที่ไม่เรียบนั้นอาจตกหลุม + กับเรากดเบรก มันจะทำให้รถเราล้มแบบตีลังกาอ่ะครับ ผมโดนมาแล้ว 555+++
ถึงแล้วร้านเจ๊กิม ถึงประมาณ ตี 5 ครึ่ง ล้างหน้า แปรงฟัน หรือใครจะอาบน้ำก็ได้น๊ะครับ
แล้วก็รับประทานอาหารได้เลย อาหารอร่อยครับ
แล้วก็มาขึ้นรถสองแถวต่อครับ
ถ่ายรูปป้ายซักหน่อย อุตส่าห์ถอยเลนส์ใหม่มา 555+++
เนี่ยครับ จากรูปจะเห็นว่า ซำแฮกนั้น ค่อนข้างชันครับ แล้วหลังจากนั้น ก็เป็นทางราบ แล้วก็ค่อยๆไต่ขึ้นไปเรื่อยๆ ดังนั้น ผ่านซำแฮกไปให้ได้ก็สบายแล้วครับ
ป้ายขู่ 555+++
ถึงซักที (แล้วลานกางเต้นท์อยู่ไหนหว่า)
ต้นไม้ที่เป็น Landmark ของที่นี่ครับ ต้องหยุดถ่ายรูปครับ
ปล. ตอนข่าวที่บนภูกระดึงไฟไหม้นั้น สิ่งแรกที่ผมคิดเลยคือ ขออย่าให้ต้นไม้ต้นนี้เป็นอะไรน๊ะ แล้วก็รอดมาได้ โชคดีจริงๆครับ
ถึงแล้วลานกางเต้นท์
อ่าได้ที่เหมาะๆแล้วๆๆๆ
เสร็จแล้วตอนเย็นๆก็มาถ่ายรูปพระอาทิตย์ตกที่ "ภาหมากดูก" ใกล้ๆลานครับ แต่ก็ต้องเดินเหมือนกันน๊ะ 30 นาทีได้
ปล. แต่ที่นี่ไม่ใช่ Highlight ที่สุดของการมาเดินภูกระดึงน๊ะครับ จุดที่สวยที่สุดคือ "ผาหล่มสัก" ครับ
คนก็มาที่นี่กันแย่ะเหมือนกัน
นั่งชิวว์ๆ ถ่ายรูปริมผาครับ
บรรยากาศ สบายๆครับ รอดูพระอาทิตย์ตกกัน
ดูพระอาทิตย์ตกเสร็จก็เดินกลับมาที่ลาน แล้วก็มาเดิน Shopping กันที่ห้างสรรพสินค้าครับ 555+++
ร้านหมูกะทะครับ อิอิ
เสร็จแล้วก็ตื่นมาดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ "ผานกแอ่น" ครับ
ปกติตอนเช้าประมาณตี 5 เค้าจะมีสัญญาณปลุกทุกคนให้ตื่น เพื่อเดินมาดูพระอาทิตย์ขึ้นกันน่ะครับ ใช้เวลาเดินประมาณ 40 นาทีน๊ะครับ
วิวสวยๆครับ ถ่ายแบบ Silhouette กันไปเลย
อิจฉ๋าคนมีคู่ 555+++
เสร็จแล้วก็เดินกลับ
ระหว่างทางเดินกลับนั้น อย่าลืม แว่ะถ่ายรูปข้างทางน๊ะครับ พวกดอกไม้ใบหญ้าที่นี่ค่อนข้างสวยครับ
บรรยากาศอันสดชื่นตอนเช้าๆที่ลานครับ
สวยๆ ชอบมุมนี้มากๆๆๆ
อันนี้เป็นทริปครั้งที่สองน๊ะครับ ผมเช่าจักรยานปั่นครับ สนุกดีครับ (อาจจะได้ยินหลายคนบอกว่าปั่นยาก เพราะถนนมันเป็นทราย ก็จริงครับ แต่มันไม่ได้แย่ะขนาดที่ปั่นไม่ได้เลยครับ)
บรรยากาศทางเดินริมผาครับ สวยดีครับ
และแล้วก็มาถึง จุด UnZeen Thailand อิอิ
เนื่องจากผมปั่นจักรยานมาก็เลยมาถึงเร็วมาก ก็เลยนอนรอยาวๆไปครับ
เนี่ยครับ มุมถ่ายรูป แต่ต้องรอให้พระอาทิตย์ใกล้ตกก่อนครับ
บริเวณที่ต้องนั่งถ่ายจะเป็นแบบนี้ครับ
ด้านหลังนั้นคือคิวที่ต้องต่อครับ 555+++
ตรงนี้คือมุมของตากล้องที่ต้องมานั่งรอให้เพื่อนของตัวเองได้ไปนั่งครับ
ดังนั้น การได้รูปที่นี่ต้องพึ่งดวง และการคำนวณที่แม่นยำอย่างมากครับ เเพราะช่วง Twilight ที่พระอาทิตย์ตก ที่สวยที่สุดนั้นมันจะมีแค่ 5-10 นาทีครับ ก็ต้องเล็งต่อคิวกันดีๆอ่ะครับ 555+++
ส่วนเรามาเดินคนเดียว ก็ถ่ายคนอื่นไป 555+++
ปล. สำหรับคนที่เช่าจักรยานปั่นมา เค้าจะมีที่ให้นำจักรยานมาจอดโดยเฉพาะครับ เมื่อถ่ายรูปเสร็จแล้วต้องปั่นกลับ ทางมันจะมืดมาก ทางเจ้าของจักรยานที่เราไปเช่ามา เค้าจะเอา ไฟฉายแบบคาดหัวมาแขวนไว้ให้ที่รถทุกคันเลยครับ เราก็ใช้ส่องทางปั่นกลับสบายครับ แล้วก็เอารถไปคืนที่ลาน
แบกกล้อง
วันจันทร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2565 เวลา 22.49 น.