วันนี้ได้รับเกียรติจากร้าน The Beast Steak House เชิญไปรับประทานอาหาร Set Promotion พิเศษของทางร้านที่ทำร่วมกับวงใน โดยจะเป็นชุดสเต๊กพรีเมียมในราคาเพียง 1,999 บาท เท่านั้น ซึ่งโปรนี้เป็นโปรที่ดีที่สุดของร้านตั้งแต่เปิดร้านมา แอบกระซิบบอกว่า แค่ราคาสเต๊กในชุด ถ้าสั่งแบบ A la cart ก็ราคา 1,900 บาทแล้ว โดยโปรโมชันนี้สามารถสั่งซื้อได้จนถึง 31 ต.ค. 65 เท่านั้น แต่ซื้อแล้วสามารถใช้ได้ถึง 15 ธ.ค. 65 เลย มาดูรายละเอียดกันเลยดีกว่าครับ

#TheBeast #TheBeastBKK #TheBeastSteakHouse


ร้าน The Beast Steak House เป็นร้านสไตล์ Fine Dining และยังเป็นร้านสเต๊กของเชฟกะทะเหล็ก เชฟอ๊อฟ ณัฐวุฒิ ธรรมพันธุ์ เชฟมากฝีมือดีกรีเชฟกระะเหล็ก ทางร้านมีการตกแต่งอย่างหรูหราด้วยโทนมืด เล่นด้วยแสงไฟที่สาดส่องมายังโต๊ะอาหารได้อย่างน่าสนใจ เรียกได้ว่าแสงสวย ถ่ายเอาไปลง social เรียกยอด like กันได้สบายๆ เลย หน้าร้านจะเจอโลโก้ร้าน ที่มองๆ ไปเหมือนชื่อร้านครับ เหมือนสัตว์ร้ายมีเขา โดยใช้ลายเส้นได้อย่างสวยงาม

เข้ามาด้านในจะเจอ Front ที่คอยรับแขกบริการลูกค้า พร้อมเก้าอี้นั่งรออย่างหรูหรา บรรยากาศดูมืดๆ แต่เปี่ยมด้วยมนเสน่ห์ และความหรูหราอยู่ทั่วทุกอณู

เดินเข้ามาด้านในจะมีโต๊ะอาหารไม่เยอะนัก โต๊ะอาหารสีดำขลับ ตัดกับม่านสีแดง พร้อมกับการเล่นไฟที่สาดส่องลงมาที่โต๊ะ ให้บรรยากาศดูหรูหราอยู่ไม่เบาครับ ส่วนด้านข้างจะเป็นครัวแบบเปิดให้สามารถเห็นได้

บรรยากาศมืดๆ ของร้าน บวกกับการจัดไฟที่คำนวณมาเป็นอย่างดี ทำให้จานชามและแก้วดูหรูหรา มีเสน่ห์ ยิ่งพอมีอาหารมาวางแล้ว บอกเลยว่าถ่ายรูปได้สวยมากๆ ครับ

บรรดาเชฟกำลังตั้งใจปรุงอาหารเพื่อที่จะเตรียมอาหารแสนอร่อยมาวางบนโต๊ะให้เราได้ลิ้มลอง

บริเวณครัว ถ้ามองไปจะสังเกตุเห็นเนื้อวัวชิ้นใหญ่อยู่ในตู้ โดยถ้าเรามาทานอาหารตามปกติ เชฟจะยกเนื้อส่วนต่างๆ ในตู้มาให้เราได้เลือกว่าอยากได้ชิ้นไหนให้เชฟไปปรุงอาหาร

วันนี้เราจะมาทานอาหารที่เป็น Set โปรโมชันที่ทางร้านร่วมกับ Wongnai โดยรายการอาหารในเมนูจะเป็นดังนี้
1. Appetizer: Ciabatta bread with Feta cheese dipped
2. Appetizer: Green mixed salad
3. Main course: Carpaccio และ Oxtails and tongue taco หรือจะเลือกเป็น Grilled Wet aged Short-Loins น้ำหนัก 450 กรัม (รวมกระดูก)
4. Dessert: Sorbet -ซอเบร์
โดยจะมีน้ำเปล่ามาให้ด้วย 1 ขวด

Appetizer จานแรกจะเป็น Ciabatta bread with Feta cheese dipped โดยขนมปังจะมีความกรอบอยู่รอบๆ มีรสชาติเปรี้ยวติดปลาย ทานคู่กับ Feta Cheese โดยที่ตรงกลางจะเป็นน้ำผึ้ง และโรยด้วยถั่วพิตตาชิโอ รสชาติจะออกนัวๆ มันๆ จากชีส เคี้ยวๆ ไปจะมีความกรุบกรอบและกลิ่นหอมๆ ของถั่วพิตตาชิโอ สักพักจะมีความหวาน และกลิ่นหอมๆ ของน้ำผึ้งจางๆ อบอวลขึ้น ถือเป็นอาหารเรียกน้ำย่อยที่เคี้ยวเพลิน และเรียกน้ำย่อยได้ดีทีเดียว

Appetizer จานที่สองจะเป็น Green mixed salad เป็นผักร็อกเก็ต คลุกเคล้ามากับ บีทรูทดอง เห็ดดอง แครอทดอง และเปลือกแตงโมดอง น้ำสลัดจะทำมาจากน้ำมันมะกอก พริกไทย และส้มแมนดาริน ขอสารภาพตามตรงว่า จานนี้ตอนแรกผมไม่แลเลย เพราะคิดว่าเป็นสลัดทั่วๆ ไปที่มากับสเต๊ก แต่พอชิมคำแรกเข้าไป เฮ้ยยยยยยย ถึงกับเปลี่ยนความคิด ผักสดๆ กรอบ เมื่อเคี้ยวพร้อมกับของดองทั้งหลาย และกลิ่นหอมๆ ของส้มแมนดาริน มันทำให้รู้สึกสดชื่นเอามากๆ เคี้ยวได้ไม่รู้เบื่อเลย รู้สึกอีกทีคือเกลี้ยงจานซะแล้ว คือเคยเห็นการ์ตูนอาหารที่ตัวละครกินอาหารแล้วรู้สึกสดชื่นร่าเริงขึ้นมา พอกินสลัดจานนี้ เข้าใจความรู้สึกนั้นเลย เรียกได้ว่าจานนี้เป็นจานที่ surprise ผมได้มากที่สุดเลย

Main Course มาแล้วครับ จานนี้เป็น Carpaccio โดยด้านล่างจะเป็นเนื้อ Tendeloin ซึ่งเป็นส่วนที่ลีนที่สุดของวัว จะไม่ค่อยมีมัน เสริฟมาพร้อมกับน้ำมันมะกอกสูตรพิเศษ โรยเกลือ พริกไทย พาเมซานชีส กรูต็อง และผัก Rocket เมื่อตักเข้าปากจะรู้สึกถึงความสนุก เพลิดเพลินกับความกรุบกรอบของกรูต็อง จากนั้นจะได้กลิ่นหอมๆ ของน้ำมันมะกอก และพาเมซานชีส ค่อยๆ ลอยฟุ้งๆ เดินเรียงแถวเข้ามาในจมูกของเรา และสุดท้าย จะได้รสชาติเค็มๆ คล้ายๆ พวก cold cut ซึ่งน่าจะมาจากเนื้อ Tendeloin รสชาติทั้งหมดสอดประสานกันเป็นอย่างดี จะรู้สึกเพลินไปตั้งแต่คำแรกที่เคี้ยวจนคำสุดท้ายเลยทีเดียว

Main Course จานที่สองจะเป็น Oxtails and tongue taco โดยเค้าจะนำหางวัว และลิ้นวัว ไปตุ๋นจนเปื่อย จากนั้นนำมาวางเสริฟบนแผ่นทาโก้ ซึ่งแผ่นทาโก้ทำมาจาก Sweet Corn หรือก็คือข้าวโพดหวานจากบ้านเรานี่เอง ทานคู่กับซอสทาโก้ และบีบมะนาวลงไป ตอนแรกเข้าใจว่าแผ่นทาโก้จะกรอบ แต่จานนี้มาเป็นแผ่นแบบนุ่มๆ เมื่อเคี้ยวไปเรื่อยๆ จะได้กลิ่มหอมมากๆของเนื้อวัวตุ๋น กลิ่มหอมมากทำให้ผมคิดถึงนาเบะ ซุปเนื้อวัวที่ญี่ปุ่นเลย ในไส้จะมีหอมใหญ่ใส่มาด้วย ซึ่งแปลกใจมาก รสสัมผัส และรสชาติของหอมใหญ่เข้ากันได้ดีมากๆ ส่วนซอสทาโก้นั้นจะมีความเปรี้ยวอยู่ค่อนข้างเยอะ แนะนำว่าอย่าใส่เยอะมากนัก ไม่งั้นจะกลบกลิ่นเนื้อไปซะหมด

สำหรับ Main Course เราสามารถเลือกรับเป็น Grilled Wet aged Short-Loins แทน Carpaccio และทาโก้ได้ เหมาะสำหรับคนที่อยากทานเนื้อแบบจุกๆ เพราะเนื้อจานนี้ เป็นเนื้อ Short-Loins ที่ผ่านกระบวนการ Wet Aged มาแล้ว โดยมีปริมาณถึง 450 กรัมเลยทีเดียว (รวมกระดูก) เนื้อ Wet Aged กลิ่นเนื้อจะไม่เข้มข้นเหมือน Dry Aged เหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบกลิ่นเนื้อแรงๆ เนื้อจะแยกส่วนให้เห็นอย่างชัดเจนระหว่างส่วนเนื้อแดง และส่วนมัน ผมได้ลองส่วนเนื้อแดงก่อน เนื้อมีความนุ่ม ละมุนลิ้น กลิ่นเนื้อหอมละมุนเบาๆ ไม่ถึงขั้นละลายในปาก แต่เคี้ยวได้เพลินๆ อร่อยๆ ถัดจากนั้นผมได้ลองส่วนปลายที่มีทั้งเนื้อแดงและมัน พอกัดถูกมันเท่านั้นแหละ น้ำมันในมันเนื้อพุ่งทะลักออกมา พร้อมกับความหอมหวานของมันเนื้อล้นทะลักออกมาคลุ้งไปทั่วทั้งปาก จนผมได้แต่ร้อง อื้อหือ อื้อหือ อื้อหือ (เสียงสูงขึ้นเรื่อยๆ) เป็นคำที่เพลิดเพลินลิ้นสุดๆ มันดีมากๆจานนี้ เกือบลืม แนะนำให้เอาเนื้อจิ้มซอสให้ทั่วถึงก่อนทานนะครับ ซอสเป็นซอสชิมิชูรี่หรืออะไรสักอย่าง ฟังไม่ทัน ผสมกับ butter มีความหอมมันๆ เค็มๆ หน่อย อร่อยมากๆ จานนี้นอกจากเนื้อจะดีแล้ว ซอสยังเป็นตัวเด่นที่ช่วยชูรสออกมาได้ดีสุดๆ เสริฟมาพร้อมกับเผือกและหอมทอด ซึ่งทานคู่กันแล้วอร่อยมาก ยิ่งตอนท้ายๆ ส่วนที่อยู่ด้านล่างของเผือกและหอมทอดจะถูกน้ำซอสซึมเข้าไป พอทานเข้าไปแล้วอร่อยสุดๆ เนื้อถ้าทานเยอะๆ แล้วใครเลี่ยน แนะนำให้ตัดเลี่ยนด้วย Mix Salad ครับ ช่วยได้เยอะ

สุดท้ายของหวานปิดท้ายจะเป็น Sorbet Wild berry รสชาติเปรี้ยวๆ ช่วยล้างปากได้ดีหลังจากทาน Main Course ไปครับ

ใครสนใจจะตามรอยไปทาน รีบหน่อยนะครับ เพราะดีลสุดคุ้มนี้มีขายถึงแค่ 31 ต.ค. 65 นี้เท่านั้น โดยสามารถซื้อดีลได้ที่ 👉🏻 https://www.wongnai.com/evouch... สามารถซื้อตุนได้นะครับ เพราะสามารถใช้ดีลนี้ได้ถึง 15 ธ.ค. 65 โน่นแหน่ะ
หลังจากซื้อดีล สามารถติดต่อสำรองที่นั่งได้ที่ช่องทาง facebook: https://www.facebook.com/TheBe... หรือ โทร 089 716 2626
ร้านเปิดวันอังคาร - อาทิตย์ 17.30 - 22.00 น. หยุดทุกวันจันทร์
พิกัด : โครงการ Urban Yard ริมทางรถไฟสายแปดริ้ว RCA เพชรบุรีตัดใหม่ กรุงเทพ
Location :https://maps.app.goo.gl/us6pSq...

ส่วนตัวแล้วคิดว่า set ที่มีเสต๊กเนื้อคุ้มมากๆ เพราะถ้าสั่งเป็น A la cart แค่สเต๊กจานเดียวก็ 1,900 บาทเข้าไปแล้ว แต่ว่า Carpaccio กับ Oxtails and tongue taco ก็ไม่อยากให้พลาดเลยจริงๆ ครับ อร่อยไม่แพ้กันเลย ถ้าเป็นไปได้อยากให้ทานทั้งหมดเหมือนที่ผมได้ทานเลย สำหรับอาหารมื้อนี้ ได้ให้ประสบการณ์ที่เปรมปรีมากสำหรับผม ร้านอาหารดีๆ บรรยากาศหรูๆ การบริการที่ดีเลิศ ที่สำคัญ อาหารที่อร่อยมากๆ ที่ไม่เหมือนที่อื่น ไว้ต้องมาอุดหนุนอีกแน่ๆ ครับ

ติดตามกันต่อได้ที่

https://www.facebook.com/TravelofSalaryMan/

https://www.facebook.com/voravuds

Voravud Santiraveewan

 วันศุกร์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2565 เวลา 09.15 น.

ความคิดเห็น