ทริปนี้คือหนึ่งใน mission ของชีวิต อยากไปฮาลาบาลาสักครั้ง ไปให้เห็นสมคำที่เขาว่า "Amazon of Thailand" ถึงจะเป็นช่วงระยะสั้น แต่ก็อลังด้วยความอุดมสมบูรณ์สมคำเขาว่าฮะ เริ่มเลย...

1. ทริปนี้เป็น Joint Trip นั่งรถไฟ ขบวน 171 กรุงเทพ - สุไหง โกลก ลงสถานียะลา ความน่ารักของ 171 คือ ทำให้เราใช้ชีวิตอยู่บนรถไฟแบบอิ่มเอม 28 ชั่วโมง หัวรถจักรเสียไปสองรอบ ทำให้โปรแกรมวันแรกหายหมด จากที่ต้องไปถึงยะลาสายๆ แล้วเดินป่าต่อ กลายเป็นถึงยะลาบ่ายสามโมง เลยต้องนั่งรถตู้เข้าหมู่บ้าน เพื่อกินข้าวเย็นและนอน .. โปรแกรมแรกของเราคือ กินข้าวเย็นและนอน 🤣

2. แต่ยะลาก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ระหว่างทางที่ไปหมู่บ้าน พวกเราคือตื่นตากับหมอกที่ลอยฟุ้งอยู่ข้างหน้ามาก จนอาจเรียกได้ว่า mission complete กลับเลยได้ 🤣 ยังเส่ะ!! เพิ่งลงรถไฟ   

นั่งไปเรื่อย น้องถามสมาชิก ใครเอายาแก้เมารถไหมคะ ไม่มีเสียงตอบรับ พลันในใจคิด โถ่ แค่นี้ ไอ้โค้งที่คนอื่นอ้วกฉันยังผ่านมาได้ ... ทำไมไม่มีคนรีวิวทางไว้วะ ว่ามันจะอ้วกขนาดนี้ แนะนำคนเมารถ ให้กินยาแก้เมารถซะ คือนั่งรถเกือบ 3 ชั่วโมง ไม่มีทางตรงเลยฮะ นั่งผะอืดผะอมมาก รีวิวทางเป็นรูปไม่ได้เลยนี้อ้วกจะพุ่ง🤣

ถึงแล้ววว
3. หมู่บ้านจุฬาภรณ์พัฒนา 9 ตั้งอยู่ในอำเภอธารโต จังหวัดยะลา เป็นลักษณะของการท่องเที่ยวชุมชน ที่มีเป็นโปรแกรมสำหรับผู้ที่เข้าไปเที่ยวชม คือ "โคตรดี" เราก็ยังคงตื่นเต้นกับหมอกที่ลอยฟุ้งเหมือนเดิม หลังจากเก็บของเตรียมกินข้าว ก็เดินถ่ายรูปแป๊บนึง 

และก็พบกับ "เจ้าม้ายืนหนึ่ง" คือ ยืนอยู่ตัวเดียวไม่มีเพื่อน 555 ดูเหงาไปเลยฮะ

แล้วก็พบกับ เจ้าฮาลา หมาดำ จริงๆ มี เจ้า บาลาหมาน้ำตาล อีกตัว แต่ไม่เจอ พบเจ้าเหมียว เพื่อนเพียบ

4. อาหารวันแรก เป็นอาหารพื้นถิ่นที่หน้าตาแปลกๆ มีเฉพาะที่นี่ เป็นปิ่นโตจากแต่ละบ้านมารวมกัน 4 บ้าน ดังนั้น เราจึงไม่รู้เลยว่าเราจะได้กินอะไร 555 แต่คือ ก็ไม่ผิดหวังฮะ อร่อยจนต้องร้องขอเพิ่ม นอกจากอาหารแล้วก็ยังมีผลไม้ที่ทยอยมาชิมเรื่อยๆ ทั้งทุเรียน อะโวคาโด เงาะ มังคุด กล้วยกรอบ 

นั่งตบท้ายด้วยการฟังเรื่องเล่าจากหลิงปิง น้องเป็นคนรุ่นใหม่ คอยช่วยกันบริหารการท่องเทียวชุมชน น้องเล่าเรื่องต่างๆ ให้เราฟัง ทั้งแบบมีสาระและไม่มีสาระ ทั้งเรื่องประวัติความเป็นมา เรื่องของชาวอัสรี หรือซาไก หลินปิงเล่าว่า อัสรีไม่ชอบให้เรียกว่าซาไก เราไปตั้งให้เอง เล่าวิถีชีวิตต่างๆ พลางเคี้ยวกล้วยกรอบที่มีที่นี่ที่เดียว ยืนยันว่าอร่อยมาก ใครสนใจเดียวทิ้งไว้ข้างท้ายฮะ คุยกันสักพักก็แยกย้ายกันเข้านอน

5. เวลา 05.30 น. พร้อมกันที่รถ เพื่อไปชมทะเลหมอกปังๆ ที่จุดชมวิวผาหินโยก ระยะทางเพียง 500 เมตร มั้งเห็นว่า แต่เป็นระยะทางที่ตั้ง!!  โอ้โหหห ก็ลากสังขารกันขึ้นไป

6. แต่ข้างบนก็ไม่ทำให้ผิดหวัง หมอกปังวังเวอร์ 

ตื่นเต้นอีกละ อยากให้เห็นภาพอีกเยอะๆ ไปตามดูในเพจนะฮะ หมอกจุกๆ เดี๋ยวแปะเพจไว้ข้างล่าง นั่งฟินเลยทีนี้ ตั้งไทม์แลป กดชัตเตอร์ไปเรื่อย กด กด กด 

แล้วน้องมันพกทุเรียนไปเป็นพรอพด้วย สุดๆ ขยันแบก🤣

7. ได้เวลาที่ต้องลงเพื่อเตรียมเข้าป่าต่อ ก่อนเข้าป่าก็แวะกลับไปกินข้าว เป็นข้าวเช้าที่อร่อยมาก พอมีเวลาอีกนิด เดินเก็บภาพหมู่บ้าน เต็มไปด้วยต้นผลไม้นานาชนิด เงาะ ทุเรียน มะเฟือง มะนาว เพียบหมด

8. เตรียมตัวเข้าป่า ที่ได้ชื่อว่าเป็นป่าดงดิบที่มีความอุดมสมบูรณ์ ดูได้จากเจ้าทาคุมิ (ทาก) ชื่อน่ารักเชียว  เพราะเจ้าทาคุมิเป็นสิ่งมีชีวิตที่บ่งบอกถึงความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่า ป่าฮาลาบาลาจึงฝังอยู่ในหัว เพราะความที่อยากเข้าป่าใต้สักครั้งในชีวิต ได้สัมผัสป่าดงดิบกับเขาบ้าง ถึงเป็นแค่ระยะทางสั้นๆ แต่ก็ถือว่าได้สัมผัส

การเดินศึกษาป่า เรานำทางด้วยคนในชุมชน น้าเซินที่คอยเล่าเรื่องต่างๆ ให้ฟัง อาเฟย และอาตี๋ที่คอยจับน้องทาคุมิให้ ตามต้นไม้บางต้นจะมีชื่อติดอยู่ เกิดเพราะมหาวิทยาลัยราชภัฏยะลามาคอยสำรวจพันธ์ุไม้ ระหว่างทางก็กรี๊ดกับน้องทาคุมิไปเรื่อย 555 กลัวทากแต่ชอบเข้าป่า แล้วคือ ก็จะมีดอกไม้เล็กไม้น้อยให้ดูเรื่อยล่ะ จำชื่อไม่ได้

9. อีก 500 เมตรจะถึงทางออก ก็เจอกับ "น้ำตกฮาลาซะห์" น้ำตกย่อมๆ ที่มีความสูงและมีบริเวณพอสำหรับเป็นที่พักผ่อนและท่องเที่ยวของชาวบ้านใกล้เคียง ซึ่งถ้าเป็นการเดินระยะสั้น ก็จะเข้ามาแค่เพียง 500 เมตร

10. นั่งพัก ถ่ายรูปเสร็จ กลับออกมาเพื่อเตรียมไปต่อ สถานีต่อไปคือลงล่องเรือเพื่อไปต้นน้ำเขื่อนบางลาง ระหว่างทางไปเห็นบ้านอัสรี กับการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไป น้าเซินเล่าว่า เขาปรับตัวเข้ากับชุมชนมากขึ้น 

ก่อนเข้าไปต้นน้ำ น้าเซินพาแวะแจ้งเจ้าหน้าที่ของอุทยาน 

11. เพราะน้ำลด เราถึงนั่งเรือไปไม่ถึงต้นน้ำ ฝั่งนู้นคือ บาลา ที่เรายืนอยู่คือฝั่ง ฮาลา ถามน้องว่า เราเดินเข้าป่าจากฝั่งนี้ไปฝั่งนู้นได้ป่าว น้องบอกว่า อันตราย ไม่ค่อยมีคนเดิน

เรือจอดให้เล่นน้ำกันสักพัก

12. ก่อนกลับ ชมพิพิธภัณฑ์ ฟังเรื่องราวสมัย คอมมิวนิสจีนมาลายา ที่มีอาม่าคอยเล่าเรื่องให้ฟัง ด้วยเวลาจำกัด อาม่าติดสปีดเล่าเรื่องให้เราฟังแบบไวๆ  อาม่าน่ารักมาก เราลาอาม่าด้วยเวลาอันรวดเร็ว และลาจากหมู่บ้านด้วยระยะเวลาสั้นๆ เช่นกัน 

หมดกิจกรรมช่วงระยะเวลา 1 วัน 1 คืน แต่ได้ความเปรมปรีด์ไปเต็มๆ ถ้ามีประตูไปที่ไหนก็ได้ของโดราเอมอน ก็คงเลือกมาที่นี่อีกรอบฮะ หมู่บ้านที่มีแต่ความสุข

13. เก็บตกข้อมูล  หมู่บ้านมีร้านค้าหนึ่งร้าน เหมือนเซเว่นของที่นี่ และมีครัวเรือนเพียงน้อยนิด

มีที่สำหรับกินข้าว หรือครัวส่วนรวมรับแขกของหมู่บ้าน ที่ใช้พบปะและนั่งคุยกัน

และท้ายสุด แต่ไม่สุดท้าย อยากไปแบบนี้ติดต่อได้ที่เพจของชุมชนได้เลยฮะ 

Location : ฮาลาบาลา หมู่บ้านจุฬาภรณ์พัฒนา 9 อ.ธารโต จ.ยะลา https://www.facebook.com/Chulaborn9/ 

แล้วก็อยากชมบรรยากาศแบบเต็มๆ ที่มีแต่รูปภาพตามไปที่นี่ได้เลยฮะ

"ฮาลาบาลาดินแดนป่าหมอก" 

เที่ยวให้ได้ "เรื่อง"

 วันพุธที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 เวลา 20.36 น.

ความคิดเห็น