ซินจ่าว 「請早」ทักทายแบบนี้คงเดาไม่ยากว่าเรากำลังเดินทางไปที่ประเทศเวียดนาม เราขึ้นเหนือไปซาปาและฮานอย เพื่อไม่ให้ Blogs ยาวจนเกินไป ขอเล่าแค่การเดินทางในซาปาก่อน ส่วนการเดินทางในฮานอยจะมาเล่าใน Blogs ถัดไปครับ

ซาปาเป็นเมืองขนาดเล็กๆตั้งอยู่ในจังหวัดหล่าวกาย(Lao Cai) ใกล้ชายแดนที่ติดกับประเทศจีน เนื่องด้วยภูมิประเทศที่ถูกโอบล้อมด้วยภูเขาทำให้อากาศเย็นสบาย ซาปาจึงกลายเป็นเมืองพักตากอากาศตั้งแต่สมัยอานานิคมของฝรั่งเศสเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน

เราวางแผนเที่ยวที่ซาปา 2 วัน 1 คืน ซึ่งไฮไลท์ของทริปนี้ที่เราตั้งตารอมากๆ คือ การเดินชมนาขั้นบันไดและการขึ้นไปพิชิตยอดเขาฟานซิปันด้วย... Cable car 555

Day1

  • เดินชมนาขั้นบันไดที่หมู่บ้านเลาไช (lao Chai) และหมู่บ้านต่าวาน (Tavan)
  • เดินชมวิวรอบทะเลสาปซาปา (Sapa Lake)
  • ถ่ายรูปกับแลนด์มารค์ของซาปา Sun plaza, โบสถ์หิน (The Ancient Stone Church)

Day2

  • เดินทางขึ้นสู่ยอดเขาฟานซิปัน
  • จิบกาแฟและชมวิวที่ Viettrekking Sapa
  • ชมวิวมุมสูงของเมืองซาปาที่ภูเขาฮัมรอง (Hamrong mountain)

เมืองซาปายังไม่มีสนามบิน ดังนั้นการเดินทางจากไทยต้องบินไปที่เมืองฮานอยก่อน แล้วค่อยเดินทางต่อไปยังซาปาซึ่งมีให้เลือกทั้งรถไฟและรถบัสครับ

  • รถไฟ: ใช้เวลา 7-9 ชม รถไฟจะจอดที่สถานีหล่าวกาย(ห่างจากซาปา 40 กม) ต้องนั่งรถบัสต่ออีก 1 ชม
  • รถบัสนอน: ใช้เวลา 5-6 ชั่วโมง รถบัสจะไปถึงที่ตัวเมืองซาปาเลย

การเตรียมตัวก่อนเดินทาง

  • ตั๋วเครื่องบิน: ขาไปเลือกไฟลทเย็น ถึงแล้วไปซาปาเลย ขากลับเลือกไฟล์ทดึก จะได้มีเวลาเที่ยวทั้งวัน
  • ที่พัก: เลือกทำเลที่ใกล้สถานที่เที่ยวกับร้านอาหารครับ ปล. โรงแรมบางแห่งไม่รับบัตรเครดิตนะครับ
  • เงิน: เวียดนามใช้เงินสกุลดอง (VND) เรทเงิน = 0.0015 (คิดง่ายๆ 10K = 15 บาท) 
  • ซิมการ์ด: ซื้อ sim2fly จากไทยไปครับ สัญญาณดีแต่มีบางจุดที่ขาดๆหายๆบ้าง

การติดต่อเอเจนซี่เรื่องรถสำหรับเดินทางไปสถานที่ต่างๆ แนะนำว่าควรเลือกเอเจนซี่ที่ดูน่าเชื่อถือ...ของถูกและดีหายาก 😁 เราจองของ Huongtour ราคาดีและไว้ใจได้ครับ เอเจนซี่จะส่งรายละเอียดการจองให้ทางอีเมลล์และเก็บเงินวันสุดท้ายเพื่อให้เรามั่นใจว่าเค้าไม่เท ❤ รายการที่จองและราคาตามใน voucher ครับ

    เตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว...ในที่สุดก็ถึงวันเดินทาง เป็นครั้งแรกกับการนั่งรถไฟฟ้าสายสีแดงเพื่อไปยังสนามบินดอนเมือง อาจจะใช้เวลาเดินทางนานหน่อยแต่ประหยัดค่าเดินทางไปได้เยอะเลยครับ

    นั่งรถไฟฟ้า S.R.T มาลงที่สถานีดอนเมือง เดินออกที่ทางออก 6 จะมีทางเดินเชื่อมเข้าสู่สนามบินดอนเมือง

    Check in ล่วงหน้ามาแล้ว มาถึงก็แค่โหลดกระเป๋า พนักงานจะสอบถามเรื่องการฉีดวัคซีน ไม่ได้ขอตรวจเอกสารอะไร... อย่าลืมตรวจสอบวันหมดอายุพาสปอร์ต ต้องเกิน 6 เดือนนะครับ

    เราเลือกไฟล์ทเย็นเพราะจะได้ไม่ต้องลางานอีกวัน 555 ถึงฮานอยช่วงค่ำแล้วนั่งรถบัสนอนไปซาปาเลย ประหยัดเวลาและค่าโรงแรมคืนแรกด้วย

    ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงก็ถึงสนามบินนานาชาติโหน่ยบ่าย (Noi Bai international airport)

    หลังรับกระเป๋าเรียบร้อยก็มารอรถบัสที่จองไว้ ก่อนขึ้นรถแนะนำให้กินข้าว ล้างหน้า แปรงฟันให้เรียบร้อย พร้อมขึ้นไปนอนบนรถเลย...รถมาถึงสนามบิน 22.30 ตามจุดนัดพบที่เอเจนซี่ไลน์แจ้ง

    เป็นครั้งแรกกับรถบัสตู้นอน เปิดประสบการณ์มาก 555 พนักงานจะแจกถุงพลาสติกให้ใส่รองเท้าก่อนขึ้นรถ...บรรยากาศข้างในเหมือนยานอวกาศเลย

    ตู้นอนถือว่าดีเลยครับ...ติดแค่ที่นอนสั้นไปหน่อย คนสูง 180 cm แบบเราต้องนอนแนวทแยงมุมแทน 555 ระหว่างทางจะแวะจอดให้เข้าห้องน้ำ 2 รอบ...ตอนลงไปเข้าห้องน้ำเตรียมเงินไปจ่ายค่าเข้าห้องน้ำด้วย

    รถบัสถึงซาปา 03.40 แต่รถก็จอดให้นอนต่อได้ถึงเช้าครับ เราลงจากรถบัส 06.00 แล้วหารถต่อไปที่ รร กดเรียก grab ไม่ได้เลย คุณพี่ taxi ที่จอดรอก็ฟันราคา 3 เท่า !!! ต่อรองจบที่ 70K ถึงจะยังแพงแต่ก็ต้องยอมเพราะสัมภาระเยอะ 😫

    มาถึงที่โรงแรม 06.30 ขอทางโรงแรม early check in (จ่ายเพิ่ม 200K ) จะได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนจะออกไปเที่ยว

    เราพักที่ Sapa Paramount Hotel ทำเลดีใกล้กับตึก Sun plaza และใกล้แหล่งของกิน แค่เดินลงบันไดด้านหน้าโรงแรมก็เจอร้านอาหารและร้านกาแฟเลย 

    พยากรณ์อากาศบอกว่าวันนี้ฝนตก แต่พอมาถึงฟ้าเปิด แสงสวย บรรยากาศดีสุดๆ เลยรีบอาบน้ำแล้วมาเดินถ่ายรูปเก็บบรรยากาศทะเลสาบตอนเช้าในวันที่ไม่มีหมอก เป็นอะไรที่สวยมากๆ 

    ฟ้าเปิดมาก จนมองเห็นยอดเขาฟานซิปันที่อยู่ข้างหน้าเลย แอบคิดในใจว่าอยากขึ้นวันนี้เลย 555

    เดินมาถึงตรงนี้คือตายไปเลย เห็นโค้งทะเลสาบที่ฉากหลังเป็นยอดเขาฟานซิปัน

    อากาศตอนเช้าเย็นสบายมาก มาเดินสำรวจมุมสวยๆไว้ก่อน ช่วงเย็นจะมาถ่ายมุมที่เล็งไว้

    เดินย้อนกลับมาที่ Sapa center บริเวณนี้เป็นสนามกีฬาขนาดใหญ่ รอบๆจะเป็นสถานที่ที่เป็นแลนด์มาร์คของซาปา

    ตึก Sun plaza มุมยอดฮิตที่นักท่องเที่ยวต้องมาถ่ายรูป นอกจากเป็นศูนย์การค้าแล้วยังเป็นสถานีรถไฟที่วิ่งเลียบเขาไปยังสถานีกระเช้าด้วย

    ถนนที่อยู่ด้านข้างตึก Sun plaza มองเห็นยอดเขาฟานซิปันด้วย

    อีกฝั่งก็จะเป็นที่ตั้งของโบสถ์หินโบราณ (Notre Dame Cathedral) อีกหนึ่งแลนด์มาร์คของซาปา

    ถึงเวลาอาหารเช้ากันแล้ว มื้อแรกคือเฝอ (Pho) ซดน้ำซุปร้อนตอนอากาศเย็นๆ คือที่สุด เฝอไก่ (Pho Ga) ราคา 40k เฝอเนื้อ (Pho Bo) ราคา 50k ร้านอยู่บริเวณ Sapa park ครับ

    ต่อด้วยกาแฟที่ร้าน Cong Caphe แฟรนไชส์กาแฟสุดฮิตของเวียดนามครับ 

    การตกแต่งในร้านเป็นธีมทหารเวียดกง คุมโทนด้วยสีเขียว

    เมนูแนะนำคือ Coconut coffee กาแฟดำราดบนมะพร้าวปั่น แก้วเล็กราคา 49K แก้วใหญ่ราคา 59K

    หลังกินกาแฟเสร็จก็กลับโรงแรม เพราะเรามีนัดกับไกด์ท้องถิ่นเพื่อไปเดิน Trekking ชมนาขั้นบันไดที่หมู่บ้านชาวม้ง ( 25 USD/คน = รวมค่ารถไป-กลับ ค่าไกด์ท้องถิ่น ค่าเข้าชมหมู่บ้าน และอาหารกลางวันครับ)

    ไกด์ชี้เส้นทางให้ดู รถจะไปส่งที่หมู่บ้านอิหลินโฮ (Y Linh Ho) แล้วเดินไปหมู่บ้านเลาไชเพื่อพักทานอาหารกลางวัน จากนั้นเดินต่อไปหมู่บ้านต่าวาน ระยะทางประมาณ 4-5 กม (กิโลเมตร...ไม่ใช่กิโลม้งนะครับ 😂) 

    ตอนแรกไกด์จะให้เราเดินจากโรงแรมไปเลย ระยะทาง 12-15 กม !!! สมาชิกในทีมรีบบอกทันทีว่าไม่ไหว 555 เลยต่อรองเหลือ 5 กม นอกจากคุณไกด์ ก็จะมีชาวบ้านคอยช่วยเหลือในการเดิน trekking ด้วย

    อิหลินโฮ เป็นหมู่บ้านขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ในเทือกเขาเมืองฮัว (Muong Hoa) มีชาวม้งดำและชาวเย้าอาศัยอยู่ อาชีพหลักของคนในหมู่บ้านคือการปลูกข้าวและข้าวโพด

    ระหว่างทางเราก็จะได้ชมวิวภูเขาและนาขั้นบันได

    ช่วงที่เรามาคือเดือน กย นาข้าวจะกลายเป็นสีทองพร้อมเก็บเกี่ยว แต้ถ้าใครอยากชมบรรยากาศที่เป็นทุ่งนาสีเขียว แนะนำให้มาช่วง กค-สค

    นาบางแห่งเริ่มมีการเกี่ยวข้าวกันแล้ว

    ส่วนใหญ่จะปลูกข้าวจ้าวเพราะเป็นอาหารหลักที่กินทุกวัน ส่วนข้าวเหนียวก็ปลูกบ้าง เพราะข้าวเหนียวจะกินแค่วันที่มีพิธีสำคัญหรืองานเลี้ยง

    พอมาถึงหมู่บ้าน อากาศเย็นสบายในตอนเช้าก็หายไปทันที 555 ร้อนและแดดแรงมาก...เหงื่อท่วมเลย

    ในที่สุดก็มาถึงหมู่บ้านเลาไช (Lao Chai) ระวังสับสนกับชื่อจังหวัดหล่าวกาย (Lao Cai)

    เดินข้ามสะพานนี้ก็จะเข้าสู่เขตของหมู่บ้านเลาไชแล้ว

    ชื่อหมู่บ้านเลาไชมาจากคำว่า Lao = เก่า และ Chai = หมู่บ้าน รวมกันแล้วให้ความหมายว่า หมู่บ้านที่เก่าแก่

    หมู่บ้านลาวไชเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญในซาปา ถูกโอบล้อมด้วยเทือกเขา Hoang Lien Son ในหมู่บ้านมีชาวม้งดำอาศัยอยู่ 2,000 คน อาชีพหลักคือการปลูกข้าว

    นาขั้นบันไดเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นของชาวเขาในการจัดหาพื้นที่ในการปลูกข้าว

    ช่วงแรกก็มีการเพาะปลูกแค่เชิงเขา แต่เมื่อต้องการผลผลิตที่เพิ่มขึ้นจึงค่อยๆ ทำขึ้นไปยอดเขา

    ฝูงควายกำลังนอนแช่โคลน

    พักเติมพลัง... อาหารกลางวันอร่อยโดยเฉพาะปอเปี๊ยะทอด มื้อนี้รวมในทัวร์เรียบร้อย

    ชาวบ้านที่เดินมากับเรา ใช้กิ่งไม้ ต้นไม้ทำเป็นเป็นของเล่นให้...ประทับใจ❤ เค้าคอยช่วยเหลือเราตลอดการเดินทาง แลกกับการขายงานฝีมือที่เค้าทำเอง…เราอุดหนุนกระเป๋าใส่เงินที่ทำจากผ้าปัก ราคา 120K

    อิ่มเรียบร้อย...พร้อมเดินต่อไปหมู่บ้านต่าวานซึ่งพื้นที่ติดกับหมู่บ้านเลาไช

    นาขั้นบันไดที่นี่ก็สวยเหมือนกัน

    นอกจากนาขั้นบันได การเดินชมหมู่บ้านต่าวานทำให้เราได้สัมผัสถึงวิถีชีวิตของชาวเขาด้วย

    การเลี้ยงเป็ด เลี้ยงไก่ไว้ขาย...และน้องหมาเอาไว้เฝ้าบ้าน

    เดินมาถึงจุดนัดพบกับคนขับรถ...รถกลับมาส่งเราที่โรงแรมตอน 14.30 สองสาวขอตัวงีบสักหน่อย...ส่วนเรายังดีดจากกาแฟที่พึ่งกินไป เลยออกมาเดินเล่น

    แวะซื้อไอศครีมซอฟท์เสิร์ฟที่ร้าน Mixue ร้านอยู่ติดริมทะเลสาบซาปา

    สั่ง strawberry sundae (Sua kem lac dau tay) ราคา 25K อร่อยมาก รสนมเข้มข้น หวานกำลังดี

    ทานไอศครีมยังไม่หมด...ฝนก็ตกหนักมาก เลยต้องนั่งหลบฝนอยู่เป็นชั่วโมง

    พอฝนหยุด ฟ้าก็เปิด...อากาศเป็นใจ แถมสมาชิกของเราก็ยังไม่ตื่น เลยตัดสินใจไปขึ้นเขาฮัมรอง

    ทางขึ้นอยู่ใกล้กับโบสถ์ หันหน้าเข้าหาโบสถ์แล้วเดินไปตามถนนเล็กๆทางซ้ายของโบสถ์จนสุดทาง แล้วเลี้ยวซ้ายก็จะถึงทางขึ้นภูเขาฮัมรอง

    ภูเขาฮัมรอง (Hamrong mountain) ตั้งอยู่ในเมืองซาปา นอกจากสวนดอกไม้ที่สวยงามแล้ว ยังมีจุดชมวิวบนยอดเขาที่มองลงมาเป็นวิวเมืองซาปาด้วย... บัตรเข้าชมหมู่บ้าน ราคา 70K

    จากทางเข้าให้เดินตามบันไดหิน ตรงขึ้นมาเรื่อยๆครับ ระหว่างทางก็จะมีต้นไม้ ดอกไม้เรียงเต็ม 2 ข้างทาง

    มองหาป้ายที่ชี้ทางไปยัง Cloud yard

    เดินขึ้นเขาไปพอสมควร เหนื่อยเอาเรื่องอยู่ครับ

    แต่พอเห็นวิวที่อยู่ตรงหน้า...หายเหนื่อยทันที

    มองเห็นวิวเมืองซาปาทั้งเมืองเลย

    มองเห็นตึก Sun plaza และสถานี Muong Hoa ที่อยู่บนเขาด้วย...เดินวนถ่ายรูปจนหนำใจ

    ขาลงก็เหนื่อยเหมือนเดิม 555 พอมาถึงสมาชิกที่เหลือของเราก็พร้อม มาถ่ายรูปกับแลนด์มารค์ของซาปากัน เริ่มจากโบสถ์หินโบราณเป็นสิ่งปลูกสร้างที่ได้อิทธิพลจากฝรั่งเศสในยุคอานานิคม

    มุมด้านหน้าของโบสถ์ก็สวย...มองเห็นวิวตึก Sun plaza จากระยะไกล

    การถ่ายรูปหน้า Sun plaza คือชาเลนจ์มาก ทั้งรถที่วิ่งวุ่นวาย คนเดินไปมาและยืนรอถ่ายรูป กว่าจะได้รูปที่ถูกใจ กดชัตเตอร์ไปเป็นร้อย 555

    หลังจากได้รูปที่ถูกใจกันแล้ว...เราก็เดินมาที่ทะเลสาบซาปา เป็นทะเลสาบขนาดเล็กตั้งอยู่กลางเมืองซาปา เล่ากันว่าถูกขุดขึ้นโดยชาวเวียดนาม เพื่อปรับปรุงภูมิทัศน์เมืองซาปาให้สวยงามมากขึ้น

    เดินไปยังมุมที่เราเล็งไว้ตั้งแต่เช้า แนะนำให้เดินมาไกลๆหน่อยครับ จะได้เห็นวิวโค้งของทะเลสาบที่ด้านหลังเป็นภูเขาฟานซิปัน

    เดินถ่ายรูปกันจนเพลิน…ปิดท้ายวันแรกด้วยหม้อไฟ (Lau) อาหารขึ้นชื่อของซาปา ที่ร้าน Hot pot center

    เมนูแนะนำคือ หม้อไฟแซลมอน (Lau Ca Hoi) หม้อไฟปลาสเตอเจี้ยน (Lau Ca Tam ) เราสั่งหม้อไฟแซลมอน ราคา 700K อยากลองชิมแซลมอนที่เลี้ยงในแหล่งน้ำที่ซาปา

    ในเซทหม้อไฟมีแซลมอนทั้งตัว ผัก 1 ถาดใหญ่ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป (ให้ตามจำนวนคน)

    ซุปอร่อย รสชาติเปรี้ยวๆหวานๆ ผักสดมาก แต่แซลมอนเราเฉยๆ แถมก้างเยอะ...เกือบสั่งแซลมอนซาซิมิแล้ว

    สั่งอีกเมนูคือ รวมมิตรเมนูไก่ (Ga met du mon) ราคา 600K ในถาดมียำไก่ ไก่นึ่ง ไก่ทอด (deep fried...จนแข็ง) ข้อไก่ชุบแป้งทอดคลุกผงรสข้าวโพด

    บรรยากาศยามค่ำคืนบริเวณริมทะเลสาบครึกครื้นมาก ร้านค้าประดับไฟแบบไม่ยอมแพ้กันเลย 

    แวะซื้อน้ำดื่มที่ Win mart ราคาถูกกว่าที่ซื้อตามร้านอาหาร (ขวดเล็กราคา 5K ขวดใหญ่ 12K) แล้วก็มานั่งชิวที่ Sapa center

    ในโบสถ์กำลังมีพิธีมิสซาพอดี

    ด้านข้าง Sun plaza มีตลาดนัดที่เปิดให้ชาวเขาจากหมู่บ้านต่างๆขายสินค้าที่ระลึกและสินค้า handcraft

    จบวันแรกแบบเหนื่อยแต่สนุก...หวังว่าสภาพอากาศของวันพรุ่งนี้จะเป็นใจให้เราเหมือนวันนี้

    เช้าวันที่ 2...สภาพอากาศไม่ค่อยเป็นใจ ฝนตกแต่เช้า หมอกก็หนาจนมองไม่เห็นฟานซิปัน เราออกจากโรงแรมมาเติมความอบอุ่นให้ร่างกายด้วย ขนมจีนเนื้อตุ๋น (Bun Bo Hue) ราคา 60K

    กินข้าวเสร็จ ฝนก็หยุดพอดี !!! เตรียมขึ้นไปบนฟานซิปันกัน เราจองแพคเกจล่วงหน้าผ่าน Klook (ราคา 1,380 บาท) 

    นั่งจิบกาแฟรอรถไฟ monorail ขบวนแรกจาก Sapa station ไปยังสถานี Muong Hoa ที่อยู่บนเขา

    มาถึง Sun plaza ตอน 08.00 (Klook อีเมลล์แจ้งว่าขบวนแรกเริ่ม 08.30) รอจนถึง 09.00 เจ้าหน้าที่เดินมาแจ้งว่ามีปัญหาขัดข้อง ให้กลับมาใหม่ตอน 10.00

    เริ่มรู้สึกแปลกๆละ 555 เลยสลับแพลนช่วงบ่าย ไปนั่งกินกาแฟที่ Vietrekking Sapa ก่อน

    เดินจาก Sun plaza แค่ 5 นาที...ร้านพึ่งตกแต่งใหม่...สวยมาก

    ความดีงามของคาเฟ่นี้คือวิวด้านหน้า มองเห็นภูเขาและรถ monorail ที่วิ่งไปสถานี Moung hoa 

    สั่งกาแฟกาแฟดำ (ฺฺBlack phin) ราคา 45K กับชาพีช ( Tra dao buoi hong) ราคา 55K

    ในที่สุด...รถขบวนแรกก็วิ่งผ่านตอน 10.15 แต่หลังจากนั้นก็เงียบหาย...แถมร้านกาแฟในบริเวณนั้นไฟดับหมด รอถึง 11.30 ก็ไม่มีรถ monorail วิ่งผ่านอีกเลย ... ตัดสินใจกลับไปที่ Sun plaza

    พอถึงหน้าตึกปุ๊บ...ก็มีอีเมลล์จาก Klook เข้ามาปั๊บ !!!!! กระเช้าปิด 1 วัน !!!! เนื่องจากเหตุขัดข้องทางระบบไฟฟ้า...เซ็งมาก !!! พอไปเปิดดูเพจของ Sun world ถึงทราบว่ากระเช้ามีปัญหาตั้งแต่เมื่อวานเย็นแล้ว 😭

    ได้แต่ทำใจ 555 เปลี่ยนแผนไปเที่ยวหมู่บ้านกั๊ตกั๊ตแทน แวะมาทานมื้อกลางวันแถวตึก Sun plaza 

    ตรงนี้มี Community mall สร้างใหม่แต่ยังมีบางส่วนที่ยังไม่เสร็จ

    การออกแบบมีลักษณะคล้าย Old Hill Police Station ในย่าน Clarke Quay ที่สิงคโปร์

    มื้อเที่ยงเรากินข้าวผัดไข่ ( Com rang trung) ราคา 50K และผัดหมี่ทะเล (My Xao Bo) ราคา 75K จานใหญ่มากๆ อร่อยด้วย

    พยายามเรียก grab ไปยังหมู่บ้านกั๊ตกั๊ต กดอยู่นานมาก...สรุปว่า grab ที่ซาปาหายากมากๆ จบที่แท๊กซี่ในราคา 100K (grab คิดราคาที่ 40-45K) ค่าเข้าชมหมู่บ้านปรับเพิ่มเป็น 90,000 VND/คน

    หมู่บ้านกั๊ตกั๊ต (ภาษาอังกฤษสะกดว่า Cat Cat แต่อ่านว่า กั๊ตกั๊ต) เป็นหมู่บ้านเก่าแก่ของชาวม้งดำ ห่างจากซาปาแค่ 2.5 กม ล้อมรอบด้วยนาขั้นบันไดและวิวภูเขาที่สวยงาม

    เส้นทางเดินเที่ยวในหมู่บ้าน...จากทางเข้าหมู่บ้าน ให้เดินตามทางไปเรื่อยๆ ระหว่างทางจะมีคาเฟ่ ร้านขายสินค้าจากชาวเขาและมีจุดชมวิวสวยๆไปตลอดทาง

    หมู่บ้านอยู่ใกลกับภูเขาเมืองฮัว ซึ่งเป็นแหล่งปลูกข้าวที่สำคัญในซาปา รอบหมู่บ้านจึงเต็มไปด้วยนาขั้นบันไดที่สวยงาม ที่นี่จึงเป็นอีกทางเลือกของคนที่อยากชมนาขั้นบันไดแต่ไม่อยากไปเดิน Trekking แบบโหดๆ

    ตามจุดถ่ายรูปเราจะเห็นนักท่องเที่ยวใส่ชุดชาวเขา ซึ่งเราสามารถเช่าชุดได้บริเวณทางเข้าของหมู่บ้าน

    เดินจนสุดท้ายจะเจอทางแยก เลี้ยวขวาจะเจอทุ่งดอกไม้และนาข้าว แต่ถ้าเลี้ยวซ้ายจะเดินลงไปน้ำตก Tien Sa

    ถัดจากทุ่งดอกไม้ จะเจอกังหันน้ำขนาดยักษ์ที่ทำจากไม้ไผ่ เพื่อใช้พลังงานจากน้ำในการนวดข้าวและข้าวโพด

    ไปต่อที่น้ำตก Tien Sa ไฮไลท์ของหมู่บ้านกั๊ตกั๊ต เป็นน้ำตกขนาดใหญ่แต่น้ำอาจจะไม่ค่อยใสสักเท่าไหร่ 555

    ที่นี่วิวสวยเหมาะกับการเดินชิว แต่ถ้าอยากสัมผัสวิถีชีวิตของชาวเขาก็อาจจะไม่ตอบโจทย์ เพราะกั๊ตกั๊ตกลายเป็นหมู่บ้านท่องเที่ยวไปแล้ว...ฝนดันมาตกตอนกลับ กว่าจะหารถได้ก็ลำบากอยู่

    หน้าโบสถ์วันนี้ดูคึกคัก มีร้านขายบาร์บีคิวเต็มไปหมดเลย

    แต่สิ่งที่เราอยากลองที่สุดก็คือพิซซ่าเวียดนาม ( Bahn Trang Nuong) ราคา 25K

    แผ่นแป้งเวียดนามไปปิ้ง ใส่เนย ข้าวโพด ไข่ หมูฝอยต้มหอม กินตอนอากาศหนาวๆคือดีมาก 

    ต่อด้วยบั๊ญก๊วน (Banh Cuon) คล้ายปากหม้อญวน ทีเด็ดคือหมูยอที่อยู่ในน้ำซุป จานนี้ราคา 45K

    ซาปาในตอนนี้ถูกปกคลุมไปด้วยหมอก สมกับเป็นเมืองแห่งสายหมอก ขอเก็บบรรยากาศดีๆแบบนี้ให้เต็มที่ เพราะพรุ่งนี้เราจะเดินทางกลับฮานอยกันตั้งแต่เช้าเลย

    เราเดินทางกลับฮานอยตั้งแต่ 07.30 จองรถของ KingKong VN เป็นรถตู้ VIP 8 ที่นั่ง ( 22 USD/คน) รถมารับที่ รร ในซาปา ไม่ต้องไปขึ้นที่ bus office แล้วไปส่งที่รร ในฮานอยด้วยครับ 

    ถึงเวลาจากซาปาแล้ว...ประทับใจมากกับความสวยงามของธรรมชาติที่นี่ แม้ว่าจะยังค้างคาใจที่ไม่ได้ขึ้นไปบนฟานซิปัน 555 #ซาปาที่ไม่ถึงซาปา ไว้เราจะต้องกลับมาแก้มือใหม่อย่างแน่นอน 

    Blogsหน้าจะไปเที่ยวต่อที่ "ฮานอย" กดลิงค์นี้ได้เลยครับ >> https://th.readme.me/p/42729

      OUTSIDE MY ROOM

       วันพฤหัสที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2565 เวลา 23.03 น.

      ความคิดเห็น