มันจะมีการเดินทางสักกี่ครั้งในชีวิตที่สร้างความสนุกสนาน เร้าใจ และประทับใจให้เรามิรู้ลืม สำหรับ "ดินสอขอเขียน" แล้วขอยกให้ทริปปั่นจักรยานที่เชียงรายทริปนี้
โดยส่วนตัว "ดินสอขอเขียน" ชอบการปั่นจักรยานมากๆ เลย เริ่มปั่นจักรยานตั้งแต่เรียน ป.1 ได้มั้งคะ แต่พอเข้ามาอยู่ในกรุงเทพฯ แล้วก็ไม่ได้จับจักรยานอีกเลย แต่ก็ยังชอบการปั่นจักรยานอยู่นะคะ และครั้งนี้นับเป็นความโชคดีที่ได้ไปร่วมทริปปั่นจักรยานที่ "สิงห์" จัดขึ้น

การปั่นจักรยานในวันนี้แบ่งออกเป็น 2 เส้นทาง คือเส้นทางเลียบแม่น้ำกก และตัวเมืองเชียงราย โดยเริ่มออกตัวจาก "สิงห์ปาร์ค" เส้นทางธรรมชาติเลียบแม่น้ำกกนี้เป็นถนนเลียบฝั่งแม่น้ำที่มีทิวทัศน์อันสวยงาม ทั้งยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าแวะชมมากมาย อาทิ บ่อน้ำร้อนผาประเสริฐ ซึ่งให้บริการอาบน้ำแร่เพื่อสุขภาพแบบบ่อรวมกลาง แจ้งขนาดใหญ่ และอาคารอาบน้ำแร่แบบบ่อแยกไว้รองรับนักท่องเที่ยว เราต่างสนุกสนานไปกับการต้มไข่ในบ่อน้ำาร้อน และอิ่มเอมไปกับการภูมิใจไข่ต้มฝีมือตัวเอง



เส้นทางที่ปั่นวันนี้มีทั้งทางขึ้นเขาสลับกันไปมา สร้างความสนุกสนานให้กับนักปั่นมือใหม่อย่าง "ดินสอขอเขียน" เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะตอนปั่นลงเขาบอกได้คำเดียวว่ามันส์สุดๆ ปล่อยล้อฟรีไปตามทาง มือแค่แตะเบรกไว้เบาๆ แค่นี้ก็สนุกสุดๆ แล้วแหละ ระหว่างทางเราได้ชมวิวพาโนรามาของปางช้าง และไฮไลท์ของเส้นทางนี้ที่ทุกคนต้องแวะถ่ายภาพให้ได้คือ "สะพานแขนอาแหละจะ" สะพานไม้โบราณที่ชาวบ้านช่วยกันอนุรักษ์ไว้ เพื่อใช้ข้ามสัญจรไปมาระหว่าง 2 ฝั่ง แม่น้ำกก ซึ่งจากมุมนี้ทำให้มองเห็นทัศนียภาพอัน สวยงามของลำน้ำกกในอีกมุมหนึ่ง

เมื่อข้ามสะพานแขวนอาแหล่จะมาแล้วเราก็จะมา ถึง "ปางช้างกะเหรี่ยงรวมมิตร" ที่นี่มีบริการนำเที่ยวชม ทุ่งดอกบัวตองในฤดูหนาวซึ่งจะบานสะพรั่งไปทั่วหุบเขา และสถานที่ท่องเที่ยวสุดท้ายของเส้นทางนี้คือ "หมู่บ้านกะเหรี่ยงรวมมิตร" สัมผัสวิถีชีวิตของชนเผ่าต่างๆ ทั้ง กะเหรี่ยงอาข่า ม้ง เย้า และลีซอ เพลิดเพลินไปกับการ เลือกซื้อสินค้าที่ระลึกโดยเฉพาะผ้าทอพื้นเมืองที่สวยงาม ซึ่งสินค้าที่นี่ได้รับการคัดเลือกให้เป็น "หมู่บ้านหัตถกรรม และท่องเที่ยว OTOP 2546" อีกด้วย

มาที่เส้นทางที่ 2 กันบ้าง สำหรับเส้นทางนี้ปั่นกันชิลล์ๆ ค่ะ เพราะเป็นทางถนนธรรมดาในตัวเมืองเชียงรายนี่เอง โดยปั่นผ่านสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ อาทิ หอนาฬิกาเชียงราย ซึ่งนับเป็นศิลปะที่งดงามของจังหวัด ออกแบบโดย อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ จะมีการบอกเวลาทุกชั่วโมง และในเวลา 19.00, 20.00, 21.00 นาฬิกาของทุกวัน ไฟข้างในจะเปลี่ยนสีพร้อมกับมีเสียงเพลงเชียงรายรำลึก หรือดนตรีบรรเลง ดังลั่นใจกลางเมืองให้นักท่องเที่ยว และผู้สัญจรผ่านไปมาได้ชมศิลปะอันวิจิตรแห่งนี้ แสดงแสงสีเสียงตระการตา ต้อนรับนักท่องเที่ยวผู้มาเยือน

จากนั้นเราปั่นไปยัง "อนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งราย" ท่านทรงสร้างเมืองเชียงรายขึ้นเป็นเมืองแรกเมื่อ พ.ศ. 1805 และทรงสถาปนาอาณาจักรล้านนาไทยให้เป็นปึกแผ่น และทรงสร้างความสามัคคีระหว่างชนชาติไทย

อนุสาวรีย์แห่งนี้เป็นที่เคารพสักการะของชาวเมืองเชียงราย และคนทั่วไปที่มาเที่ยวเชียงราย ก็ไม่พลาดที่จะมาไหว้ท่า่น เพื่อความเป็นสิริมงคล

สถานที่ท่องเที่ยวสุดท้ายของการปั่นจักรยานในวันนี้คือ "วัดร่องขุ่น" วัดที่มีความงดงาม ตระการตาในเรื่องของสถาปัตยกรรม และจิตรกรรม ซึ่งเป็นผลงานการออกแบบของ "อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์" จิตรกรไทยที่มีผลงานจิตรกรรมไทยหลากหลาย จนได้รับการยกย่องขึ้นเป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (จิตรกรรม) ในปี พ.ศ. 2554

สิ่งที่โดดเด่นของวัดร่องขุ่นก็คือ "พระอุโบสถ" ที่มีความโดดเด่นด้วยเอกลักษณ์ทางศิลปะ และสถาปัตยกรรมที่แสนวิจิตรอลังการ ไม่ว่าจะเป็นรูปทรงช่อฟ้า ใบระกา โดยตัวพระอุโบสถที่เน้นสีขาวบริสุทธิ์นั้นสื่อแทนพระบริสุทธิคุณ ขณะที่กระจกขาววาววับจับประกายระยิบระยับ หมายถึงพระปัญญาธิคุณของพระพุทธองค์ที่โชติจรัสชัชวาลไปทั่วทั้งโลกมนุษย์และจักรวาล

ก่อนจะเข้าไปในโบสถ์นั้น เราต้องข้ามสะพาน ซึ่งมีความหมายถึงการก้าวข้ามผ่านวัฏสงสารมุ่งสู่พุทธภูมิ โดยมีความเชื่อว่า ใครที่จะเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าในพระพุทธภูมิต้องตั้งจิตปลดปล่อยกิเลสตัณหาของตนเองทิ้งลงไปในปากพญามาร เพื่อเป็นการชำระจิตเราให้ผ่องใสถึงจะเดินผ่านขึ้นไป

อีกหนึ่งอย่างที่เป็นไฮไลท์ของวัดร่องขุ่นแห่งนี้คือ "ห้องน้ำ" นั่นเอง เป็นอาคารสีทอง สวยสะดุดตาจน "ดินสอขอเขียน" แทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองว่านี่หรือคือ "ห้องน้ำ" มันเป็นห้องน้ำที่อลังการมากจริงๆ คร่า

และทั้งหมดนี้ก็คือความสนุก ตราตรึง ที่จะประทับไว้ในใจของ "ดินสอขอเขียน" ตลอดไป

ติดตามเรื่องราวกินเที่ยวฉบับ "ดินสอขอเขียน" ได้ที่ www.facebook.com/EatAndTravelByTT แล้วไปแบ่งปันรอยยิ้มและความสุขไปด้วยกันนะคะ ^ - ^

ความคิดเห็น