ทำไมพออากาศร้อนๆ ใครๆก็อยากไปเที่ยว 'ทะเล'
คงมีเหตุผลมากมายที่ทำให้คนเราชอบออกไปเที่ยวทะเล
เมื่อลมร้อนยังไม่จางหาย เราจึงอยากพาคุณไปเที่ยวทะเลด้วยกัน ..
เกาะหมาก - เกาะขาม จ.ตราด

ตำแหน่ง : 11.822702 , 102.4781873

เกาะหมาก เป็นเกาะขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 รองจากเกาะช้างและเกาะกูด ตั้งอยู่ระหว่างเกาะช้างและเกาะกูด มีรูปร่างคล้ายดาวสี่แฉก สภาพธรรมชาติยังคงความสมบูรณ์อยู่มาก ทาง อพท. คัดสรรให้เกาะหมากเป็นพื้นที่ต้นแบบของการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมภายใต้โครงการ Low Carbon Destination เพื่อมุ่งเป้าหมายสู่การเป็น Green Island ในระดับสากล .. ท่องเที่ยวสบายใจเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ^^


:: Day 0 ::

ก่อนวันเดินทาง
ต้องเตรียมตัวอย่างไร?

1. จัดกระเป๋า

นอกจากเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าแล้ว สิ่งที่ขาดไม่ได้เลย คือ แว่นกันแดดและครีมกันแดด เพิ่มหมวกเก๋ๆสักหนึ่งใบ ใครมีโรคประจำตัวก็อย่าลืมพกยาติดไปด้วยนะ ที่สำคัญ กล้องถ่ายรูปและเงินสดคือสิ่งที่ขาดไม่ได้เลย ^^


2. ตรวจสอบสภาพอากาศ

ก่อนออกเดินทางทุกครั้งเราควรตรวจสอบสภาพอากาศก่อน เพราะ เดือนที่เราไปเป็นเดือนที่เข้าหน้าฝนแล้ว ถึงแม้อากาศจะร้อนแต่ก็ไม่ควรไว้วางใจ อากาศประเทศไทยแปรปรวนได้เสมอ ถ้ามรสุมเข้าคลื่นลมในทะเลอาจมีกำลังแรง ตรวจสอบสภาพอากาศคร่าวๆก็ไม่เสียหาย อย่างน้อยเราจะได้เตรียมตัวรับมือ ..


3. จองที่พัก

โดยส่วนตัว เราเป็นคนที่ชอบ Walk-In หาที่พักเองมากกว่า แต่เนื่องด้วยวันที่เราเดินทางนั้นตรงกับวันหยุดยาว เราเลยต้องเซฟตัวเองสักหน่อยเดี๋ยวจะไม่มีที่ซุกหัวนอน แล้วเราก็ไปเที่ยวที่เกาะหมากนี่เป็นครั้งแรกด้วย .. หลังจาก ที่เราเปิดดูที่พักในเว็ป booking.com และ Agoda เราถูกใจรีสอร์ทๆนึง ราคาไม่แรง ที่พักติดทะเล อยู่ฝั่งตะวันออกของเกาะสามารถมองดูพระอาทิตย์ขึ้นจากห้องพักได้เลย และที่สำคัญอยู่ใกล้ท่าเรือที่เราจะขึ้นด้วย เราเลยเลือกจองที่พักที่ อ่าวผ่อง รีสอร์ท (AO PONG Resort) ห้อง Delux วิวทะเล ซึ่งเหลือเพียง 1 ห้องเท่านั้น ต้องรีบจอง!

4. จองรถ-จองเรือ

เราเลือกจองรถและเรือของบริษัทบุญศิริ โดยสามารถจองผ่านเว็ปได้ตลอด 24 ชม. ที่เว็ปนี้เลย http://ferryadvice.com ในเว็ปก็จะบอกรอบเรือทั้งหมด เราสามารถรู้ราคาและกดจองได้เลย สะดวก รวดเร็ว ฉับไว ..

เมื่อเราทำการจองเป็นที่เรียบร้อย ทางบริษัทจะส่งเลขที่การจองและ Invoice สรุปรอบที่เราจองเพื่อให้เราเช็คความถูกต้องก่อนทำการโอนเงิน


พอเราโอนเงินแล้ว บริษัทจะเช็คสถานะการโอนภายใน 72 ชม. แล้วทางบริษัทจะส่ง Vocher ให้กับเราทางอีเมล์ เราต้องปริ้นเพื่อนำมาแลกตั๋วเรือในวันที่เราเดินทาง หากสุดวิสัยจริงๆไม่ได้ปปริ้นมา สามารถใช้ Smart Phone แสดงแทนได้


การเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัวมาที่ออฟฟิศบุญศิริ (ท่าเรือแหลมศอก จ.ตราด)

เดินทางจากกรุงเทพไปตราดให้ใช้เส้นทาง Motorway เส้นทางกรุงเทพ-ชลบุรี โดยใช้เส้นทางบ้านบึงเพื่อเข้าสู่จังหวัดระยอง ด้วยถนน 344 บ้านบึง-แกลง เมื่อมาถึงสามแยกไฟแดง อ.แกลง ให้เลี้ยวซ้ายเพื่อเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 3 ถนนสุขุมวิท ตรงเข้าสู่จังหวัดจันทบุรี วิ่งออกเข้าสู่จังหวัดตราด หลังจากเข้าสู่ตัวเมืองตราดจะผ่านปั๊ม SHELL และปั๊ม PTT จะเจอสามแยกไฟแดง ให้เลี้ยวซ้ายเข้ามาประมาณ 20 กม. ขับมาสักพักก็จะเจอออฟฟิศบุญศิริมีโลโก้และสัญลักษณ์บ่งบอกชัดเจออยู่ทางซ้าย


contact

Hotline : +66(0)97-247-3228 และ +66(0)88-960-1507

Fackbook : ferryadvice

Line : @ferryadvice

E-mail : [email protected]


การเตรียมตัวก่อนขึ้นเรือไปเกาะหมาก

อาหารและเครื่องดื่ม : ควรรับประทานอาหารแต่พอดี เพราะ บนเรือมีห้องน้ำ แต่อาจไม่สะดวกสบาย

ยาแก้เมาเรือ : หากคุณเป็นคนเมาเรือง่าย แนะนำว่าควรบอกกับเจ้าหน้าที่ที่ Lobby ว่ามียาแก้เมาเรือหรือไม่

No ATM : บนเกาะไม่มีตู้ ATM ควรสำรองเงินไว้ก่อนตั้งแต่ก่อนออกเดินทางกดเผื่อไว้ดีกว่าขาด

เพิ่มเติมเรื่องของการเดินทาง

การเดินทางไปเกาะหมากสามารถไปได้หลายวิธี เราของนำเสนอวิธีการเดินทางอื่นๆไว้เป็นแนวทางให้เพื่อนๆตัดสินใจเลือกดูนะ ..

รถยนต์ส่วนตัว สามารถใช้ Google Map นำทางโดยพิมพ์ท่าเรือที่เราต้องการจะไปได้เลย เช่น ' ท่าเรือแหลมงอบ ' หรือ ' ท่าเรือแหลมศอก .. ถ้าเดินทางจากกรุงเทพมา สามารถไปได้ 3 เส้นทาง คือ

- ใช้ทางหลวงหมายเลข 3 (สุขุมวิท) ผ่านจังหวัดสมุทรปราการ จังหวัดชลบุรี อำเภอศรีราชา พัทยา อำเภอสัตหีบ จังหวัดระยอง จังหวัดจันทบุรี จนถึงจังหวัดตราด แล้วเดินทางต่อสู่ท่าเรือ


- ใช้ทางหลวงหมายเลข 34 (บางนา-บางปะกง) และทางหลวงหมายเลข 3 (สุขุมวิท) จนถึงจังหวัดชลบุรี แล้วแยก เข้าทางหลวงหมายเลข 344 (ชลบุรี-แกลง) บริเวณกิโลเมตรที่ 98 ผ่านอำเภอบ้านบึง จนถึงอำเภอแกลง จากนั้น แยกซ้ายเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 3 ต่อไปจนถึงจังหวัดจันทบุรี เข้าสู่จังหวัดตราด แล้วเดินทางต่อสู่ท่าเรือ


- ใช้ทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 (กรุงเทพฯ-ชลบุรี หรือมอเตอร์เวย์) ไปจนถึงอำเภอเมืองฯ จังหวัดชลบุรี จากนั้นแยกซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 344 (ชลบุรี-แกลง) ผ่านอำเภอบ้านบึง จนถึงอำเภอแกลง จากนั้น แยกซ้ายเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 3 ต่อไปจนถึงจังหวัดจันทบุรี เข้าสู่จังหวัดตราด แล้วเดินทางต่อสู่ท่าเรือ

**เกาะหมากไม่สามารถนำรถยนต์ข้ามเกาะไปได้ แต่มีบริการรับฝากรถคืนละ 50 บาท**

รถโดยสารประจำทาง สามารถขึ้นรถได้ทั้งสถานีขนส่งเอกมัยและสถานีขนส่งหมอชิต ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4.5 ชั่วโมง

บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) โทร. 02-872-1777 หรือ Hotline 1490 สามารถจองตั๋วในเว็ป http://www.busticket.in.th ได้ ตรวจดูเที่ยวที่จะเดินทางอีกทีในวันที่เราจะเดินทาง ..

1. หมอชิต2 - บขส.ตราด

2. หมอชิต2 - จุดจอด อ.แหลมงอบ (วันที่เดินทางไม่มีรอบเดินรถ)


3. เอกมัย - บขส.ตราด

4. เอกมัย - จุดจอด อ.แหลมงอบ


บริษัท โชคอนุกูล

กรุงเทพฯ (เอกมัย)-ตราด รถออกเวลา 14.00 น. และ 23.30 น.

ตราด-กรุงเทพฯ (เอกมัย) รถออกเวลา 06.30 น. และ 23.30 น.

บริษัทเชิดชัยทัวร์ สามารถจองผ่าน thaiticketmajor ได้

กรุงเทพฯ (เอกมัย)-ตราด รถออกตั้งแต่เวลา 06.00-23.00 น.โทร. 0-2931-2237 , 0-2391-2804

ตราด-กรุงเทพฯ (เอกมัย) รถออกตั้งแต่เวลา 07.00-23.30 น.

บริษัท ศุภรัตน์ทัวร์

กรุงเทพฯ (เอกมัย)-ตราด รถออกตั้งแต่เวลา 08.30-22.30 น.

กรุงเทพฯ (หมอชิต)-ตราด รถออกตั้งแต่เวลา 06.00-23.00 น.

ตราด-กรุงเทพฯ (เอกมัย) รถออกตั้งแต่เวลา 08.30-23.00 น.

ตราด-กรุงเทพฯ (หมอชิต) รถออกตั้งแต่เวลา 08.30-23.00 น.

เครื่องบิน

มีสายการบินเดียวที่มีเที่ยวบินระหว่างกรุงเทพฯ - ตราด คือ สายการบิน Bangkok Airways (สนามบินอยู่ในเขตอำเภอเขาสมิง) สามารถเช็ดเที่ยวบินและโปรโมชั่นได้ทาง http://www.bangkokair.com/tha/pages/view/flight-schedule ใช้เวลาเดินทางประมาณ 60 นาที สอบถามเพิ่มเติม โทร. 02-270-6699


การต่อเรือไปเกาะหมาก ขึ้นได้ที่ 2 ท่าเรือ คือ ท่าเรือแหลมศอกและท่าเรือแหลมงอบ เลือกให้เหมาะสมตามรอบเวลา และบริษัทเรือที่เราเลือกเดินทาง

แหลมศอก

- เรือบริษัทบุญศิริ รายละเอียดอ่านจากด้านบนนะจ๊ะ

- เรือสวนสุข ใช้เวลาวิ่ง 30 นาที ราคาเพียง 350 บาท

เกาะหมาก (ท่าเรืออ่าวนิด) - แหลมศอก รอบ 08.30 น.

แหลมศอก - เกาะหมาก (ท่าเรืออ่าวนิด) รอบ 11.00 น.

โทร. 061-428-8048

แหลมงอบ

เรือสปีดโบ้ทจะรองรับได้ประมาณ 30-40 ที่นั่ง ราคาตั๋วเที่ยวละ 450 บาท ใช้เวลาวิ่งจากแหลมงอบไปเกาะหมากประมาณ 30-50 นาที (ควรทำการจองล่วงหน้าก่อนเดินทางทั้งขาไปและกลับ)

ขาไป แหลมงอบ - เกาะหมาก

- เรือปาหนัน มี 2 รอบ 12.30 น. และ 16.00 น. ไปจอดที่ท่าเรือเกาะหมากรีสอร์ท โทร. 087-614-7641

- เรือลีลาวดี มี 2 รอบ 10.30 น. และ 14.00 น. ไปจอดที่ท่าเรือมะกะธานีรีสอร์ท โทร. 081-899-3009

- เรือสวนสุข มี 2 รอบ 11.30 น. และ 15.00 น. ไปจอดที่ท่าเรืออ่าวนิด โทร. 061-428-8048

ขากลับ เกาะหมาก - แหลมงอบ

- เรือปาหนัน ท่าเรือเกาะหมากรีสอร์ทมี 2 รอบ 09.00 น. และ 13.30 น. โทร. 087-614-7641

- เรือลีลาวดี ท่าเรือมะกะธานีรีสอร์ท มี 2 รอบ 08.00 น. และ 11.30 น. โทร. 095-707-7036

- เรือสวนสุข ท่าเรืออ่าวนิด มี 2 รอบ 08.30 น. และ 10.30 น. โทร. 061-428-8048

**ตารางเดินเรือจะมีการปรับเปลี่ยนไปตามช่วงฤดูท่องเที่ยว ตรวจสอบเวลาเดินเรืออีกทีนะจ๊ะ**

คำแนะนำ

1. คนที่จองที่พักเอาไว้สามารถแจ้งกับทางที่พักว่าเดินทางด้วยเรืออะไรเวลาไหน แล้วทางที่พักจะนำรถมารับที่ท่าเรือ

2. รถโดยสารและเรือ ควรทำการจองล่วงหน้าก่อนเดินทางทั้งขาไปและกลับ เพื่อไม่ให้เกิดตกรถตกเรือ เพราะช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว เรืออาจจะเต็มหากไม่จองล่วงหน้า

3. การเดินทางบนเกาะจะมีบริการ TAXI รูปร่างหน้าตาเหมือนรถสองแถวค่ะ คิดราคาเหมาจ่ายตามตกลง โดยมีเรทราคามาตรฐานแจ้งไว้

ขอขอบคุณข้อมูลจาก ilovekohmak, Cinnamon Art Resort and Spa, Boonsiri Ferry และ Trattown ..
R U READY? พร้อมกันหรือยังค่ะ ที่จะออกเดินทางไปกับเรา ถ้าพร้อมแล้ว งั้นก็ออกเดินทางไปพร้อมกันเล้ยยย ~


:: Day 1

5 พฤษภาคม 2559
วันแรกของการเดินทาง

เราเริ่มออกเดินทางตั้งแต่ 6 โมงเช้า จุดหมายแรกที่เราจะต้องไปคือ บริษัท บุญศิริเรือเร็ว จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ที่ถนนข้าวสาร เราเลือกวิธีไปโดยการขึ้นรถแทกซี่ .. นี่เป็นครั้งแรกที่เราเลือกไปขึ้นรถที่อื่นที่ไม่ใช่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิและก็เป็นครั้งแรกที่เราเลือกเดินทางแบบจองรถแล้วต่อเรือได้เลย ถือว่าสะดวกมาก ไม่ต้องไปหาต่อรถต่อเรือเองให้เสียเวลาแถมราคายังคุ้มกว่าหารถหาเรือเองอีกด้วย คุ้มขนาดนี้ จองสิคะรออะไร (วิธีการจอง เราบอกวิธีไว้แล้วนะในวันก่อนเดินทางด้านบน) .. เกาะในท้องทะเลตราดเราเคยไปเกาะช้างมาหลายรอบแล้ว ไปจนทะลุปรุโปร่ง แต่เกาะหมากนี่ถือว่ายังใหม่มากสำหรับเรา เปิดประสบการณ์ที่ใหม่ๆบ้าง จะได้นำมารีวิวให้เพื่อนๆอ่านกัน

แผนที่บริษัทบุญศิริ (กรุงเทพ)

บริษัทบุญศิริตั้งอยู่ถนนข้าวสาร จุดสังเกต คือ วัดบวรนิเวศวิหาร แต่ต้องเดินข้ามถนนมาหน่อยนึง หรือใครกลัวหลงสามารถ Add Line ของบริษัท (@ferryadvice) เพื่อให้เค้าแชร์โลเคชั่นมาให้เราก็ได้ค่ะ ตอนเช้าเราจะได้มาง่ายขึ้น ไม่หลงไปไกล โดยรอบรถที่จะไปเกาะหมากมีด้วยกัน 2 รอบ คือ 05.30 น. และ 08.00 น. หากใครเลือกรอบแรกต้องสังเกตที่ตั้งบริษัทดีดีเลยนะคะเพราะค่อนข้างมืดอาจจะหาไม่เจอได้ ขนาดเราเลือกรอบแปดโมง ฟ้าสว่างแล้วยังเดินวนอยู่ 2-3 รอบได้ คือ จุดรับตั๋วใช้พื้นที่ร่วมกันกับ The Street Hostel ค่ะ หรือจะสังเกตที่มีรถตู้จอดเยอะๆ และฝั่งตรงข้ามเป็น 7-11 ก็ได้ ..

พอถึงบริษัทเราก็ทำการเช็คอิน พี่เค้าก็จะให้ตั๋วเรือทั้งขาไปและขากลับเรามาพร้อมระบุเวลาที่เรือเอาไว้ด้วยค่ะ เก็บรักษาให้ดีอย่าทำหายนะ เดี๋ยวขากลับเราต้องใช้ขึ้นเรือขึ้นรถอีก .. ที่นี่นอกจากมีเรือไปเกาะหมากแล้วยังมีเรือเกาะกูดและเกาะช้างด้วยเผื่อใครสนใจสามารถติดต่อที่นี่ได้เลย เค้ารับ Walk-In ด้วยนะ แต่วันหยุดยาวอาจมีสิทธิ์เต็มได้ .. เมื่อเรียบร้อยแล้ว เราก็นำกระเป๋าขึ้นไปจองที่บนรถตู้ แล้วก็ออกไปหาอะไรทานรองท้อง เพราะกว่าจะถึงใช้เวลาค่อนข้างนาน .. รถตู้เป็นรถตู้ VIP 10 ที่นั่ง เบาะกว้างนั่งสบาย เราค่อนข้างพอใจกับบริการที่บุญศิรินี้มากเลยค่ะ ..

เมื่อได้เวลาออกเดินทางจากกรุงเทพแล้ว รถตู้เราออกตอน 8 โมงมีเลทนิดหน่อย วันนี้เป็นวันหยุดยาวติดกัน รถช่วง Motorway ชลบุรีเลยค่อนข้างหนาแน่น ทำให้เราเสียเวลาเดินทางมากขึ้นไปหน่อย แต่ไม่เป็นไรเราทำใจมาแล้ว หลับบนรถรอ เดี๋ยวก็คงถึง .. รถตู้จะจอดให้แวะเข้าห้องน้ำซื้อเสบียง 10 นาทีที่ปั๊ม PTT จังหวัดระยอง ขอแนะนำให้กักตุนเสบียงไว้ทานรองท้องบนรถไม่งั้นท้องจะร้องจ๊อกๆตลอดทาง .. เรามาถึงออฟฟิศบุญศิริที่แหลมศอก ประมาณ 14.20 น. นำตั๋วที่ได้ทั้งตั๋วขาไปและขากลับมา Check-In ที่เค้าเตอร์ของออฟฟิศบุญศิริแหลมศอกเลยค่ะ

พี่เค้าก็จะถามชื่อ จำนวนผู้เดินทาง และรีสอร์ทที่เราพัก แล้วพี่เค้าจะแจกสติกเกอร์ให้เราติดและแทคกระเป๋าเรามาแบบนี้ค่ะ

หลังจากนั้น เราก็รอรถรางมารับไปยังท่าเรือ ระหว่างรอก็หาอะไรทานรองท้องได้นะคะ ที่ล๊อบบี้มีอาหารขายอยู่ ..เมื่อรถรางมารับใครนำสัมภาระมาเยอะก็เอาแทคมาติดกระเป๋าแล้วนำไปใส่ท้ายรถของบริษัทไปได้ค่ะ ไม่ต้องถือให้หนัก แล้วก็เลือกที่นั่งได้ตามใจชอบ แปปเดียวก็ถึงท่าเรือแหลมศอกแล้วค่ะ .. ตื่นเต้นจัง จะได้ไปเกาะหมากแล้ว เย้ๆ ที่ใหม่ๆมีอะไรให้ตื่นเต้นได้เสมอ \^0^/

นี่ค่ะ ! เรือเฟอร์รี่ที่เราจะใช้เดินทางไปยังเกาะหมากดูดีไหมค่ะ ? (ตอนเข้าไปนั่ง กัปตันเค้าเปิดเพลง My Heart will go on เพลงประกอบภาพยนตร์ไททานิกให้ฟัง อื้มหื้ม เข้าบรรยากาศมากๆ) ฮ่ะฮ่าฮ่า

ก่อนขึ้นเรือพี่พนักงานของบุญศิริจะตรวจตั๋วเราอีกทีนึงค่ะ ช่วงนี้ค่อนข้างชุลมุน คนจะแย่งกันขึ้น ใช้ความระมัดระวังทรัพย์สินมีค่าด้วยนะ และที่สำคัญระวังตัวเองด้วยเดี๋ยวตกน้ำตกท่าเอา

พอขึ้นเรือแล้วก็เลือกจับจองที่นั่งได้เลยค่ะ มี 2 ชั้น ใครชอบชั้นไหนเลือกได้เลย .. ไม่ได้ถ่ายรูปภายในเรือมาให้ดู ขอโทษด้วยนะคะ ภายในเป็นห้องแอร์เย็นฉ่ำ มีที่นั่งทั้งหมด 200 ที่นั่ง มีเพลงเปิดให้ฟัง มีหนังเปิดให้ดู มีของขายบนเรืออีกต่างหาก เปรมสิค่ะงานนี้ .. เรือของเราออกเวลาบ่ายสามโมง เลทจากเวลาในตั๋วมานิดหน่อย เราจะใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง ก็ถึงเกาะหมากแล้วค่ะ เรือมาส่งเราที่เกาะหมากก่อนแล้วค่อยไปเกาะกูดต่อ เอ้อ! ตอนอยู่บนเรือต้องสวนชูชีพไว้ตลอดนะ เป็นนโยบายของบริษัทเค้าค่ะ ..


ในที่สุด ก็ถึงสักที เกาะหมาก ปลายทางของเราให้ทริปนี้ เดือนทางเกือบครึ่งค่อนวันได้ ตอนนี้ก็ 4 โมงพอดี หิวไส้กิ่วแล้ว .. ตรงนี้คือ ท่าเทียบเรืออ่าวนิด พอขึ้นจากเรือจะมีรถมาให้บริการรับไปส่งที่รีสอร์ท รีสอร์ทบางแห่งก็มีบริการมารับลูกค้าเอง ขึ้นอยู่กับว่าเราพักที่ไหน .. ส่วนเรา ไม่มีใครมารับค่ะ เพราะ ที่พักเราใกล้กับท่าเรืออ่าวนิดที่สุด เจ้าของรีสอร์ทบอกเราว่า เดินประมาณ 10 นาทีก็ถึงแล้ว โอเค! เดินก็เดิน เป้าหมายแรกของเรา คือ อ่าวผ่องรีสอร์ท

นี่เป็นทางเข้ารีสอร์ทของเรา มีร้านเสต็กด้วยนะ แต่เราไม่ได้มาลองทานที่นี่ ..

เอาล่ะค่ะ ! เรื่องก็เดินทางมาถึงจุดพีคสำหรับวันนี้ .. เมื่อเราถึงที่อ่าวผ่องรีสอร์ทเตรียมไป Check-In เพื่อจะเอาของเข้าไปเก็บในที่พัก เช่ามอเตอร์ไซด์ แล้วไปหาอะไรทาน แล้วเลยไปดูพระอาทิตย์ตกที่สะพานสู่ฝัน นี่คือเป้าหมายที่วางเอาไว้ .. แล้วปัญหาก็เกิดขึ้นจนได้ เมื่อคนที่รับจองห้องที่เราเลือกนั้น จองซ้อนทับกัน โอนเงินวันเดียวกันกับเรา ราคาเดียวกันกับเรา ต่างกันตรงที่เราจองโดยตรงกับเจ้าของซึ่งเจ้าของก็รับปากเป็นหมั้นเป็นเหมาะ ส่วนอีกคนจองผ่านอโกด้ามา ดีที่เรานำหลักฐานทุกอย่างมาแสดงทั้ง E-mail, ใบสลิปเงินโอน(ซึ่งระบุวันและเวลาในการโอน), ไลน์ที่ใช้คุยกับเจ้าของ ขุดมาจนหมด หลักฐานทุกอย่างที่เรามีแสดงให้เห็นว่า เราคือคนที่จองก่อนและโอนเงินก่อน เรามีสิทธิ์ที่จะได้ห้องเต็มที่ แต่เจ้าของเค้าดูท่าทางจะไม่ยกห้องให้เรา ด้วยสาเหตุที่ว่าอีกคนที่จองเดินทางมาจากจังหวัดตาก ซึ่งมาไกลกว่าเรา เราก็โมโหหิวขึ้นมานิดนึงว่าเรามาถึงก่อน จองห้องก่อน ทำไมห้องถึงไม่ใช่ของเรา แอบหงุดหงิดในใจแล้วนะ .. พี่เจ้าของรีสอร์ทเค้าเลยโทรหาอีกคนถามว่าเดินทางถึงไหนแล้ว ซึ่งโชคก็เข้าข้างเรา คำตอบที่ได้กลับมา คือ เค้ามาขึ้นเรือรอบสุดท้ายไม่ทัน ห้องที่เราจองจึงตกเป็นของเรา และได้รับคำขอโทษจากพี่เจ้าของรีสอร์ท ไม่อยากจะคิดถ้าคนนั้นไม่ตกเรือ เค้าจะแก้ปัญหาเรื่องนี้ยังไง (ความรู้สึกที่เสียไปแล้วมันเอาคืนมาไม่ได้นะ มองติดลบไปแล้วกับรีสอร์ทแห่งนี้) ..มาต่อกันดีกว่าฟังเราบ่นมาเยอะแหละ .. ที่พักที่เราจองเป็นห้อง Deluxe วิวทะเล ราคาคืนละ 1,500.- (ราคาขึ้นอยู่กับฤดูกาลท่องเที่ยวด้วยนะ) ไม่รวมอาหารเช้า .. นี่บ้านพักของเรารูปร่างหน้าตาเป็นแบบนี้ ยังดูใหม่อยู่เลย เพราะ เพิ่งสร้างเสร็จเมื่อไม่นานมานี้เอง

บรรยากาศภายในโดยรวม ห้องพักค่อนข้างสะอาดใช้ได้ค่ะ ชอบตรงที่ห้องพักมีปลั๊กเยอะดี ชาร์จแบตกันสนุกเลยไม่ต้องแย่งกัน ^^

ห้องน้ำแบ่งส่วนกันอย่างชัดเจน (แต่แอบเหม็นกลิ่นฉี่และน้ำฝักบัวน้ำค่อยข้างไหลอ่อย อาบน้ำไม่สนุกเลย)

บริเวณชายหาดหน้าบ้านพัก จะมีเปลผูกกับต้นมะพร้าวและเตียงผ้าใบไว้ให้เรานอนเล่นชมวิวทะเลด้วย

นี่เป็นบริเวณล็อบบี้ของรีสอร์ท สามารถสั่งอาหารมาทาน นั่งเล่น นอนเล่นตรงบริเวณนี้ได้จ้า


ที่อ่าวผ่องรีสอร์ทมีบ้านพักแบบอื่นๆด้วย ราคาจะถูกกว่าที่เราพัก บางห้องเป็นห้องพัดลม


หลังจากที่เราเก็บของเข้าห้องน้ำห้องท่าเรียบร้อยแล้ว อย่าเสียเวลาไปมากกว่านี้เลย เราเริ่มทัวร์รอบเกาะตั้งแต่วันนี้กันเลยดีกว่า ออกไปหาอะไรทานด้วย เราจัดแจงเช่ารถมอเตอร์ไซด์กับพี่เจ้าของรีสอร์ทคนเดิม ราคาเช่ามอเตอร์ไซด์อยู่ที่ 250.-/24 ชั่วโมง เราจองไปสองวัน 500 บาท ขาดทุนไปครึ่งวันเพราะเราต้องเดินทางกลับก่อนเวลาที่ต้องคืนรถ บนเกาะมีน้ำมันเติมเริ่มต้นที่ลิตรละ 40 บาท แต่ตอนเรารับรถมาน้ำมันเราเหลือค่อนข้างเยอะเลยไม่ต้องเติม อย่าลืมจำทะเบียนรถเราด้วยนะ ไม่ต้องวางบัตรมัดจำ จ่ายเงินได้รถคือจบ ! หลังจากได้รถมาแล้ว อย่าลืมขอแผนที่มาด้วยละกันหลงทาง อิอิ .. ลุยเลยที่แรก วัดเกาะหมาก ..

วัดเกาะหมาก เป็นวัดหนึ่งเดียวบนเกาะ สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2490 ใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีทางพระพุทธศาสนา เป็นศูนย์รวมจิตใจของชุมชนชาวเกาะหมากให้ยึดมั่นในแนวทางการดำเนินชีวิตบนวิถีแห่งความเรียบง่ายและดีงาม ภายในบริเวณวัดสามารถสัมผัสได้ถึงความสงบ ภายใต้ร่มเงาของต้นโพธิ์โบราณที่แผ่กิ่งก้านให้ความร่มเย็น อุปมาได้ดั่งวัดเกาะหมากที่โอบอุ้มสังคมให้เกิดสันติสุขด้วยใบบุญของพระพุทธศาสนา ช่วยบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์แห่งความดีลงในแผ่นดินและงอกงามอยู่ในหัวใจของชาวเกาะหมากทุกคนให้มีจิตใจงดงาม สร้างสังคมให้น่าอยู่ดังเช่นปัจจุบัน (ขอขอบคุณข้อมูลจาก ilovekohmak)


หลังจากนั้นเราว่าจะขับรถไปจองตั๋วข้ามไปเกาะขามสำหรับวันพรุ่งนี้ที่เกาะหมากรีสอร์ท แต่เราฉุกคิดขึ้นได้ว่า เจ้าของรีสอร์ทแนะนำว่าหากจะไปทานอาหารร้านเกาะหมากซีฟู้ดควรจองโต๊ะไว้ก่อน เย็นๆโต๊ะมักจะเต็ม เราเลยย้อนไปจองโต๊ะที่เกาะหมากซีฟู้ดก่อน โชคดีมากเหลือที่นั่งบริเวณที่ด้านนอกใกล้ชิดทะเลอยู่ที่เดียว จองเลยสิคะ รออะไร อยากทานอาหารให้อร่อยเราต้องเสพบรรยากาศด้วยถึงจะดี ..

ก่อนไปจองตั๋วเรือข้ามไปเกาะขาม เราเลยขอแวะ พิพิธภัณฑ์เกาะหมาก ก่อน ซึ่งเป็นที่เดียวกับกับร้านอาหารเกาะหมากซีฟู้ดเนี่ยแหละค่ะ

พิพิธภัณฑ์เกาะหมาก เป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงข้อมูล เกี่ยวกับ วิถีชีวิตของชาวเกาะหมากและขนบนิยม ในท้องถิ่นซึ่งมีเอกลักษณ์เฉพาะ ตลอดจน ประวัติศาสตร์โบราณคดี และศิลปหัตถกรรม อันเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่แสดงให้เห็น ภูมิปัญญาของกลุ่มชนซึ่งอาศัยอยู่ใน เกาะหมาก ที่จะพาเรากลับไปสู่อดีตในวันวาน อีกครั้ง .. ชุมชนดั้งเดิมบนเกาะหมากส่วนใหญ่เป็นเขมรเชื้อชาติไทยที่อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานเมื่อครั้งเมืองประจันตคีรีเขตร หรือเกาะกงเป็นของฝรั่งเศสเมื่อปี พ.ศ. 2447 โดยมีหลวงพรหมภักดี ต้นตระกูลตะเวทิกุล เป็นผู้ควบคุมคนจีนบนเกาะกง

ได้เวลาไปต่อที่เกาะหมากรีสอร์ทแล้ว เมื่อเราไปถึงที่เกาะหมากรีสอร์ท เราไปตรงจุด Information เราได้คำตอบว่า มาซื้อตั๋ววันพรุ่งนี้ได้เลย ไม่ต้องจองล่วงหน้า แป่ว~ มาเสียเที่ยวเลย .. เราเลยขับรถกลับไปที่ร้านอาหารอีกครั้ง ถือซะว่าขับมาสำรวจเส้นทางละกันเน๊อะ ไปกินข้าวมื้อแรกของวันกันดีกว่าที่ .. เกาะหมากซีฟู้ด ..

เกาะหมากซีฟู้ด เป็นน้านอาหารไทยตั้งอยู่ใกล้ท่าเรือเทียบเรืออ่าวนิด สังเกตุง่ายๆ หากขับมาจากท่าเรืออ่าวนิดพอขึ้นเนินปุ๊ปจะมีป้ายร้านอยู่ด้านขวามือ ขับเข้าไปประมาณ 100 เมตรก็ถึงแล้ว บรรยากาศเป็นบ้านชนบทในทะเลที่เงียบสงบ ไม่พลุกพล่าน ในวันที่อากาศปลอดโปร่ง จะสามารถมองเห็นประเทศกัมพูชาและเกาะกูดได้ .. เมนูอาหารของที่นี่จะเน้นอาหารไทย รสชาติแบบคนไทยทาน และมีเมนูลดโลกร้อนเพื่อสนับสนุนโครงการแหล่งท่องเที่ยวลดโลกร้อนด้วย ผักที่ใช้ประกอบอาหารก็ได้มาจากโรงเรือนของที่ร้านเพาะขึ้นมาเอง ที่เกาะหมากซีฟู๊ดมีอาหารให้เลือกกว่า 100 เมนู และมีรายการอาหารแนะนำอยู่ 15 เมนู เช่น เกาะหมากฮอทพอท ปลาฉลามผัดฉ่า ไข่ตุ๋นทะเล ปลากระพงทอดราดแกงเขียวหวาน ปลากะพงทอดยำตะไคร้ ฯลฯ .. ราคาอาหารเริ่มตั้งแต่ 60 - 390 บาท ร้านเปิดทุกวัน เวลา 10.30 - 21.30 น. มีบริการรถส่งกลับจากที่พักฟรี เที่ยวสุดท้ายเวลา 22.30 น. สามารถโทรจองโต๊ะและสั่งอาหารล่วงหน้าได้ที่ คุณเรือง 08-9833 4474, 08-9752 5684 .. ซึ่งมื้อแรกของวันเราขอจัดมาสัก 3 เมนู ไหนๆก็ไปดูพระอาทิตย์ตกไม่ทันล่ะ นั่งทานอาหารเพลินๆที่นี่ไปเลยแล้วกัน ..

เมนูที่ 1 หมูทอดกระเทียมพริกไทยดำ ราคา 200 บาท

เมนูที่ 2 กุ้งแช่น้ำปลา ราคา 200 บาท

เมนูที่ 3 ต้มยำรวมมิตรทะเลน้ำข้น (เล็ก) ราคา 150 บาท


หลังจากอิ่มแปล้กับอาหารมื้อแรกของวัน มื้อนี้ค่าเสียหายทั้งหมดอยู่ที่ 600 บาท ไปหลายคนก็ช่วยๆกันหารก็คุ้มอยู่นะ จากนั้นเราก็ขับรถกลับที่พักเลย ตอนกลางคืนเกาะหมากนี้ค่อนข้างสงบมาก ได้ยินเพียงเสียงคลื่นเลาะหาดทราย ตอนกลางคืนไฟที่ใช้มาจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่สะสมไว้ตั้งแต่กลางวัน นี่แหละค่ะ เกาะ ECO ของแท้เลย .. รีบเข้านอนดีกว่า พรุ่งนี้จะได้ตื่นแต่เช้ามาต้อนรับเช้าวันใหม่กัน .. เจอกันพรุ่งนี้เช้านะ คร่อก~


:: Day 2
6 พฤษภาคม 2559
วันที่สองของการเดินทาง

เคยได้ยินไหม ? การตื่นเช้า คือ กำไรของชีวิต .. หลังจากที่เรากินอิ่มนอนหลับ เรารีบลุกตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง เพื่อรอแสงแรกบนเกาะหมาก ซึ่งเราตั้งใจจองที่พักที่นี่เพราะเราสามารถมองเห็นพระอาทิตย์ขึ้นได้จากห้องนอน สิ่งที่ตั้งใจจะพลาดได้อย่างไรเล่า .. อุ้ย ! ดูละครพีเรียดเยอะไป สำนวนสมัยก่อนมาเลย ฮ่าๆๆ .. อย่างภาพนี้ เราถ่ายจากประตูบานเลื่อนตรงระเบียง สามารถมองพระอาทิตย์ขึ้นได้อย่างแจ่มแจ๋ว ~

และอีกหนึ่งสิ่งที่ขาดไม่ได้ คือ การเก็บภาพพระอาทิตย์ขึ้น นอกจากภาพนิ่งที่เราถ่ายแล้ว จะตั้งวีดีโอก็เห็นว่าเปลื้องพื้นที่ในเมมโมรี่การ์ดจนเกินไป เลยลองโหมด Time-Lapse ในไอแพดดูว่า ภาพที่ออกมานั้นจะเป็น shot ไล่ระดับพระอาทิตย์เวลาขึ้นตามที่เราตั้งใจไว้หรือไม่ ส่วนกล้องถ่ายรูปก็ขอเก็บภาพนิ่งไว้ก็แล้วกัน ..

เวลาพระอาทิตย์ขึ้นสามารถเช็คจากเว็ปตรวจสอบสภาพอากาศได้ค่ะ จะได้ตื่นทันพระอาทิตย์ขึ้น อย่างเวลานี้ที่เราถ่าย คือ 05.48 น. พระอาทิตย์ขึ้นไวมากค่ะ

หลังจากตื่นมาส่องพระอาทิตย์แล้ว จะให้นอนต่อมันก็นอนไม่หลับ เลยลุกอาบน้ำมาเดินเล่นตามชายหาด ช่วงเช้าน้ำจะลงค่ะ เราจะเจอสิ่งมีชีวิตเล็กๆ อย่างเช่น หอย ปู เต็มเลย

หาดนี้เต็มไปด้วยซากปะการัง มีเสน่ห์ไปอีกแบบนะ

ชายหาดที่นี่ส่วนใหญ่จะเป็นหาดหิน หินเยอะมาก เล่นน้ำต้องระวัง ..

สำหรับมื้อเช้าของวันนี้เราขอฝากท้องไว้กับร้านอาหารของรีสอร์ท โดยครัวอ่าวผ่องจะปิดเวลา 10.00 น. - 12.00 น. และเวลา 15.00 น. - 16.00 น. ซึ่งตอนนี้เวลา 9.30 น. ยังทันค่ะๆ .. โปรแกรมวันนี้ เราจะข้ามเกาะไปเกาะขามกันค่ะ หลังจากกลับจากเกาะขาม เวลาที่เหลือเราจะใช้ทัวร์เกาะไปตามสถานที่ที่เป็นแลนด์มาร์กของเกาะกัน .. ก่อนจะไปก็ต้องเติมพลังกันสักหน่อย ซึ่งเมนูเช้านี้ที่เราสั่ง มีทั้งหมด 3 อย่าง ราคารวม 350 บาท ประกอบไปด้วย ..

เมนูที่ 1 ผัดซีอิ๋วหมู

เมนูที่ 2 ข้าวกระเพราหมูสับ

เมนูที่ 3 กุ้งชุบแป้งทอด

พร้อมล่ะ! บิดกุญแจสตาร์จรถ มุ่งสู่ เกาะหมากรีสอร์ท กัน เราจะไปให้ทันเรือรอบแรก 10.30 น. เลยต้องเผื่อเวลาสักหน่อย แล้วตอนนี้ก็ท่าทางไม่ดีฝนตั้งเคล้ามามืดตื้อเลย แต่ตั้งใจไว้แล้วก็ต้องไปให้ได้ คงไม่ตกทั้งวันหรอกน่า ~ ระหว่างทาง เราสังเกตได้ว่า คนบนเกาะส่วนใหญมีอาชีพเกษตรกรรมทำสวนยางพารา และสวนมะพร้าว จนเกาะหมากได้ชื่อว่าเป็นแหล่งปลูกมะพร้าวที่สำคัญของจังหวัดตราด ที่ได้ชื่อว่าเกาะหมาก คงมีที่มาจาก หมากพร้าว หรือ มะพร้าว นั่นเอง ..

ถึงแล้วเกาะหมากรีสอร์ท จากรีสอร์ทเราใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 นาที ตอนนี้ก็เวลา 10 โมงตรง เรารีบไปซื้อตั๋วเพื่อข้ามไปเกาะขาม ราคาตั๋วอยู่ที่คนละ 200 บาท (รวมค่าบำรุงเกาะแล้ว) เป็นเรือลำเล็กๆกว่าสปรีดโบ๊ทมาหน่อยนึง แต่พอเราซื้อตั๋วเสร็จฝนก็เริ่มปรอย สักพักก็ลงเม็ดใหญ่ เจ้าหน้าที่เลยนำพวกเราขึ้นเรือเพื่อข้ามไปเกาะขามกันก่อนเวลา โดยใช้เรือสปรีดโบ๊ท 2 เครื่องพาไป ใช้เวลาไม่ถึง 5 นาทีก็ถึงเกาะขาม ..

การเดินทางไปเกาะขาม สามารถติดต่อได้ที่ เกาะหมากรีสอร์ท หรือ โคโค่เครปรีสอร์ท เนื่องจาก 2 รีสอร์ทนี้อยู่ใกล้เกาะขามมากที่สุด นักท่องเที่ยวบางคนก็เช่าเรือคายัดพายมาที่เกาะขามนี้ก็มี .. รอบเรือที่เกาะหมากรีสอร์ทจะมีด้วยกัน 3 รอบ คือ ขาไป 10.30 น. / 13.30 น. / 15.00 น. ขากลับ 13.45 น. / 15.15 น. / 16.30 น.

พอเรือเทียบฝั่งปุ๊ป เราก็ต้องรีบวิ่งไปหลบฝนอยู่ตรงไซส์ก่อสร้าง ฮ่าๆๆ .. ช่วงนี้เราไม่ได้เก็บภาพเลยเพราะฝนตกค่อนข้างหนัก เราจึงต้องรักษากล้องไม่ให้เปียกน้ำฝนจึงขอข้ามช๊อตตรงส่วนนี้ไปนะ .. หลบฝนอยู่สักพักใหญ่ๆเลยแหละกว่าแดดจะออกมาให้เรา .. เรามาทำความรู้จักเกาะขามที่นี่กันหน่อยดีกว่า .. หากใครเคยได้อ่านกระทู้ๆนึงของเราที่เราไปเที่ยว เกาะขาม อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เราเคยบอกไว้ว่า ในประเทศไทยมีเกาะขามด้วยกัน 2 ที่ คือ สัตหีบ และ ตราด ซึ่งเราได้บอกไว้ว่า สักวันเราจะมาเที่ยวที่เกาะขามอีกที่ให้ได้เลย นั่นก็คือที่ที่เรามาวันนี้ เราทำตามปณิธานของเราสำเร็จแล้วนะ ..

เกาะขาม เป็นเกาะส่วนตัวตั้งอยู่ใกล้ๆเกาะหมาก จุดเด่นของเกาะนี้คือ มีธรรมชาติที่สมบูรณ์ หาดทรายนุ่มและขาว มีหมู่หินภูเขาไฟเรียงราย จนได้รับฉายาว่า 'ไข่มุกมรกตแห่งทะเลตราด'

ที่ได้รับฉายานี้คงเป็นเพราะสีของน้ำทะเลใสเหมือนสีของมรกต ใสขนาดมองเห็นเม่นทะเลใต้น้ำเลย .. หากใครลงไปว่ายน้ำระวังหนามของมันด้วยนะ เดี๋ยวตำจะเที่ยวไม่สนุกเพราะมันจะปวด สามารถรับการปฐมพยาบาลได้ที่จุดส่วนกลาง หรือบอกเจ้าหน้าที่ที่เป็นเด็กเรือหรือกัปตันเรือจะดีที่สุดค่ะ แต่ทางที่ดีไม่โดนจะดีกว่าเน๊อะ ..

ที่เราบอกตอนแรกว่า เกาะขาม เป็นเกาะส่วนตัว รับรับข้อมูลมาจากกัปตันเรือของโคโค่เครปรีสอร์ทว่า จริงๆแล้วที่เกาะนี้เป็นพื้นที่อุทยาน โดยรัฐบาลและเอกชนถือสัปทานร่วมกัน แต่รีสอร์ทที่กำลังสร้างอยู่นี้สร้างรุกล้ำในเขตอุทยานมากเกินไป รีสอร์ทนี้เลยถูกระงับการก่อสร้างมาจนถึงปัจจุบัน .. หากข้อมูลผิดพลาดขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย

ใครมีตั๋วเรือก็สามารถแลกน้ำได้หนึ่งกระป๋องต่อตั๋วเรือหนึ่งใบ หากใครหิวที่นี่ก็มีมาม่ากระป๋องขายค่ะ ราคา 40 บาท แม่เจ้า แพงเว่อร์ เลย์ถุงละ 50 บาท o.O.แต่อย่าลืมนะคะว่า เรามาเที่ยวเพราะธรรมชาติพาเรามา แต่อย่าเที่ยวโดยการทำลายธรรมชาติ เก็บขยะไปทิ้งด้วยนะ ^^

บนเกาะมีห้องน้ำและที่อาบน้ำจืดให้ ไม่ต้องเป็นห่วง สบายใจได้ ไม่คิดค่าบริการ

อีกโซนนึงของเกาะ จะมีสันทรายยื่นไปในทะเล ดูๆแล้วเหมือนทะเลแหวกเลย หากไม่มีเรือมาทิ้งสมอตรงนั้น หึหึ .. ทรายที่นี่นุ่มเท้าและขาวเหมือนคอฟฟี่เมท แอบได้ยินมาว่า ที่หาดทรายนี้ขาวเป็นเพราะเอาทรายมาถมทับของเดิม ไม่รู้จริงแท้อย่างไร แต่นั้นก็คือจุดเด่นของที่นี่ .. สำหรับใครอยากจะดำน้ำตื้นตรงจุดส่วนกลางก็มีอุปกรณ์ให้เช่า ชุดละ 50 บาทค่ะ

จุดเด่นของเกาะนี้อีกอย่างหนึ่งก็คือ หมู่หินภูเขาไฟที่กองเรียงรายท่ามกลามหาดทรายสีขาว .. เอาจริงๆนะ ที่เกาะนี้ มีมุมน่าถ่ายรูปเยอะแยะเลย ใครชอบถายรูปมาแล้วไม่ผิดหวังแน่นอน .. แอบชอบเกาะนี้อ่ะ >"<

เอาล่ะค่ะ ! การเดินทางของเราก็ดำเนินมาจนถึงช่วงท้ายของเกาะแห่งนี้ ถึงเวลาอันเป็นสมควรต้องอำลาเกาะนี้แล้วล่ะ ตอนนี้เวลา 13.20 น. มีพี่กัปตันเรือจะประกาศว่า "เกาะหมากรีสอร์ท ขึ้นเรือๆ" ก็กลับรอบนี้เลยละกัน จะได้มีเวลาแว๊นซ์เที่ยวที่เกาะหมากกันต่อ เราโชคดีอีกแหละได้กลับลำสปรีดโบ๊ทเหมือนขามา พี่กัปตันบอกว่า วันนี้เค้ามาวิ่งช่วยเฉยๆ .. เมื่อถึงเกาะหมาก ตอนแรกว่าจะแว๊นซ์เที่ยวเกาะ แต่ก็ต้องขอสยบให้กลับแดดของที่นี่จริงๆค่ะ บอกเลยแทบไหม้ จึงขอกลับไปพักหลบแดดที่รีสอร์ทก่อนละกัน สัก 4 โมงค่อยออกไปแว๊นซ์เที่ยวเกาะ เกาะเล็กๆคงเที่ยวจุดหลักๆได้ครบแหละเน๊อะ .. แพลนคร่าวๆต่อจากนี้ก็มี ไปเดินเล่นที่สะพานโคโค่เครปรีสอร์ท ไปชมพระอาทิตย์ตกที่สะพานสู่ฝัน แล้วลงเอยด้วยทานอาหารที่เกาะหมากซีฟู้ด (เราไม่ลืมที่จะจองโต๊ะไว้ก่อนแน่นอน หึหึ) .. ทิ้งท้าย ทุกรีสอร์ทที่นี่ค่อนข้าง open ถึงจะไม่ได้พักที่รีสอร์ทแต่ก็สามารถเข้าไปเดินเล่นได้ ..พอได้พักให้ร่างกายฟื้นตัวจากอากาศที่ร้อน ได้อาบน้ำสักซู่ก็รู้สึกสดชื่นขึ้น ตอนนี้ ได้เวลาออกเที่ยวต่อแล้วล่ะ ตะวันคลอยลงมาเยอะแหละ พร้อมลุยแล๊ววว .. เป้าหมายต่อไปของเรา เราจะไปเยินโฉมสะพานที่เป็นหนึ่งในซิกเนเจอร์ของเกาะหมาก (หลายคนคงบอกว่า เอ๊ะ มีกี่สะพานกันเนี่ย เราขอตอบว่า มีหลายสะพานเลยค่ะ แต่ละสะพานจะมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันไป) สะพานนี้ตั้งอยู่ที่ โคโค่เครปรีสอร์ท (Cococape Resort) ตั้งอยู่บริเวณอ่าวสวนใหญ่ หลายๆคนคงนึกถึงที่พักที่นี่เป็นที่แรกๆหากมาเที่ยวที่เกาะหมาก ที่นี่มีอะไรดีไปดูกัน ..

แอบเหลือบไปเห็นป้ายเตือนให้ระวังลูกมะพร้าวหล่น .. o_O

ที่นี่เป็น Club House ของรีสอร์ท เปิดตั้งแต่เวลา 7.30 น. - 21.00 น. อาหารสามารถสั่งได้ถึงเวลา 20.30 น. เรียกได้ว่าที่นี่เหมือนเป็นจุดศูนย์กลางที่เป็นทั้งร้านขายอาหาร เครื่องดื่ม ไอศกรีม แถมยังเป็นจุดให้ข้อมูลนักท่องเที่ยวอีก .. มาตรงนี้ที่เดียวมีครบ ! ตั๋วไปเกาะขามที่นี่ก็มีขายแต่ราคา 250 บาทจ้แถม

ไปเดินเล่นตรงสะพานบ้างดีกว่า มีป้ายเตือนให้เดินระวังๆ เพราะทางเดินสองข้างจะไม่มีราวกั้นค่ะ

ตรงปลายของสะพานจะมีบาร์ชื่อ Blue Pearl เป็นบาร์ที่มีเครื่องดื่มให้บริการ ได้บรรยายมากฟังเพลงชิลล์ๆ จิบเครื่องดื่ม ชมวิวรอบๆตัว .. บอกได้คำเดียว ฟิน!

ตรงบาร์มีอุปกรณ์ดำน้ำพวกชูชีพ สนอคเกิ้ล ให้เช่าด้วยนะ หรือใครอยากตกปลาที่นี่ก็มีเบ็ดให้เช่า นั่งตกกันตรงสะพานเนี่ยแหละค่ะ (หัวค่ำๆคนนิยมมานั่งตกหมึกกัน แล้วก็ย่างกินกันตรงนั้นเลย มีเตาให้พร้อม อิอิ) .. สอบถามราคาการเช่าอุปกรณ์ได้ที่บาร์เลยนะคะ

นกแอ่นแปซิฟิค ถือว่าเป็นนกประจำถิ่นบนเกาะหมาก พบเห็นได้ทั่วไปบนเกาะหมากเลยจ้า

ตอนขากลับ เราเห็นดอกอะไรไม่รู้ร่วงลงมา ลองหยิบขึ้นมาดู สวยดีอ่ะ ใครรู้บอกหน่อยว่ามันคือดอกอะไร

ทำเวลาได้ดีมาก ตอนนี้ห้าโมงใกล้จะครึ่งแล้ว เราคงต้องรีบแว๊นซ์ไปดูพระอาทิตย์ตกดินตามที่ตั้งใจไว้ตั้งแต่ตอนแรกสักที .. ที่ต่อไปเราจะไปกันที่ สะพานสู่ฝัน ..

' สะพานสู่ฝัน ' แค่ชื่อสะพานก็อยากมาเยือนแล้ว สะพานนี้เป็นสะพานที่ยาวที่สุดในเกาะหมากที่ทอดลงไปในทะเล หากต้องการมาที่นี่ต้องเดินทางมาที่ Cinnamon Art Resort & Spa .. ใครมาเกาะหมากต้องมาที่นี่นะ ไม่งั้นมาไม่ถึงนะจะบอกให้ ..


ที่เกาะหมากนี้มีจักรยานให้เช่าด้วยนะ เช่ามาปั่นชื่นชมธรรมชาติก็ได้ฟีลไปอีกแบบนะ เข้าคอนเซปเกาะนี้ด้วย Low Cabon Destination โดยในแผนที่ระบุไว้ด้วยสำหรับเส้นทางจักรยาน

นี่คือซากเรืออัปปาง ในตอนเช้าๆน้ำจะลดลง เราสามารถเดินไปถ่ายรูปซากเรือใกล้ๆได้ แต่เราไปตอนเย็นเลยเห็นแค่ซากเรือที่โผล่พ้นน้ำมาเพียงเท่านั้น

ต้นไม้ที่นี่ก็เป็นเอกลักษณ์ นอกจาก สะพาน นอกจาก เรือ แล้ว ต้นไม้ที่นี่ก็คือนางแบบนายแบบที่ยืนต้นโพสท่าให้นักท่องเที่ยวแชะภาพเก็บเป็นที่ระลึกกันไป

ขณะนี้เวลา 17.30 น. เรามารอเก็บภาพพระอาทิตย์ตกดินกันอยู่ที่ปลายสะพาน แต่ .. ฟ้าฝนก็ไม่เป็นใจกะเราเลย มืดครึ้มมาแต่ไกล .. ลุ้นอยู่นานว่าจะทันไหม ที่พระอาทิตย์จะตกก่อนฝนจะตก

แต่สุดท้าย ท้ายที่สุด เมฆดำก็เคลื่อนตัวเข้ามาเร็วมาก ค่อยๆเขมือบพระอาทิตย์ที่กำลังจะตกดินอยู่แล้วเชียว .. เศร้าใจ ภาพพระอาทิตย์ตกดินที่ตั้งใจไว้ตั้งแต่วันแรกก็ไม่ได้ ต้องวิ่งหนีลมและฝนที่ทำให้ตัวเราเซแทบตกสะพาน .. จะมาให้ช้ากว่านี้หน่อยก็ไม่ได้ ฝนนะฝน

~ เสมือนท้องฟ้าวิปริตแปรปรวน ทันใด ~ เพลงในตำนาน ฮ่าๆๆๆ เข้าบรรยากาศม๊ะ อิอิ .. กลุ่มเมฆที่เราเห็นนั้นน่ากลัวมาก ใจนี่เต้นตึกๆเลย

ตัดภาพมาอยู่ที่ร้านอาหารเกาะหมากซีฟู้ดเลยดีกว่า .. ก่อนหน้านี้ เราหนีฝนกันมาหน้าตั้ง รักษากล้องเท่าชีวิต ตอนนี้เรารอดแล้วค่ะ ดีนะที่จองโต๊ะไว้ตั้งแต่แรก แต่จองไปก็เท่านั้นค่ะ ฝนตกทุกโต๊ะที่จองด้านนอกต้องย้ายมาอยู่ด้านใน ซึ่งเย็นวันนี้ โต๊ะทุกโต๊ะถูกจองเต็ม คนที่ฝ่าฝนมาแต่ไม่ได้จองก็อดกันไป บิลยาวเป็นหางว่าว แต่อาหารที่มาเสริฟ์ก็ได้เร็วอยู่นะ แต่สงสัยวันนี้ลูกค้าเยอะ ฝนก็ดันมาตก ที่ร้านเลยค่อนข้างวุ่นวาย แม่ครัวก็คงจะรีบ รสชาติอาหารวันนี้ไม่ค่อยถูกปากเราเลย แต่ก็เข้าใจสถานการณ์ค่ะ เลยให้อภัยได้ ~ เมนูเย็นนี้เราสั่งกับข้าวไป 4 อย่าง กินเรื่อยๆรอฝนหยุด แล้วค่อยเดินทางกลับที่พักกัน ราคาอาหารมื้อนี้ทั้งหมด 795 บาท (แอบแพง แต่ก็มาฝากท้องที่ร้านนี้ทุกวัน เพราะ อยู่ใกล้รีสอร์ท) ..

เมนูที่ 1 ส้มตำปูม้า ราคา 150 บาท

เมนูที่ 2 กุ้งชุบแป้งทอด ราคา 200 บาท

เมนูที่ 3 แกงส้มชะอมกุ้ง ราคา 200 บาท

เมนูที่ 4 หมูทอดกระเทียมพริกไทย ราคา 200 บาท

จบแล้วค่ะ สำหรับการเดินทางในวันที่ 2 ของเรา พรุ่งนี้ก็ถึงวันสุดท้ายที่เราจะต้องเดินทางออกจากเกาะนี้แล้ว .. เราอาจไม่ได้พาเที่ยวครบทุกหาด ทุกรีสอร์ทนะ ยังมีอีกหลายๆที่เลยที่มีจุดสวยๆ แต่เรามีเวลาไม่มากพอ จึงเลือกสถานที่ที่เราอยากไปมาก่อนจะได้ไม่เสียใจภายหลัง .. สำหรับวันนี้ขออำลาไปนอนดูดาวหน้าระเบียงก่อนนะคะ .. เจอกันวันพรุ่งนี้ ราตรีสวัสดิ์


:: Day 3
7 พฤษภาคม 2559
วันสุดท้ายของการเดินทาง

และแล้ววันสุดท้ายก็มาถึง .. วันนี้ โปรแกรมเราไม่มีอะไรเลย นอกจาก เช็คเอ้าท์ออกจากที่พัก หาอะไรทานก่อนเดินทางกลับเมืองหลวงอันศิวิไลซ์ .. วันนี้เราก็ตั้งนาฬิกาปลุกเวลาเดิมเหมือนเมื่อวานเพื่อมาเซทกล้องเตรียมถ่ายซ่อมพระอาทิตย์ขึ้นซะหน่อย แต่ไหงยังงั้น ท้องฟ้าไม่เป็นใจเอาเสียเลย เช้านี้ เมฆเกาะกลุ่มเยอะมาก ทำให้ไม่เห็นพระอาทิตย์เพราะถูกเมฆบดบัง แต่เวลาที่พระอาทิตย์สาดแสงลงกระทบกับผิวน้ำช่างสวยงามอย่างไร้ที่ติ

เมื่อไม่ได้ภาพนิ่งที่สมใจอยาก เราก็กลับเข้าที่พักไปนอนเอาแรงต่อ ตื่นมาอีกที 9 โมงเช้า รีบลุกอาบน้ำแต่งตัวเก็บของใส่กระเป๋าเตรียมเช็คเอ้าท์กลับกรุงเทพ ทันใดนั้นเอง เสียง 'เพล้ง' ก็ดังลั่นห้อง เราเองแหละเราทำแก้วแตก เค้าไม่ได้ตั้งใจน้า ~ ที่รีสอร์ทที่เราพักเช็คเอ้าท์เร็วกว่าที่อื่นๆ ต้องเช็คเอ้าท์ตอน 10 โมงเช้า เร็วมาก แต่เรือจะมารับเราตอน 12.50 น. เวลาที่เหลือเราจะไปอยู่ไหน เฮ้อ! .. เออลืมเล่าเจ้าของรีสอร์ทชาร์จค่าที่เราทำแก้วแตกด้วย ใบละ 50 บาท แถมมีติดป้ายด้วยนะถ้าเช็คเอ้าท์ช้าชาร์จเพิ่ม 500 บาท เราไม่เคยเจอที่พักที่ไหนชาร์จมหาโหดเท่าที่นี่เลย .. หลังจากเคลียร์เรื่องห้องเสร็จ เราก็แว๊นซ์มอเตอร์ไซด์ไปฝากท้องที่เดิม เกาะหมากซีฟู้ด เดี๋ยวนะ ร้านเปิด 10.30 น. ตอนนี้เพิ่ง 10.00 น. มาช่วยเค้าเปิดร้านล่ะกัน หน้าด้านค่ะ ฮ่าๆ เดินเข้าไปในร้านบอก 'ขอนั่งรอจนกว่าจะเปิดร้านนะคะ' มาทุกวันจนพนักงานจำเราได้แล้ว ฮ่าๆๆๆ .. ที่ร้านก็ใจดี ให้เราสั่งอาหารได้เลย เมนูที่เราสั่งวันนี้ขอบอกเลยเด็ดมาก

เมนูที่ 1 ต้มจืดเต้าหู้หมูสับสาหร่าย ราคา 150 บาท

เมนูที่ 2 ข้าวผัดปู (เล็ก) ราคา 80 บาท

เมนูที่ 3 ยำวุ้นเส้นรวมมิตรทะเล ราคา 150 บาท

เมนูที่ 4 ไอศกรีมกะทิกล้วยทอด ราคา 150 บาท

อาหารในเช้าวันนี้ เราขอใช้คำว่า 'เป็นรสชาติที่เราโหยหามาตลอดทริปนี้' ดูเว่อร์ไปไหม แต่อาหารเช้านี้อร่อยกว่าทุกๆมื้อที่เราทาน หรือเพราะเราเป็นลูกค้ารายแรกของวันนี้นะ แม่ครัวเลยไม่รีบร้อนเร่งมือทำอาหารเลยทำให้อาหารมีรสชาติที่อร่อย .. อย่างน้อยก็มีเรื่องดีดีเกิดขึ้นในทริปนี้บ้างแหละนะ ^^ .. ค่าเสียหายของอาหารมื้อนี้อยู่ที่ 565 บาท รสชาติที่ได้รับคุ้มราคาค่ะ คะแนนเต็มสิบเราให้สิบเลยมื้อนี้ .. หลังจากนั้น เราก็เอารถมอเตอร์ไซด์กลับไปคืนที่รีสอร์ทพร้อมน้ำมันอันน้อยนิด (เราไม่เติมน้ำมันให้นะ เจ๋ากับค่าแก้วแตกล่ะกัน อิอิ)

ใกล้ๆที่พักเราจะมีร้านเค้กอยู่ร้านนึงค่ะ ชื่อร้าน สวีทเค้ก (Sweet Cake) แต่วันที่เราไปนั้นร้านเค้กปิดค่ะ ติดป้ายว่าปิดตั้งแต่วันที่ 2-10 พ.ค. อดทานไปตามระเบียบ แป่ว ~

ส่วนนี้ เป็นท่าเรืออ่าวนิด ท่าเรือที่เรามาขึ้น และเป็นท่าเรือที่เราจะใช้กลับกันในวันนี้ในรอบ 12.50 น. ค่ะ เวลาเรายังเหลือเพียบเลย ไม่รู้จะไปไหนแล้ว ก็เลยกลับไปนั่งเล่นนอนเล่นรอเรือมารับที่ล็อบบี้รีสอร์ทที่เราพักแหละกัน .. พอใกล้เวลาเราก็นำตั๋วขากลับไปตรงท่าเรือ เพื่อให้พี่ของบริษัทเช็คอินเพื่อนับจำนวนลูกเรือแล้วพี่เค้าก็จะให้สติกเกอร์กรุงเทพมาให้เราติดค่ะ

ประมาณ 13.10 น. เรือก็มารับเราที่ท่าเรืออ่าวนิด .. ตอนขามาเส้นทางการเดินเรือจะเป็น ท่าเรือแหลมศอก - เกาะหมาก - เกาะกูด ส่วนตอนขากลับเส้นทางการเดินเรือจะเป็น เกาะกูด - เกาะหมาก - ท่าเรือแหลมศอก ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงก็ถึงที่ท่าเรือแหลมศอกแล้วค่ะ

ในระหว่างข้ามข้ามเรือพนักงานของบุญศิริจะให้เราเข้าแถวให้เป็นระเบียบไปฝั่งนึง แล้วให้คนบนเรือที่ลงเกาะหมากขึ้นฝั่งมาก่อน แล้วค่อยให้เราที่จะกลับท่าเรือแหลมศอกลงเรือ ระหว่างการลงเค้าก็คอยดูแลเราเป็นอย่างดีค่ะ ^^

เนื่องจากวันที่เรากลับนั้น มีผู้โดยสารกลับกันค่อนข้างเยอะเพราะเป็นวันหยุดยาวด้วย ทำให้ที่นั่งบนเรือไม่เพียงพอ พูดง่ายๆคือ อดนั่งในห้องแอร์เย็นๆเลย ทำให้เราต้องขึ้นมานั่งบนชั้น 2 ท้ายเรือ มองดูเกลียวคลื่น ใบหน้าปะทะลมร้อน กันไป ฮ่าๆ .. อย่าลืมสวมชูชีพทุกครั้งที่อยู่บนเรือนะคะ เค้าค่อนข้างเคร่ง จะคำนึงถึงความปลอดภัยของลูกค้าเป็นหลัก .. ระหว่างนั่งเรือเรามองเห็นจะมีธงประเทศกัมพูชาถูกวางเป็นระยะในทะเล น่าจะสื่อความหมายว่า นั่นคือ น่านน้ำของประเทศกัมพูชา เราเดาเอานะ ไม่รู้เราเข้าใจถูกรึป่าว .. รอผู้รู้มาชี้แจงอีกที

ทนร้อนมาสักพักใหญ่ก็มาถึงท่าเรือแหลมศอกแล้วค่ะ .. เรารีบกระโดดขึ้นรถรางเลย เค้าจะพาเรากลับไปส่งที่ Lobby ของบริษัทเพื่อจะต่อรถเข้ากรุงเทพ .. พอมาถึงเรารีบเข้าห้องน้ำห้องท่าให้เรียบร้อย และตุนเสบียงใส่ท้อง เราจะต้องเดินทางกันอีกหลายชั่วโมง ที่นี่ให้บริการอาหารตามสั่งด้วยนะคะ แต่ก็ต้องคำนึงถึงเวลาที่รถออกด้วยว่าจะทันรึป่าว เราไม่กล้าเสี่ยงเลยทานแค่มาม่ากระป๋องแล้วซื้อน้ำไปกินระหว่างนั่งรถ ที่ล็อบบี้ มาม่ากระป๋องขายอยู่ที่ราคา 25 บาท น้ำเปล่าขวดละ 15 บาท (ถูกว่าบนเกาะขามล่ะกันเนอะ) 5555 .. และเนื่องจากวันนี้มีผู้โดยสารเดินทางกลับกรุงเทพค่อนข้างมาก ทางบริษัทจึงเปลี่ยนจากรถตู้เป็นรถทัวร์ 2 ชั้นแทนค่ะ จะจอดส่งผู้โดยสาร 2 ที่ คือ ลาดกระบัง และ ถนนข้าวสาร นำตั๋วขากลับให้กับพนักงานประจำบัสได้เลย แล้วเลือกที่นั่งได้ตามใจชอบเลยค่ะ ..

ถึงเวลานอนหลับกันยาวๆ ตามตารางเราจะถึงกรุงทพประมาณ 20.00 น. แต่ดูท่าทางวันนี้จะเลทซะแล้วล่ะคะ จะถึงกี่โมงมาลุ้นกัน .. เมื่อรถเคลื่อนมาสู่ จ.จันทบุรี ไม่ว่าจะมาด้วยรถตู้หรือรถทัวร์แบบเรา ทางบริษัทเค้าจะแวะให้เราเลือกซื้อของฝากได้ 20 นาที ที่ร้านรวมของฝาก อาอ๋า ..

ใครปวดหนักปวดเบาสามารถลงแวะเข้าห้องน้ำที่นี่ได้เช่นกันค่ะ มีห้องน้ำไว้ให้บริการ ..

สำหรับของฝาก .. ใครอยากซื้ออะไรเลือกช้อปปิ้งได้ตามใจเลยค่ะ ที่เด่นๆที่นี่ก็จะมี เงาะ มังคุด ทุเรียน หมูชะมวง พริกไทย ทุเรียนกวน ทุเรียนทอด ฯลฯ .. เราจัดของฝากมาถุงใหญ่เลย หยิบเอาๆ ฮ่าๆ

เมื่อเลือกซื้อของฝากเสร็จแล้ว ก็จะมุ่งหน้าเข้า จ.ระยอง แล้วทางบริษัทจะแวะปั๊ม ปตท. ใครอีกครั้งนึง ก่อนจะวิ่งเข้ากรุงเทพโดยไม่แวะที่ไหนอีกแล้วนอกจากปลายทาง .. ระหว่างเดินทางเมื่อพระอาทิตย์กำลังจะลาลับขอบฟ้า ช่วงเวลานี้แหละที่ทำให้ท้องฟ้ามีมนต์เสน่ห์มากที่สุด เราจึงขอเก็บภาพท้องฟ้านี้เอาไว้ดูสีมันสวยดี ^^

เราเดินทางมาร่วม 7 ชั่วโมง ก็ถึงตรงหน้าวัดบวรนิเวศเวลา 21.30 น. เลทไปจากตารางตั้งชั่วโมงครึ่งแหนะ .. แล้วเราคงต้องพึ่งแทกซี่อีกครั้งในการเดินทางสู่ที่พักอันแสนอบอ้าว เอ้ย อบอุ่นของเรา .. หากเพื่อนๆที่ชอบความเงียบสงบ และต้องการที่จะพักผ่อน ชื่นชมธรรมชาติแบบใกล้ชิด 'เกาะหมาก' เนี่ยแหละคะ คือ ตัวเลือกที่น่าสนใจ ลองพิจารณาสถานที่แห่งนี้ดูนะคะ .. จบทริปโดยสวัสดิภาพ ขอบคุณเพื่อนๆทุกคนที่อ่านมาจนถึงตรงนี้นะ ^^

ปล. ขอบคุณ SONY A6000 ที่ทำให้เราได้ภาพสวยๆตลอดทริปนี้
(รูปทั้งหมดไม่ผ่านการแต่งใดๆทั้งสิ้น อยากให้รูปออกมาสดจริง ตามคุณภาพของกล้อง)

ขอบคุณทุกๆคนที่ติดตาม หากผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย
ค่าใช้จ่ายสำหรับทริป 3 วัน 2 คืน เราใช้ไปทั้งสิ้น คนละ 4,920 บาท (แอบแพงค่ากิน) ..

สามารถติดตามเรื่องราวการเดินทางของเราได้อีกหนึ่งช่องทาง

กดไลท์ได้เลย มีเรื่องราวดีดีรอคุณอยู่

PAGE : https://www.facebook.com/KeepGoingThailand/

.. ถ้าอยากเห็นสิ่งที่สวยงามก็ต้องพยายามออกไปให้ถึง ..


.. เจอกันใหม่การเดินทางครั้งต่อไป ..

In My Eye

 วันจันทร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2561 เวลา 12.03 น.

ความคิดเห็น