ทริปเดินป่าส่งท้ายฤดูหนาวกับ เลอกวาเดาะ ขุนเขาแห่งศรัทธา อ. ท่าสองยาง จ.ตาก เห็นรีวิวมาเยอะจนอดใจไม่ไหมแล้วกับระยะทางสั้นแค่ 3.8 กิโลเมตร จะเดินชิลจริงหรือเปล่าต้องไปลองกันเลย
#เริ่มต้นการเดินทาง การเดินทางครั้งนี้เราไปกับทริปทัวร์ เพื่อสะดวกในการเดินทางและการติดต่อชาวบ้าน จุดนัดพบคือ Big cสะพานควาย จะมีรถตู้มารับเวลา 19:30 น. ก่อนขึ้นรถตู้ ก็จะมีการตรวจ ATK โดยเจ้าหน้าที่ ราคา 100 บาท ส่วนเอกสารการฉีดวัคซีน ตรวจสอบมาก่อนตอนจองทริปแล้ว เดินทางโดยรถตู้ จำนวน 10 คน มีพี่ทัวร์ 1 คนคอยให้ครับแนะนำและดูแลตลอดทริปนี้ ล้อหมุนเวลา 20:40 น. ช่วงนี้ก็หลับกันยาวๆ แวะปั๊มเป็นระยะๆ รู้ตัวอีกทีก็ถึง จ.ตาก เวลา 06:00 น. แวะพักทานข้าวและล้างหน้าแปรงฟัน เป็นร้านอาหารที่ทางทัวร์เข้าติดต่อไว้แล้ว ออกจากร้านอาหารเวลา 07:00 น. ถึงอุทยาน เวลา 07:24 น. เพื่อมาเปลี่ยนเป็นรถกระบะของชาวบ้านเพื่อเดินทางต่อ ไปจุดเริ่มเดิน
เมื่อเดินทางมาถึง อุทยานแห่งชาติแม่เมย ก็มาเปลี่ยนเป็นรถกระบะของชาวบ้านที่นี่
#เริ่มเดินป่ามุ่งสู่ลานกางเต็นท์ ใช้เวลาเดินทางจากอุทยานชั่วโมงนิดๆ ถึงจุดเริ่มเดิน เวลา08:55 น. เป็นพื้นที่ของหมู่บ้านตอปิเด และจุดเริ่มเดินเป็นเขตของวัดป่าเกร๊ะคี พอมาถึงก็จะมีลูกหาบที่ทางทริปติดต่อไว้ล่วงหน้า คนยังเดินไม่เยอะ เลยมีแค่กลุ่มเราเท่านั้นประมาณ 20คนเท่านั้นเอง เริ่มออกเดิน เวลาประมาณ 09:10 น. ระยะทางสู่ลานกางเต็นท์ 3.8 กิโลเมตร สามารถเดินเองได้โดยไม่ต้องมีคนนำทาง แต่ระยะทางช่วงแรกอาจจะงงหน่อย เพราะต้องเดินย้อนลำธารน้ำตกขึ้นไป มีบันไดปูนที่ชาวบ้านทำไว้เป็นช่วงๆในจุดที่ชัน ต่อด้วยเส้นทางชัน 45องศาสลับกับดึงเชือก ระยะทางสั้น แต่ชันตลอดทาง และแล้วเราก็มาถึงลานกางเต็นท์ เวลา 11:37 น. เป็นที่ราบบนเนินเขาที่ไม่กว้างมาก มีองค์พระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ให้สักการะ จากนั้นก็ได้เวลา เวลาตะเวนหามุมกางเต็นท์กัน ใครมาก่อนก็ได้มุมดีๆ ไป แอดได้จุดกลางเต็นท์ตงเนินเขา กางเต็นท์เสร็จก็พักกินข้าวเที่ยงที่ทางทริปเขาเตรียมมาให้ และรอเวลาแดดเริ่มอ่อนลง ก็เตรียมไปชมพระอาทิตย์ตกกันที่เขายอดเจดีย์ ต้องเดินไปอีกประมาณชั่วโมง เพราะต้องปีนเขากันยาวๆเลย บรรยากาศด้านบนตอนนี้ อยู่ในที่ร่มก็เย็นสบาย ยังมีหมอกอยู่ตามยอดเขาอยู่เลย ด้านบนสัณญาณโทรศัพท์ แทบไม่มี มีแค่บางจุด ถือว่าตัดจากโลกโซเชี่ยลไปเลยก็ว่าได้ ไฟฟ้าไม่มีและนำ้ดื่มต้องพกกันมาเองนะครับ และที่สำคัญห้องน้ำเคยมีแต่ใช้ไม่ได้ เข้าป่าเท่านั้น เตรียมทิชชู่เปียกให้พร้อม กันเลย เวลา 16:00 น. ก็เริ่มเดินไปจุดยอดพระธาตุ อยู่ตรงจุดกางเต็นท์ก็มองเห็น แต่การเดินนั้นเรียกว่าปีนเขาเลยก็ว่าได้ เพราะต้องเดินตามสันเขาที่แคบๆและดึงเชือกและโรยตัวด้วย แต่ก็ถือว่าครบรสเลยกับการเดินป่าที่นี่ ถึงยอดเขาแล้ว เหนื่อยใช้ได้ วิวด้านบน เห็นภูเขาสลับซับซ้อน บรรยากาศดี ยิ่งตอนพระอาทิตย์ตกแสงแดดสีส้มสาดโดนพระธาตุ ยิ่งสวยสุดๆ ไปเลย และช่วงเวลายากลำบากเราก็มาถึง 55 ต้องเดินกลับจุดกางเต็นท์หลังพระอาทิตย์ตกดิน ท้องฟ้าก็เริ่มมืด ใครที่จะมาเตรียมไฟฉายมาด้วยนะครับ เพราะทางเดินเป็นหน้าผาและสันเขาต้องมีสติในการเดินหน่อย กลับมาถึงเต็นท์ก็พักกินข้าว ล้างน้ำ น้ำไม่มีอาบและเตรียมเข้านอน เพราะพรุ่งนี้ เราจะมาลุ้นทะเลหมอกกัน
แวะถ่ายรูปชมทะเลหมอก ที่ม่อนครูบาใส วิวอลังการมาก
วิวทะเลหมอก ระหว่างการเดินทาง ณ จุดชมวิว ม่อนครูบาใส แค่ตรงนี้ก็สวยแล้ว
มุ่งหน้าต่อเพื่อไปหมู่บ้านตอปิเด เพื่อไปยังจุดเริ่มเดินเท้า
ใช้เวลาเดินทางจากอุทยานชั่วโมงนิดๆ ถึงจุดเริ่มเดิน เวลา08:55 น. เป็นพื้นที่ของหมู่บ้านตอปิเด และจุดเริ่มเดินเป็นเขตของวัดป่าเกร๊ะคี พอมาถึงก็จะมีลูกหาบที่ทางทริปติดต่อไว้ล่วงหน้า คนยังเดินไม่เยอะ เลยมีแค่กลุ่มเราเท่านั้นประมาณ 20คนเท่านั้นเอง
มีบันไดปูนที่ชาวบ้านทำไว้เป็นช่วงๆในจุดที่ชัน
แต่ระยะทางช่วงแรกอาจจะงงหน่อย เพราะต้องเดินย้อนลำธารน้ำตกขึ้นไป
เส้นทางชัน 45องศาสลับกับดึงเชือก ระยะทางสั้น แต่ชันตลอดทาง
นั่งชมพระอาทิตย์ตกดิน
เราก็มาถึงลานกางเต็นท์ เวลา 11:37 น. เป็นที่ราบบนเนินเขาที่ไม่กว้างมาก มีองค์พระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ให้สักการะ จากนั้นก็ได้เวลา เวลาตะเวนหามุมกางเต็นท์กัน ใครมาก่อนก็ได้มุมดีๆ ไป
แอดได้จุดกลางเต็นท์ตงเนินเขา กางเต็นท์เสร็จก็พักกินข้าวเที่ยงที่ทางทริปเขาเตรียมมาให้ และรอเวลาแดดเริ่มอ่อนลง ก็เตรียมไปชมพระอาทิตย์ตกกันที่เขายอดเจดีย์
เวลา 16:00 น. ก็เริ่มเดินไปจุดยอดพระธาตุ อยู่ตรงจุดกางเต็นท์ก็มองเห็น แต่การเดินนั้นเรียกว่าปีนเขาเลยก็ว่าได้ เพราะต้องเดินตามสันเขาที่แคบๆและดึงเชือกและโรยตัวด้วย แต่ก็ถือว่าครบรสเลยกับการเดินป่าที่นี่
วิวด้านบน เห็นภูเขาสลับซับซ้อน บรรยากาศดี ยิ่งตอนพระอาทิตย์ตกแสงแดดสีส้มสาดโดนพระธาตุ ยิ่งสวยสุดๆ ไปเลย
#ทะเลหมอกยามเช้า 05:30 น. เวลาตื่นของเช้าวันนี้ ก็เตรียมล้างหน้าแปรงฟัน เพื่อต้องเตรียมตัวขึ้นไปชมทะเลหมอกกัน ประมาน 06:00 น.ก็เริ่มเดินทาง ท้องฟ้ายังไม่สว่างแต่ก็เห็นเงาจางๆว่ามีทะเลหมอกด้วย สูดอากาศบริสุทธิ์ บนยอดดอยเลอกวาเดาะและวิวทะเลหมอกขาวๆไกลสุดสายตา และเทือกเขาสลับซับซ้อน ถือว่าคุ้มแล้วกับความเหนื่อยครั้งนี้ วิวสวยมากๆ และหมอกที่นี่อยู่นาน สายๆแดดจัดหมอกก็ยังไม่หายเลย
05:30 น. เวลาตื่นของเช้าวันนี้ ก็เตรียมล้างหน้าแปรงฟัน เพื่อต้องเตรียมตัวขึ้นไปชมทะเลหมอกกัน ประมาน 06:00 น.ก็เริ่มเดินทาง ท้องฟ้ายังไม่สว่างแต่ก็เห็นเงาจางๆว่ามีทะเลหมอกด้วย
สูดอากาศบริสุทธิ์ บนยอดดอยเลอกวาเดาะและวิวทะเลหมอกขาวๆไกลสุดสายตา และเทือกเขาสลับซับซ้อน ถือว่าคุ้มแล้วกับความเหนื่อยครั้งนี้ วิวสวยมากๆ และหมอกที่นี่อยู่นาน สายๆแดดจัดหมอกก็ยังไม่หายเลย
ทะเลหมอกขาวๆ ถือว่าโชคดีมากๆที่ได้เจอ 55
เดินป่าแต่ละที่ ทุกครั้งจะมีความประทับใจให้จดจำในสถานที่นั้นเสมอ ครั้งนี้ก็โชคดีที่ได้เจอทะเลหมอก การดึงเชือกลงจากเนินเขาที่ท้าทาย และที่สำคัญได้มิตรภาพทุกครั้ง
#เดินทางกลับ พอลงจากยอดพระธาตุก็ลงมาเก็บเต็นท์และกินอาหารเช้าก่อนเดินลงเขา ขยะใครเอาก็ต้องพกกลับด้วยนะอย่าทิ้งไว้ด้านบน แอดเดินลง เวลา 09:25 น. เดินกลับถือว่าถึงไวเพราะเดินลงอย่างเดียว ใช้เวลาประมาณ 1 ชม.ก็ถึงด้านล่าง ก็เตรียมขึ้นรถกระบะชาวบ้านเพื่อกลับไปยังจุดอุทยานเพื่ออาบน้ำแล้วขึ้นรถตู้กลับ กทม. ประมาณ 14:00 น. ก็ออกจากอุทยานเพื่อเดินทางกลับ ระหว่างทางก็แวะตลาดมูเซอ แวะทานข้าวในปั๊ม จากนั้นก็หลับยาวๆ มาถึงกรุงเทพก็ประมาณ 23:09 น. เดินป่าแต่ละที่ ทุกครั้งจะมีความประทับใจให้จดจำในสถานที่นั้นเสมอ ครั้งนี้ก็โชคดีที่ได้เจอทะเลหมอก การดึงเชือกลงจากเนินเขาที่ท้าทาย และที่สำคัญได้มิตรภาพทุกครั้ง
#รีวิวไปเรื่อยย#เลอกวาเดาะ#เดินป่าตาก
รีวิวไปเรื่อยย
วันพุธที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2565 เวลา 18.25 น.