7วัน วงกลมตามเข็ม เชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน ::::::::Day1:::::::: เชียงใหม่-สวนสน-อุทยานแห่งชาติแม่โถ

รีวิวนี้อาจจะดีเลย์ไปสักหน่อย เพราะเดินทางผ่านมา 6เดือนแล้ว เพิ่งจะได้เอามาเขียน
การท่องเที่ยวยอดฮิตในช่วงสิ้นปีอย่างหนึ่งก็คือ การขึ้นเขา ไปสัมผัสอากาศหนาวบนยอดดอยสูง ที่ด่างๆทางภาคเหนือ

มหากาพย์ "วงกลมตามเข็มนาฬิกา เชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน" ที่เราจะพูดถึงนี้ มันเริ่มต้นที่... ฤดูหนาว - มอเตอร์ไซค์ - และไม่เคยไป ดังนั้นทริปนี้ ไม่ใช่ว่ามีเงิน ขับรถเก๋งได้ แล้วจะสบายนะคะ ประเด็นหลักของการเดินทางคือต้อง "รถเครื่อง" เท่านั้น

สำหรับเราแล้วไม่ได้สนใจสถานที่ ที่จะไปมากเท่าไหร่ เพราะพูดมาก็ไม่รู้จักอยู่ดี สาบานเลยว่าเกิดมาเพิ่งเคยได้ยิน แม่โถ ห้วยห้อม บ้านจ่าโบ่ (ติดตามได้ในรีวิวต่อๆไปอีก 6 วันที่เหลือ) เรารู้แค่ว่า "ขับมอเตอร์ไซค์เที่ยว" ก็จองตั๋วเลย นอกนั้นเพื่อนเป็นคนจัดการหมด ใจง่ายเป็นคุณสมบัติหลักของ เราอยู่แล้ว ไปไหนก็ไป ลุย!!

การเตรียมตัวเล็กๆน้อยๆก่อนไปก็คือ อุปกรณ์กันหนาวและกันแดด อันได้แก่ ผ้าใบ เกงขายาว เสื้อกันหนาว ผ้าปิดหน้าและกันฝุ่น ทั้งทริปนี้เราฝากชีวิตไว้กับการขี่รถของเพื่อนซี้สาวสวย และเดินทางไปกับเพื่อนร่วมทริปรวมทั้งหมด 6ชีวิต ที่จะดูแลกันไปตลอด 7 วัน รถทั้งหมด 3คัน สัมภาระเอาไปเท่าที่จำเป็นพอ ฟังดูเหมือนจะออกไปผจญภัยในโลกกว้าง
......ความสนุก ก็คือการไม่รู้ว่าเราจะต้องไปเจอกับอะไรข้างหน้าบ้างนั่นแหล่ะ

เป้าหมายปลายทางในการเดินทางวันนี้ คือ พอลงเครื่องบินแล้ว ไปเช่ารถก่อน แล้วขี่ไปนอนที่ อุทยานแห่งชาติแม่โถ จ.เชียงใหม่

ถนนหลวงหมายเลข 108 ที่เริ่มต้นจาก อ.เมือง จังหวัดเชียงใหม่ ไปสู่แม่โถ ทริปนี้เราวิ่งรถ เป็นวงกลมตามเข็มนาฬิกา นั่นหมายความว่า จะไม่ย้อนกลับทางเดิม แค่เริ่มต้นวันแรกก็ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง ระยะทาง 163 กิโลเมตร (นี่ปักหมุด google map ตอนสามทุ่ม ด้วยรถเก๋ง นะรูปนี้)

วันแรกนี่ Soft สุดแล้วพูดเลย ขนาดผ่านไป 6เดือนแล้ว แต่ยังจำความรู้สึกของการระบมตูดได้อยู่เลย T T

รถมอร์เตอร์ไซค์ซึ่งเพื่อนได้จองเอาไว้ก่อนแล้วคือ YAMAHA NMAX ทั้ง 3คัน เช็ครถ ทำเอกสาร วางมัดจำ แล้วก็ออกเดินทาง แต่กว่าจะได้ไปก็เกือบบ่ายละ

ขอแนะนำตัวละครหลักคนที่1 ที่เป็นทั้งเพื่อนกิน เพื่อนนอน และคนขับรถส่วนตัว (เพื่อนคือคนขวา) เราว่าถ้านางผ่านทริปนี้ไปได้เนี่ย ทริปหน้านางขับรถลุยกองไฟได้สบายๆ แล้วแหละไม่มีอะไรจะโหดไปกว่านี้แล้ว

ที่ผูกอยู่ท้ายรถนั่น คือที่สูบลมและพี่ปะยางมาเผื่อเกิดกรณีฉุกเฉิน หรือแปลได้อีกอย่างนึงก็คือ ทางมันโหดมาก และห่างไกลความเจริญมากนั่นเอง เพื่อนเรารอบคอบมากๆ

ร้าน Bikky สาขานี้เพิ่งเปิดใหม่ พนักงานดูแลเอาใจใส่ดี รถดี ราคาก็ทั่วๆไป และ รถที่เราเลือกเช่าก็เป็นรถใหม่และ แรงพอสมควร เราเชื่อว่า มันจะพาเราไปและกลับมาสู่จุดตั้งต้นได้ โดยสวัสดิภาพ

ร้านข้าวซอยกะโหลง อยู่อำเภอจอมทอง ใกล้วัดพระธาตุศรีจอมทอง

ร้านตกแต่งด้วยกะลามะพร้าว ได้อารมณ์ธรรมชาติๆ อาหารมีหลากหลาย ส่วนเมนูแนะนำที่ต้องทานเมื่อมาร้านนี้คือ "ข้าวซอย" เสริฟมาในกะลามะพร้าว

โดยที่ร้านนำกะลามะพร้าวมาทำให้เป็นอุปกรณ์เกือบทุกอย่างที่ใช้สำหรับภายในร้าน เช่น ถ้วย ชาม ช้อนส้อม(แดกยากฉิบหาย) ทัพพี แก้วน้ำ ตลอดจนใช้ประดับตกแต่งร้าน มีเมนูมากมายไม่ว่าจะเป็นข้าวซอยไก่,ขนมจีนน้ำยา-น้ำเงี้ยว,ส้มตำ รถชาติพอใช้ ราคาก็พอใช้เหมือนกัน (ไม่ถูกเท่าไหร่)

เราสั่งข้าวซอยเนื้อ เสิร์ฟมาในกะลา พร้อมเครื่องเคียง น้ำชาเขียวหวานเจี๊ยบบบบ และปลาเผา จริงๆแล้วสั่งอาหารหลายอย่า ง แต่ถ่ายทันแค่นี้

ถนนหลวงสาย 108 ช่วงก่อนถึงอุทยานออบหลวงจะ ขนานไปกับแม่น้ำ วิวสวยมากๆแบบนี้ไปตลอดทางเลย

อุทยานแห่งชาติออบหลวง

เราไม่ได้แวะ เพราะดูจากเวลาและระยะทางที่ต้องไปแล้ว ไม่น่าจะทันค่ำ ด่านนี้ผ่านไปก่อนแล้วกันนะ

ขอแนะนำตัวละครเพิ่มอีก 4คน ตามนี้เลย ทั้งหมดจะมี ชาย 2คน หญิง 4คน

สวนสน บ่อแก้ว

ที่เราไม่แวะอุทยานแห่งชาติออบหลวง ก็เพื่อเราจะมาดูพระอาทิตย์ตกที่สวนสนแทน แสงสวยกำลังดีเชียว

นี่คือทางก่อนจะถึงแม่โถ คือวิวสวยจนต้องหยุดรถลงมาถ่ายกันเลย มันว้าววววมากๆ แต่แสงใกล้้จะหมดแล้ว แวะได้แป๊บเดียวก็ต้องรีบเดินทางต่อ เดี๋ยวจะมืดซะก่อน

อุทยานแห่งชาติแม่โถ

กว่าจะมาถึงก็ค่ำแล้วภาพนี้จึงถ่ายตอนเช้าของอีกวัน ตอนเรามาถึงเราไม่รู้หรอกว่าวิวข้างหน้าบ้านพักวิวเป็นยังไง ไฟทางก็ไม่มี ทางก็เป็นดินลูกลัง เกือบขับเลยบ้านพักขึ้นเขาไปไกลซะแล้ว พอตื่นเข้ามาเท่านั้นแหละ

โหววววววววววววววว วิวหน้าบ้านสวยมาก

เสียดายไม่เจอทะเลหมอก แต่อากาศก็เย็นๆ ประมาณ 10กว่าองศาได้