yt4gtmo7ieul

ผมได้ร่วมสนุกกับเพจ เที่ยวอีสาน.com โดยการออกแบบทริปในฝัน 365 วัน เที่ยวอีสานได้ทุกวัน ในเส้นทางท่องเที่ยวภาคอีสาน ซึ่งผลงานของผมไปเข้าตาคณะกรรมการ จึงได้ถูกคัดเลือกเป็น 1 ใน 5 ผู้โชคดีที่ได้ร่วมทริปท่องเที่ยว สกลนคร-มุกดาหาร-นครพนม 3 วัน 2 คืน ครับ

บอกเลยว่าทริปนี้พิเศษสุดสำหรับผมจริงๆ เพราะทริปนี้ไม่ใช่การมาเที่ยวอีสานครั้งแรกของผม ส่วนจะเป็นครั้งที่เท่าไรนั้น ผมเองก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน เอาเป็นว่านิ้วที่มีอยู่ในร่างกายไม่พอนับก็แล้วกัน แต่การมาเที่ยวอีสานในครั้งนี้มันทำให้ผมรู้เลยว่า ที่ผ่านมาผมรู้จักอีสานเพียงแค่เปลือกนอกเท่านั้น มาเที่ยวทริปนี้ผมได้ประสบการณ์ดีๆ ได้ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ ได้เห็นในสิ่งที่ไม่เคยเห็น เป็นการเปิดมุมมองใหม่ของการเที่ยวอีสานของผมเป็นอย่างมาก อยากรู้ว่าผมพบเจออะไรมาบ้าง ตามผมไปเที่ยวกันเลยครับ

จากสนามบินดอนเมือง มุ่งหน้าสู่สนามบินสกลนครครับ เมื่อมาถึงสกลนครแล้ว จุดหมายแรกปักหมุดที่ บ้านนานายฮ้อยโฮมครันทรี แห่งบ้านนาเชือก อำเภอพังโคน ที่นี่มีกิจกรรมให้เราได้ทำหลากหลาย ตามคอนเซป จิบไวน์ ชมควาย สปากระทะสมุนไพร นั่งเรือชมเขื่อน ล้อมวงพาแลง การแสดงฟ้อนควาย แต่อันดับแรก ขอเติมพลังกันก่อนดีกว่า โดยเจ้าบ้านได้เตรียมข้าวเหนียวหมูทอดไว้ให้กับสมาชิกทุกๆ ท่านครับ

24hy7f6kwkl1
0bjr9qpzrjz2

กิจกรรมแรกหลังอิ่มท้องคือการนั่งเรือท่ามกลางบรรยากาศของเขื่อนน้ำอูนเพื่อไปชมวิถีชีวิตคนกับควายที่เกาะเพชรทองคำครับ โดยเราต้องนั่งรถมอเตอร์ไซด์พ่วงข้างไปขึ้นเรือที่ริมเขื่อนน้ำอูนครับ

z69fgj8uv0i6
jlhqsyfbsvib
7w3xq30ts1ym

เขื่อนน้ำอูนกินพื้นที่บางส่วนของอำเภอพังโคน วาริชภูมิ นิคมน้ำอูน กุดบาก และ อำเภอพรรณานิคม ในช่วงที่น้ำในเขื่อนน้ำอูนลดลง จะปรากฎเกาะน้อยใหญ่กระจายอยู่โดยรอบ เกาะที่ผุดขึ้นมานี้ ชาวบ้านนิยมนำควายมาเลี้ยง ซึ่งระหว่างที่เราล่องเรือจะเห็นฝูงควายหากินบนเกาะอยู่หลายเกาะ นับรวมๆ กว่าร้อยตัวครับ

y5r4p5lrcvgz
j7ocar89lwp9
kimho7ki4nzp

นั่งเรือประมาณครึ่งชั่วโมง ก็มาถึงเกาะเพชรทองคำแล้วครับ บนเกาะเพชรทองคำมีการเลี้ยงควายประมาณ 40-50 ตัว พ่อเพชร เจ้าของควายเหล่านั้นเล่าให้ฟังว่าควายที่นี่จะถูกเลี้ยงตามธรรมชาติ ปล่อยให้หากินเอง จึงมีความสามารถมุดกินแหน กินหญ้าใต้น้ำได้ พ่อเพชรเลยตั้งฉายาให้ควายที่นี่ว่าควายอารมณ์ดี และพ่อเพชรก็จะตั้งชื่อให้กับควายทุกตัวด้วยครับ

zjmlwpf3475z
dl7a2u4kk7qt
hedjzu1uni3j
66xo0dh6cuy0
sjn6ek7g4pes
6xd91fvr10da
57th265wcn78

จากนั้นมาฟังคุณอ้อยเล่าถึงกิจกรรมต่างๆ ที่นักท่องเที่ยวสามารถมีส่วนร่วมได้ในบ้านนานายฮ้อยครับ

ปัจจุบันที่หมู่บ้านนาเชือกมีการทำผ้าย้อมมูลควายและมีการคิดต่อยอดเพื่อเพิ่มมูลค่าผ้าย้อมมูลควาย จึงผุดไอเดียเก๋ๆ จากการนำความเชื่อของผู้เฒ่าผู้แก่ในหมู่บ้าน ที่มีการเลี้ยงควายธนูเพื่อไว้ปกป้องจากสิ่งชั่วร้าย และอยากส่งต่อความเชื่อดังกล่าวให้คนรุ่นใหม่ได้รู้เรื่องราวของควายธนูผ่านพวงกุญแจน่ารักกุ๊กกิ๊ก ที่สามารถพกพาไปไหนต่อไหนก็ได้ด้วย เหมือนเป็นเครื่องรางประจำตัวเรา โดยเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้ทำ Workshop พวงกุญแจควายธนูครับ

nl0ai1wew762
13mf2ig0rur4
5z634u4k4dd0
pmay4fxwk0w7
evl94h2bt8lb

ควายธนูฝีมือผม น่ารักไหมครับ

zd9vnlyxuyxz

ต่อด้วยการทำสปากระทะสมุนไพรครับ พี่ๆ แม่บ้านจะนำกระทะตั้งไฟ รอจนน้ำอุ่นๆ จากนั้นจะใส่สมุนไพรต่างๆ พร้อมน้ำมันหอมระเหยลงไป จนกลิ่นของสมุนไพรหอมเตะจมูก หลังจากนั้นก็นำหมู เอ๊ย... นำตัวลงแช่ในกระทะได้เลยครับ บอกเลยว่าเส้นสายที่ตึงๆ นี่ คลายยยย.. สบายตัวเลยทีเดียว ยิ่งได้แช่น้ำอุ่นๆ พร้อมสูดกลิ่นหอมๆ มันทำให้รู้สึกผ่อนคลายเป็นอย่างมาก

z69fh4kuvj8b
johpti0j0qnj
3snxrjuahw9b
azswqgv609v9
2l6rlcva7fdr
oj2hq61prtgl

อีกหนึ่งคอนเซปการท่องเที่ยวชุมชนบ้านนาเชือกคือ ล้อมวงพาแลง หรือการทานอาหารมื้อเย็น แต่เนื่องจากว่าเราไม่ได้พักค้างคืนที่นี่ เลยไม่มีโอกาสได้ล้อมวงพาแลง แต่ก็ยังมีโอกาสได้ชิมอาหารพื้นถิ่นของคนที่นี่ในมื้อเที่ยงครับ ชุมชนจะเตรียมอาหารที่หาได้จากพื้นถิ่นนำมาประกอบเป็นอาหารมื้อกลางวันให้เราได้ทาน มีทั้งอาหารชั้นสูงอย่างก้อยสุดสอยหรือยำไข่มดแดง แล้วยังมีไข่เจียวไข่มดแดงด้วย ทานคู่กับปากอีไทยทอด แจ่วหัวโปก ปลานึ่งสมุนไพร แกงไก่บ้าน และส้มตำ บอกได้คำเดียว แซ่บหลาย

cnyz7xrj9dpb
503jlaglqhhd

หากใครสนใจเปิดประสงการณ์ดีๆ เรียนรู้วิถีคนกับควาย สามารถติดต่อสอบถามได้ที่เพจ NaiHoy Home Country ความสุขวิถีธรรมชาติ กับบ้านนานายฮ้อย หรือที่เบอร์คุณอ้อย 087-2225256 ได้เลยครับ

vjtdzizmpvma

สำหรับค่าบริการต่างๆ มีดังนี้ครับ

ล่องเรือชมเกาะเพชรทองคำ เหมาเรือลำละ 2,200 บาท โดยสามารถนั่งได้ 20-30 คน

ทำพวงกุญแจควายธนู คนละ 150 บาท

สปากระทะสมุนไพร (นวด+แช่กระทะ) คนละ 890 บาท หากแช่กระทะอย่างเดียว 450 บาทครับ

จากนั้นไปต่อที่หมู่บ้านท่าแร่ หมู่บ้านที่มีประชากรนับถือศาสนาคริสต์มากที่สุดในประเทศไทย ชาวบ้านแทบทุกหลังคาเรือนนับถือศาสนาคริสต์ จึงไม่แปลกใจเลยที่แถวนี้จะเห็นโบสถ์อยู่มากมาย อีกหนึ่งโบสถ์ที่น่าสนใจ ไม่แวะไม่ได้ นั่นคือ "โบสถ์อาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอล" โบสถ์ขนาดใหญ่รูปทรงคล้ายเรือ สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงการอพยพมาตั้งถิ่นฐานของคริสตชนในหมู่บ้านนี้ เสียดายที่วันที่ผมไปโบสถ์ปิด ผมเลยไม่มีโอกาสได้เข้าไปชมด้านในครับ

อีกหนึ่งกิจกรรมที่มาถึงหมู่บ้านท่าแร่แล้วไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง นั่นคือการเดินชมบรรยากาศความสวยงามของบ้านโบราณที่มีอายุมากกว่า 100 ปี อาคารบ้านเรือนส่วนใหญ่ในชุมชนท่าแร่ถูกสร้างขึ้นแบบตึกปูนทรงยุโรปในรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบฝรั่งเศสผสมเวียดนาม อาคารแต่ละหลังถูกสร้างขึ้นด้วยการใช้ภูมิปัญญาช่างและประสบการณ์การก่อสร้างบ้านแบบก่ออิฐฉาบปูน ไม่มีช่างใดทำได้และไม่ค่อยพบเห็นที่ไหน ปัจจุบันเทศบาลตำบลท่าแร่ได้ใช้ตึกเหล่านี้เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวทางด้านสถาปัตยกรรมของบ้านท่าแร่ ใครอยากรู้ว่า “ตึกฝรั่งช่วงญวน” เป็นอย่างไร ลองไปเดินหาคำตอบที่หมู่บ้านท่าแร่ดูนะครับ

zzsr1x576vgw
t4u3rd2kw6fw
z6t5rqhk1x3e
8sw2plbyafvi

ไปต่อที่สวนแมนคราฟ เรียนรู้งานคราฟจากคุณปราชญ์ ศิลปินทำงานผ้าย้อมสีธรรมชาติ เจ้าของแบรนด์ Mann Craft โดยเน้นเรื่องงานคราม สีย้อมที่มีชีวิต เป็นหลัก ผมได้รับความรู้จากตรงนี้หลายอย่างเลย ได้เห็นต้นครามเป็นครั้งแรก ได้เห็นขั้นตอนกระบวนการทำผ้ามัดย้อม รวมถึงได้ลงมือทำผ้ามัดย้อมด้วยตัวเอง

d8wnodnwdqmh
8s7qu0ygkw7v

หลงเข้าใจผิดมาโดยตลอด คิดว่าผ้าย้อมคราม จะมีความนิยมในกลุ่มคนเล็กๆ เท่านั้น จนเมื่อได้มาฟังคุณปราชญ์ บอกเล่าเรื่องราวของคราม ถึงได้รู้ว่าจริงๆ แล้วครามมีมาตั้งแต่เมื่อหกพันปีก่อนแล้ว

พืชที่ให้สีครามมีอยู่ทั่วโลก ทั้งฝรั่งเศส แอฟริกา ไทย ลาว อินเดีย แต่บ้านเราใช้ครามจากพืชตระกูลถั่วเช่นเดียวกับประเทศอินเดีย ซึ่งสามารถขึ้นเองตามธรรมชาติ กระบวนการย้อมเกิดจากการตกทอดจากรุ่นสู่รุ่น มีการทดลองต่างๆ โดยครามที่พบเจอครั้งแรกเมื่อหกพันปีที่แล้วที่เปรู นับเป็นสีย้อมธรรมชาติที่เก่าแก่ของมนุษย์รองจากการย้อมดิน ย้อมโคลนครับ

ในบ้านเรามีพืชที่ใช้ในการย้อมครามหลากหลายสายพันธุ์ ทางเหนือมีการใช้ต้นฮ่อม ย้อมผ้าม่อฮ่อม แถบอีสานนำครามจากพืชตระกูลถั่วมาย้อม ครามจะเป็นองค์ความรู้ที่มีมานาน เป็นสีย้อมที่มีชีวิตครับ

nev2b9xrh83y
eepmt3tuq6vd

การสกัดสีคราม ต้องเก็บเกี่ยวครามต้นสดอายุ 100 วัน นำมาแช่น้ำไว้ประมาณ 16-36 ชั่วโมง หรือประมาณ 2 วัน แล้วแต่อุณหภูมิในแต่ละช่วง จากนั้นจะมีสีออกมาเป็นสีเขียวอมฟ้า จากนั้นนำปูนขาวมาผสมให้ตกตะกอน จะเกิดปฏิกิริยาจนเกิดเป็นเนื้อครามออกมา แล้วจึงนำเอาเนื้อครามออกมากรองอีกครั้ง เราต้องใช้วิธีการผสมด่างขี้เถ้า ซึ่งมีความเป็นด่างสูง ผสมกับน้ำตาลจากผลไม้ โดยที่นี่ใช้มะขามเปียก ผสมในอัตราส่วนที่เหมาะสม จะเกิดเป็นน้ำย้อม จึงสามารถย้อมได้ ในหม้อครามจะมีการหมักจุลินทรีย์หลายล้านตัว ในช่วงอากาศหนาวจัดหรือร้อนไป สีก็จะย้อมไม่ติด การย้อมครามจึงผูกติดกับวิถีชีวิตและฤดูกาลด้วย จึงเป็นที่มาของสีย้อมที่มีชีวิต

pgtzzh9wiogx
rpcxoz1uaohg
unj4sgq79ktw

ผมได้ลงมือมัดย้อมเสื้อด้วยครามด้วยครับ สนุกดี ทำไปก็ลุ้นไปว่าลายที่ออกมาจะสวยถูกใจหรือเปล่า ยิ่งย้อมครามหลายรอบเท่าไร ก็จะทำให้สีครามที่ได้เข้มขึ้นครับ แต่ส่วนใหญ่จะย้อมไม่เกิน 3 รอบครับ

7irwrnid6h9w
l4cs06ra8hi8

เสื้อย้อมคราม ลายแบบนี้มี 1 เดียวในโลก ฝีมือผมเองครับ

hgdtbo112nlp

หลังจากทำ Workshop เสร็จ คุณปราชญ์พานำชมมุมจำหน่ายสินค้าของแบรน Mann Craft ครับ

5al2jf6vg0yj
yrtux9mu6g85
tlrl5kb44983

และนำชมห้องแสดงผลงานด้วยครับ

ltoqctvc2llt
vcrbolwkblce
zi81sq6xoiza
au4rglcv3dfe

เพื่อนๆ คนไหนอยากจะเรียนรู้การย้อมครามหรือมาทำ DIY โคมคราม สามารถเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ FB : สวนแมน Man Gardens หรือที่เบอร์โทร 081-0556301 ครับ

มื้อเย็นฝากท้องที่ร้านฟาร์มฮัก มีเนื้อโคขุนโพนยางคำเป็นพระเอก มีเมนูปิ้งย่างและแจ่วฮ้อนด้วยครับ

3r69yc7m27qt

คืนนี้เข้าพักที่ @Sakon Hotel ที่พักน่ารักๆ กลางใจเมืองสกลนคร ภายในโรงแรมตกแต่งสวยเลยทีเดียว ห้องพักสะอาด เงีบบสงบ เหมาะกับการพักผ่อนครับ

r8i7doel6wtp
0l7g6qaexaoa
vpfwg3w7wem4
5gfip29qit4m
2y4rykrkwkla
j0vu8dsiwdoc

บรรยากาศในห้องอาหารยามเช้าครับ

ylcshtfqwfns

บริการอาหารเช้าแบบ Buffet ด้วยเมนูพื้นถิ่นครับ ชอบถูกใจผมจริงๆ เพราะไม่ค่อยได้เห็นเมนูอาหารเช้าแบบนี้เลย เช้านี้มียำสลัดรวม หมูทอด หมูทอดไข่ลูกเขย น้ำพริกมะกอก หมูยอทอด เนื้อโพนยางคำผัดพริกหวาน ข้าวต้มหมู เสริมด้วยไข่กระทะและก๋วยจั๊บญวนครับ

7c1obgauq2ea
uf2ju6nbojxq

เช้าวันใหม่มุ่งหน้าสู่จังหวัดมุกดาหาร เพื่อไปตามรอยศรัทธาพญานาค 3 พิภพ ตามโครงการ Unseen New Series โดยจุดหมายแรกปักหมุดที่แก่งกะเบา อ.หว้านใหญ่ จ.มุกดาหาร ซึ่งเป็นที่ตั้งของ พญาศรีภุชงค์มุกดานาคราช

5xvkrnk1hram

จุดแรกเราจะพบกับนางพญานาคิณีเทวีศรีปางตาล แม่ย่าทองคำ ราชินีแห่งนาคราชครับ

s91foslnejwj

ถัดเข้าไปริมแก่งกะเบาเป็นที่ตั้งของ “พญาศรีภุชงค์มุกดานาคราช” ประติมากรรมที่สง่างาม เข้มขลังและน่าเกรงขาม เป็นองค์พญานาคประดับหินอ่อนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีความสูง 11.11 เมตร ยาว 51.40 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลางตลอดลำตัว 1.50 เมตร ประติมากรรมนี้ถูกออกแบบให้มีสามซุ้ม ท้องพญานาคมีลักษณะโค้งเป็นซุ้มประตู ซุ้มแรก หมายถึง การมีสุขภาพแข็งแรง ซุ้มที่สองหมายถึง ความร่ำรวย และซุ้มที่สาม หมายถึง ความสำเร็จสัมฤทธิ์ผล

9oi67nd69w3d
bumo3cprmnd6
14tvy6sm1i6m

ชื่อขององค์พญาศรีภุชงค์มุกดานาคราช หมายถึง พญานาคผู้นำความเป็นสิริมงคลและความรุ่งโรจน์มาสู่จังหวัดมุกดาหาร องค์พญานาคเปรียบเสมือนพญานาคดิน เป็น 1 ใน 3 ขององค์พญานาคแห่งมุกดาหารครับ

pq610trovtr1

เครื่องสักการะองค์พญาศรีภุชงค์มุกดานาคราชครับ

t5xm11cqa3kl

เมื่อสักการะองค์พญาศรีภุชงค์มุกดานาคราชเสร็จ มาชมบรรยากาศแก่งกะเบากันบ้างครับ แก่งกะเบาจะมีความงามที่สุดในช่วงฤดูแล้ง เพราะจะสามารถมองเห็นแก่งหินกลางลำน้ำโขงและหาดทรายได้ชัดกว่าฤดูอื่นๆ ครับ

4nzy9rz3ta6x
34fix1x2cyhw

จากนั้นไปกันต่อที่สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 2 (มุกดาหาร-สะหวันนะเขต) ซึ่งเป็นที่ตั้งองค์พญาอนันตนาคราชครับ

เชื่อกันว่าบริเวณสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งนี้คือปากถ้ำสู่เมืองบาดาล และตามตำนานพญาอนันตนาคราชถือเป็นราชาแห่งพญานาคทั้งปวงและเป็นเจ้าแห่งท้องสมุทร ทางจังหวัดมุกดาหารจึงได้จัดสร้างรูปปั้นพญาอนันตนาคราชขึ้น โดยให้มีลักษณะเลื้อยพันรอบเสาสีทองที่มีความสูงเหนือสะพานมิตรภาพ ช่วงลำตัวองค์พญานาคมีเกล็ดสีดำตัดกับแผงสีทอง หันพระเศียรไปทางแม่น้ำโขง โดยเชื่อกันว่าผู้ที่มาสักการบูชาจะพบกับความร่มเย็น ร่มรื่น ราบรื่น องค์พญาอนันตนาคราชเปรียบเสมือนพญานาคน้ำ เป็นอีก 1 ใน 3 ขององค์พญานาคแห่งมุกดาหารครับ

q9jus2yow51w
xky9ya12vkoa

ติดกันเป็นรูปปั้นของปู่พญาชัยยะนาคราช เสนาธิการทหารขององค์ปู่ศรีสุทโธนาคราช ผู้ที่มีอิทธิพลอย่างมากในการเป็นเจ้าแห่งวังนาคินของท่าน

soucfoozezxf

ติดกับรูปปั้นของปู่พญาชัยยะนาคราช เป็นที่ตั้งของเรือนจอมเพชร พิพิธภัณฑ์ความเชื่อทางศาสนาและพญานาค เป็นเรือนไทย 3 ชั้น คือ ชั้นบาดาล ชั้นโลกมนุษย์และชั้นสวรรค์ ด้านในจัดแสดงเพชรพญานาค ซึ่งจะเป็นการรวบรวมหิน แก้ว จากถ้ำต่างๆ ทั่วประเทศ มาไว้ในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ครับ

4ezc6zowut5t
qxj4ls0l14bn
tx642y6go38s

พักเบรกมื้อเที่ยงที่ร้านบ้านลาวญวน เต็มอิ่มกับอาหารไทยเวียดนาม

7mhypuf0dhig

เด็ดสุดคืออาหารเวียดนามครับ มาทั้งแหนมเนือง กุ้งพันอ้อย บั่นหอยหมูผัด ยำไก่ญวณ ปอเปี๊ยะญวน และหมูสะเต๊ะ อร่อยทุกเมนูจริงๆ ครับ

yw3294iq3myn
zfn1d1w68qgb

ผมเพิ่งจะเคยกินแหนมเนืองสูตรมุกดาหารเป็นครั้งแรก ก็อร่อยดีครับ แป้งของแหนมเนืองที่นี่จะเป็นแป้งแห้งๆ แผ่นบางๆ ไม่หนึบหรือไม่ต้องแช่น้ำเหมือนที่เคยกินมาก่อน รสสัมผัสคือกรอบๆ กินแล้วยุ่ยในปาก อร่อยดีครับ

jw58c4m9zol7

ร้านบ้านลาวญวนตั้งอยู่ริมโขง มองเห็นทิวทัศน์ของแม่น้ำโขง และฉากหลังเป็นเมืองสะหวันนะเขตครับ

sja8j3ixsgjq

จากนั้นนั่งสกายแลปไปจิบเครื่องดื่มเย็นๆ ที่ร้าน Good Mook Café ร้านคาเฟ่ที่ดูจากภายนอกเหมือนไม่มีอะไร แต่ด้านในมีมุมเก๋ๆ ให้ถ่ายรูปมากมายครับ

x9anxqegneza
o09i4c1v9vv7
9ois75cxbzxl
agczqlf1hstu
8d3lc1x69x2u
rpipmo3nq216

หลังจากเรียกความสดชื่นกลับมาแล้ว ผมมุ่งหน้าสู่วัดรอยพระพุทธบาทภูมโนรมย์ วัดเก่าแก่ของมุกดาหารครับ การเดินทางขึ้นภูมโนรมย์ เราต้องจอดรถไว้ที่ลานจอดด้านล่าง จากนั้นนั่งรถสองแถวของทางวัดขึ้นไปยังด้านบน โดยค่าโดยสารแล้วแต่จิตศรัทธาครับ

ภายในวัดเป็นที่ประดิษฐานพระเจ้าใหญ่แก้วมุกดาศรีไตรรัตน์ พระพุทธรูปปางมารวิชัยองค์ใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่บนยอดเขาภูมโนรมย์ สร้างขึ้นเป็นพระพุทธรูปเฉลิมพระเกียรติ ร.9 เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 ครับ

5u36fgpritl1

อีกหนึ่งไฮไลท์คือ การมากราบสักการะพญาศรีมุกดามหามุนีนีลปาลนาคราช รูปปั้นพญานาคเศียรเดียวองค์ใหญ่ สูงประมาณ 20 เมตร ขนาดลำตัวยาว 122 เมตร ลำตัวเลื้อยขดไปมาดูราวกับมีชีวิต ชูคอหันไปทางแม่น้ำโขง มีเกล็ดสีน้ำเงินเข้มอมเขียวเป็นประกายยามต้องแสงแดด ผู้ที่มาสักการะกราบไหว้องค์พญานาค ให้ตั้งจิตอธิษฐานแล้วเดินลอดท้องพญานาคทั้ง 7 ช่อง เชื่อกันว่าจะช่วยให้เจริญรุ่งเรือง เติบโต เลื่อนตำแหน่ง ครับ องค์พญาศรีมุกดามหามุนีนิลปาลนาคราช เปรียบเสมือนพญานาคฟ้า เป็นอีก 1 ใน 3 ขององค์พญานาคแห่งมุกดาหารครับ

4w2quzsd8n0d
hwnb7zpep3b0
bb0frxu7byy3
4qejsxgicsvb

ระหว่างเส้นทางเดินเท้าที่จะไปสักการะองค์พญาศรีมุกดามหามุนีนิลปาลนาคราช เห็นช่างกำลังสลักองค์พระพุทธรูปจากหินด้วยครับ

w2gcc8j7np18
b3jvqv1lfqk2

เมื่อแดดร่มลมตก เราออกไปหามุมเก๋ๆ ถ่ายภาพกันที่ Street Art มุกดาหาร ในตัวเมืองมุกดาหารครับ ชาวมุกดาหารได้ร่วมกันปลุกชีวิตเมืองเก่าๆ ให้กลับมามีสีสัน บอกเล่าวิถีชีวิตความเป็นตัวตนของมุกดาหารผ่านภาพวาดสีสดใส

7bofuh3gqmaj
ctvv1u6mourf
4etbt2lap264
a2sxpgesfhtj
kwn4d2947oag

จากนั้นไปทานมื้อค่ำที่ร้านนัดพบริมโขง อร่อยทั้งรสชาติและเต็มอิ่มกับบรรยากาศริมโขง

7ou2asvxpvcf

มื้อนี้ได้ออเดิร์ฟอีสาน ยำสามกรอบ ผัดผักรวมกุ้ง ต้มยำปลาคัง หมึกนึ่งมะนาว และปลากระพงทอดน้ำปลาครับ

ehfyt9wc932b
dw2bvhrwpezp

คืนนี้เข้าพักที่โรงแรม Hotel de Ladda ที่พักริมโขงที่หรูหรา จากห้องพักสามารถมองเห็นวิวแม่น้ำโขงในมุมมองแบบพาโนรามาเลยครับ

8hqf1movdm0t
ul3i91rgsy9a

ห้องพักกว้างขวาง เตียงและหมอนนุ่มหลับสบาย อุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน มีระเบียงให้ออกไปชมวิวแม่น้ำโขงด้วยครับ

r8gq2ng2zzer
e6s9kcol9drz
hi9wf8cxs8t1
u96lzrtd15vm
l4u2t6sc7nit
igf3or46d4k1

เช้าวันใหม่ เอาฤกษ์เอาชัยด้วยการตักบาตรรุ่งอรุณ ริมแม่น้ำโขง ใกล้ๆ โรงแรมที่เราพักครับ จริงๆ แล้ว สามารถรอตักบาตรที่ด้านหลังโรงแรมได้เลย แต่ผมว่าบรรยากาศไม่คึกคักเท่ากับจุดนี้ครับ

dqksv7i11s8u
gzmftojq7ye4
6prx10hsu9y4
kolgv3i9nxst
ep2tgo1liwgf

หลังตักบาตรเสร็จแล้ว เดินเล่นชมบรรยากาศริมฝั่งโขง ประมาณ 100 เมตรก็มาถึงโรงแรมแล้วครับ

2yystw83nln5
zabbhbmtvbav

เติมพลังด้วยอาหารเช้าของโรงแรมก่อนที่จะออกเดินทางไปยังนครพนมครับ

r5mvjvor0t0d
pkjvbz7mz6m2
nq2cnpum3r23
t060ff6bss1x

จากมุกดาหาร มุ่งหน้าสู่จังหวัดนครพนม โดยจุดหมายแรกปักหมุดที่วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหารครับ

พระธาตุพนม สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดนครพนม และเป็นที่เคารพศรัทธาของชาวอีสาน สร้างขึ้นเมื่อต้นพุทธกาล ประมาณ พ.ศ.8 ในสมัยอาณาจักรศรีโคตรบูรเจริญรุ่งเรือง เป็นพระธาตุที่แสดงถึงความเจริญรุ่งเรืองทางพุทธศาสนาของนครพนมมาตั้งแต่อดีตกาล องค์พระธาตุได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์หลายครั้ง จนเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2518 พระธาตุพนมได้ล้มทลายลงทั้งองค์ เนื่องจากความเก่าแก่ขององค์พระธาตุและภัยพิบัติจากการเกิดฝนตกพายุพัดแรงติดต่อกันหลายวัน ประชาชนได้ร่วมบริจาคทุนทรัพย์ และรัฐบาลได้ก่อสร้างองค์พระธาตุขึ้นใหม่สร้างครอบฐานพระธาตุองค์เดิม โดยรักษารูปแบบเต็ม ก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อ 23 มีนาคม 2522 ภายในพระธาตุบรรจุพระอุรงคธาตุของพระสัมสัมพุทธเจ้า นอกจากนี้ยังบรรจุของมีค่ามากมายนับหมื่นชิ้น ผมเองก็เคยมีโอกาสได้เข้าไปชมด้านในองค์พระธาตุมาแล้วหนึ่งครั้ง

dklhdn2ig2oo
lcy39bsnu4xo

พระธาตุพนม พระธาตุประจำวันเกิดของผู้ที่เกิดวันอาทิตย์ และพระธาตุประจำปีเกิดของผู้ที่เกิดปีวอก เชื่อกันว่าหากใครมานมัสการพระธาตุพนม จะได้อานิสงส์เสริมสิริมงคลแก่ชีวิตให้เป็นผู้มีบุญบารมี จะทำให้ผู้คนเคารพนับถือมาก และว่ากันว่าหากใครได้มานมัสการพระธาตุครบ 7 ครั้ง จะถือว่าเป็น “ลูกพระธาตุ” ซึ่งผมเองก็น่าจะใกล้ๆ 7 ครั้งแล้ว แต่ผมว่าหากมีโอกาสมาสักการะองค์พระธาตุพนมเพียงครั้งเดียว ก็ถือเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตแล้วครับ

nheraxoybtcg
hyidduiv99hl
nnrfy9t4fkch

จากนั้นมุ่งหน้าสู่ตัวเมืองนครพนม แวะเติมพลังที่ร้านเรือนริมน้ำ โดยเที่ยงนี้มีเมนูโคขุนผัดพริกไทยดำ ปลาเนื้ออ่อนทอดกระเทียม ทอดมันปลากราย หลนปู และปลากระพงนึ่งมะนาวครับ

at3k3z5s2sof
hn8szt2c2gfd

หลังอิ่มท้อง ไปชมโบสถ์เก่าคำเกิ้ม วัดคาทอลิกหลังที่ 3 ในภาคอีสาน ปัจจุบันเป็นโบสถ์ที่เก่าแก่ที่สุดในภาคอีสานครับ ลักษณะสถาปัตยกรรมของโบสถ์เก่าคำเกิ้มเป็นแบบผสมระหว่างตะวันตกกับตะวันออก โครงสร้างผนังก่ออิฐถือปูนแบบยุโรป แต่โครงหลังคาทำด้วยไม้และหลังคามุงไม้แป้นเหมือนชาวบ้านอีสานสมัยนั้นครับ

lk9cyyn5aybx
yae43101yugj
aqf4b2sxp6j9

เดินทางต่อไปยังวัดพระบาทเวินปลา เพื่อสักการะรอยพระพุทธบาทที่ปรากฏอยู่บนดอนพระบาท หรือโขดหินเล็กๆ กลางแม่น้ำโขง ซึ่งรอยพระพุทธบาทจะปรากฏให้เห็นเฉพาะในฤดูแล้งเท่านั้น

3g8wsfgu59gi

ด้านบนโขดหินหากสังเกตดีๆ จะมีลักษณะคล้ายรอยเท้ามนุษย์อยู่สองรอย รอยบนเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า รอยล่างเป็นแผ่นแบบเรียบ ตรงกลางมีรูกลมหนึ่งรูมีนิ้วห้านิ้ว นิ้วโป้งอยู่ด้านล่าง จะปรากฏในช่วงหน้าแล้งและชัดที่สุดในเดือนเมษายนของทุกปีครับ

4d8129omkwk5
l98jo3cjyott

จากนั้นแวะจิบเครื่องดื่มยามบ่ายก่อนเดินทางกลับที่ร้าน Jungle Space Café & Bristro ท่ามกลางบรรยากาศกลางป่าและอ่างเก็บน้ำครับ บรรยากาศในร้านดีมากๆ นี่ถ้ามาในช่วงแดดร่มลมตก คงจะมีแรงให้เดินหามุมถ่ายรูปมากกว่านี้ครับ

2ko570gf5d6c
qxewb1yre9bz
ubqy6m8q03r3
i56u32vau3yw

ทริปนี้เป็นทริปที่เปิดมุมมองใหม่ของการเที่ยวอีสานของผมเป็นอย่างมาก หากใครอยากมีประสบการณ์ดีๆ แบบผม กดติดตามเพจเที่ยวอีสาน.com ไว้เลยครับ รับรองว่ามีกิจกรรมดีๆ ให้แฟนเพจได้ร่วมสนุกกันอย่างต่อเนื่องแน่นอน ผมอยากจะให้เพื่อนๆ ได้ลองไปเที่ยวอีสานกันดูนะครับ อีสานมีอะไรให้น่าค้นหาอีกเยอะเลย หากเพื่อนๆ พร้อมเมื่อไรค่อยออกเดินทางไปเที่ยวอีสานกันครับ เพราะ 365 วัน เที่ยวอีสานได้ทุกวัน

ท้ายสุดนี้ต้องขอขอบคุณการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และทีมงานเที่ยวอีสาน.com ที่จัดโปรแกรมการท่องเที่ยวอีสานดีๆ พร้อมดูแลสมาชิกในทริปทุกท่านเป็นอย่างดีครับ

vczhguqckzl4
ความคิดเห็น