วันนี้ชวนเที่ยวหลวงพระบางค่ะ

3 วัน 2 คืน สะบายดีหลวงพระบาง ใส่บาตรข้าวเหนียว เที่ยวเมืองมรดกโลก

ฝากไว้ในอ้อมใจด้วยนะคะ ทักทายกันได้ที่เพจถ่ายภาพของแจ๊คค่ะ

เพจนักเดินทางตัวน้อย

https://www.facebook.com/journeymemories

หลวงพระบาง คือลาวเหนือค่ะ เป็นเมืองเก่าแก่ของอาณาจักรล้านช้าง องค์การยูเนสโกได้ยกย่องให้เเป็นเมืองมรดกโลก ความดั้งเดิมของประเพณี

วิถีชีวิตของผู้คน ความเก่าแก่ของสิ่งปลูกสร้าง ทำให้หลวงพระบางมีเสน่ห์ในตัวเอง

สิ่งเหล่านี้น่าจะเป็นสิ่งที่ทำให้หลายๆคนหลงรักหลวงพระบาง

สิ่งที่เห็นคือนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติแบ็คแพ็คมาที่หลวงพระบางเป็นจำนวนมากเลยทีเดียว


ไปหลวงพระบาง เที่ยวไหนดี วันนี้เราจะมาเล่าให้ฟังค่ะ ว่ามีที่ไหนน่าสนใจบ้าง


บอกก่อนนะว่ากระทู้นี้ จะมาแนะนำเฉพาะสถานที่ท่องเที่ยวของหลวงพระบาง

เรื่องการเดินทางกับค่าใช้จ่าย คงให้ข้อมูลไม่ได้ ต้องขออภัยด้วยน๊า เพราะจ่ายเองแค่3,000 ที่เหลือที่ทำงานออกให้ค่ะ

ครั้งนี้ ไปเที่ยว เรียนรู้ ซึมซับความเป็นเมืองมรดกโลก พักกายพักใจ ให้พร้อมสู้งาน

เราไปกัน13คน ช่วงกลางเดือน มกรา 2559 ไปกับทัวร์ค่ะ เราใช้บริการทัวร์ของ bankok travel club

ของบางกอกแอร์เวย์ส หัวหน้าทัวร์ของ ของเราคือพี่เปิ้ล พี่เปิ้ลน่ารักมากๆดูแลพวกเราเป็นอย่างดี ด้วยความที่พวกเรา13คน อายุไกล้ๆกัน

และพี่เปิ้ลก็น่าจะอายุห่างจากพวกเราไม่กี่ปี เลยมีความเฮฮาเกิดขึ้นตลอดการเดินทาง

เราใช้รถตู้ในการดินทางไปที่ต่างๆ ไกค์ที่ลาวชื่อพี่ตุ้ย พี่ตุ้ยเล่าถึงความเป็นมาของสถานที่ต่างๆได้สนุกมากๆค่ะ ทำให้รู้ถึงความเป็นมา เรื่องราวของสถานที่นั้นๆ ทำให้รู้สึกอินกับทุกๆสถานที่ ทำให้การเที่ยววัด เที่ยวพิพิธภัณไม่น่าเบื่อ

เข้าใจเลยว่าทำไมเวลาไปสถานที่ต่างๆควรศึกษาความเป็นมาของสถานที่ด้วย มันทำให้การไปเยือน มีความหมายมากขึ้น

แจ๊คเป็นพวกไม่ค่อยชอบเที่ยววัด หรือพวกสถานที่ที่เป็นสิ่งปลูกสร้าง เพราะบางที่วิวมันก็ไม่ได้สวยอะไร กลับจากหลวงพระบางต้องคิดใหม่เลย

ที่หลวงพระบางมีมอไซค์ มีจักรยานให้เช่านะ ถึงจะให้ข้อมูลค่าใช้จ่ายการเดินทางไม่ได้มาก แต่แจ๊คมีข้อมูลที่คิดว่าเป็นประโยชน์ด้วยนะคะ เพื่อการเตรียมตัวก่อนออกเดินทาง

***โทรศัพท์

ที่หลวงพระบาง ตรงสนามบินมีสัญญาณAISค่ะ ถ้าใช้เติมเงินซิมจะเปิดโรมมิ่งอัตโนมัติ

ถ้าเป็นรายเดือน ไม่รับสัญญาณค่ะ นอกจากเราจะเปิดโรมมิ่งเอง ( พอดีเครื่องแจ๊คใช้ 2 ซิม ทั้งเติมเงินและรายเดือนค่ะ )

แต่อย่าใช้เลยค่ะ ค่าบริการแพง 5555 แต่พอออกจากสนามบินไปก็ไม่มีสัญญาณละ

แจ๊คไม่โทรอยู่แล้วก็ใช้โหมดการบินค่ะ ใช้ wifiบนรถตู้ ร้านอาหาร โรงแรม ถ้าใครจำเป็นต้องโทร หรือไม่มีwifiใช้ ก็ให้ซื้อซิมที่ลาวค่ะ

จำราคาไม่ได้ละ แต่ไม่แพงนะ ราคาหลักสิบ อันนี้หาข้อมูลกันได้จากgoogleเนอะ

***ภาษา

คนที่หลวงพระบางฟังภาษาไทยรู้เรื่องค่ะ ภาษาลาวเราก็สามารถฟังเข้าใจได้ คล้ายๆ อีสานผลมเหนือ แต่สำเนียง ไม่เหมือนเวียงจันท์

เราสามารถคุยภาษาไทยกับเค้าได้เลยค่ะ

***เงินตรา

ที่หลวงพระบาง ใช้สกุลเงินกีบ ประมาณ220กีบ = 1 บาท ใช้เงินไทยได้ค่ะ แต่เค้าจะไม่ค่อยมีเหรียญทอน เคยเจอ ร้านโชว์ห่วยแถวๆตลาดค่ำ มีเหรียญทอนด้วย เพิ่งเจอร้านเดียวค่ะ

แนะนำให้แลกแบงค์ 500,100, 20(เยอะๆเลย)เพื่อความสะดวกในการใช้จ่าย ถามว่าราคาของต่างจากบ้านเรามั้ย ก็แพงกว่านิดหน่อย

***ไฟฟ้า

ที่ลาวใช้กระแสไฟ220V เหมือนบ้านเราค่ะ

***เวลา

เวลาเท่ากับประเทศไทยค่ะ

***ของที่ระลึก

จะเป็นพวกผ้าซิ่น เสื้อผ้า กระเป๋า เครื่องเงิน สามารถซื้อได้ที่ ถนนคนเดินหรือตลาดค่ำนั่นเองค่ะ อยู่ที่ถนนสีสว่างวง เปิดประมาณ 5โมงเย็น ถึง 4ทุ่ม 5ทุ่ม ก็เริ่มเก็บของกันแล้วค่ะ

อีกอย่างคือกาแฟดาว ผลไม้อบแห้งดาว

***ก่อนเดินทางเช็คสภาพอากาศด้วยนะคะ จะได้เตรียมเสื้อผ้าได้ถูกเนอะๆๆๆ


เอาล่ะเตรียมตัวกันแล้วก็ออกเดินทางกันเลยค่ะ

เที่ยวบินของเรา 9.40 แน่นอนว่าต้องบินกับบางกอกแอร์เวย์ส

7โมงกว่าๆ เรารวมตัวกันที่สุวรรณภูมิ เช็คอินเสร็จ เตรียมเข้าเกจ ตอนแสกนกระเป๋า ตรวจอาวุธนี่ดิ่ แถวยาวมาก วันนั้นใส่รองเท้าบู๊ท โดนถอดรองเท้าด้วย 5555 แล้วก็ไปทานของว่างที่เลาท์ ตุ๊กตาน้องหมีน่ารักมากอ่ะ เห็นแล้วโดดกอดเลย

เช้าวันนั้นเดินทางท่ามกลางฝนเบาๆ 9.40 น. เหินฟ้าสู่หลวงพระบาง

สวัสดี ผมอยู่เหนือพวกคุณนะ 555 ท้องฟ้าสวยมากๆ


สะบายดี หลวงพระบาง ถึงแล้วค่ะที่สนามบินก็มีรถรับจ้างไว้บริการนะคะ


ร้านอาหารที่เราไปทานกันมีดังนี้ค่ะ ร้านปากห้วยมีไช(ส้มตำหลวงพระบางร้านนี้แซปมาก),ร้าน Mekong fish restaurant อยู่ริมแม่น้ำโขง,ร้านตำหนักลาว,ภัตตาคาร L'Elephant,สุดท้ายไปทานเฝอร้านจันถนอม

พวกเราพักกันที่ the sanctuary สามารถเดินไปตลาดค่ำได้

ช่วงที่เราไปอุณหภูมิประมาณ13-30องศา คือตอนเช้าหนาวมากๆค่ะ แต่พอกลางวันอุณหภูมิก็สูงขึ้นค่ะ

เอาล่ะ มาดูสถานที่ที่เราไปกันค่ะ เอาจริงๆนะ วัดที่ไปแรกๆเราลืมชื่อ 5555 เอาเท่าที่จำได้เนอะ

สะบายดี บทที่ 1 วัดเชียงทอง มาดูสิมแบบหลวงพระบางแท้ๆ (สิมคืออุโบสถ)

วัดเชียงทองได้รับการยกย่องว่าเป็นวัดที่สวยงามที่สุดในหลวงพระบาง และเป็นสุดยอดแห่งสถาปัตยกรรมล้านช้างที่สวยงาม

สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2102-2103 ในสมัยของพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช นับเป็นตัวแทนของศิลปะสกุลช่างล้านช้างที่งดงามและสมบูรณ์ และเป็นวัดสำคัญวัดเดียวที่ไม่ถูกเผาทำลายในศึกฮ่อธงดำบุกปล้นเมืองหลวงพระบาง ใน พ.ศ. 2428

หลังคาพระอุโบสถแอ่นโค้งซ้อนกันอยู่ 3 ชั้น ลดหลั่นเกือบจรดฐาน ส่วนกลางของหลังคามีเครื่องยอดสีทองซึ่งชาวลาวจะเรียกว่า ช่อฟ้า ประกอบด้วย 17 ช่อ มีความหมายว่าเป็น สิม ที่พระมหากษัตริย์ทรงสร้างขึ้น

วัดเชียงทอง ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของหลวงพระบาง อยู่ไกล้ๆกับบริเวณที่แม่น้ำคานไหลมาบรรจบกับแม่น้ำโขง ริมถนนโพธิสารราช เป็นสถานที่ที่ถ้าใครมาเยือนหลวงพระบาง ต้องมาสัมผัสค่ะ

สะบายดี บทที่ 2 ไปดูน้ำสีฟ้าที่ น้ำตกตาดกวางสี


เราต้องเดินทางไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ อยู่ห่างจากหลวงพระบาง 30 กิโลเมตร น้ำตกตาดกวางสีเป็นน้ำตกที่สวยงามที่สุดของหลวงพระบาง

น้ำตกจะมีน้ำตลอดปี ในฤดูร้อนน้ำจะน้อย

เป็นน้ำตกหินปูน สูงประมาณ 70 เมตร มีสองชั้น แล้วแบบดูดิ่น้ำเป็นสีฟ้า ชอบมากๆค่ะ

ถ่ายภาพมาแบบไม่มีขาตั้งกล้อง ได้ประมาณนี้ค่ะ

อุปสรรคอีกอย่างคือละอองน้ำ กลัวกล้องพัง 5555


มีสะพานทางเดินเพื่อชมน้ำตกได้สะดวกสบาย

ตรงด่านเก็บค่าเข้าชม จะมีร้านขายของที่ระลึก ร้านขายอาหาร มากมายค่ะ

บริเวณนี้จะเป็นพื้นที่ป่าอุดมสมบูรณ์ มีความร่มรื่นตลอดทางเข้าน้ำตก ถ้ามาหลวงพระบาง แนะนำเลยค่ะ น้ำตกตาดกวางสี


สะบายดี บทที่ 3 ไปชมพระอาทิตย์ตกดินที่ ภูเขาพูสี

เป็นภูเขาขนาดย่อมที่อยูกลางเมืองสูงจากพื้นดินประมาณ 150 เมตร เป็นจุดชมวิวที่สวยงามที่สุดของเมืองหลวงพระบาง

ด้านบนเป็นที่ตั้งของพระธาตุจอมสี พระธาตุองค์เล็กๆทรงดอกบัวสี่เหลี่ยมปิดทองทั้งองค์ตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยมที่มีความโดดเด่น ยอดประดับด้วยเศวตฉัตรทองสำริด 7 ชั้น สูง 21 เมตร

เราขึ้นไปกันช่วงบ่ายแก่ๆ เดินขึ้นตรงถนนหน้าพระราชวัง เป็นถนนที่เป็นตลาดค่ำนั่นเองค่ะ ทางเดินเป็นขั้นบันได 328 ขั้น

ตลอดทางเดินเราจะได้กลิ่นหอมของดอกจำปาลาวค่ะ เดินขึ้นกว่าจะถึงข้างบน คือเหนื่อยมากๆค่ะ ควรพกน้ำขึ้นไปดื่มด้วยนะคะ

อยากทำบุญปล่อยนกก็มีขายนะคะ

เมื่อเราอยู่ด้านบนเราจะสามารถเห็นวิวทิวทัศน์ของเมืองหลวงพระบางได้ค่ะ

นักท่องเที่ยวจะขึ้นไปเพื่อรอชมพระอาทิตย์ตกดินค่ะ ซึ่งวันนั้นคนเยอะมาก


หามุมยืนถ่ายภาพยากเพราะที่นี่เป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกดินที่สวยงามมากๆ ถ่ายมาได้มุมประมาณนี้ค่ะ


หลังจากแสงหมด เราก็เดินลงกันค่ะ


ลงมาที่ถนนก็เป็นเวลาของตลาดค่ำค่ะ



สะบายดี บทที่ 4 ช็อปของฝาก เดินเล่นชิลๆ ที่ตลาดค่ำ

ตลาดค่ำหรือตลาดมืด หรือถนนคนเดิน นั่นเอง ตรงนี้คือถนนศรีสว่างวงศ์ ตรงสี่แยกที่ทำการไปรษณีย์ ไปจนสุดพิพิธภัณฑ์หลวงพระบาง ที่พาไปเที่ยวตลาดค่ำต่อเพราะให้ต่อจากตอนที่แล้ว อิอิ หลังจากลงจากภูเขาพูสี เราก็จะเจอกับตลาดค่ำเลยค่ะ

ภาพนี้ถ่ายตอนก่อนขึ้นเขาพูสี พ่อค้าแม่ค้าจะมาตั้งร้านช่วงเย็นๆประมาณ 5โมงเย็น แล้วขายกันยาวๆไปถึง 4-5ทุ่ม

ถนนจะปิดห้ามรถเข้า เดินกันได้สบายๆค่ะ

ในกระทงใบตองนั่นคือขนมครก ชาวหลวงพระบางเขาจะจัดวางแบบนี้ทุกร้านค่ะ น่ารักเชียว

สินค้าที่ขายก็มีหลากหลายต้นๆถนน ฝั่งไปรษณีย์จะเป็นพวกของกิน ของที่ขายในตลาดจะเป็นพวกหัตถกรรม

งานเย็บปัก กระเป๋าผ้าหลากหลายแบบ ผ้าทอ ผ้าซิ่น ผ้าคลุมไหล่ ของที่ระลึก งานศิลปะ งานฝีมือ งานมีสไตล์ โอ้ยยยยย จิปาถะค่ะ

ร้านรองเท้า ทำตามสั่งค่ะ


นี่คืออะไร ใครรู้บ้าง ???


มันคือลำโพงค่ะ ทำจากกระบอกไม้ไผ่ ไม่ได้มีกลไกลอะไร ไม่ต้องใช้แบต ไม่ใช้ไฟฟ้า ใช้หลักการสะท้อนของเสียง

ของอีกอย่างคือ เสื้อยืดหลวงพระบางสกรีนลวดลายต่างๆ เสื้อยืดนี่น่าจะเป็นสินค้าท็อปฮิต ทั้งซื้อใส่เอง หรือซื้อเป็นของฝาก ไม่ได้ถ่ายรูปมา

****ว่าด้วยร้านเสื้อ จะเมาท์ให้ฟัง เดินดูดีๆจะพบว่าแต่ละร้านแบบจะเหมือนๆกันเป็นงานโหล แต่ลายสกรีนมีให้เลือกเยอะอยู่นะ ราคาก็จะไม่แพง เจออยู่ไม่กี่ร้านที่เป็นแบบ ร้านออกแบบเอง ลายก็เป็นเอกลักษณ์ ไม่เหมือนร้านอื่นราคาตัวละ200อัพ ซึ่งลายจะแตกต่างจากร้านอื่น อยากได้แบบไหนก็เลือกได้ตามชอบเลยค่ะ แต่แก้งค์เราเอาแบบเสื้อโหล เพราะซื้อกันเยอะค่ะ ก่อนไปพวกเราได้รับคำแนะนำจากคนที่เคยไปมาแล้วว่าเสื้อที่ถูกคือตัวละ80 ถ้าใครซื้อแพงกว่า80นี่ ถึงกับเจ็บอ่ะ 5555

ไม่ได้ดิ่ ซื้อของแพงเดี๋ยวเสียหน้า เดินดู ถามราคา บางร้านก็ดูป้าย หลายร้านมากที่เป็นแบบเดียวกัน บางร้าน 100 บางร้าน 120 เดินจนเจอร้านที่ขาย 80 บาท เย้ๆๆๆๆ รู้สึกประสบความสำเร็จ

ของอีกอย่างที่เราซื้อเป็นของฝากคือ กระเป๋าถือใบเล็กๆ มีขายหลายร้านเช่นกัน ต่างกันที่ราคา อีกอย่างที่แจ๊คซื้อคือผ้าซิ่น ซื้อฝากแม่ค่ะ พวกผ้าต่างๆก็มีหลายร้านเช่นกัน เหมือนเดิมค่ะ ถามราคาจนเจอร้านที่ราคาไม่เวอร์เกิน

***น่าจะสรุปได้ว่าร้านในตลาดค่ำส่วนใหญ่ขายของแบบเดียวกัน แต่ราคาไม่เหมือนกัน สิ่งที่เราควรทำคือเดินดูหลายๆร้านและควรต่อราคา(เพราะบางร้านบอกราคาโหดมาก) พี่ไกค์สอนมา1 คำ ให้ถามแม่ค้าว่า อมได้บ่ (คือ ลดราคาได้มั้ย ไรงี้ค่ะ)

ตอนแรกก็ไม่กล้าพูดมันเขิลๆอ่ะ ไปนึกถึง อมในภาษาไทย คือมันคนละความหมายกัน หรือพวกเราคิดมากเอง 5555

แรกๆก็ยังถามว่าลดได้มั้ย หลังๆเริ่มใช้คำว่าอม พูดไปเขิลไป ก็เป็นเรื่องขำๆเล็กๆน้อยๆ ของพวกเราค่ะ

ถ้าอย่าลืมนะคะถ้าได้ไปช็อปที่ตลาดค่ำ "อมได้บ่อ" อิอิ

เดี๋ยววววววว ยังไม่จบนะ ที่ตลาดค่ำยังมีแหล่งอาหารราคาเป็นมิตร ยอดฮิตของนักท่องเที่ยวค่ะ

เราไม่ได้แวะชิมนะคะ พี่เปิ้ลพาไปเดินดูเฉยๆ เราเลยได้รู้ว่าอ๋อออ มีแบบนี้ด้วย เป็นตรอกเล็กๆ เล็กมากค่ะ อยู่ต้นๆถนนคนเดิน

เดินเข้าไปเราจะพบกับร้านอาหารแบบบุฟเฟ่ มากมายค่ะ ราคาเป็นมิตรค่ะ

35 หรือ 40บาท ประมาณนี้ค่ะ ตักได้ครั้งเดียว ถือว่าโอเคนะ เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก ถ้าแบ็คแพ็คไปเที่ยวหลวงพระบางเอง ต้องมาโดนที่นี่แน่ๆค่ะ

สะบายดี บทที่ 5 เช้านี้ในความหนาวเย็นกับการร่วมประเพณีอันศักดิ์สิทธิ์ของชาวหลวงพระบาง

ใส่บาตรข้าวเหนียว หน้าวัดแสนสุขาราม



ประเพณีนี้กลายเป็น Highlightที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวก็ว่าได้ เราจะใส่บาตรเฉพาะข้าวเหนียว ส่วนกับข้าวชาวบ้านจะตามไปถวายที่วัด


แจ๊คว่าเป็นภาพที่สวยงามค่ะ นับเป็นประเพณีที่ศักสิทธิ์ ที่สืบทอดกันมายาวนาน พระเณรจะเดินบิณฑบาตเป็นขบวนยาว

น่าจะเกินร้อยรูปนะ เริ่มประมาณ 05.30น. ทางทัวร์จัดข้าวเหนียวไว้ให้ค่ะ

พวกเราออกไปกันถือว่าสายค่ะ 6โมงกว่า แต่ก็ยังไม่สว่างเท่าไร จุดที่นักท่องเที่ยวนิยมไปกันคือหน้าวัดแสนสุขารามตลอดแนวกำแพงวัด

เมื่อเราไปถึง มีกระติ๊ปข้าวเหนียว และเก้าอี้ม้านั่งและ มีผ้าพาดไหล่ วางไว้รอพวกเราอยู่ ปัญหาคือ

เค้าเริ่มกันไปแล้วพระก็เดินอย่างต่อเนี่อง นึกภาพตามนะคะหน้าแบบเอ๋อๆ งงๆ กัน เราก็ต้องหาจังหวะที่พระเดินทิ้งช่วงไกลๆเข้าไปนั่ง หยิบผ้าพาดไหล่มา อ้าวทำไงแว๊ ใช้ไม่เป็นจ้าาา เค้าพาดกันยังไง พระก็เดินมา ไม่มีเวลาละ พาดๆไปก่อน

ที่สำคัญ ต้องรีบจกข้าวเหนียว ตอนนี้ก็ต้องใช้ความไวค่ะ พระเดินไวมาก จกไม่ทันค่ะ

พี่ไกด์บอกว่าถ้าวันธรรมดาพระเณรจะดินไวกว่านี้เพราะเณรต้องไปโรงเรียนค่ะ โห นี่ก็ไวมากแล้วนะ การใส่บาตรข้าวเหนียวไม่ได้ชิลอย่างที่คิดแฮะ

เมื่อข้าวเหนียวหมดเราก็ลุกออกมาค่ะ ตอนออกมาก็เริ่มเป็นท้ายๆขบวนของพระเณรแล้วค่ะ แถมยังไม่ค่อยมีแสง ทำให้เราไม่ได้ภาพสวยๆ 5555

นักท่องเที่ยว มีทั้งไปรอถ่ายรูป แล้วก็ไปใส่บาตรกัน การเข้าร่วมพิธีต้องให้ความเคารพ และเห็นความสำคัญ


การแต่งกาย ควรแต่งกายสุภาพ ผู้ชายใส่ขายาวนะคะ ผู้หญิงเราก็ควรสวมกระโปรงหรือนุ่งซิ่นจะดีมาก แต่นักท่องเที่ยวน้อยคนค่ะที่จะนุ่งซิ่น

เรานุ่งไปนะ นักท่องเที่ยวคนอื่นๆก็มาเก็บภาพเราด้วย5555ของแปลก


หลังจากใส่บาตรกันแล้ว เราจะไปกินกาแฟกันริมแม่น้ำคานค่ะ ตอนเดินไปต้องผ่านตลาดเช้าด้วย เลยได้โอกาสเดินชมตลาดไปด้วยค่ะ

ของที่ขายก็เป็นของสดพื้นบ้านค่ะ บางอย่างก็เป็นของแปลก ไม่เคยเห็นมาก่อน แต่ก็มีของหลายอย่างก็เหมือนๆกับบ้านเรา


มาถึงแล้วค่ะ ร้านขายอาหารเช้า มีให้เลือกหลากหลาย

เช้าๆหมอกเยอะมาก จิบกาแฟยามเช้าแล้วก็ขึ้นรถกลับโรงแรมค่ะ


อาหารเช้าที่โรงแรมค่ะ

เตาถ่านข้างโต๊ะ ตอนแรกเราก็สงสัยว่าวางไว้ทำไม ในเช้าที่หนาวเหน็บเลยรู้ว่า เอาไว้จุดเพิ่มความอบอุ่นนี่เอง

แล้วจะมาเพิ่มเติมนะ เหลือถ้ำติ่ง และจุดที่เป็นแม่น้ำ 2 สี และร้านกาแฟโจมา

ขอบคุณเพื่อนๆที่ติดตามอ่านกันค่ะไว้เจอกันใหม่ ขอให้สนุกกับการเดินทางนะคะ


นักเดินทางตัวน้อย

 วันศุกร์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2559 เวลา 19.43 น.

ความคิดเห็น