Seventh day

ผมตัดสินใจออกจากงานและมาทำตามสิ่งที่ใจบ้าๆเรียกร้อง

Part1:
การตัดสินใจที่ไม่ได้คิดว่าจะเกิดอะไรขึ้น ได้นำผมมา ณ ที่แห่งนี้ "Shumbala in your heart" เทศกาลดนตรีที่มีประชาชนคนรักอิสระเสรีมารวมตัวกัน Peace and Love คำคมคู่ใจของชาว Hippy.

จาก Lelight hostel ผมขี่เจ้า wave 125 คู่ใจยิงยาว 2 ชั่วโมงจนมาถึง อ.เชียงดาว 
ราคาบัตร 10 วัน 1500 บาท แต่ถ้าเป็นวันเดียว 300 บาท 

ขอบคุณรูปภาพดีๆจากพี่กล็อฟ


Shumbala มีต้นกำเนิดมาจากชาวญี่ปุ่นหัวใจ hippy นามว่า Masato Minami (มาซาโตะ มินามิ) ผู้ชายที่อยากจะส่งต่อ ความรัก, ความสุข และ ความสนุกสนาน ให้กับผู้คนผ่านทางเสียงดนตรี เป็นเรื่องน่าเศร้าที่ Mr. Minami ได้จากโลกนี้ไปเมื่อปี 2021 ที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าจะจากโลกนี้ไปแต่อุดมการณ์ของเสียงเพลงและสันติสุขที่เขามีไม่ได้สูญหายไปไหน ผู้คนที่ได้รับแรงบรรดาลใจจากสิ่งที่เขาทำได้สานต่อ Shumbala ให้มีจนถึงทุกวันนี้ มันถูกจัดขึ้นครั้งแรกในปี 2010 และจัดต่อเนื่องมาเรื่อยๆ จนถึง 2020 เป็นช่วงที่ Covid19 เข้าโจมตีโลก จึงทำให้ต้องหยุดจัดไปถึง 3 ปีเลยทีเดียว  และในปี 2023 นี้เองการแพร่ระบาดของ Covid นั้นเบาลง รัฐบาลได้อนุญาตให้มีการจัดงานรื่นเริงสังสรรค์ได้ "Shumbala in your heart" จึง come back อีกครั้ง. 

ขอบคุณรูปภาพดีๆจากพี่กล็อฟ
ขอบคุณรูปภาพดีๆจากพี่กล็อฟ

กิจกรรที่มีมากมายบวกกับผู้คนที่มีความเป็นกันเองทำให้บรรยากาศมีความสนุกสนานและผ่อนคลายสุดๆ ทีเด็ดเลยก็คือจะมีคอนเสิรต์ในช่วง 19.00-22.00 ของทุกวัน นักดนตรีก็มากหน้าหลายตาวนเวียนมาให้เราได้พบปะกันแบบไม่ซ้ำ ส่วนตัวรู้สึกประทับใจทีมงานชาวญี่ปุ่นและนักดนตรีมาก เสน่ห์ของดนตรีเร็กเก้ที่ถูกถ่ายทอดออกมาในรูปแบบ Japanese มันลงตัวแบบบอกไม่ถูก ท่านใดที่อยากสัมผัสกับบรรยากาศแบบนี้ติดตาม  "Shambhala In Your Heart" ผ่านทาง facebook fan page ได้เลย 

ซุ้มนี้ที่ผมชอบมาก
ขอบคุณรูปภาพดีๆจากพี่กล็อฟ
ขอบคุณรูปภาพดีๆจากพี่กล็อฟ
ขอบคุณรูปภาพดีๆจากพี่กล็อฟ
ขอบคุณรูปภาพดีๆจากพี่กล็อฟ

ผู้คนที่ออกมมาทำกิจกรรมระหว่างวันกันอย่างเมามัน มี Activities มากมายหลายรูปแบบให้เราเลือกชมเลือกทำกันได้แบบ free ไม่มีค่าบริการ ร้อง,เล่น,เต้นรำ,ทำสมาธิ,วาดภาพ และอื่นๆอีกมากมายบรรยายไม่ถูก ความพิเศษของ Shumbala ก็คือไม่ว่าคุณจะเป็นใครมาจากไหนไม่สำคัญเพราะทุกคนนั้นเหมือนกันที่นี้ คำทักทายที่ติดหู "Hepopa" ที่แปลว่า สวัสดี,ขอบคุณ,ขอโทษ,บอกรัก,บอกลา เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมนั้นสามารถ Make friend ได้เป็นอย่างดี  ผมติดหนึบกับซุ้ม flok song ของ Japanese brand จำไม่ได้ว่าชื่อวงอะไรแต่เพลงนั้นโดนใจสุดๆ

ขอบคุณรูปภาพดีๆจากพี่กล็อฟ
นับจากซ้ายสุด โทมัส (Czech) เจสัน (China) Me (Thailand) แจ็ค (China) เมอร์ริสา ((Australia) แซม (Canada) และ ปีเตอร์ (USA)

ถ้าพูดถึงเรื่องอาหารการกินไม่ต้องกังวลเลยเพราะว่ามีร้านขายอาหารตลอดทางไม่ว่าจะเป็นทั้งไทยและต่างชาติขนกันมานำเสนอแบบใกล้ชิดสุดๆ ท่านใดที่เป็นมังสวิรัติก็สามารถเพลิดเพลินกับอาหารการกินได้แบบสบายใจเพราะที่นี้มีอาหาร vegan แบบหลายขนานขายครับ (ซุ่มอาหารต่างชาติรับเฉพาะเงินสดนะครับเตรียมกันไว้ให้ดี) 

ช่วงเวลา 2 วัน 1 คืน เป็นอะไรที่ประทับใจวัยมันแบบผมมากๆ ผมได้พบกับเพื่อนมากมายและมิตรภาพที่สวยงาม จากที่ไม่รู้จักกันเลยอยู่กันคนละซีกโลกต่างเชื้อชาติต่างศาสนาต่างวัฒนธรรมแต่กับสนุกสนานร่วมกันอย่างลงตัว ดนตรีคือสื่อกลางที่ทำให้พวกเรารู้จักกันถึงแม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาสั่นๆแต่ความมันส์ยังอยู่ภายในใจ เราแลกคอนเเทคกันและก็ให้คำมั่นสัญญาว่าจะเจอกันอีกไม่ว่าจะเป็นที่ไหนก็ตามในโลกใบนี้ มันเป็นประโยคสั้นๆแต่ได้ใจความ Peace and Love คือวลีที่เอาจริงๆผมก็สงสัยนะว่ามันคืออะไรแต่พอมาสัมผัสกับตัวเองจึงเข้าใจว่า มันคือความงดงามของสันติสุขที่อยู่ในใจและกลั่นกรองออกมากลายเป็นความรักและส่งต่อให้กับผู้อืน ปณิธานที่ Minami อยากจะบอกนั้น ไม่รู้ว่าผมได้รับมันไหมแต่ที่แน่ๆคือผมมีความสุขและสนุกสนานกับมันมาก  ผมพอจะเข้าใจแล้วว่า Sumbala in your heart มันคืออะไร

ผมมองว่าบางทีคนเราอยู่ในสภาวะที่เรียกว่าความเครียดสะสมแบบที่อธิบายให้ใครฟังไม่ได้มันอัดอั้นอยู่ในใจและสิ่งนี้เองมันกำลังทำให้ชีวิตของเราขาดความสุขจากสิ่งรอบข้างแบบที่เราเองก็ไม่รู้ตัว แต่ชีวิตยังมีเรื่องที่สนุกสนานและมีสิ่งมากมายที่รอเราอยู่ ถ้าเรารู้สึกไม่โอเคหรือกำลังท้อแท้กับสิ่งที่เจอ ลองออกมาจากจุดเดิมๆและค้นหาสิ่งใหม่ๆให้กับตัวเอง เราอาจจะเจอกับความสุขหรือคุณค่าของชีวิตก็ได้

ในช่วงสุดท้ายก่อนจะออกเดินทางต่อระหว่างเก็บของและจัดกระเป๋าสัมภาระ ผมได้พบกับพี่ชายคนหนึ่งแกชื่อกล็อฟ  พี่แกเป็นคนชอบเดินทางและผจญภัยเช่นกัน เราเริ่มแลกเปลี่ยนบทสนทนาแบบสนุกสนาน จนได้รู้ว่าแกอยู่ที่นนท์และน้องแกก็จบหอวังนนท์ซึ่งเป็นโรงเรียนเก่าที่ผมเคยเรียนตอน high school เราคุยกันถูกคอและแลกเปลี่ยน contact กัน เพื่อเป็นช่องทางติดต่อกันในอนาคต ภาพประกอบสวยๆที่ทุกท่านเห็นส่วนใหญ่ก็เป็นของพี่แกที่ผมขอมา (ขอขอบคุณพี่กล็อฟที่อนุญาตให้ใช้ภาพครับ)

2 วันที่ผ่านมามันสนุกมากและเป็นความทรงจำที่มีค่ามากเช่นกันสำหรับชีวิตลูกผู้ชายจอมมึนคนหนึ่ง ผมขอบคุณตัวเองครอบครัวและคนรอบข้างที่ทำให้ผมเป็นตัวเองมาจนถึงวันนี้ หลังจากนี้ต้องมันกว่านี้แน่นอน

Mr.Electric

 วันอาทิตย์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2566 เวลา 22.06 น.

ความคิดเห็น