สวัสดีจ้า ครอบครัวตะลอนเที่ยวกลับมาแล้ว ทริปนี้เป็นทริปส่งท้ายปี 2565 หาที่กางเต็นท์ชิลๆใกล้ๆกรุงเทพสักวันอากาศยังกำลังหนาวๆอยู่พอดี รอบนี้เลยเบนมาที่อุทัยธานีบ้างไม่เคยเที่ยวจริงๆจังๆสักที่ ว่าแล้วก็ไปชมกันเลยทริปนี้ สองวัน 1 คืน
เดินทางวันที่ 14/12/65
ที่แรกออกจากบ้านมาเช้าที่ห้วยขาแข้ง ต่อด้วย วัดถ้ำเขาวง ต้นไม้ยักษ์ ฝายน้ำล้นปางสวรรค์ ชมความงามหุบป่าตาด และกางเต็นทืที่หุบป่าตาดแคมป์วิวสวยงาม
วันที่สอง เช้าแวะในเมือง วัดท่าซุง Boo bun Tone คาเฟ่ กลับ กทมรูปทั้งหมดถ่ายจาก Nikon D7200 fix35 Tamron70-300 Tokina11-20 และคลิปจาก Iphone 12
มาดูคลิปกันก่อนได้ ฝากกดไลค์ติดตามช่องได้นะครับ
ออกเดินทางกันแต่เช้ามืด ตรงดิ่งมาที่แรก ห้วยขาแข้ง เส้นทางวิ่งง่ายมากมาถึงปากทางเขตรักษาพันธิ์สัตว์ป่า ทางยังเรียบกริ้บ ล้อยังเงางาม
ข้างหลังเป็นพิพิธภัณฑ์ห้วยขาแข้งให้เขาไปชมกันได้ แต่ว่าเรามาเช้าน้องเกลยังหลับอยู่เลยไม่ได้พาลงไปดู
จากนั้นต้องวิ่งเข้าจากด่านแรกมายังด่านที่สองประมาณ 8 โลเป็นทางลูกรังแต่เรียบๆ รถเก๋งก็มาได้สบายครับ
เส้นทางประมาณนี้
ขอถ่ายคู่กับป้ายมรดกโลกหน่อย
ขับเข้ามาไม่นานมากก็มาถึงจอดรถแล้วเดินกันต่อ
เดินข้ามสะพานไปอีกฝั่ง
ตรงนี้เขาไม่ให้ นทท ขับข้ามน้ำไปนะครับให้เดินข้ามสะพานเอา ชมธรรมชาติ
แสงแดดอุ่นๆยามเช้า
วันนี้มาในธีมสีเขียวรักษ์ธรรมชาติ
ที่จริงจุดนี้เคยเปิดให้กางเต็นท์ แต่ว่างดไม่ให้กางมาหลายปีแล้ว เนื่องจากกลางดึกบางคืนจะมีช้างลงมา อาจจเป็นอันตราย นทท เขาเลยงดไม่ให้ค้างแรมกันครับ
เช้านี้มีแต่เรานักท่องเที่ยวกลุ่มแรก
เดินยังไม่ทันเหนื่อยก็ถึงจุดอนุสรณ์สถาน สืบ นาคะเสถียร
รูปปั้น ท่านสืบ
ใกล้ๆรูปปั้นก็เป็นบ้าน สืบนาคะเสถียร
แถวนั้นระหว่างเดินก็จะได้ยินเสียงสัตว์เสียงนกจากในป่าไกลๆ
แต่ถ้าจะเห็นใกล้สุดก็เจ้าลิงจ่อนี้แหละ
ไหนอยู่เฉยๆอย่าดิ้นนน
ไหนอะไรขอดูหน่อยสิ
หมับเข้าปากกกก เอ้ยยพ่อจ๋า มนุษย์มันแอบมองเรา
นั่งเล่นสักแปปให้แดดไล่ก็เดินกลับ
จากอนุสรณ์ เราติดต่อเจ้าหน้าที่ให้เขาพาไปจุดส่องสัตว์ ที่นี้มีเส้นทางศึกษาธรรมชาติให้เลือกเดินได้หลายระยะเลยตั้งแต่ 1-5 โล ติดต่อสอบถามเจ้าหน้าที่ได้ ส่วนวันนี้ที่ผมจะไปคือหอส่องสัตว์ ระยะทางเดินไปชมสั้นๆ ไม่กี่ร้อยเมตร แจ้งทางเจ้าหน้าที่ที่ด่าน แล้วเขาจะวอให้เจ้าหน้าที่ไปรอตรงทางเข้า
ทางเข้าก็อยู่ระหว่างทางที่เราวิ่งเข้ามาจากด่านแรกจะมีจุดให้เลี้ยวเข้าไป แล้วเดินเท้าต่อเพื่อไปหอส่องสัตว์ครับ
ระหว่างทางเจ้าหน้าที่ก็เล่าให้ฟังนู้นนี้นั้นหรือสงสัยอะไรก็ถามได้สบายเจ้าหน้าที่ใจดี ตอบเราตลอดครับ
นี้รอยกงเล็บเสือ ว้าวววมากๆ
แต่เจ้าหน้าที่เขาบอกว่าให้มาดูช่วงหลังบ่ายสอง สัตว์จะออกมาเยอะครับ วันนี้เราไปแต่เช้า เจอแต่นกยูง
มีแต่นกยูงไม่เห้นอย่างอื่นเลย แต่ได้ยินเสียงสัตว์อยู่นะ
นั่งรอดูกันอยู่15นาที สรุปมีแต่นกยูงเหมือนเดิมก็เลยเดินกลับกันครับ
ไว้ต้องกลับมาดูสัตว์ใหม่ไว้ช่วงบ่ายๆน่าจะได้เห็นสัตว์เยอะะกว่านี้ครับ
จากนั้นเราก็ไปต่อที่อำเภอบ้านไร่ ที่แรก ต้นไม้ยักษ์ ใหญ่ยักษ์มากๆสมชื่อ
อลังการฝุดๆๆๆ
ใหญ่หม๊วกกกกก
เอ้ยเจอวัยรุ่นเดินเกาตูด
จุดต่อไป วัดถ้ำเขาวง ชมความงามบรรยากาศเย็นๆ
ให้อาหารปลา
สาธุค่าา
และอีกที่ ฝายน้ำล้นหรือฝายกั้นน้ำปางสวรรค์ ทั้งสามจุด ต้นไม้ยักษ์ วัดถ้ำเขาวง ฝายน้ำล้นปางสวรรค์ จะอยู่โซนเดียวกันในอำเภอบ้านไร่ ไม่ไกลมากใช้เวลาเที่ยวได้ไม่นานครับ
น้ำเย็นสดชื่นเล่นน้ำได้นะถ้าร้อน
ตรงข้ามเหมือนจะเป็นคาเฟ่หรือลานกางเต็นท์กำลังทำ ตอนนี้รีวิวออกสงสัยจะเสร็จละมั้งครับ
จากนั้นย้อนกลับมากันที่หุบป่าตาด อำเภอลานสักที่นอนของเราคืนนี้ ก่อนเข้ากางเต็นท์ แวะอีกสักที่ไม่แวะไม่ได้เลยจุดนี้
ที่นั้นก็คือ หุบป่าตาด
มาถึงก็ติดต่อ จำไม่ได้ว่าค่าเข้ากี่บาท 20-30 เองไม่กี่บาท น้องเกลยังเข้าฟรี แถมมีไฟฉายให้ยืมฟรี เพราะต้องเดินผ่านถ้ำมืดตื้ดตื่อ
ทางเดินช่วงแรกก็เดินบันไดปกติ หินๆนิดหน่อยทางเดินสบาย
จากนั้นก็เขาถ้ำมืดๆระยะสัก200 เมตร ไฟฉายอย่างหว่าง
น้องเกลไม่กลัวแล้วมีไฟฉายช่วงนี้คือกำลังพูดมากสุดๆด้วย ลองฟังได้จากในคลิป555
ฮั่นแน่มีหันมาเรียกพ่อด้วย
พอผ่านถ้ำมาแล้วเมหือนเราหลุดเข้ามาโลกดึกดำบรรพ์
เดินลงบันไดยาวๆ และต้นไม้ใบหญ้าในนี้ดูใหญ่โตไปหมด เหมือนจะมีไดโนเสาร์โผล่ออกมา
มีหินงอกหินย้อย
ตรงนี้สวยว้าวอลังการดีมากครับ
สวยงามแปลกตาอังการมาก
เด็กๆชอบแน่นอนครับ
ไดโนเสาร์ของหนูอยู่ไหนน้าาหาไม่เจอ
ออกจากหุบป่าตาดขับมานิดเดียวก็เจอวิวไฮไลท์ของหุบป่าตาดเลย
วิวสวยเด็ดจริง และก็จะมีลานกางเต็นท์เพียบเลยระหว่างทางชอบมุมไหนจุดไหนก็เลือกได้เลย สวยทุกที่
แดดกำลังร่ม 5 โมงแล้ว
โบกๆๆรถที่เขาขี่ผ่านมา
อันนี้ก็เป็นอีกจุดที่วิวสวย บ้านชายเขา เป็นทั้งร้านอาหารและที่กางเต็นท์ เราแวะซื้อส้มตำจากที่นี้
ส่วนที่เราเลือกกางเต็นท์คือ หุบป่าตาดแคมป์ หัวละ100 บาท มีไฟฟ้า ประปาห้องน้ำสะอาด
ลานกว้างใหญ่มากๆ ชอบตรงวิวข้างหลังมันสวยกว้างดี บางคนอาจจะว่ามันไกลไปแต่ผมชอบแบบนี้นะ
วันนี้เราเหมาลานเลยจ้าวันธรรมดาไม่มีใครเลยลานเป็นของเรา
วิวงามยามเย็น ไอเกลเดินเล่นได้เป็นโล
แค่ 6 โมงกว่าก็เริ่มหนาวแล้ว อากาศลดลงอย่างไว ช่วงที่ไปเป็นช่วงที่ กทม ยังหนาว ที่หุบป่าตาดไม่ต้องสืบ
ชนั้นเราต้องแก้หนาวด้วยชาบูร้อนๆ
ยิ่งมืดยิ่งหยาว คืนนั้นอากาศลงไปถึง 10ต้นๆ หนาวมากๆ
ที่ลานจะมีน้องแมวมารักษาความปลอดภัยเดินไปเดินมาอยู่กะเราทั้งคืน
แถมดาวก็สุดสวยเสียดายว่าช่วงธันวาไม่มีช้างเผือกให้ถ่าย ฟ้าใสดีมากๆ
สวยงามถูกใจสุดๆครับ
ถ่ายรูปเสร็จก็เข้านอน พัดลมไม่ได้ใช้ นอนสบายสุดๆเลย
บรรยากาศยามเช้ายังหนาวอยู่ ภูเขายังบังแดดไว้
โดดเดี่ยวเดียวดาย
สาวๆตื่นแล้วค่ะ
แม่กะหนูหน้าเหมือนกันไหมคะ หรือเหมือนคุณพ่อ
พระอาทิตย์พ้นขอบเขาแล้ว
น้ำค้างหนักมากๆ
หมูกินไม่หมดมะวานได้มื้อเช้าอีกมื้อ
อาาาหร่อยยยย
แดดเริ่มแรง ผ้าใบเสริมข้างออนิ่งที่หูขาดตอนทริปพายุทับเบิก แต่ก็ยังใช้งานได้อยู่บังแดดได้สบายเลย
เราอยู่จนสายเพราะตากเต็นท์ให้แห้งสนิทก่อน พี่แดดก็ทำหน้าที่ได้ดีทีเดียว ตอนกลางวันแดดก็แร็งแรงแต่ลมยังเย็นๆ
เก็บเต็นท์อาบน้ำเสร็จก็เดินทางกลับ
ก่อนกลับขอมุมนี้อีกรอบ
สีแดงแรงฤทธิ์วันนี้
ปืดท้ายคาเฟ่ในเมือง Boo bun Tone คาเฟ่
คาเฟ่เล็กๆแต่น่ารัก
ที่สำคัญ ขนมปังเนยสดเเท้ อร่อยมาก เมนูขึ้นชื่อของร้าน
อร่อยเฉียบบบ
อยู่ติดตลาดบ้านสะแกกรัง
และเติมพลังด้วย โกตี๋ข้าวมันไก่อยู่ระแวกเดียวกันหมดเลยเดินเล่นได้เลยครับ
ปิดท้ายท้ายสุด วัดท่าซุง
สวัสดีค่ะ สาธุ
กราบค่ะ
ช่องหยอดเหรียญอยู่ไหนคะพ่อ
เป็นอันจบืรปสั้นๆเบาๆแต่เกินคาดอีกแล้วทริปนี้ ไม่ได้หาข้อมูบอะไรเท่าไหร่ กลายเป็นได้ทั้งอากาศหนาวมากๆและสถานที่สวยๆและตื่่นตาแบบหุบป่าตาด มาเที่ยวกันได้เลยแนะนำจ้า
ส่วนค่าใช้จ่ายไม่ได้จดเลยเวลาไปกันแค่ครอบครัวพ่อจะจ่ายทั้งทริปเลยลืมจด555
แล้วพบกันใหม่กับครอบครัวตะลอนเที่ยววันนี้ไปแล้วจ้า
เที่ยวทั่วไทยไปกับไทรทัน
เหลี่ยมพาเที่ยว
วันพุธที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2566 เวลา 00.10 น.