เวียดนามประเทศใกล้ไทย ที่ใครๆ ก็สามารถไปเที่ยวได้ง่ายๆ ดังนั้นจึงมีผู้คนมากมายอยากจะไปเยือนเวียดนามกันสักครั้ง ซึ่งในประเทศนี้นั้นก็มีสถานที่สวยงามมากมายที่น่าสนใจทั้งสวนสนุก ธรรมชาติสวย เมืองเก่าที่เป็นมรดกโลกและในบทความนี้เราจะพาทุกคนไปเที่ยวเวียดนามกลางอย่างดานัง ฮอยอัน เที่ยวง่ายแค่ไหน ใช้เอกสารอะไรบ้าง ใช้งบเท่าไรบอกหมดในบทความนี้เลยค่ะ

  • การเดินทางไปโดยสายการบิน...

ปัจจุบันนั้นสามารถไปได้ทั้งสายการบินของเวียดนามและสายการบินของไทย ซึ่งสายการบินของไทยที่คนนิยมก็เช่น แอร์เอเชีย หรือสายการบินเวียดนามที่มีในไทยก็เช่น ไทยเวียตเจท และในทริปนี้นั้นเราไปเวียดนามกับสายการบินแอร์เอเชีย และกลับไทยด้วยสายการบินเวียตเจ็ทแอร์ไลน์ ทั้งสองสายการบินราคาตั๋วค่อนข้างดีมากๆ

  • ใช้เอกสารอะไรบ้าง

ปัจจุบันใช้แค่พาสปอร์ตเท่านั้น โดยผู้เขียนไปช่วงปลายสิงหาคม 2022 การเข้าประเทศนั้นง่ายมากๆ ไม่ต้องใช้เอกสารใดๆ ทั้งสิ้น ไมว่าจะใบรับรองการฉีดวัคซีน หรือใบตรวจผลเชื้อโควิด เรียกว่าถือแค่พาสปอร์ตเข้าไปหาตม.ได้เลย หนำซ้ำตม. ก็ไม่ถามอะไรเลย ผู้เขียนเป็นผู้หญิงเดินทางคนเดียว ก็ไม่โดนถามอะไรเลย เดินเข้าไปแบบงงๆ เป็นการเข้าประเทศที่ง่ายที่สุดเท่าที่เคยเดินทางคนเดียวเลยค่ะ

อ่านต่อ 10 เรื่องน่ารู้ก่อนไปเที่ยวเวียดนาม พร้อมอัปเดตการเข้าประเทศหลังโควิด 2022

Day1 กรุงเทพ ดานัง ฮอยอัน

เริ่มต้นด้วยการไปสนามบินก่อน รอบนี้ผู้เขียนไม่ได้ซื้อน้ำหนักกระเป๋าโหลดใดๆ ทั้งสิ้น เพราะมันใกล้ไทยและไปไม่กี่วันก็แพ็คทุกอย่างลงกระเป๋าใบเดียวนี่แหละ หลังจากเช็คอินแล้วก็ไปที่เกท สำหรับการเดินทางด้วยสายการบินแอร์เอเชียนั้น เคาว์เตอร์ที่สนามบินดอนเมืองก็จะอยู่ที่เคาน์เตอร์แรกๆ และเปิดเช็คอินค่อนข้างเร็ว ไปเช็คอินก่อนแล้วค่อยไปหาอะไรทานในเกทก็ได้ค่ะ

ใช้เวลาเดินทางประมาณชั่วโมงกว่า เราเลือกเดินทางเที่ยวบินรอบห้าโมงเย็นไปถึงดานังประมาณเกือบหกโมงเย็น กว่าจะออกจากสนามบินเบ็ดเสร็จแล้วประมาณ 18:20 นาที ช้าตรงตม. ไม่ได้โดนถามเยอะนะคะ แต่คนเยอะแถวยาวเลยใช้เวลาค่อนข้างนาน แพลนของเราคือไปถึงแล้วไปฮอยอันเลยดังนั้นเราเลยจองรถรับจากสนามบินดานังไปส่งที่โรงแรมในฮอยอัน ซึ่งเลือกจองผ่านแอปพลิเคชัน Klook ราคาหลักร้อย สำหรับตัวเลขราคาแบบเป๊ะๆ เราจะสรุปที่เดียวไว้ที่หัวข้อท้ายสุดนะคะ คนขับรถมารอก่อนเวลา พร้อมป้ายชื่อของเรา แต่ว่าเขาพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย แต่ก็ไม่ใช่ปัญหา เขาก็เปิดข้อมูลโรงแรมว่าใช่ที่เราจองไหม พอเราคอนเฟิร์มว่าข้อมูลถูกต้องก็ออกเดินทางกันต่อ

ข้อดีของการจองกับ Klook คือเขาจะมีการยืนยันการจองค่อนข้างหลายชั้น จองครั้งแรกจ่ายเงินเสร็จก็มีหนึ่ง Email ใกล้ๆ วันเดินทางก็มีแจ้งเตือนอีกหนึ่งเมลล์ ในวันเดินทางก็มีการคอนเฟิร์มจากบริษัทรถที่จะมารับอีกครั้ง โดยการติดต่อส่งข้อความผ่านแอปพลิเคชันไลน์ว่าคนขับจะรอตรงจุดไหนแบบนี้ เรียกว่าแทบไม่ต้องกังวลใดๆ เลย

ถึงฮอยอันประมาณเกือบหนึ่งทุ่ม ทำให้ได้เดินเที่ยว Hoi an night market กันตั้งแต่วันแรกเลย สำหรับที่ฮอยอันนั้นเราพักที่ Little Boss Homestay ทำเลดี ใกล้ตลาดกลางคืน และใกล้ย่านเมืองเก่า สามารถเดินจากที่พักไปได้เลย

มื้อแรกที่เวียดนามนั้นเราไปฝากท้องที่ร้าน 27 Restaurant & Bar อยู่ในย่านตลาดกลางคืน ไม่ต้องข้ามสะพานไปฝั่งย่านเมืองเก่า มันอยู่ริมน้ำ เป็นบริเวณที่คนเดินเล่นเรียบทางเดินตรงนั้นก็จะพบเจอ หาร้านง่าย และมักจะมีพนักงานยืนเรียกแขกอยู่หน้าร้าน 

มื้อนี้สั่งเป็น Hoi an chicken rice และเมนูทานเล่นเลือกเป็น white rose และน้ำสับปะรดเพราะเป็นคนไม่ทานแอลกอฮอล์ แต่ฟังจากคนอื่นมาเขาว่าเบียร์เวียดนามจะราคาถูกและรสชาติดี ใครถนัดสายนี้ก็ลองชิมดูนะคะ

สำหรับ Hoi an chicken rice มันคือข้าวกับไก่ต้ม โดยข้าวจะมีสีเหลือง ตอนแรกก็แอบดีใจคือว่าหน้าตาเหมือนข้าวหมกไก่ น่าจะรสชาติคล้ายกัน แต่พอเอาเข้าปาก นี่มันข้าวสวยกับไก่ต้มนี่เอง มันจืดมากๆ แหละ แล้วเราเป็นคนที่ติดรสจัดมากๆ ก็รู้สึกว่ามันจืดไป แต่ก็พยายามกินจนหมด น้ำซุปที่ได้มาก็จืดค่ะ มีรสเค็มๆ หวานๆ นิดๆ จานนี้ราคาอยู่ที่ 69,000 ดอง โชคดีที่สั่ง white rose มันคือแป้งแบบก๋วยเตี๋ยวลุยสวนในบ้านเรานี่แหละค่ะ แต่ไม่มีผักและมีเนื้อสัตว์ต้ม ไม่แน่ใจว่าเนื้อไก่หรือเนื้อหมู แต่อร่อยดี อร่อยตรงหอมเจียวที่โรยมา และยังมีน้ำราดที่มีรสเปรี้ยวนำ และมันมีพริกสดมาให้ค่ะ เราก็เลยราดน้ำราดพร้อมพริกสด จับเข้าปากช่วยให้เจริญอาหารเลย ขอบคุณที่มีพริกสดมาให้ ราคาจากนี้คือ 89,000 ดอง ส่วนน้ำสับประรดราคา 35,000 ดอง หวานเปรี้ยวชื่นใจดีค่ะ

หลังจากท้องอิ่มก็เดินเก็บรูปช่วงกลางคืน ใครจะลงเรือก็ได้นะคะ แต่เราไปคนเดียว จากการพูดคุยนั้นส่วนใหญ่มันออกมาทางไปจอยรวมกับคนอื่นอะ ก็นะ…เรือให้คนเดียวมันคงไม่คุ้ม และเราไม่อยากจอยรวมกับคนอื่น ร้อยพ่อพันแม่ มาจากไหนกันบ้างไม่รู้ หน้ากากอนามัยก็ไม่ค่อยจะใส่กัน เลยไม่อยากไปเพิ่มความเสี่ยงให้ตัวเอง แต่มันมีหลายเจ้านะ ใครเดินทางคนเดียวก็ลองสอบถามหลายๆ เจ้า เผื่อเจอที่ไม่ต้องจอยได้ หรือใครไม่ซีเรียสจอยได้ก็ตามสะดวกเลยค่ะ แต่เพราะไม่อยากจอยเรือกับคนอื่นก็เลยขอสละสิทธิ์ไม่ล่องเรือชมเมืองตอนกลางคืนค่ะ

Day2 เที่ยวย่านเมืองเก่าฮอยอัน

วันนี้เราจะไปเที่ยวชมย่านเมืองเก่าของฮอยอัน หรือก็คือ Hoi an Old town ก่อนจะไปชมบรรยากาศเมืองจากภาพที่เราถ่ายนั้น มารู้จักฮอยอันกันสักนิด เมืองนี้ไม่เล่าประวัติไม่ได้เลยฮอยอัน หรือ โห่ยอาน นั้นเป็นเมืองขนาดเล็กริมฝั่งทะเลจีนใต้ทางตอนกลางของประเทศเวียดนาม เมืองนี้ตั้งอยู่ในเขตจังหวัดกว๋างนาม ความสำคัญในอดีตคือเคยเป็นเมืองท่าที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และนอกจากนี้ฮอยอันในเขตย่านเมืองเก่านั้นยังได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกโลก โดยได้รับการขึ้นทะเบียนในปี พ.ศ. 2542 องค์การยูเนสโก

สาเหตุที่เขาได้รับการขึ้นทะเบียนนั่นก็เพราะว่าในเขตย่านเมืองเก่านั้น เป็นเมืองท่าที่โดดเด่นที่สุดในยุคสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 15-19 และนอกจากนี้พวกสถาปัตยกรรมตึกอาคารต่างๆก็มีการผสมผสานศิลปะท้องถิ่นและของต่างชาติไว้ได้อย่างมีเอกลักษณ์ และผู้คนเมืองนี้ก็ยังตงช่วยกันอนุรักษ์สถาปัตยกรรมเหล่านี้ให้อยู่ในสภาพเดิมไว้ได้เป็นอย่างดี

จุดแรกที่เราไปก็คือ "สะพานญี่ปุ่น" หรือที่ชาวเวียดนามเรียกว่า Lai Vien Kieu แปลว่าสะพานแห่งมิตรไมตรี เราก็ตั้งใจรีบไปถ่ายรูปก่อนที่ฝูงชนจะมา ขนาดออกไปเช้ามากแล้วนะ คนก็ยังเยอะมากอยู่ดี บอกก่อนว่าการเที่ยวย่านเมืองเก่านั้นในบางจุดจำเป็นต้องใช้ตั๋วเข้าชม ถ้าใครอยากจะเข้าชมทุกจุดก็แนะนำให้ไปติดต่อซื้อตัว ใกล้ๆ สะพานญี่ปุ่นจะมีจุดจำหน่ายตัว ตั๋วราคาประมาณ 60,000 ดอง แต่เราไม่ซื้อ เดินงงๆ ปนๆ ไปกับทัวร์เวียดนาม บางจุดมีโต๊ะเช็คตั๋วอยู่หน้าทางเข้าสถานที่ต่างๆ นะ แต่ไม่รู้เพราะคนมันเยอะ หรือยังไง ไม่มีใครมาเช็คตั๋วของเราเลยค่ะ หรือเพราะเราเดินไปพร้อมทัวร์เวียดนาม เขาคิดว่ามาด้วยกันรึป่าวเลยไม่เข้ามาเช็ค เจตนาเราก็ไม่ใช่อยากจะแอบเข้านะ กะว่าถ้าตรงไหนขอตั๋วก็จะเดินออก แต่ถ้าไม่มีใครมาขอตรวจตั๋วก็จะเข้าไป ซึ่งมันไม่มีใครเข้ามาขอดูตั๋วเลยอะ เป็นงง?

ต่อจากนั้นก็ไปหากาแฟอร่อยๆ ที่ Vinh Hung Restaurant หลายคนบอกว่ามาเวียดนามห้ามพลาดชิม Egg coffee กับ Coconut coffee ในร้านก็มีทั้งสองเมนูนะ แต่ไปคนเดียวจะสั่งสองแก้วก็ยังไงอยู่ก็เลยสั่งเป็น Coconut coffee เพราะคิดว่ากาแฟไข่คงเป็นซินเนเจอร์ ไม่งั้นหลายๆ คนคงไม่แนะนำให้หาชิม เลยจะไปหาร้านอื่น ( แต่หลังจากร้านนี้ก็ไม่เจอเลย =..= )

รสชาติของกาแฟกะทิก็คือหวานมัน หอมนุ่ม ไม่น่าเชื่อว่ากาแฟกับกะทิมันจะไปด้วยกันได้ แต่สำหรับคอกาแฟหวานน้อยแบบเรานั้น แก้วนี้ถือว่าหวานไปหน่อย แต่รวมๆ แล้วอร่อยใช้ได้ค่ะ

เดินตามทางไปเรื่อยเข้าออกทุกซอย เพื่อเก็บภาพบรรยากาศ ที่นี่เที่ยวง่ายไม่เปิด GPS ก็ไม่หลง เพราะซอยจะทะลุถึงกันหมดค่ะ เราเดินไปเรื่อยๆ จนไปถึง Assembly Hall Of Fujian Chinese

Assembly Hall Of Fujian Chinese ที่นี่คือ หอประชุมชุมนุมชาวจีนฝูเจี้ยน ถือเป็นหอประชุมที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ใหญ่ที่สุด สวยที่สุด และเก่าแก่ที่สุดในบรรดาหอประชุมชาวจีนทั้งหมดในฮอยอัน

อากาศในวันนั้นค่อนข้างจะร้อนมากๆ และบวกกับยังไม่ละความพยายามในการหากาแฟไข่ ก็เลยเข้าไปหลบแดดและหากาแฟลองอีกสักแก้ว เลือกนั่งเป็นที่ Chu An Cafe เพราะเห็นว่าคนเข้าคาเฟ่นี้ไม่ขาดสายเลย ก็เลยลองเข้าไปบ้าง แต่ก็หากาแฟไข่ไม่เจอ แต่เจออีกหนึ่งกาแฟที่คนนิยมสั่งคือ brown coffee ในบางที่อาจใช้ชื่อว่า Milk coffee แต่มันจะไม่ใช่กาแฟนมนุ่มๆ แบบที่ไทยนะคะ มันคือกาแฟดำใส่นมข้น รสชาติขมหวานหอมแบบแปลกๆ คือมันก็จะงงๆ ในรสหน่อยเพราะเป็นกาแฟดำ ที่ใส่นมขนมันก็จะมีความเข้มแต่ก็มีความหวานอยู่ในตัว แต่รวมๆ ก็ถือว่ารสชาติอร่อยดีเลยค่ะ

เนื่องจากแดดค่อนข้างร้อนมากๆ เราเลยเดินถ่ายรูปอีกนิดหน่อยแล้วก็กลับเข้าที่พักไปหลบแดดให้หัวเย็นสักหน่อย แล้วก็ออกมาเที่ยวเล่นใหม่อีกทีช่วงเย็น แต่ก็เที่ยวได้ไม่นานเพราะฝนทำท่าจะตก กลัวฝนตกแล้วจะเปียกกล้อง เปียกไอแพตก็เลยรีบกลับที่พักในที่สุด


Day 3 กลับมาดานัง ไปตะเวนชิลชิมกาแฟ

วันนี้ก็เดินทางกลับดานัง เช่นเดียวกับวันที่มาคือจองรถรับจากที่พักในฮอยอันไปส่งที่ที่พักในดานัง จองผ่านแอปพลิเคชัน Klook เช่นเดิมเลย แต่ว่าเรื่องไม่คาดฝันในดานังก็เกิดขึ้น คือที่พักที่จองมานั้นไม่สามารถเช็กอินได้ เนื่องจากระบบชักโครกของที่พักชำรุดจนส่งกลิ่นเหม็นทั้งโรงแรม เราก็เลยต้องหาที่พักใหม่ ซึ่งไม่ว่าจะกดไปแอปไหนส่วนใหญ่ก็เต็มหมด แต่ชีวิตก็ยังพอมีโชคบ้าง ยังดีที่ยังพอมีที่พักว่างให้อยู่ ก็ได้เป็นที่พัก The Samson - Beach Boutique Hotel และโชคดีที่ไปถึงในช่วงเช้า แต่กว่าจะหาโรงแรมใหม่ได้ และเอาตัวย้ายไปอีกที่ก็ใช้เวลาพอสมควร แพลนที่จะไปตะเวนหาคาเฟ่นั่งชิลก็เลยต้องพับเก็บเพราะความเหนื่อยในการหาที่พักใหม่ แต่ก็ยังออกไปหาคาเฟ่นั่งได้อยู่คือที่ DREAMER Cafe แต่ที่นี่ก็ยังไม่มีกาแฟไข่อยู่ดี มีแต่ Milk coffee


Day 4 กลับไทย

จริงๆ ต้องเป็น Day4 ไปบาน่าฮิลล์ และ Day5 ไปเว้ และ Day6 กลับไทย แต่เพราะจองตัววันกลับผิดวันเลยต้องยกเลิกแพลนทั้งหมด และค่อยหาเวลากลับไปใหม่ ส่วนใครที่กำลังแพลนจะไป หากพอมีเวลามากกว่าสี่วันก็แนะนำให้ไปบาน่าฮิลล์ต่อ และถ้ายังพอมีเวลามากกว่านี้ก็สามารถไปต่อที่เว้ได้ ถ้าไปหลายคนหรืองบประมาณมีเยอะ บนแอปพลิเคชัน Klook ก็มีรถแบบส่วนตัวรับจากดานังไปเว้เช่นกันค่ะ และอย่าจองตั๋วกลับผิดวันแบบผู้เขียนนะคะ นี่โกรธตัวเองมากจนอยากเอาไม้หน้าสามทุบหัวตัวเองเลย แต่ทำไรไม่ได้แล้ว ไม่รอบคอบเอง ทำได้แค่ทำใจและหาเวลาไปใหม่

สำหรับขากลับเรากลับกับเวียตเจทแอร์ไลน์ การเช็คอินที่ดานังก็ไม่ยาก เมื่อเราเดินเข้าอาคารไปเราก็จะเห็นจอตารางเที่ยวบิน จอใหญ่ยักษ์เลย จากนั้นก็มองหาเที่ยวบินของเราเพื่อดูเคาน์เตอร์เช็คอิน หลังจากเช็คอินแล้วก็เขาไปรอในเกทได้เลย

อาจจะไม่เห็นแนะนำอาหารมากมาย เหตุเพราะทานอะไรของเขาไม่ค่อยได้ ไม่ใช่อาหารแย่หรืออะไรนะคะ แต่เพราะเป็นคนทานรสจัดมากๆ อีกทั้งไม่ทานผัก เมนูข้าวก็จืดไป เมนูก๋วยเตี๋ยวก็ผักเยอะ ปิ้งย่างก็ไม่อิ่ม จบลงที่กาแฟขนมปัง และมาม่าเกาหลีแบบเผ็ดคูณสองไปเลย ก็เลยไม่สามารถแนะนำเรื่องการกินใดๆ ได้เลย แต่แค่ฮอยอันก็สวยโดนใจมากๆ เลย

อ่านต่อที่ 7 เหตุผลที่ควรไปเที่ยวเวียดนามสักครั้งในชีวิต

สรุปงบที่ใช้ทั้งหมด

  • ค่าเครื่องบินไปกลับรวมที่นั่ง ( ไม่ซื้อน้ำหนักกระเป๋าโหลด ) = 4,000 บาท
  • ค่าที่พักที่ฮอยอัย 2 คืน = 950 บาท
  • ค่าที่พักที่ดานัง 1 คืน = 350 บาท
  • ค่ารถรับส่งทั้งหมด ( จองผ่าน Klook ) 1,215 บาท
  • ค่ากินภายในทริปทั้งหมด โดยประมาณ 2,000 บาท
  • รวมทั้งหมด 8,515 บาท ตีเป็นเลขกลมๆ ก็ประมาณ 8000 - 9000 บาท

สำหรับผู้เขียนนั้นถ้าตัดเรื่องอาหาร ซึ่งเป็นความทานยากของผู้เขียนเองออกไป ก็ไม่มีอะไรที่เป็นอุปสรรคในการเดินทางแล้ว และเวียดนามก็ถือเป็นประเทศที่น่าเที่ยว และยังเที่ยวง่ายมากอีกด้วย สุดท้ายแล้วใครที่ยากไปเวียดนามก็ไปเถอะค่ะ เป็นประเทศที่ควรไปเยือนสักครั้งจริงๆ และไม่แน่ว่าคุณเองก็อาจจะหลงรักเวียดนามจนต้องกลับไปซ้ำก็ได้ เรื่องเล่าของคนอื่นต่อให้ดีหรือเด็ดแค่ไหน มันก็ไม่เท่าไปให้รู้ ดูให้เห็นด้วยตัวเองค่ะ

เอาล่ะค่ะ...หากใครชอบบทความนี้ก็สามารถแชร์ออกไปได้เลยนะคะ และถ้าอยากติดตามเรื่องราวอื่นๆ ของหญิงเถื่อนนั้นก็สามารถติดตามกันได้ที่



หญิงเถื่อน Solo Traveler

 วันอาทิตย์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2565 เวลา 03.18 น.

ความคิดเห็น