มาแล้ว! สำหรับเทศกาลที่ใครหลายๆคนรอคอยที่จะชื่นชมความงามของ ราชินีแห่งป่าฝน
เทศกาลที่หนึ่งปีจะมีสักครั้งนึง จะพลาดได้ยังไง เราจะพาเพื่อนๆไปชมความงามของทุ่งดอกกระเจียวกันที่
อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ
เพื่อต้อนรับฤดูฝน ทางจังหวัดชัยภูมิร่วมกับ ททท. จัดเทศกาลท่องเที่ยวดอกกระเจียวบาน ในชื่องาน " หยิบหมอก หยอกกระเจียว " ระหว่างเดือนมิถุนายน - กันยายน 2559 ณ อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม อ.เทพสถิต และอุทยานแห่งชาติไทรทอง อ.หนองบัวระเหว จ.ชัยภูมิ
'ทุ่งดอกกระเจียว' ถือเป็นไฮไลต์สำคัญสำหรับสถานที่ท่องเที่ยวในฤดูฝน และพบมากที่จังหวัดชัยภูมิ
จุดชมทุ่งดอกกระเจียวได้มีด้วยกัน 2 จุดหลักๆ คือ อุทยานแห่งชาติป่าหินงามและอุทยานแห่งชาติไทรทอง
ปีนี้เราเลยตั้งใจว่าจะไปดูทุ่งดอกกระเจียวให้จงได้ .. กว่าจะได้ไปก็มาลงตัวในวันหยุดยาวในเดือนกรกฎาคม เราเดินทางแบบ ONE DAY TRIP เช้าไปเย็นกลับ ครั้งนี้เราเลือกเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว .. หากใครไม่สะดวกเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวสามารถเดินทางอีกวิธีนึงได้ตามกระทู้ของเพื่อเรากระทู้นี้เลยค่ะ
http://pantip.com/topic/34175485 .. วันเดย์ทริปแบบเราคงไปสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆได้ไม่มาก เราจึงตั้งใจไปแค่ที่เดียว นั่นคือ อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม ซึ่งเป็นทุ่งดอกกระเจียวที่ใหญ่และงดงามที่สุดในประเทศไทย
สำหรับการเดินทางไปยังอุทยานแห่งชาติป่าหินงาม เราตั้ง Google Map ว่า ' อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม ' .. เราเดินทางตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1 ผ่านจังหวัดสระบุรี เข้าเส้นทางชัยบาดาล - ลำนารายณ์ - ลำสนธิ - เทพสถิต ถึงทางแยกซ้ายมือเข้าบ้านไร่ ใช้ระยะทางอีกประมาณ 14 กิโลเมตร ก็จะถึงที่ทำการอุทยาน ไม่ต้องกลัวหลงจะมีป้ายบอกตลอดทางค่ะ
เพิ่มเติมเรื่องของการเดินทาง
1. รถตู้
ให้บริการโดยบริษัทเทพสถิตทัวร์ โดยจะมีรถออกทุกๆชั่วโมง เส้นทางการดินทาง คือ จตุจักร - รังสิต - สระบุรี - ชัยบาดาล - ลำสนธิ - เทพสถิต อัตราค่าบริการคนละ 200 บาท กรุงเทพมหานคร ขึ้นรถได้ที่ สวนจตุจักร ประตู 4 หมายเลขโทรศัพท์ 089-9468279 อำเภอเทพสถิตท่ารถอยู่ใกล้กับธนาคารกสิกรไทย หมายเลขโทรศัพท์ 080-6611893 , 044-855096
2. รถโดยสารประจำทาง
- รถของบริษัทแอร์ชัยภูมิ จำกัด สายกรุงเทพฯ - ชัยภูมิ หมายเลข 9909 ผ่านอำเภอเทพสถิต (ลงปลายทาง ที่สามแยกบ้านไร่) แล้วขึ้นรถ มอเตอร์ไซต์ต่อไปยัง อุทยานแห่งชาติป่าหินงามอีก 18 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมงครึ่ง เป็นรถปรับอากาศ เที่ยวแรก 10.00 น. โทรศัพท์ 0-4481-1556
- รถทัวร์ของบริษัทเทียนไชย บอกคนขายตั๋วว่าจะไปชมทุ่งดอกกระเจียวพนักงานก็จัดแจงออกตั๋วให้โดยระบุปลายทางบนตั๋วว่า แยกบ้านไร่ ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมงก็ถึงแยกบ้านไร่ พอมาถึงแยกบ้านไร่ตรงนั้นจะมีวินมอไซด์เพื่อไปยังอุทยานแห่งชาติป่าหินงามระยะทางจากแยกบ้านไร่ไปถึงอุทยานประมาณ 13 กม. โทรศัพท์ ท่ารถกรุงเทพ 081 266 9930 ท่าชัยภูมิ 089 428 0993 044 836 993
- รถทัวร์สาย 9903 บริษัทเพ็ชรประเสริฐทัวร์ รถทัวร์โดยสารรถปรับอากาศชั้น 1 กรุงเทพมหานคร - หนองบัวระเหว-ชัยภูมิ ให้แจ้งเจ้าหน้าที่เวลาซื้อตั๋วว่าลงที่ สามแยกบ้านไร่ พอมาถึงแยกบ้านไร่ จะมีวินมอไซด์เพื่อ ไปยังอุทยานแห่งชาติป่าหินงามระยะทางจากแยกบ้านไร่ไปถึงอุทยาน ประมาณ 13 กม. โทรศัพท์ 02-9361977
3. รถไฟ
ขึ้นที่สถานีต้นทางหัวลำโพง ลงที่สถานีปลายทางวะตะแบก (เทพสถิต) จากนั้นต้องเหมารถเพื่อมายังอุทยานแห่งชาติป่าหินงาม
4. ขสมก. อู่มีนบุรี
โปรแกรมพิเศษ ช่วงวันหยุดยาว เดือนกรกฎาคม
เราตั้งใจว่าจะออกเดินทางตอนประมาณตีสี่ เพื่อไปให้ทันดูหมอกในตอนเช้า แต่ผิดแผน! ตื่นสายค่ะ เลยจำใจต้องออกเดินทางจากกรุงเทพในตอนหกโมงเช้า เรามาถึงอุทยานแห่งชาติป่าหินงามเกือบๆ 11 โมง (แอบแวะทานข้าวก่อนถึงอุทยาน) .. หมอกหายไปหมดแล้ว หลงเหลือไว้เพียงแดดร้อนๆ -"- .. เนื่องจากเรามาในช่วงวันหยุดเทศกาล ทำให้อุทยานคึกคักเป็นพิเศษ สถานที่จอดรถภายในตัวอุทยานไม่สามารถรองรับนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวได้ จึงต้องนำรถออกมาจอดที่สถานที่จอดที่ทางอุทยานเตรียมไว้สำหรับรองรับนักท่องเที่ยวได้ถึงพันคันแทน
แต่ที่จอดรถที่ใหม่นั้น เดินค่อนข้างไกล จึงมีบริการรถรับ-ส่ง ไปส่งบริเวณอุทยาน ตอนแรกก็คิดว่ารับ-ส่งฟรี ที่ไหนได้ เสียคนละ 20 บาทค่ะ .. เอาน่ะ ถือว่าซื้อความสบายไป 20 บาทเอง ช่วยชาวบ้านๆ ..
ใช้เวลาเพียงอึดใจ รถก็มาส่งเราบริเวณหน้าที่ทำการอุทยานแห่งชาติป่าหินงาม
ด้านข้างที่ทำการอุทยาน มีจุดให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกด้วย
สำหรับใครที่เป็นนักล่าตราประทับอุทยานแห่งชาติแบบเรา สามารถนำ Passport อุทยานมาประทับที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวได้นะคะ
สำหรับไฮไลต์เด็ดๆของอุทยานแห่งชาตินี้ จะมีด้วยกัน 3 จุดที่เราควรไป ตามหลักกิโลอันยักษ์ที่ตั้งไว้ก่อนเข้าอุทยานเลยค่ะ
มาเที่ยวช่วงเทศกาล บรรยากาศก็จะคึกคักแบบนี้ล่ะคะ มองไปทางไหนก็มีแต่คน .. ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้กับประเทศได้เป็นอย่างดีเลย ออกมาเที่ยวกันๆ .. กลุ่มแม่ค้าชาวบ้านที่ขายสินค้าพื้นเมือง (OTOP) หรือสินค้าทางการเกษตรก็พลอยคึกคักไปด้วยตาม ขากลับเราอุดหนุนผ้าถุงมา 2 ผืน กะเอามาตัดทำกระโปรงสักหน่อย ^^
ค่าธรรมเนียมการเข้าอุทยาน
คนไทย ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท
ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท
หากใครไม่อยากเดินขึ้นไป 6 กิโลเมตร ทางอุทยานก็มีรถรางไว้คอยอำนวยความสะดวกสำหรับนักท่องเที่ยว แต่ต้องเสียค่ารถเพิ่มอีกคนละ 30 บาท
ดูคนซะก่อน ว่าเยอะแค่ไหน .. นี่แค่คนที่ต่อแถวเตรียมที่จะขึ้นรถรางนะเนี่ย มาเที่ยววันนี้ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ กว่าจะได้ขึ้นรถราง เล่นเอาซะขาแข็ง .. เพลียตั้งแต่เริ่มต้นเลย T^T
และแล้วก็ถึงคิวที่เราได้ขึ้นรถรางกันสักที เมื่อรถเริ่มเคลื่อน จะมีมัคคุเทศก์ตัวน้อยคอยบรรยายให้เราฟังระหว่างทาง
จุกแรกที่มาส่ง คือ ผาสุดแผ่นดิน อยู่ห่างจากทุ่งดอกกระเจียวประมาณ 300 เมตร เป็นจุดสูงสุดของอุทยานแห่งชาติป่าหินงาม และเป็นหน้าผาสูงสุดชายขอบด้านตะวันตกของที่ราบสูงโคราช มีความสูง 846 ม.ทางซ้ายมือเป็นที่ราบในเขต จ.ลพบุรี เบื้องหน้าเป็นทิวเขาและ ผืนป่า ของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าซับลังกาและ ทางขวามือเป็นพื้นที่ของจ. เพชรบูรณ์
ผาสุดแผ่นดิน เป็นเขตพื้นที่รอยต่อ 3 ภาค ทั้งภาคอีสาน ภาคกลาง และภาคเหนือ .. กว่าจะถ่ายรูปกับป้ายนี้ได้ รอจนเหงือกแห้งที่จะถ่ายได้แบบไม่ติดคน
แต่จุดที่จะรอถ่ายยังไงไม่ให้ติดคน อย่างจุดนี้ขอยอมแพ้จริงๆ .. อยากถ่ายผาสุดแผ่นดินให้สวย แต่มาวันนี้ยากลำบากเหลือเกิน
มาดูวิวที่ได้จากผาสุดแผ่นดินกันบ้างดีกว่า .. จุดนี้ถ้าได้มาตอนจังหวะดีดีจะได้วิวสายหมอกที่ลอยละล่องตามแนวเขาเลยค่ะ
มาต่อกันที่จุดที่สอง ทุ่งดอกกระเจียว อยู่ถัดจากผาสุดแผ่นดินไปทางซ้ายมือประมาณ 300 เมตร
อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม มีทางเดินให้นักท่องเที่ยวได้เดินชมความงามของดอกกระเจียว .. เดินได้สบายๆเลยค่ะ
แต่ก็อย่าลืมทำตามกฏของทางอุทยานกันด้วยนะ
เมื่อมีทางให้เดินแล้ว ก็อย่าลงไปในทุ่งเลยนะ ไม่งั้นจะเจอเจ้าหน้าที่โหดๆ ดุเอา ดุแรงด้วย อย่างวันที่เราไป เค้าประจานเลยค่ะ เสื้อส้ม ใส่หมวก ที่ลงไปในทุ่งอ่านหนังสือไม่ออกไง๊ ถ้าอ่านไม่ออกด้วยให้คนข้างๆช่วยอ่านให้ฟัง แร๊งส์!
ทุ่งดอกกระเจียวในอุทยานแห่งชาติป่าหินงาม จะมีให้ชมกัน 3 จุดใหญ่ๆ สามารถขอแผนที่มาดูได้จากตรงที่ทำการอุทยานนะคะ
เราจะมาทำความรู้จักกับดอกกระเจียวกันก่อนดีกว่า .. ดอกกระเจียว เดิมมีชื่อว่า ดอกปทุมมา หรือเรียกอีกอย่างนึงว่า บัวสวรรค์ แต่ชาวต่างชาตินิยมเรียกว่า ทิวลิปสยาม (Siam Tulip) เป็นพืชในตระกูลขมิ้น และได้รับการขนานนามว่าเป็น "ราชินีแห่งป่าฝน" เป็นพืชล้มลุกมีเหง้าอยู่ในดิน จะพักตัวในฤดูหนาวและร้อน เมื่อถึงฤดูฝนจะเริ่มผลิใบและดอก กาบดอกและดอกจะเป็นสีม่วง ดอกกระเจียว ชอบอากาศที่เย็น สามารถนำมารับประทานได้
ดอกกระเจียวจะมีสีชมพูอมม่วงตัดกับพื้นที่เขียวขจีของหญ้าเพ็ก ในหนึ่งปีจะใช้เวลาบาน ประมาณ 2 เดือน ขึ้นอยู่กับว่าฝนมาช้าหรือมาเร็ว พอบานเต็มที่ดอกหนึ่งจะมีอายุอยู่ได้ประมาณ 7-15 วันแล้วก็จะโรยไป
เวลาที่มาชมทุ่งดอกกระเจียวที่สวยงามิที่สุด ต้องมาในตอนเช้าที่มีสายหมอกบางๆปกคลุม ถ้ามาในช่วงเที่ยงหรือบ่ายที่มีฝนตกลงมาก็จะเจอบรรยากาศแบบนี้ได้เช่นกัน
นอกจากนี้ ดอกกระเจียวยังมีดอกที่เป็นสีขาว สามารถชมได้ที่ อุทยานแห่งชาติไทรทอง ส่วนในรูปทางอุทยานแห่งชาติป่าหินงาม นำต้นกระเจียวสีขาวมาจัดแสดงไว้ให้นักท่องเที่ยวได้ชมเป็นจุดเล็กๆเองค่ะ
พอเดินชมดอกกระเจียวเสร็จก็เดินออกไปตรงจุดรอรถเพื่อที่จะไป ลานหินงาม แต่วันนี้รถรางทุกคันพร้อมกันติดป้ายว่า ไม่เข้าหินงาม สุดท้าย เราเลยไม่ได้ไปเยินโฉมหินรูปร่างแปลกตา เพราะ รถรางเลยมาส่งเราตรงจุดที่ขึ้นรถ ไม่แวะที่ลานหินงาม แต่ด้วยความร้อนเราคงเดินย้อนขึ้นไปตรงจุดหินงามไม่ไหว เลยขอบายดีกว่า .. ต้องขอโทษด้วยนะคะ ที่ไม่ได้นำภาพตรงจุดนี้มาให้ชมกัน
ลานหินงาม เป็นที่มาของชื่อ ป่าหินงามมีสภาพเป็นลานหินกว้างครอบคลุมพื้นที่กว่า 1,000 ไร่ ล้อมรอบด้วยแนวป่าเต็งรัง บริเวณลานหินเต็ม ไปด้วยก้อนหินขนาดใหญ่รูปทรงแปลกตา เช่น รูปสัตว์ ปราสาทโบราณ หินรูปถ้วย รางวัล ฟุตบอลฟีฟ่า รูปดอกเห็ดฯลฯ ซึ่งเกิดจากการกัดเซาะของลมและน้ำมานานนับล้านปี
สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ :
ประชาสัมพันธ์จังหวัดชัยภูมิ อำเภอเทพสถิต โทรศัพท์ 0-4485-7099
องค์การบริหารส่วนจังหวัดชัยภูมิ โทรศัพท์ 0-4481-1376
อุทยานแห่งชาติไทรทอง โทรศัพท์ 08-1877-8485
และอุทยานแห่งชาติป่าหินงามโทรศัพท์ 0-4489-0105
หรือติดต่อการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนครราชสีมา โทรศัพท์0-4421-3666, 0-4421-3030
** หากมีโอกาศคราวหน้า จะขอกลับมาแก้มือใหม่อีกครั้งนะคะ **
ปล. SONY A6000 + Lens 16-50 /F3.5-5.6 OSS PZ
ที่ทำให้เราได้ภาพสวยๆตลอดทริปนี้
(รูปทั้งหมดไม่ผ่านการแต่งใดๆทั้งสิ้น อยากให้รูปออกมาสดจริง ตามคุณภาพของกล้อง)
ขอบคุณทุกๆคนที่ติดตาม หากผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย ยินดีน้อมรับทุกคำติชม
สามารถติดตามเรื่องราวการเดินทางของเราได้อีกหนึ่งช่องทาง กดไลท์ได้เลย มีเรื่องราวดีดีรอคุณอยู่
PAGE :
https://www.facebook.com/KeepGoingThailand/
สรุปค่าใช้จ่าย
ค่าน้ำมันรถ 780 บาท
ค่ารถปิ๊กอัพ 20 บาท
ค่าเข้าอุทยาน 40 บาท
ค่ารถราง 30 บาท
ค่าของกิน 150 บาท
รวมทั้งสิ้น. 1,020 บาท
In My Eye
วันเสาร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 เวลา 12.42 น.