7วันที่ไป ถนนเส้นนี้ ทางสวยที่สุด วิวสวยที่สุด...ตายจิง...เหมือนเคยพู ดไปแล้วเมื่อวาน งั้นวันนี้
"ท้องฟ้าและก้อนเมฆสวยที่สุด" ก็แล้วกัน

เส้นทางวันนี้คือไปดู ทุ่งดอกบัวตองดอยแม่อูคอ และไปค้างคืนที่ภูชี้เพ้อ


จากบ้านห้วยห้อม เราไปแวะกินข้าวที่ตัวเมือง อำเภอแม่ลาน้อย แล้วก็ยิงยาวไปทางอำเภอขุนยวม ไปดูดอกไม้ แต่ระยะทางที่ต้องเดินทางนั้นค่อนข้างไกล ราวๆ 122 กิโลเมตร ที่สุดแสนจะคดเคี้ยว เป็นร้อยๆโค้ง โค้งแม่ฮ่องสอนขึ้นชื่ออยู่แล้ว โค้งเยอะขี่รถเร็วมากไม่ได้ เลยใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง



แถม "ก้น" ก็ยังไม่หายปวดจากถนนลูกลังเมื่อวาน มันก็เลยเป็นการเจ็บซ้ำๆ ซากๆ ชาๆ ร้าวๆ พูดไปแล้วน้ำตาจะไหล อดทนๆ ดูวิวสวยๆไป ถ่ายรูปไป เดี๋ยวก็ถึง แล้วมันจะเจ็บและชินไปเอง

ป่ะๆ ออกเดินทางกันได้ละ


เส้นทางช่วงที่ออกมาจากห้วย ห้อมนั้นสวยมาก เมื่อวานเรามาอีกทาง ขาออกก็ออกไปอีกทาง ไม่ซ้ำทางเดิม



วิวที่ผ่านมาจากแม่โถ นั้นส่วนใหญ่เป็นภูเ ขาหัวโล้นที่ชาวบ้านถางป่ามาทำไร่ข้าวโพดบ้าง ปลูกกะหล่ำบ้าง แต่วิววันนี้ ภูเขาจะเป็นแบบป่า ต้นไม้แน่นๆ สีเขียวเข้ม ซ้อนกันหลายๆชั้นไกลสุดลูกตาสวยแบบมี layer วันนี้ฟ้าและเมฆสวยเป็นใจมาก



เป็นวิวที่สุดแสนอลังการ แบบร้องออกมาว่า โหววววว อ้าปากค้างโดยไม่รู้ตัว



ถ่ายรูปรัวมากๆ ไม่รู้ว่าจะได้มาอีกมั๊ย ชีวิตนี้ แต่ที่แน่ๆ อีทางลูกลังเมื่อวาน เราจะไม่ขี่มอเตอร์ไซค์ไปอีกแน่ๆ อย่างดีก็กะบะ จะดีกว่า



รูปนี้เป็นทางขึ้นเนิน เมฆตัดกับถนนและภูเขาจนเหมื อนเป็นการตัดต่อ เอาภาพมาซ้อนกันเลย สวยมาก



ดูรูปวิวระหว่างทางไปเพลินๆ กันนะ นี่ขนาดเลือกมาแค่บางส่วน คือผ่านตรงไหนมันก็สวยไปหมด เลยอยากเอาภาพมาฝาก



ผ่านตัวเมือง อำเภอแม่ลาน้อย กินข้าวกลางวันเติมพลังกัน พอเข้าเส้นทางหลัก ถนนและวิวก็ธรรมดา ปกติทั่วไป




ผ่านแม่ลาหลวง และ ไปจอดพักรถที่วัดแห่งหนึ่งที่อยู่ระหว่างทาง (จำชื่อวัดไม่ได้จริงๆ)



เลี้ยวเข้าถนน ที่ไปดอยแม่อูคอ วิวถนนเริ่มสวยอีกครั้ง



ยึ่งใกล้ถึงก็ยิ่งเห็นดอกบัวตองระหว่างทางเพิ่มมากขึ้น



ถึงแล้วววว จุดชมวิว ทุ่งดอกบัวตอง ดอยแม่อูคอ และโค้งนี้สวยที่สุดของวันนี้



น่าเสียดายที่เรามาตอนดอกบัวตองเริ่มโรยแล้ว เลยไม่ได้เห็นทุ่งเป็นสีเหลืองอร่าม เลย



แวะถ่ายรูปตามอัธยาศัย เจอแผงขายสตอบอรี่ ลองซื้อมาชิม เห็นลูกเล็กๆไม่สวยมาก แต่รสหวานเจี๊ยบ! (นั่นทำหน้าฟินนะ ไม่ใช่เปรี้ยว)



ดูฟ้าดูเขาดูดอกไม้ชิลๆเท่า นี้พอ ต่อไปจะPart ของ ภูชี้เพ้อ ที่เราจะไปค้างคืนนี้ เป็นประสบการณ์ที่มันหนักหน่วงมากไม่แพ้เมื่อวานที่ ห้วยห้อม เลย


ภูชี้เพ้อ



ภูชี้เพ้อ ตั้งอยู่ใน หน่วยจัดการต้นน้ำแม่หยอด อ.ขุนยวม ใกล้กับ ทุ่งดอกบัวตอง ดอยแม่อูคอ ในระดับความสูง 1,818 เมตรจากระดับน้ำทะเล


จากทุ่งดอกบัวตอง เราสามารถมองเห็นยอดภูได้เลย มันอยู่ไม่ไกลกันนัก ส่วนทางขึ้นภูนั้น.....หลัง จากแยกจากเส้นทางหลัก ก็เป็นถนนลูกรัง แคบๆ ดินสีแดงๆ ชื้นๆ ลื่นๆ หลุมๆ เราอาศัยขี่ไปตามรอยจากล้อรถใหญ่ที่ดินดูจะแน่นๆ สักหน่อย ในการค่อยๆไต่ระดับขึ้นไป เป็นการขี่รถแบบความระมัดระวังถึงขีดสุด

สมมุติว่าให้ระดับความยาก ในการขี่รถมอเตอร์ไซค์
ทางไปห้วยห้อมที่ว่าโหดแล้ว นั่นให้ 8.5/10 คะแนน เพราะอย่างน้อยมันก็เป็นทางราบ ภูชี้เพ้อ นี่ให้ไปเลย 10/10 คะแนน โหดมาก ชัน และ แคบ และ ลื่น และ ป่าต้นไม้สูงและหนาแน่น มองแทบไม่เห็นท้องฟ้า

นั่งเกร็งทุกลมหายใจเข้าออก ลุ้นเพื่อนที่ขับรถ กลัวรถล้ม กลัวตกเขา กลัวหลงทาง กลัวค่ำก่อน กลัวทุกอ่าง เพราะตอนไปพระอาทิตย์กำลังจะตก ถ้าค่ำอยู่กลางเขา นี่แย่แน่ๆ คิดไปต่างๆนานา ต้องระมัดระวังทุกๆเซ็นติเมตรที่รถเคลื่อนที่ไป


เรามาถึงยอดเขา ตอน พระอาทิตย์ตกพอดี



ทางเข้าอุทยานหน่วยจัดการต้นน้ำแม่หยอด และบ้านพักอุทยานที่จะมาพักคืนนี้ ที่จริงมีจุดให้กางเต้นท์นอนด้วยเหมือนกันแต่ แต่เราจองแบบเป็นบ้าน



รู้สึกบ้านที่เราพักหลังนี้ จะเป็นของเจ้าหน้าที่ ที่ประจำอยู่ที่นี่ ตัวบ้านมีสามห้องนอน สองห้องน้ำ แต่สภาพก็ไม่ได้ดีมาก เพราะของรัฐ ไม่ใช่เอกชน อย่าคาดหวังความสะดวกสบาย อะไรเยอะ มีให้นอนก็ดีแล้ว



วิวหน้าบ้านพักวันนี้ มีต้นไม้ขึ้นบังวิว เราต้องตื่นแต่เช้าเพื่อไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่จุดชมวิว บนยอดดอย ขึ้นไปอีกไกลเหมือนกัน


กิจกรรมหนึ่งที่ต้องทำทุกวันคือ การตื่นเช้ามืดไปดูพระอาทิตย์ขึ้น เราดั้นด้นจากกรุงเทพมาหลายร้อยกิโล นั่งซ้อนมอร์เตอร์ไซค์มาอีกไกลมากๆ เมื่อยล้ามากขนาดไหนแล้ว กับแค่การปลุกตัวเองตื่นเช้า แล้วไปนั่งดูพระอาทิตย์ขึ้น ก็คงไม่ยากเท่ากับที่ผ่านๆมาหรอก ปีนขึ้นเขาไปค่ะ เหนื่อยก็หยุดพัก เป็นลมก็ดมยากันไป ยังไงก็ต้องลากตัวเองขึ้นไปให้ได้


ตื่นมาตั้งแต่มืด ถือไฟฉายขึ้นเขาไปสูงมากเพื่อไปจุดชมวิว ความจริงมีบางคนที่ขึ้นเขามาตอนก่อนสว่าง เพื่อมาดูพระอาทิตย์ขึ้นอย่างเดียว แต่เราขึ้นมาค้างคืนบนอุท ยาน ตอนแรกคิดว่าจะไม่ต้องเดินไกลมาก เปิดประตูบ้านเจอหมอกเลย แต่...ผิด ต้องเดินขึ้นเขาไปเหมือนกันทุกคน

เป็นการเดินขึ้นเขาที่ ทุกก้าวมีความเจ็บปวด เพราะยังปวดขาไม่หายเลย ปวดซ้ำเข้าไปอีก คือบับ เหนื่อยเหมือนจะตาย หายใจไม่ทัน เหงื่อซึมตามรูขุมขน อากาศหนาวแต่เหงื่อออก แต่ก็ไปจนถึงยอดจนได้ คุ้มค่ามาก!!!! วิวสวยมาก แต่จนปัญญาจะถ่ายมาให้สวยแบบตาเห็นจิงๆ สกิลยังไม่ถึง ยังต้องฝึกอีกเยอะๆ



มันคือวิวมุมคล้ายๆเดิมแหละ เพียงแต่เวลาที่ต่างกัน แสงที่ต่างกัน ความสวยก็ต่างกัน

พระอาทิตย์ก็ดวงเดิมที่เราเห็นกันทุกวันและรังเกียจนางบ้างตอนฤดูร้อน แต่วันนี้นางสวยมากขึ้นเมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมที่ต่างไปจากทุกวัน

มีคนรอชมอยู่เยอะเลย



ขึ้นมาแล้ว เหนื่อยแทบขาดใจ เพื่อมาดูสิ่งนี้แหละ



ช่วงเวลาเงินเวลาทอง แสงสวยที่สุดของวัน



ขอแทรกด้วยรูปตัวเองเยอะหน่อย เพราะว่า วันทั้งวันถ่ายแต่วิว และนั่งอยู่บนหลังรถ ไม่มีเวลาเก๊กสวยๆกับเค้าเท่าไหร่



พอพระอาทิตย์ขึ้นสูงแล้วก็ค่อยๆเดินลงกลับที่พักกัน เช้าแล้วค่อยมองเห็นทางหน่อย ตอนขึ้นมาส่องไฟฉายไม่เห็นอะไรเลย มองแต่ขั้นบันไดขั้นต่อไป



แวะถ่ายรูประหว่างทางที่ลง มันสวยจริงๆ กดชัตเตอร์ตรงไหนก็สวยไปหมด

แต่แล้ววันนี้เราก็ไม่ได้เห็นทะเลหมอก แบบที่เป็นทะเลจริงๆเลย ฟาวล์เป็นวันที่3 หมอกหายไปไหนหมดเนี่ย!!!! ยังเหลือเวลาอีก3วัน ต้องเจอสักวันแหละน่าาา (ปลอบใจตัวเองกันไป)



บนยอดเขานี้ เราสามารถมองเห็นทุ่งดอกบัวตองที่เราไปมาเมื่อวานด้วย ยิ่งถ้าเรามาในช่วงดอกบัวตองบาน เราจะเห็นดอกไม้เต็มภูเขาได้จากจุดนี้เลย ซึ่งน่าจะสวยมากๆ เสียดายว่ามาไม่ทันช่วงนั้นแต่ก็ไม่เป็นไร เพราะยังมีอะไรอีกมากมายให้ดู



อาบน้ำแต่งตัว เก็บของแล้วออกเดินกัน เราเดินนำล่วงหน้าไปก่อน เดี๋ยวให้เพื่อนขับรถมารับ ชีวิตขาลง ชิลๆ วิวสวย ........... ถ้าไม่หลงทาง



ชุดวันนี้เกาหลี อันยอง สีสดใส มากๆ เพราะยังไม่รู้ชะตากรรมตัวเอง ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป จนแทบจะถอดเสื้อแขนยาวทิ้ง แล้วเอาผ้าพันคอมาเช็ดเหงื่อแทน



ขาขึ้นเขานั้นว่ายากแล้ว ขับรถทางดินลื่นๆ แบบนี้ เราว่าขาลงนั่นยากกว่า 2เท่า เพราะว่ามันทิ่มลง เพื่อนกำเบรกตลอดเวลา การทรงตัวต้องดี เพราะรถต้องขับช้ามาก เรากับน้องอีกคนที่เป็นคนซ้อน เลยกะว่าจะออกเดินนำไปก่อน เดินลงเขาไม่เหนื่อยอะไร ดูวิว ดูอะไรเรื่อยๆ ชิลๆไป

จุดพีค อยู่ตรงที่ พอเพื่อนขับมาทันเราแล้ว ก็ขึ้นรถกันไป แต่ว่าเพราะพวกเราขับไปได้ช้ามาก เลยพลัดหลงกับคันนำทาง และชีวิตเจอทางแยก....ทางนึงขึ้นเขา อีกทางลงเขา...

...คิดว่าเรา(คันที่2และคัน ที่3) จะเลือกทางไหน??

พวกเราเลือกทางลงเขา ก็เรากำลังลงเขาอยู่หนิ .... ชีวิตเปลี่ยนนับจากนั้นเลย ...... หลงทาง ..... ชีวิตขาลง สู่หุบ ด้านล่าง เพราะขามามันเย็นมากแล้ว และเราก็ขับตามคัน1 จนไม่มีใครจำทางเลยสักคน เลยหลงลงทางดิ่งลงสู่เบื้อง ล่างของเบื้องล่างอีกที สู่ก้นหุบเขาที่มันก็ยังอุส่าห์มีทางที่เป็นรอยล้อรถ เราก็นึกว่า เออ มีรถวิ่ง คงถูกทาง เปล่าเลย รอยล้อรถของชาวบ้าน ที่ไม่ใช่ทางปกติ ทางที่ไต่เขาพับไปพับมาดิ่งลงไปในเหว แคบและชันกว่าเดิมมาก

ขับไปจนคันที่1 เริ่มรู้สึกว่าหายไปนานเกิน ไปแล้ว โทรมาตาม แล้วบอกว่านั่นผิดทางให้ย้อนขึ้นมาทางเดิม ทางนั้นมันไปโผล่ที่ไหนไม่รู้ อาจจะไปอำเภออื่นไปเลยก็ได้.....ขากลับก็เลยเป็นทางขึ้น ย้อนมาทางเดิม สูงและชันมากๆ ดินถนนก็ลื่นๆ ดังนั้น เรากับน้องคนเดิม เลยขอลงเดินดีกว่

และนั่นจึงเป็นการลงเดินขึ้นเขา อยู่ในป่าที่มองทางไหนก็เหมือนกันหมด เจอท่อนไม้ที่เก็บมาจากข้าง ทางอันนึง คอยพยุงร่างขึ้นเขามาเรื่อยๆ เหนื่อยสุดๆเลยเธอเอ้ยยยย


แต่พวกเราก็ผ่านมาได้อย่างปลอดภัยทุกคน ส่วนสิ่งที่ตามมาคือ "ความเจ็บปวด รวดร้าว" ไปหมดทั้งตัวหัวจรดเท้า ปวดแบบสะสมมาจากห้วยห้อม และเดินขึ้นเขาไปดูพระอาทิตย์ขึ้น ยังไม่ทันจะหายดีก็ซ้ำเข้าไปอี



นี่ขนาดฤดูหนาว ถ้าฤดูฝน น่าจะต้องกระบะโฟวิว เท่านั้น ทางโหดมาก จากที่เล่าว่า มีทางแยกสองทาง เป็นทางขึ้นและทางลงนั้น ถ้าเราเลือกทางขึ้น(ซึ่งเป็นทางที่ถูกต้อง) เราจะขึ้นเนินไปร้อยเมตร แล้วลงไปเจอถนนใหญ่เลย นี่เลือกทางลง คือลงหุบเขาไปเลยจ้า บ้าที่สุดดดด

แล้วออกสู่ถนนใหญ่ จุดหมายต่อไป : จากดอยแม่อูคอ มาทางขุนยวม ผ่านโค้งมากมายสู่ตัวเมืองแม่ฮ่องสอน ระยะทางประมาณ 70กิโลเมตร (รวมที่หลงด้วย T T)


ตามดูรีวิววันอื่นได้ที่

7วัน วงกลมตามเข็ม เชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน ::::::::Day1::::::::เชียงใหม่ สวนสน อุทยานแห่งชาติแม่โถ

7วัน วงกลมตามเข็ม เชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน ::::::::Day2::::::::บ้านห้วยห้อม

7วัน วงกลมตามเข็ม เชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน ::::::::Day3:::::::: ทุ่งดอกบัวตอง-ภูชี้เพ้อ

7วัน วงกลมตามเข็ม เชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน ::::::::Day4:::::::: เมืองแม่ฮ่องสอน วัดพระธาตุดอยกองมู สะพานซูตองเป้ สถานีวิจัยทดสอบพันธุ์สัตว์หน่วยปางตอง ปางอุ๋ง บ้านรักไทย

7วัน วงกลมตามเข็ม เชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน ::::::::Day5:::::::: บ้านจ่าโบ่


ฝากติดตามเพจน้อยๆ เป็นเพจท่องเที่ยวและเม้าท์กันแบบสบายๆ เหมือนนั่งเล่าให้เพื่อนฟัง

https://www.facebook.com/sandysohappy/

"แสนดีแฮปปี้ คนอ่านก็แฮปปี้"



SandyHappy

 วันอาทิตย์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 เวลา 15.31 น.

ความคิดเห็น