Ninth day

ผมตัดสินใจออกจากงานและมาทำตามสิ่งที่ใจบ้าๆเรียกร้อง

Part1:
เอาละผมตัดสินใจได้แล้วว่าจะไปไหนนั่งหาอยู่ตั้งนานกว่าจะได้ "ดอยหลวงเชียงดาว" คือสถานีถัดไปที่ผมจะเดินทาง ระยะทางจาก สันป่าเกี๊ยะ ไป ดอยหลวง ไม่ไกลเลย ถ้าจำไม่ผิดก็ประมาณ 50-60 กิโลเมตร ได้

ก่อนออกมา ผมนั่งชมวิวอยู่ประมาณ 20 นาทีคิดเรื่องไร้สาระบ้างเรื่องจริงจังบ้างจากนั้นก็ลุกไปนั่งชมวิวที่อื่นต่อเป็นที่เดิมที่ผมนั่งกินข้าวเย็นเมื่อวาน การนั่งโง่ๆและดูธรรมชาติแบบใกล้ชิดเป็นสิ่งที่โคตรดีต่อใจ ความผ่อนคลายและความสงบเริ่มก่อตัวขึ้น มันทำให้ใจผมรู้สึกสดชื่นขึ้นมากเลยทีเดียว ระหว่างช่วงเก็บเต้นท์ผมเปิด lovely playlist ฟังแก้เหงาและมันก็มาหยุดอยู่ที่เพลง in my life ของคณะ 4 เต่าทอง (the beatles) วงนี้เป็นวงโปรดของผมและน้องชาย เพราะมันทำให้เราสองคนกลับมามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เมื่อได้ยิน มันทำให้ผมหยุดนิ่งและครุ่นคิดถึงทำนองที่ร้องว่า "there are places I remember (มันมีสถานที่หลายแห่งที่ฉันจำได้) มันสอดคล้องกับการผจญภัยในครั้งนี้ของผมพอดี จึงทำให้เมื่อผมฟังมันผมรู้สึกมีความสุขมากขึ้นไปอีก เก็บเต้นท์เสร็จล่ำลาป้าแม่บ้านเสร็จออกเดินทางกันเลยครับ"

มาถ่ายวิวกับเล่นไวไฟแต่ไม่ได้พัก

ผมจับ GPS มาที่บ้านทะเลหมอกเชียงดาว ด้วยเจ้า honda wave 125i คู่ใจ มันพาผมมาถึงเป้าหมายอย่างปลอดภัยถึงแม้จะจอดแวะนิดหน่อยแต่ถึงอย่างสวัสดิภาพครัล แต่สิ่งที่ผมหวังมันก็ไม่ได้ดังใจ ที่พักที่ผมเลือกเต็มไม่เหลือเลยครับ พี่เจ้าของห้องบอกว่าถ้าจะเอาห้องต้องจ่าย 1200 เพราะเป็นแบบห้องสองคน ผมรู้สึกเซ็งมากจึงขับร่อนเร่ไปมา จนมาผบกับพี่คนหนึ่งซึ่งพี่แกรู้จักกับเจ้าของที่พักแถวนี้จึงแนะนำและพาผมไปที่นั้น เมื่อผมไปถึงก็พบกับเจ้าของที่พัก แต่ที่พักนี้ผมไม่ค่อยชอบเท่าไหร่เพราะมันสูงเกินไปและไม่ติดกับภูเขาเชียงดาว

สรุปผมก็ไม่พักกับพี่แก (ปั่นป่วนจัด!!!) หลอกให้อยากแล้วจากไป ใกล้ๆนั้นมีบ้านพักชื่อม่านหมอกผมจึงเดินลงไปดูสรุปตรงนี้สวยมากผมจะเอาตรงนี้ แต่ความสวยงามมักมีอุปสรรคเสมอผมไม่สามารถหาเจ้าของที่พักได้ว่าแกอยู่ไหนทันใดนั้นก็มีชาวต่างชาติสองคนเดินมา ผมจึงถามทันทีว่าพวกคุณอยู่ที่นี้ใช่ไหมเจ้าของอยู่ไหน สรุปชาวต่างชาติก็ไม่รู้เหมือนกันพี่แกสองคนก็กำลังหาทางพักที่นี้แบบเดียวกับผม สุดท้ายผมเดินไปถามพี่ที่แกแนะนำผมมา ว่าเจ้าของอยู่ไหน พี่แกจึงรับหน้าที่ไปเรียกเจ้าของที่พักให้ผมสรุปสุดท้ายผมและชาวต่างชาติเรา 3 คนก็ได้พักที่นี้ (ประเทศไทยไม่สิ้นคนดี) ราคาที่พักอยู่ที่คืนละ 600 บาท มีอาหารให้สองมื้อคือเช้ากับเย็นส่วนกลางวันต้องหากินเอง มีหมูกระทะให้ด้วยนะ ชุดละ 500 บาท ทุกอย่างโดยรวมดีเลย

ขออภัยในฝีมือการถ่ายรูป (ดอยหลวงที่สวยๆกลายภูเขาทั่วไป)

ผมประทับใจดอยหลวงมากเมื่อวานนี้ยังอยู่อีกฝากหนึ่งอยู่เลย แต่วันนี้มาทีนี้สะแล้ว ความสวยงามและบรรยากาศทำให้ผู้คนมากมายยอมลำบากเพื่อขึ้นมาชมวิวทิวทรรศ์ มันไม่ผิดเลยที่หลายๆคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าสวยมาก บรรยากาศที่เย็นโดยไม่ต้องมีพัดลมหรือแอร์เข้ามาเกี่ยว มันทำให้ร่างกายเราผ่อนคลายและมีแรงสู้ต่อกับวันใหม่จริงๆ ผมนั่งมองวิวอยู่โคตรนาน พักทุกสิ่งโดยเฉพาะความคิดและปล่อยให้เป็นหน้าที่ของธรรมชาติที่บำบัดจิตใจของผม ถ้ามองดีๆแล้วดอยหลวงเชียงดาวก็เหมือนหน้าคนกำลังอ้าปากเหมือนกันนะเนี่ย  ทุกอย่างลงตัว มันโคตรดี มีความสุขครับ ท่านใดที่ยังไม่เคยมาสัมผัสกับบรรยากาศและความรู้สึกที่ผมให้บอกไป อย่าลืมเก็บกระเป๋าแล้วมาเที่ยวกันนะครับ

Eva (คนซ้าย) และ Clara (คนขวา) เธอทั้งคู่มาจาก ประเทศสเปน และพวกเธอยัง เป็น vegan (มังสวิรัติ) ด้วย เราพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ชีวิตให้กัน จนผมทราบว่าพวกเธออยู่ในช่วง vacation times 2 เดือน เที่ยวเสร็จจะกลับไปทำงานต่อ พวกเธอชอบความสงบและไม่วุ่นวายโดนเฉพาะที่ๆนักท่องเที่ยวไม่เยอะ (555 แต่พวกเธอก็เป็นนักท่องเที่ยวนะ) 

เราคุยกันถูกคอจึงได้กินข้าวด้วยกัน ผมจึงแนะนำให้พวกเธอไปงานเทศกาล shumbala ผมเปิดภาพบรรยากาศและสิ่งที่ผมเจอให้พวกเธอดูสรุปพวกเธอชอบและจะไป 5555 สุดท้ายได้มีโอกาสถ่ายรูปกันเป็นที่ละลึก Eva บอกว่าวันนี้ valentine day นี้ mini heart 555 สำหรับผมแล้วการได้พบเจอกับคนแปลกหน้าและได้พูดคุยกันอย่างสนุกสนานเป็นเรื่องที่ดีมาก ได้เรียนรู้วัฒนธรรมวิถีชีวิตและทัศนคติที่แตกต่างจากหลายๆที่มันเป็นความรู้ที่ไม่สามารถหาได้เลยจากห้องเรียน ต้องขอบคุณโครงการ IYF ที่ให้โอกาสกับผมได้ไปเป็นอาสาสมัคแลกเปลี่ยนที่ต่างประเทศ จนได้เรื่องของภาษา มันมีคุณค่ากับผมมากๆ

วันนี้ได้มีโอกาสคิดทบทวนกับตัวเองหลายอย่างขอบคุณทุกสิ่งที่เจอมาและเข้าใจแล้วว่าจะทำอะไรต่อไปอย่างชัดเจน ที่จะขาดไปไม่ได้เลยคือเจ้ากระเป๋าคู่ใจที่ผมตั้งชื่อให้มันว่า "Green day" ผ่านสมรภูมิมาด้วยกันก็หลายที่ จนกลายเป็นเพื่อที่รู้ใจกันมันไม่เคยงอแงเลย ผมยัดอะไรลงไปก็รับอย่างเดียวไม่มีบ่น (555)
พอนั่งมองมันแล้วก็ต้องขอบคุณมันเหมือนกันนะเนี่ยที่แบกความฝันของผมมาขนาดนนี้ 

ขออภัยในภาพที่เอียงเพราะป้าชาวกระเหรี่ยงแกถ่ายให้ผมจึงอยากเก็บความ real ไว้ไม่ลบ

ผมพักที่นี้อยู่ 1 คืนอย่างมีความสุขถึงแม้ว่าจะไม่มีสัญญาณ internet ของค่ายโทรศัพท์ที่ผมใช้ ก็ไม่เป็นไรเพราะสิ่งที่ผมได้รับคือความสุขใจที่เข้ามาแทนความเหงาเมื่อวานได้โคตรดี การผจญภัย 9 วันมานี้ขอยกให้ที่นี้เป็น Home stay ที่มีวิวดีที่สุดเลย ผมแลกเปลี่ยนคอนแท็คกับป้าที่เจ้าของ ว่าถ้าครั้งหน้ามาอีกเดี่ยวผมพาเพื่อนมาและผมนอนฟรี 1 คืนนะป้า (อย่างบ้า) ป้าบอกโอเคไม่มีปัญหา 

9 วันที่ผ่านมาไม่มีวันไหนที่ผมรู้สึกเสียดายเพราะผมทำทุกวันเต็มที่และพอใจ มันอาจจะมีอุปสรรค์หรือเรื่องที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นบ่อยๆแต่นี้ละครับรสชาติของการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นคนเดียวหรือหลายคนการได้ก้าวเท้าออกมาเพื่อพบกับสิ่งใหม่มันเป็นอะไรที่มีค่าและสวยงามเสมอ สำหรับวันนี้ขอบคุณครับ

Mr.Electric

 วันพฤหัสที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2566 เวลา 15.52 น.

ความคิดเห็น