หากหลายท่านได้ติดตามเพจ Supernovamann ของผมมาสักพัก ก็คงจะทราบดีถึงความผูกพันของผมกับหัวหินถิ่นมนต์ขลังแห่งนี้ ใช่ครับ และเหมือนเช่นเคย เมื่อมีเวลาพอที่จะพักผ่อน ผมก็ไม่รีรอที่จะเลือกหัวหิน เป็นสถานที่พักผ่อนในวันหยุดของผม
ในตัวอำเภอหัวหิน รวมถึงชะอำและปราณบุรีเอง มีโรงแรมเชนระดับโลกมาเปิดกันอย่างมากมาย และคงไม่ต้องเดานะครับว่า ผมเองก็คงจะเป็นหนึ่งในลูกค้าประจำในโรงแรมประเภทนั้นมาแล้วหลายครั้งหลายโรงแรม แต่สำหรับในครั้งนี้ เราเลือกที่จะหาที่พักในโจทย์ที่แตกต่างออกไป โดยการค้นหาโรงแรมที่มีคุณภาพ,ตั้งอยู่ในทำเลที่ดี และที่สำคัญที่สุด ราคาย่อมเยา เหมาะสำหรับคนที่ชอบเที่ยวบ่อยๆทุกอาทิตย์อย่างผม ซึ่งเมื่อเราค้นหาที่พักตามโจทย์ที่คิดไว้ เราก็ได้ทำการค้นหา และมาสะดุดกับโรงแรมหนึ่งที่มีชื่อว่า “ Reddoorz Plus Evergreen Boutique Hotel Huahin” ซึ่งก็จะได้สาธยายต่อไปในบล็อคแห่งนี้
สำหรับผมแล้ว การท่องเที่ยวเปรียบประหนึ่งเชื้อไฟที่จะเติมความสดชื่น,สดใหม่ และสดใสให้กับชีวิต ถึงแม้ว่าเราจะไปท่องเที่ยวที่สถานที่เดิมๆ อาทิหัวหิน กินข้าวร้านเดิมๆ กับคนเดิมๆ แต่ในการเดินทางทุกครั้งเราจะได้ประสบการณ์ที่แตกต่าง ทั้งทัศนียภาพที่เปลี่ยน,ผู้คนที่เราได้สนทนาด้วยหรือแม้กระทั่งตัวเราเองที่มีมุมมองต่อโลกที่เปลี่ยนไปตามอายุที่มากขึ้น และนั่นเป็นเหตุผลทำให้ผมรักในการที่จะออกเดินทางไปท่องเที่ยวเป็นที่สุด เพราะการเดินทางในแต่ละครั้งให้อะไรมากกว่าที่เราคิด
ในการเดินทางในครั้งนี้ เราเลือกที่จะออกเดินทางจากบ้านที่กรุงเทพในช่วงเวลาบ่ายแก่ๆ ไปเที่ยวแบบชิวๆ ไม่เร่งรีบ ไม่มีplanอะไรมากมาย เพราะในหัวหินเราก็ได้เที่ยวมาจนเรียกได้ว่า เป็น Expertในระดับหนึ่ง ดังนั้น เราจึงไม่จำเป็นที่จะต้องรีบร้อนเพื่อที่จะไปแวะไปตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ จุดประสงค์ของการมาหัวหินครั้งนี้คือ มาเพื่อ Chill&Relax ปล่อยเวลาให้ไหลผ่านไปกับสายลมและเกลียวคลื่น
จากกรุงเทพ ระยะทางประมาณ 200 กม. ใช้เวลาเดินทางเกือบ 3 ชม. แต่รู้สึกว่า อึดใจเดียวก็เดินทางถึงหัวหินแล้ว
โดยโรงแรมที่เราไปพักนั้นชื่อ “ Reddoorz Plus Evergreen Boutique Hotel Huahin ” ตัวโรงแรมจะสามารถเข้าได้ 2 ทาง
1.เข้าทางถนนเพชรเกษมขาออก ซอยหัวหิน 47 เข้ามาประมาณ 200 เมตร ทางด้านขวามือ
2.เข้าทางถนนแนบเคหาสน์ขาออกจากหัวหิน ซอย 18 เข้ามาลึกประมาณ 100 เมตร ทางด้านซ้ายมือ
เราเลือกที่จะเข้าโรงแรมทาง ถนนแนบเคหาสน์ด้วยระยะทางที่สั้นกว่า และคับคั่งไปด้วยร้านอาหารชื่อดังมากมายที่เราจะมาเล่าในลำดับถัดไป
แต่ก่อนอื่นเลย ขออธิบายเกี่ยวกับ Reddoorz สักเล็กน้อยว่า คืออะไร และทำไมถึงมีมากมายทั่วประเภท
Reddoorz เป็นบริษัทสตาร์ทอัพสัญชาติ Singapore ให้บริการแพลทฟอร์มสำหรับสำรองห้องพัก ในโรงแรมมากกว่า 1,500 โรง ครอบคลุม 100 เมืองทั่วภูมิภาคASEAN ซึ่งบริษัทจะทำการร่วมมือกับผู้ให้บริการห้องพักท้องถิ่นประเภท Budget Hotel ทั้งโรงแรมระดับ 2 ดาวและ 3 ดาว ให้มาเข้าร่วมกับแพลทฟอร์ม เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและพัฒนามาตรฐานการให้บริการและความสะอาดปลอดภัยให้กับผู้ประกอบการ อีกทั้งยังเพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้า สามารถทำการจองห้องพักผ่านเวปไซต์ หรือ แอปพลิชั่น ซึ่งหลังจากลองใช้แล้ว สะดวกมากๆ และใช้งานง่ายไม่แพ้platformจองห้องพักเจ้าอื่นเลยทีเดียว
ในวันนี้ เราเลือกที่จะมานอนโรงแรม Reddoorz Plus Evergreen Boutique Hotel Huahin
ถึงโรงแรมจะตั้งอยู่ในซอยที่ดูเหมือนจะแคบและอาจจะจอดรถลำบาก แต่ทางโรงแรมมีลานจอดรถที่เพียงพอต่อแขกเข้าพักทุกคนแน่นอน
ที่จอดรถกว้างขวาง เป็นลานหินกรวดที่ติดอยู่กับโรงแรม สะดวกและปลอดภัย มีไฟส่องสว่างในยามค่ำคืน
โรงแรม Reddoorz Plus Evergreen Boutique Hotel Huahin เป็นโรงแรมขนาดเล็ก มีจำนวนห้องพักรวมทั้งสิ้น 8 ห้อง กระจายอยู่บริเวณ 2 ชั้นของโรงแรม
ด้วยความที่เจ้าของโรงแรมเป็นชาวต่างชาติ และชื่นชอบกีฬากอล์ฟเป็นอย่างมาก ตัวโรงแรมและห้องพักจึงตกแต่งด้วยธีมกีฬากอล์ฟ และตกแต่งแนวสไตล์ไทยๆ
แม้กระทั้ง ชื่อห้องพักทั้ง 8 ก็มาจากชื่อของสนามกอล์ฟต่างๆทั่วโลกที่เจ้าของโรงแรมชื่นชอบ ดังนี้ Augusta, Banyan, Muirfield, Pebble Beach, Sawgrass, Valderrama, St. Andrew และBelfry
สนนราคาห้องพักเริ่มต้นที่ 1,100 บาทเท่านั้น
ห้องพักที่เราเข้าพัก เป็นห้องหมายเลข 4 ชื่อ Augusta ซึ่งเป็นชื่อสนามกอล์ฟที่รัฐ Georgia ประเทศสหรัฐอเมริกา
ห้องพักมีขนาด 35 ตารางเมตร โดยเตียงเป็นขนาดคิงไซส์ 6 ฟุต
ขอถ่ายรูปกับเตียงสักเล็กน้อย พอหอมปากหอมคอ
ความพิเศษของห้องนี้คือ สามารถเปิดประตูกระจกสไลด์ข้างห้อง แล้วลงสระว่ายน้ำได้เลย สะดวกสุดๆ
อีกมุมหนึ่งของห้องพักมองไปยังปลายเตียง มีทีวีLCDจอแบน พร้อมตู้เย็นขนาดมินิบาร์ ไว้แช่เครื่องดื่มและของได้เล็กน้อย
ตู้เสื้อผ้าจะตั้งอยู่ติดกับทีวีและประตูเข้าห้อง ซึ่งเจ้าของโรงแรมก็ไม่ทิ้งคอนเซปดีไซน์ของโรงแรมไป มีการติดไม้พัตเตอร์ไว้บริเวณฝาตู้เสื้อผ้า ซึ่งแกะออกมาเล่นไม่ได้นะคร้าบ ยึดติดไว้อย่างดี เผื่อจะมีใครสงสัย
ในห้องมีเก้าอี้โซฟาสองตัวให้นั่งพักผ่อนด้วยนะ และยังมีรูปพัตกอล์ฟขนาดใหญ่ตามคอนเซ็ปดีไซน์ของโรงแรมที่เป็นสไตล์ไทยอีกด้วย
อีกมุมหนึ่งของเตียงขนาดคิงไซส์ จะเห็นได้ว่า เปิดประตูกระจกด้านข้างของห้องแล้วสามารถลงสระได้เลย สะดวกสุดๆ
มีโต๊ะแต่งหน้าให้คุณสุภาพสตรีได้ใช้งานก่อนออกไปถ่ายรูปสวยๆ
มาดูที่ห้องน้ำกันบ้าง ขนาดห้องน้ำเรียกได้ว่ากว้างขวางเลย พร้อมเครื่องทำน้ำอุ่นให้ได้ใช้งาน
ถึงแม้ว่าราคาจะย่อมเยา แต่อุปกรณ์อาบน้ำมีให้ครบครัน ทั้งสิ่งที่มีให้ทั่วไป อาทิเช่น สบู่ แชมพู ผ้าเช็ดตัว หรือแม้กระทั่ง แปรงสีฟัน ยาสีฟัน ก็ยังมีให้เช่นกัน
แปรงสีฟัน ก็ยี่ห้อ Reddoorz ด้วยน้า
ออกมาสำรวจนอกห้องกันบ้าง หน้าห้องมีเก้าอี้ไม้สองตัว ให้นั่งชมวิวสระว่ายน้ำ
สระว่ายน้ำอาจจะไม่ได้ใหญ่มากนัก แต่ขนาดพอเหมาะพอดีกับจำนวนห้องพัก และเมื่อเทียบกับ Budget Hotel อื่นๆในราคาที่พอๆกัน ที่นี่จ่ายในราคาพอๆกัน แต่มีสระว่ายน้ำด้วย ในขณะที่อื่นอาจจะไม่มี ถือว่ายอดเยี่ยมมาก
สระมีความลึก 1.0 เมตร ไม่ได้ลึกมาก หากใครมีครอบครัวสามารถพาลูกมาเล่นน้ำได้อย่างสบายๆ
สามารถนั่งเก้าอี้ไม้พักผ่อน หลังจากเล่นน้ำในสระได้ฟีลไปอีกแบบ
หรือใครไม่ชอบเล่นน้ำ ชอบนั่งอ่านหนังสือชิลๆ ที่นี่ก็มีหนังสือให้ยืมอ่านนะ แต่จะเป็นภาษาอังกฤษเพราะเจ้าของเป็นชาวต่างชาติ ก็สามารถฝึกภาษาผ่านการอ่านกันได้
ในพื้นที่ส่วนกลาง มีโต๊ะเก้าอี้ให้เลือกนั่งได้ตามอัธยาศัย
ทางโรงแรมเคยมีบริการบาร์ขายเครื่องดื่ม แต่เนื่องด้วยสถานการณ์โควิดในปีที่ผ่านๆมา ทำให้บริการนี้ถูกยกเลิกไป รวมถึงอาหารเช้าด้วย ซึ่งจากการสอบถามพนักงาน แขกโดยส่วนมากเลือกที่จะไปรับประทานอาหารเช้านอกโรงแรมอยู่แล้ว ทางโรงแรมจึงยกเลิกบริการในส่วนนี้ไป
ขอถ่ายรูปอีกหนึ่งกรุบ
บรรยากาศของส่วนกลางชั้น 1 ของโรงแรม
ของตกแต่งสวยๆ บริเวณที่เคยเป็นบาร์ของโรงแรม
เมื่อเราเดินชั้น 1 จนทั่วแล้ว ขอไปสำรวจชั้น 2 บ้างดีกว่า
บริเวณหน้าห้องพักชั้น 2 ก็ยังมีพื้นที่ให้นั่งพักผ่อนชิลล์ๆเช่นกัน
สิ่งหนึ่งที่หลายคนอาจจะไม่ได้สังเกตเห็น แต่เป็นสิ่งที่ผมประทับใจมากของโรงแรมแห่งนี้ คือ ถึงโรงแรมจะมีขนาดเล็กแค่ 8 ห้อง แต่อุปกรณ์ความปลอดภัยครบครัน ทั้งกริ่งเตือนไฟไหม้ และถังดับเพลิง ที่ไม่ได้มีเพียงแค่จุดเดียว แต่อยู่ในเกือบทุกจุดของโรงแรม อัคคีภัยเป็นสิ่งที่ทุกคนไม่อยากให้เกิดขึ้น แต่หากเกิดขึ้น การมีอุปกรณ์ป้องกันที่ครบครันแบบนี้เป็นสิ่งที่จำเป็นที่สุด ขอยกนิ้วให้เลย
มุมมองสระว่ายน้ำจากชั้น 2 ของโรงแรม
ห้องพักอีกห้องหนึ่งบริเวณชั้น 2
เมื่อเราเดินกันครบสำรวจทั่วทั้งโรงแรมแล้ว ก็ถึงเวลาเดินไปดูทะเล และร้านของกินโดยบริเวณรอบ
ซึ่งหนึ่งในจุดเด่นของโรงแรมแห่งนี้ก็คือ ทำเล
1. โรงแรม Reddoorz Plus Evergreen Boutique Hotel แห่งนี้ สามารถเดินไปลงทะเลได้ 2 จุด คือ
- ลงทะเลที่ซอยหัวหิน 45 (ถนนแนบเคหาสน์ 15)
- ลงทะเลที่ซอยหัวหิน 51 (ถนนแนบเคหาสน์ 11)
ซึ่งทั้งสองจุดมีระยะทางเดินจากโรงแรมไปถึงทะเลเพียงแค่ 500 เมตรเท่ากัน หรือเทียบเป็นระยะเวลาในการเดินประมาณ 6 นาที
แต่จุดลงทะเลที่ซอยหัวหิน 51 จะเดินสะดวกกว่า นอกจากนี้ยังมีร้านอาหารและคาเฟ่ขึ้นชื่อของหัวหินตั้งอยู่รายทางอีกด้วย ทำให้การเดินไปทะเลไม่น่าเบื่ออีกต่อไป
2. ในบริเวณโดยรอบโรงแรม มีร้านอาหารและคาเฟ่ชื่อดังมากมาย บนถนนแนบเคหาสน์ และถนนเพชรเกษม ซึ่งที่จอดรถหาไม่ง่ายนัก แต่เมื่อพักโรงแรมนี้ ก็ทำให้ไม่จำเป็นที่จะต้องขับรถไปรับประทาน และสามารถเดินไปยังร้านอาหารได้เลย ถึงแม้อาจจะไม่ได้ใกล้มากนัก แต่ก็ยังอยู่ในระยะที่เดินได้และปลอดภัย อาทิเช่น
- ร้าน ข้าวต้มโฟนลิงค์
- ร้านกาแฟ Srna
- ร้านอาหาร บ้านอิสระ
- ร้านคาเฟ่ บ้านใกล้วัง
- ร้านอาหาร บ้านสวนแสงไทย
- ร้านอาหาร อยู่เย็น
- ร้านอาหาร Living Room Bistro
จากรายชื่อร้านอาหารและคาเฟ่ที่ได้กล่าวมา จะเห็นได้ว่า ล้วนเป็นร้านอาหารที่มีชื่อและอาจจะเคยผ่านหูผ่านตาของคุณผู้อ่านมาบ้าง เรียกได้ว่า โรงแรมตั้งอยู่ในทำเลที่ดีมากแห่งหนึ่งในหัวหินเลย
ร้านแรกที่เราพบ คือ ร้านกาแฟ Srna (สรณะ)
จุดเด่นของร้านนี้ คือ กาแฟ Specialty Coffee ที่คัดสรรเมล็ดกาแฟคุณภาพสูง มาทำเป็นเมนูพิเศษ อาทิเช่น กาแฟประเภท Dirty Coffee โดยตัวร้านตั้งอยู่ในบ้านแบบทาวน์เฮ้าส์ 1 หลัง และไม่มีที่จอดรถเลย ซึ่งหากขับรถมาก็อาจจะต้องหาที่จอด แต่สำหรับเราซึ่งโรงแรมอยู่ในซอยเดียวกัน ก็สามารถเดินไปดื่มด่ำกับกาแฟอันหอมหวลได้ในทันที
ร้านที่สอง ร้านบ้านอิสระ
เมื่อเดินออกมาปากซอยหัวหิน 47 และข้ามมายังอีกฝั่งถนน ก็จะเจอกับหนึ่งในร้านอาหารเก่าแก่ชื่อดังที่อยู่คู่เมืองหัวหินมามากกว่า 25 ปี เมนูขึ้นชื่อของร้านนี้ จะเป็นอะไรไปไม่ได้เลยนอกจาก เมนูหอยตลับผัดซอสโหระพา เสิร์ฟมาบนกระทะร้อน และ ห่อหมกทะเล
ร้านที่สาม ร้านบ้านใกล้วัง
ติดกันกลับร้านที่สอง เป็น ร้านคาเฟ่อาหารไทย ที่ติดอันดับTop5 ของคาเฟ่ในเมืองหัวหินเมนูเด็ด จะเป็นเค้กต่างๆ โดยเฉพาะ เค้กมะพร้าวอ่อน รสชาติอร่อยอย่าบอกใคร ส่วนอาหารก็ไม่แพ้กัน ขนมจีนน้ำยาปู ที่น้ำยาเสิร์ฟมาแบบข้นๆ และเนื้อปูแบบแน่นๆ ชิ้นใหญ่เต็มคำ กินด้วยกันแล้วได้รสชาติที่อร่อยลงตัว
ร้านที่สี่ ร้าน Living Room Bistro
ร้านนี้เรียกได้ว่า ถึงจุดหมายที่เราเดินมา นั่นก็คือทะเลหัวหิน ร้านนี้ตั้งอยู่ติดทะเลหัวหิน เป็นร้านอาหารและคาเฟ่ เสิร์ฟอาหารนานาชาติ บรรยากาศแบบโรแมนติกริมทะเล เหมาะสำหรับพาคนรู้ใจมารับประทาน มีมุมถ่ายรูปให้เลือกถ่ายมากมาย และเมนูเด็ดก็จะเป็นพิซซ่า หรือ ซี่โครงหมูอบซอส
เราก็มาถึงยังชายหาดหัวหิน ณ ถนนแนบเคหาสน์ 11 วันนี้ทะเลสีไม่สวยเท่าไหร่นัก อาจจะเป็นเพราะว่า ฝนเพิ่งจะตกไปก่อนที่เราจะเดินทางมาถึงไม่นาน ทำให้น้ำทะเลออกแนวขุ่น ไม่ใส และฟ้าไม่ค่อยปลอดโปร่ง
ถึงแม้ทะเลจะไม่ค่อยน่าเล่นก็ตาม ขอถ่ายรูปพอเป็นพิธี ให้รู้ว่า มาถึงทะเลแล้วนะ
เราเดินมาสักพัก เวลาก็เริ่มจะเย็นแล้ว ความหิวก็เริ่มย่างกราย จะรอช้าอยู่ไย กองทัพต้องเดินด้วยท้อง มุ่งไปหาของกินดีกว่า
สำหรับนักท่องเที่ยวและนักกินอย่างเรา เมื่อพูดถึงการกินอาหารเย็น ความคิดแรกที่แวบเข้ามาในหัว ก็คงจะหนีไม่พ้น ตลาดโต้รุ่งหัวหิน
สำหรับใครที่อาจจะยังไม่แน่ใจว่า ตลาดโต้รุ่งหัวหินตั้งอยู่ที่ไหน ตัวตลาดโต้รุ่งจะตั้งอยู่บนซอยหัวหิน 72 หรือถนนเพชรเกษมขาเข้ากรุงเทพ ปิดถนนซอยในช่วงหัวค่ำ โดยตลาดจะเริ่มตั้งแต่ 18:00 น. ไปจนถึงเวลาเที่ยงคืน
แต่เราอาจจะมาถึงเร็วเกินไป ประมาณ 18:15 น. ทำให้ร้านอาหารในตลาดต่างๆยังเปิดกันไม่เต็มที่ ประจวบกับเราเริ่มหิวแล้ว จึงตัดสินใจไปหาข้าวเย็นกินที่อื่น
แต่อย่ากระนั้นเลย เมื่อมาถึงแล้ว ก็ขอจัดของหวานเด็ดประจำตลาดโต้รุ่งนี้ซะหน่อย เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา
ร้านเครปแม่เหล็ก
เป็นร้านที่ขายอยู่บนมอเตอร์ไซค์พ่วงข้าง โดยจะจอดอยู่บริเวณกึ่งกลางตลาดโต้รุ่ง ที่มีถนนตัดผ่าน จุดเด่นของร้านนี้คือ รสชาติแป้งที่กลมกล่อมกำลังดี และไส้ที่ให้มาในปริมาณที่เหมาะสม และราคาไม่แพง
จุดมุ่งหมายที่เราจะไป ไม่ไกลจากโรงแรม นั่นก็คือ ร้านข้าวต้มโฟนลิ้งค์ นั่นเอง
ร้านข้าวต้มโฟนลิงค์
ตั้งอยู่บริเวณปากซอย หัวหิน 47 ซึ่งก็คือ ปากซอยของโรงแรมเราในฝั่งถนนเพชรเกษมนั่นเอง เรียกได้ว่า ถึงแม้จะออกไปหากินถึงโต้รุ่ง แต่สุดท้ายก็กลับมากินแถวโรงแรมอยู่ดี ร้านข้าวต้มร้านนี้เปิดมานานมากกว่า 30 ปี เป็นที่รู้จักกันว่า เป็นหนึ่งในร้านข้าวต้มอร่อยที่อยู่คู่เมืองหัวหิน และที่สำคัญคือ อาหารสด,รสชาติดี,บริการรวดเร็ว และคุ้มค่าคุ้มราคา ร้านนี้ไม่มีที่จอดรถ สามาถจอดได้บริเวณริมถนนเพชรเกษม หรือในซอยหัวหิน 47 แต่อาจจะไม่สะดวกนัก เพราะในซอยเป็นบ้านคนอยู่อาศัย แต่สำหรับเราก็เหมือนเช่นเคย ไม่จำเป็นต้องหาที่จอด เพราะ จอดที่โรงแรมแล้วเดินมากินสะดวกนัก
ร้านนี้มีเมนูกินกับข้าวต้มมากมาย แต่หนึ่งในเมนูเด็ดของร้านก็คือ หมูผัดหนำเลี้ยบ ผัดมาได้รสชาติกลมกล่อม ได้กิน หนำเลี้ยบชัดๆ แบบเข้มข้น
อีกเมนูเด็ดที่ห้ามพลาด หมูทอดน้ำปลา เนื้อหมูสามชั้นทอดมาแบบร้อนๆ หนังกรอบนุ่ม ไม่เหนียว และเค็มกำลังดีจากน้ำปลาที่หมักมา
นอกจากนี้ เมนูเห็ดหอมผัดกุ้งน้ำมันหอย ถึงจะดูเป็นเมนูบ้านๆ แต่รสชาติไม่บ้านเลย ขอบอก ใครมาห้ามพลาดเชียว
เมื่อเราอิ่มจากของคาวแล้ว อย่ากระนั้นเลย ค่ำคืนนี้ยังอีกยาวไกลนัก ขอไปต่อของหวานให้กระชุ่มกระชวยสักหน่อยเถิด
ร้าน Yenjai Café
ตั้งอยู่บริเวณซอยแนบเคหาสน์ 1 หรือ ระยะทางประมาณ 850 เมตร จากโรงแรมจนถึงร้าน ซึ่งก็นับว่าไม่ไกลนักจากโรงแรม สามรถเดินไปได้หากต้องการ
ร้านนี้เน้นเมนูของหวานประเภทบิงซุ และ วอฟเฟิลไอศครีม ไม่รอช้า สั่งกันเลยดีกว่า
บิงซุสายไหม เย็นใจ เสิร์ฟมาคู่กับไอศครีมรสแคนดี้ และท้อปปิ้งด้วยวิปครีมกับคอนเฟล็ค
เมนูถัดมา ครอฟเฟิล กับไอศครีม Cookie and Cream, สำหรับใครที่ไม่แน่ใจว่า Croffle คืออะไร Croffle คือ Waffle ที่ใช้แป้ง Croissant ในการทำ Texture ที่ได้จะมีความหอมเนย และมีความหนึบจากแป้งมากกว่า Waffle ทั่วไป ซึ่งขอเป็นเมนูปิดท้ายในคืนนี้ ก่อนจะกลับไปพักผ่อนนอนหลับที่โรงแรม
วันเวลาที่มีความสุข ช่างผ่านไปอย่างรวดเร็วเหลือเกิน แต่ถึงอย่างไรก็ตาม การได้มาใช้เวลาในการพักผ่อนที่หัวหินนั้น ถึงแม้ว่าจะสั้นหรือยาว ก็ยังคงเป็นเป็นสิ่งที่ผมพึงปราถนาเสมอมา
สรุปโดยรวม
โรงแรมนี้เหมาะสำหรับสำหรับทั้งคู่รัก และครอบครัว ที่ชอบเที่ยวพักผ่อนในราคาคุ้มค่า ตัวโรงแรมเองตั้งอยู่หนึ่งในทำเลที่ดีที่สุดของหัวหิน และถึงแม้ว่าจะไม่ตั้งอยู่ติดทะเล แต่สามารถเดินไปทะเลได้ในระยะเวลาประมาณไม่เกิน 10 นาที และมาพร้อมด้วยความสะดวกในการไปยังคาเฟ่ร้านอาหารที่มีชื่อเสียงที่ตั้งอยู่บริเวณรายล้อมโรงแรม
- ที่พักตกแต่งสไตล์ไทย เพิ่มเติมด้วยธีมกอล์ฟ ความรู้สึกแรกอาจจะดูเหมือนเก่าน่ากลัว แต่จริงๆแล้ว โรงแรมได้มีการดูแลให้อยู่ในสภาพที่ดี และไม่มีคราบฝุ่นละอองใดๆตามเฟอร์นิเจอร์หรือพื้นในห้องพักเลย
- เดินทางเข้าออกสะดวก อยู่ในจุดศูนย์กลางของหัวหิน มีร้านอาหารที่มีชื่อเสียงมากมายในระแลกใกล้เคียง และยังอยู่ในระยะที่สามารถเดินไปได้ อาทิเช่น บ้านใกล้วัง และ บ้านอิสระหัวหิน
- มีที่จอดรถเพียงพอต่อแขกผู้เข้าพัก โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับ Budget Hotel ในระดับเดียวกันที่ส่วนมากมักไม่มีที่จอดรถให้บริการ
- สิ่งหนึ่งที่หลายคนอาจมองข้าม คือ อุปกรณ์ความปลอดภัยต่างๆ ถังดับเพลิง กริ่งอัคคีภัย มีให้เกือบทุกจุดในบริเวณโรงแรม มั่นใจได้ถึงความปลอดภัยต่อชีวิต
- ที่สำคัญที่สุด การที่โรงแรมได้เข้าร่วมกับ เชนโรงแรม Reddoorz นั้น ช่วยยกระดับมาตรฐานการให้บริการ ความสะอาด และความสะดวกในการจองห้องพักผ่าน Reddoorz Application
จุดสังเกต
- ปากซอยโรงแรมมีร้านอาหารที่มีชื่อเสียงมากมาย แต่สถานที่ตั้งโรงแรมนั้นตั้งอยู่กลางซอยที่เป็นละแวกบ้านพักอยู่อาศัย ซึ่งพอตกกลางคืนอาจจะค่อนข้างเงียบสักเล็กน้อย เพราะในซอยไม่มีร้านค้าขายของชำใดๆ การเดินกลับโรงแรมยามค่ำคืนก็อาจจะรู้สึกวังเวง แต่ไม่ได้น่ากลัวอะไรอย่างที่คิด อาจจะดีด้วยซ้ำ สำหรับคนที่ชอบพักแบบสงบๆ ไม่มีเสียงดังรบกวนการนอน
- ทางโรงแรมไม่ได้มีการให้บริการขายอาหารเครื่องดื่ม และไม่มีอาหารเช้าให้บริการ พนักงานให้เหตุผลว่า เพราะแขกส่วนใหญ่ไม่ได้ใช้บริการนี้ ซึ่งก็น่าจะเป็นเรื่องปกติของโรงแรมประเภท Budget Hotel แต่หากเรารู้ล่วงหน้าแล้ว การซื้ออาหารเข้าไปตุน ก็อาจจะไม่ใช่เรื่องยากอะไร และ บริเวณรอบๆโรงแรม ก็มีร้านอาหารมีชื่อมากมายให้เลือกรับประทาน
ก่อนจะจากกันไปสำหรับบล็อคการเที่ยวหัวหินในครั้งนี้ เนื่องด้วย การเข้าพักโรงแรมในเครือของ Reddoorz นั้น น่าประทับใจมาก ทั้งคุณภาพของห้องพัก,การบริการที่ได้มาตรฐาน,ราคาที่คุ้มค่าและความสะดวกในการจอง เผื่อท่านผู้อ่านสนใจอยากไปใช้บริการบ้าง ผมเลยอยากจะมารีวิวให้ดูสักเล็กน้อยว่ามันง่ายเพียงใด ในการที่จะมาจองใช้บริการห้องพักกับ Reddoorz Thailand
ก่อนจะจากกันไปสำหรับบล็อคการเที่ยวหัวหินในครั้งนี้ เนื่องด้วย การเข้าพักโรงแรมในเครือของ Reddoorz นั้น ประทับใจผมมาก ทั้งคุณภาพของห้องพัก,การบริการที่ได้มาตรฐาน,ราคาที่คุ้มค่าและความสะดวกในการจอง เผื่อท่านผู้อ่านสนใจอยากไปใช้บริการบ้าง ผมเลยอยากจะมารีวิวให้ดูสักเล็กน้อยว่ามันง่ายเพียงใด ในการที่จะมาจองใช้บริการห้องพักกับ Reddoorz Thailand
การจองห้องพักจากโรงแรมในเครือ Reddoorz ทั่วภูมิภาคASEAN สามารถทำการจองห้องพักได้ผ่าน 2 ช่องทาง
1. สำรองห้องพักผ่านหน้าเวป https://www.reddoorz.com/th-th/
2. สำรองห้องพักผ่าน Application ทาง Reddoorz App
ช่องทางการดาวน์โหลดสำหรับ iOS : https://apps.apple.com/us/app/reddoorz-hotel-booking-app/id1260883343
ช่องทางการดาวน์โหลดสำหรับ Android : https://play.google.com/store/apps/details?id=com.reddoorz.app&hl=en_US&gl=US&pli=1
เมื่อทำการโหลดแอปพลิเคชั่นแล้ว ก็กดเปิดแอปพลิเคชั่นเพื่อใช้งานได้เลย ซึ่งตัวแอปเอง มีการรองรับภาษาอังกฤษ และภาษาไทย เพื่อความสะดวกในการใช้งานของเรา
หน้าหลักของแอปพลิเคชั่น จะมีช่องsearch ซึ่งเราสามารถใส่ชื่อเมืองที่เราต้องการค้นหาที่พัก เพื่อค้นหาโรงแรมในเครือของ Reddoorz ในเมืองๆนั้น หรือหากรู้ชื่อโรงแรมอยู่แล้ว สามารถใส่ชื่อโรงแรมลงไปในช่องค้นหาได้เช่นกัน จากนั้นใส่วันที่ต้องการเข้าพัก,จำนวนห้อง รวมถึงจำนวนแขกที่จะเข้าพัก เพื่อให้ระบบได้ค้นหาห้องพักที่ยังว่างอยู่
เมื่อค้นหาเจอโรงแรมที่ต้องการแล้ว รายละเอียดต่างๆของห้องพัก ที่อยู่ รวมถึงค่าใช้จ่ายของห้องพักประเภทต่างๆ ก็จะแสดงขึ้นมาบนหน้าจอให้ได้เลือกห้องพักในเรทราคาที่พึงพอใจ จากนั้นจึงกดปุ่ม Book now เพื่อทำการจอง
หากเจอโรงแรมที่ต้องการ พร้อมกับราคาที่ตรงใจแล้ว ก็กดปุ่มจ่ายเงิน เพื่อทำการสำรองห้องพัก โดยการจองห้องพักสามารถชำระได้ผ่านทางตัดบัตรเครดิต เหมือนกับการซื้อของออน์ไลน์ทั่วไปเลย สะดวกมากๆ
เห็นแล้วหรือยังครับว่าการจองโรงแรมผ่าน Reddoorz Application สะดวกแค่ไหน
ที่ผ่านมา การจองห้องพักโรงแรมโดยเฉพาะประเภท Budget Hotel มีความยุ่งยากพอสมควร ทั้งต้องติดต่อจองเองผ่านการโทรศัพท์, จำเป็นต้องโอนเงินมัดจำค่าที่พัก, ต้องค้นหาสถานที่ตั้งโรงแรม, กลัวว่าโรงแรมจะขอคืนห้องในกรณีที่พักเต็มแล้วไม่มีใครรับผิดชอบ หรือไม่มั่นใจว่าโรงแรมที่เราตัดสินใจเข้าพักนั้น ตรงปกหรือไม่ การจองห้องพักผ่าน Reddoorz App ช่วยลดความเสี่ยงต่างๆรวมถึงยังเพิ่มความสะดวกในการจองห้องพักอีกด้วย จากเหตุผลที่กล่าวมาทั้งปวง คงจะเพียงพอให้คุณผู้อ่านตัดสินใจลองจองห้องพัก ผ่าน Reddoorz Application กันได้นะครับ
แต่ไม่เพียงเท่านี้ ทาง Reddoorz Thailand ใจดีมอบส่วนลดให้กับผู้ที่ติดตามเพจ FB : Supernovamann ถึง 25% !!!
เพียงแค่กรอกรหัสโปรโมชั่น : SPNV25
ก็รับไปเลยทันที ส่วนลด 25% สำหรับการจองห้องพักโรงแรมในเครือ Reddoorz Thailand ได้ทุกสาขาทั่วประเทศไทย
สามารถใช้โค้ดส่วนลดได้ถึงวันที่ 31 มค 2566
คุ้มกว่านี้ ไม่มีอีกแล้วว !!!!!
สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่ติดตามอ่านจนจบบล็อคนี้ สำหรับการท่องเที่ยวคราวหน้า จะเป็นที่ไหนนั้น ขอฝากติดตามผมได้ทาง เพจ FB page ที่ลิ้งค์ด้านล่างได้เลยนะครับ
Info
📍 โรงแรม Reddoorz Plus Evergreen Boutique Hotel
🏠 ที่อยู่ : 13/91 Soi Huahin 47, Petchkasem Road, Hua Hin, Thailand, 77110, Hua Hin, Thailand, 77110
☎️ เบอร์โทรศัพท์ : 020287411
🌐 Website : RedDoorz Thailand | Facebook
🚩พิกัด : https://goo.gl/maps/XccY3c5DZk...
📍ร้านกาแฟ Srna
⏰เวลาเปิด/ปิด : ทุกวัน เวลา 07:00 - 16:00 น.
☎️ เบอร์โทรศัพท์ : 0898162750
🚩พิกัด : https://goo.gl/maps/jmHudxJvVrBLGFcU7
🌐 Website : S̄rṇa.สรณะ | Hua Hin (facebook.com)
📍ร้านอาหาร บ้านอิสระ
⏰เวลาเปิด/ปิด : ทุกวัน เวลา 11:00 - 21:00 น.
☎️ เบอร์โทรศัพท์ : 0818879229
🚩พิกัด : https://goo.gl/maps/myuUqwniBvsg9yRE8
🌐 Website : ร้านอาหารบ้านอิสระ หัวหิน | Hua Hin | Facebook
📍ร้านอาหาร บ้านใกล้วัง
⏰เวลาเปิด/ปิด : ทุกวัน เวลา 10:00 - 19:00 น.
☎️ เบอร์โทรศัพท์ : 098 910 4262
🚩พิกัด : https://goo.gl/maps/d7VkReNSM8eiJKx86
🌐 Website : บ้านใกล้วัง | Facebook
📍ร้านอาหาร Living Room Bistro & Wine Bar
⏰เวลาเปิด/ปิด : ทุกวัน เวลา 11:00 - 21:00 น.
☎️ เบอร์โทรศัพท์ : 032530485
🚩พิกัด : https://goo.gl/maps/r1ExCBkL8DNwoSzX7
🌐 Website : Living Room Bistro Hua Hin | Facebook
📍ร้านอาหาร ข้าวต้มโฟนลิงค์
⏰เวลาเปิด/ปิด : ทุกวัน เวลา 18:00 - 04:00 น.
☎️ เบอร์โทรศัพท์ : 0822946429
🚩พิกัด : https://goo.gl/maps/esGGCoYafdwGRtyq7
Supernova Mann
วันพฤหัสที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2565 เวลา 11.07 น.