มีคนถามว่าไปทำไรปีนัง มีอะไร เหมือนๆกับไปหาดใหญ่แแหละ!!
..ก็อาจจะจริงอย่างเขาว่าเพราะปีนังอยู่ใกล้ไทยซะเเทบจะเป็นหนึ่งเดียว เอาจริงๆการเดินทางครั้งนี้เกิดจากความไม่ตั้งเเละเอาจริงที่จะออกเดินทางเลยเเม้เเต่นิดเดียว ก็เอาง่ายๆใกล้ๆนี่เเหละ

DAY1:

เราออกจากสนามบินดอนเมืองไปถึงสนามบินปีนัง ประมาณบ่ายโมงกว่าตามเวลาของประเทศมาเลเซียซึ่งเร็วกว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมง(เห็นมีคนบอกว่าจริงๆเรื่องเวลาที่เร็วกว่าเนี่ยเป็นการตั้งเพื่อเหตุผลทางการค้า ก็ไม่รู้เหมือนกันใครใคร่รู้ลองค้นดูเเล้วมาบอกด้วยเนอะ) ยังไม่ทันพ้นน่านฟ้าไทยก็ได้เพื่อนซะเเล้ว

"พี่เปา"เป็นผู้หญิงวัยกลางคนที่นั่งติดกัน จริงๆเห็นกันตั้งเเต่ตอนออกจากเกท รู้จักกันด้วยเหตุว่าแกทำน้ำกระเด็นใส่เรา เเล้วหันมาเซย์ Sorry เเล้วหยิบขนมในกระเป๋ายืนให้คล้ายเป็นการขอโทษเเละเชื่อมมิตร พร้อมกับทำให้รับรู้ได้ว่าแกคงคิดว่าเราไม่ใช่คนไทย555 หลังจากรับขนมเลยหันกลับไปถามว่ามาคนเดียวเหรอคะ

หลังจบประโยคนั้นก็ได้เพื่อนเดินทางใหม่เเล้ว 1 คน ถึงเเม้จะสั้นๆเเค่ไม่กี่ชั่วโมงเเต่ก็ทำให้รู้สึกอุ่นใจได้กว่าการต้องเหยียบแผ่นดินต่างแดนโดยลำพัง (เว่อร์อย่างกับไปปากีสถาน ทำไมต้องปากีสถาน!!555) หลังจากผ่านการตรวจคนเข้าเมืองต่างๆมาเเล้ว เราขอตัวเเวะซื้อซิมการ์ดไว้ใช้ยามเดินทางหน่อย เเละทำสนธิสัญญากับพี่เปาไว้ตั้งเเต่บนเครื่องว่าเดี๋ยวนั่งบัสไป George town ด้วยกัน เเละตอนเย็นจะไปเดินเล่นหาไรทานด้วยกัน(โดยให้สิทธฺ์พี่เปาเลือกสถานที่ได้ตามชอบใจ) ก่อนที่พรุ่งนี้พี่เปาจะเดินทางต่อไปสิงคโปร์

Tips: BusจากสนามบินไปGeorge town มี2-3 สาย เราเลือกนั่ง 401E ตามคำเเนะนำของนายท่า stationก็อยู่หน้าประตูเลยไม่ต้องไปไหนไกล ก่อนออกอย่าลืมเเวะหยิบแผนที่ติดตัวมาด้วย ตรงนั้นจะมีเเนะนำสายรถที่วิ่งเข้าสนามบินไปที่ต่างๆ

ใช้เวลาประมาณชั่วโมงนิดๆก็มาถึงตัวเมืองGeorge town world heritage ด้านภูมิสถาปัตยกรรมและวัฒนธรรม ระหว่างทางมีคนขึ้น-ลงตลอดจนเเน่นขนัด

เรากับพี่เปามาลงที่ตึก Komta ซึ่งเป็นศูนย์กลางการคมนาคมที่บัสทุกคันผ่าน จากนั้นเเยกย้ายเดินหาโรงเเรมที่จองไว้ ก่อนจะนัดเจอกันอีกทีเย็นๆ

เราจองที่พักไว้ที่ Armenian Street Heritage Hotel  ซึ่งอยู่ทางเข้า Street Arts เเละอยู่ใกล้กับตึกGeorge townซึ่งเป็นสัญญลักษณ์ของเมืองนี้ถึงที่พักปุ๊บฝนตกปั๊บ ดีว่าจาก Komta เดินมาไม่ถึง 10 นาที

Tips: เเนะนำ Armenian Streetโลเคชั่นดีเยี่ยมใกล้ทุกสิ่งอย่างที่ต้องไปเเละต้องการ เงียบสงบ สะอาด พนง.น่ารัก เป็นโรงเเรมใหญ่ที่สุดในเขตเมืองที่เป็นมรดกโลกเเล้วนะคิดว่า เพราะในเขตนี้ส่วนมากจะเป็นเกสเฮ้าส์ ราคา1,xxx/คืน (เเเต่ชอบมีลดราคาตามเว็บ) ออเเล้วใครจองที่นี่รถ401Eจากสนามบินผ่านนะ ลงป้ายรถเมล์ฝั่งตรงข้ามเเล้วเดินข้ามถนนมาเจอเลย

เก็บข้าวเก็บของ นอนพักได้แป๊บนึง ลองเสิร์ชหาใกล้ๆโรงเเรมมีอะไรน่าสนใจ ปรากฏว่าเจอร้านลอดช่องชื่อดัง Road Famous Teochew Chendul ที่คงต้องกินเลยแอบดอดไปจัดลอดช่องก่อนไปเจอพี่เปา555

จากหน้าโรงเเรมข้ามถนนมาฝั่งป้ายรถเมล์ เดินไปเข้าซอยKimberly ตรงไปเรื่อยๆจนถึงตัดถนน Jalan Penang เลี้ยวซ้ายเดินตรงไปเเต่มองซ้ายมือไว้เดี๋ยวเจอเอง เอาจริงก็กินลอดช่องบ้านเราก็ได้นะ เเต่ถั่วเเดงอร่อยเชียว โดยรวมก็อร่อยยยยยยย

กินเสร็จเห็นพี่เปาไลน์มาบอกว่าแกออกจากโรงเเรมมาเดินเล่นเเล้ว เจอกันที่ถนน Julia ที่จะหาไรกินเลย จากร้านลอดช่องเปิดเเผนที่ดูสามารถหันหลังเดินย้อนไปตามถนน Jalan Penang ได้ซึ่งในระหว่างทางที่จะไปเจอพี่เปาก็เจอ Street Arts อยู่เป็นระยะ

ระหว่างกำลังเดินถ่ายรูปเพลินๆบนถนน Julia ก็ได้ยินเสียงคนตะโกนเรียกชื่อเรามาจากอีกฝั่งถนน หันไปดูเอ้าพี่เปานั่นเอง นั่งอยู่ในร้านเกี๊ยว555 (ความรู้สึกผิดจากการแอบดอดไปกินลอดช่องลดลงนิดนึง เพราะพี่เอาก็แอบจัดเกี๊ยวไปแล้วเหมือนกัน) ตอนนั้นเวลาประมาณทุ่มนิดๆเเต่ฟ้ายังสว่างอยู่มาก ต่างคนก็ต่างจัดอะไรรองท้องกันมาแล้ว เลยชวนกันเดินเล่นหาStreet Arts ก่อน

จากร้านที่พี่เปานั่งอยู่ อีกฝั่งนึงก็เป็นถนน Love Lane ที่เขาว่าเป็นถนนบันเทิงยามค่ำคืน (เห็นว่าเบียร์ถูกกว่าในซุปเปอร์ท้องถิ่น) กำลังทะยอยเปิดร้านเลยพากันเดินเลาะเข้าไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายก็ออกมาบรรจบกับหัวถนน Julia อีกทีพร้อมกับฟ้าที่เริ่มมืดในเวลาเกือบๆ 2 ทุ่มเลยว่าหาไรทานกันดีกว่า

บนถนนJulia ขึ้นชื่อว่าเป็นถนนสาย Street Food เราก็มโนภาพกันไปว่าต้องคล้ายๆเยาวราาชบ้านเรา เเต่ไง๋เดินวนเเล้ววนอีกมีร้านเปิดรวมๆไม่น่าเกิน 20 ร้าน กับพี่เปาเลยตัดสินใจว่ากลับไปถนน Kimberly เพราะเมื่อเย็นที่เดินผ่านไปกินลอดช่องดูเหมือนร้านจะเยอะกว่า

สุดท้ายก็มาจบที่ถนน Kimberly โดยเดินผ่านมาทางหน้าโรงเเรมเรา เเต่เอาจริงถนนKimberly ก็ยังเทียบกับเยาวราชบ้านเราไม่ได้อยู่ดี รวมๆกัน2ที่ร้านStreet Food น่าจะน้อยกว่าซอยโชคชัย4บ้านเราอีก เเง๊

LOK LOK ในList List พาพี่เปากินตามเพราะตัวเองอยากกิน พี่เปาบอกไปกินเมืองจีนเถอะเเหล่มกว่าเยอะ(ง่าาา) กินเสร็จก็น่าจะซักสามทุ่มได้พรุ่งนี้เช้าพี่เปาแกว่าจะไปปีนัง ฮิลส์แต่เช้า เลยเเยกย้ายกันกลับโรงเเรม

หลังจากถึงโรงเเรม(เพราะของเราใกล้มาก) พี่เปาส่งรูปมาว่าเเถวโรงเเรมแก ฝั่งที่ไม่ใช่เมืองมรดกโลกของกินเยอะมากกกกกสมกับเป็นStreet Food กลางคืนแกเลยลงมาจัดอีกรอบพร้อมส่งรูปมาเยาะเย้ย555

พี่เปาตื่นเเต่เช้าส่งรูปมาว่าแกไปปีนังฮิลส์เเล้วตอนเราเพิ่งตื่น 10 โมงได้ ส่วนเป้แกฝากไว้ที่โรงเเรม..เมื่อคืนไลน์ไปทิ้งไว้ว่าให้แกเอาเป้มาเก็บที่ห้องเราจะได้สะดวก ตอนเย็นก่อนไปสนามบินไปสิงคโปร์จะได้ล้างเนื้อล้างตัว

"บางทีการเดินทางของเราๆไม่ได้คาดหวังว่าปลายทางต้องเป็นที่ไหนเเละต้องให้อะไรกับเราหรือเราต้องได้อะไรจากมัน เเต่สิ่งที่มันเกิดขึ้นระหว่างทางนั่นแหละที่เราต้องการ การได้เห็นคนใหม่ๆ รอยยิ้มใหม่ๆ วิถีชีวิตใหม่ๆที่ไม่ใช่เเค่ในเพจหรือในหนังสือ เหมือนการได้เจอพี่เปาผู้หญิงวัยกลางคนที่ยอมแบกเป้ออกเดินทางคนเดียว แบบข้อมูลไม่เต็ม100 แทนการซื้อทัวร์ไปเที่ยวแบบสบายๆ เรายังแอบคิดเลยว่าตอนอายุเท่าพี่เปา เราจะได้ทำได้เดินทางแบบพี่เปาหรือแบบเราในวันนี้มั้ย??"

Tips: ใครอยากเเสงสีเสียงรื่นเริงใจ เเนะนำให้หาโรงเเรมฝั่งๆKomta โซนนั้นค่อนข้างครึกครื้นกว่าโซนมรดกโลกมาก เเต่จริงๆทุกที่สามารถเดินได้หมด ไม่ก็นั่งรถCAT Free เเต่จะรอนานหน่อย สายเดินๆเถอะอย่ารีรอ

DAY 2:

อยากที่บอกว่าตื่นไม่ทันจะติดสอยหอยตามพี่เปาไปปีนังฮิลส์ แผนเลยเปลี่ยน เดี๋ยวอาบน้ำเสร็จเดินไปแวะ Chew Jetty ก่อนละกัน เพราะตั้งใจจะไปขึ้นบัสตรงเทอร์มินอลใหญ่ที่เขา เรียก  Jetty เลย ไหนๆก็ทางผ่านเเวะชมบรรยากาศกับกินพัพทุเรียนในตำนานรองท้องซะหน่อย

Tips: การเดินไปChew Jetty จากโรงเเรมก็คือเดินเข้าซอยด้านข้างโรงเเรมไปจนสุดถนนเจอถนนใหญ่ข้ามถนนไปก็จะเจอละ ส่วนเทอร์มินอลก็เดินออกจากChew Jetty ตรงขึ้นไปเรื่อยๆ

เดิน Chew Jetty แป๊บเดียวเพราะไม่ค่อยมีอะไร ได้พัพเเล้วเดินไปขึ้นบัสไปปีนังฮิลส์ดีกว่าก่อนที่คนจะเยอะมาก ตอนนั้นน่าจะประมาณเกือบๆเที่ยงไปถึงบัสเทอร์มินอลต้องรอรถพักใหญ่ บัสที่จะไปปีนังฮิลส์คือสาย 204 JETTY-BUKIT BENDARAหรือปีนังฮิลส์นั่นเอง

ถึงเวลารถออกขึ้นปุ๊บปรากฎว่าทั้งรถมีอยู่ 3 คนเพราะเป็นสถานีต้นสายเลยได้เพื่อนใหม่อีก 2 คนเป็นหนุ่มปากีฯหนวดเฟิ้ม คุยกันกระจุกกระจิกอยู่พักนึงจนบัสวนไปจอดที่ Komtaคนก็เต็มรถพอดี ต่างคนต่างเลยต้องนั่งสงบอยู่ในที่ตัวเอง ถ่ายรูปที่ทางระหว่างรถเคลื่อนผ่านกันไปแก้เหงา(ใครเหงาเขามากัน2คน) ซักพักจวนใกล้ถึงฮิลส์เต็มทีก็ได้เพื่อนใหม่เพิ่มอีก 1 คนเป็นคุณป้าจีนมาเลฯ ขึ้นมาปุ๊บแกก็นั่งลงเก้าอี้ว่างข้างๆเราพร้อมกับเริ่มบทสนทนาที่ว่าเรานั้นไม่ใช่คนไทยอีกแล้ววว ทำไม!!! จนต้องบอกป้าว่ามาจากไทยแลนด์ พอรู้ว่าจากไทยแลนด์บทสนทนายิ่งเพิ่มมากขึ้นเพราะป้าเคยไปอยู่ไทย555แต่คุณป้าน่ารักมากนะ เเนะนำนู่นนี้เยี่ยงญาติผู้ใหญ่กำชับลูกหลาน ก่อนที่ป้าจะลงตรงตลาดก่อนถึงฮิลส์ไม่กี่ป้าย

มาถึงปีนังฮิลส์ตรงที่ซื้อตั๋วคนเยอะมาก ที่นี่เป็นแหล่งตากอากาศของทั้งนักท่องเที่ยวเเละชาวมาเลเอง ตอนรอซื้อตั๋วแถวพับทบๆกันเป็นผ้าหลายหลา

ระหว่างนั้นก็ส่งยิ้มพริ้มเพรากับพ่อหนุ่มปากีที่เจอบนบัสเเละกำลังต่อคิวซื้อตั๋วอยู่ใกล้ๆกันเป็นระยะเเต่การขายตั๋วค่อนข้างเร็ว เเถวพับๆทบๆที่ว่าก็ถึงคิวเราที่โดนคลี่ออกไม่น่าเกินครึ่งชั่วโมง(มั้ยนะ)เพื่อมาต่อแถวพับๆขึ้นรถรางกันอีกรอบ555 เป็นว่าโดนพับเเละคลี่ด้วยกัน 2 รอบถ้วน

รถรางขึ้นปีนังฮิลส์ทันสมัยใช้ได้เชียว จากที่ดูบนพนังการเปลี่ยนแปลงน่าจะโดนปรับปรุงเปลี่ยนแปลงก่อนจะทันสมัยขนาดนี้ซัก 2-3 รอบ เเต่ละรอบบรรจุคนได้มากอยู่น่าจะราวๆ40-50คนหรืออาจจะมากกว่านั้น คือคันมันค่อนข้างใหญ่ ดูปลอดภัยเเละเร็วพอสมควรในระยะทางชันแบบ45องศา

ซักพักก็ถึงบนยอดปีนังฮิลส์ ระหว่างทางอากาศจะเริ่มเย็นๆหน่อย ผู้คนบนปีนังฮิลส์ค่อนข้างมากเเล้วตอนเราไปถึงด้านบนมีกิจกรรมให้ทำเยอะนะ ทั้งแบบแอดเวนเจอร์ ถ่ายรูปเช็คพ้อย ดื่มกาแฟ ชมธรรมชาติ เเละอื่นๆอีกมากมายเเต่สำหรับเราก็คงได้เเค่ถ่ายรูปวิวเมืองปีนัง 2 ฝั่งทะเลเเละมุมเช็คพ้อยบางมุม ร้านกาแฟก็แดดร้อนเกินจะนั่งชิลชมวิว ถ่ายเสร็จ เดินเล่นวนๆรอบๆก็กินเวลาไปมากโข เกือบๆ2ชั่วโมง รู้สึกหิวยังไงชอบกล(ก็ยังไม่ได้กินข้าวนินะ)ตามคำเเนะนำคุณป้าลงมาหาไรทานข้างล่างน่าจะเหมาะกว่า

Continute:

ขาลงมีคนเเนะนำว่าให้นั่งด้านหน้าจะได้ถ่ายรูปวิวสวยๆ เเต่ก็ต้องใช้วิทยายุทธในการเเย่งชิงหน่อย
สุดท้ายก็ได้มาซึ่งสถานที่ด้านหน้าสุด ท่ามกลางคุณลุงคุณป้าฝรั่ง อืมมมวิวสวยสมการแย่งชิง พร้อมกับเสียวนิดๆ

ลงมาถึงก็รอบัสสายเดิมที่เดิมตอนมาถึงหนะเเหละ ตรงเบสสเตชั่นจะมีคล้ายๆห้างขายของกิน ขายของที่ระลึกอยู่เผื่อใครรอถึงด้านล่างไม่ไหวก็หาไรรองท้องก่อน เเต่เราไม่ได้เดินเข้าไปดูเพราะลงมาเเป๊บเดียวบัสก็ออกพอดี

จริงๆใกล้ๆกับปีนังฮิลส์จะมีวัดก๊กๆหรือฮกๆอะไรอีกที่นึงที่เขาเเนะนำว่าต้องเเวะ จะอยู่เเถวๆตลาดก่อนถึงปีนังฮิลส์ เเต่เราไม่ได้เเวะใครสายวัดจะลองเเวะดูก็ได้นะเห็นว่าสวยเเละควรค่าแก่การสละเวลาอยู่ไม่ใช่น้อย

ระหว่างทางขึ้นปีนังฮิลส์จะมีคอนโด เเละบ้านคนอยู่เป็นระยะ บางช่วงคิดว่าคงต้องเป็นบ้านคนมีเงินหน่อยถึงจะมาอยู่บนนี้ได้เเต่บางโซนที่เป็นคอนโดดูแออัดยังไงชอบกล ก็เเปลกดีที่ในพื้นที่เดียวใกล้ๆกันมี 2 วิถีชีวิตที่มีความแตกต่างค่อนข้างชัดเจน

เรามาลงรถตรงJetty เหมือนเดิมเพื่อจะได้สะดวกที่จะเดินเข้าไปหาอะไรทานในโซนเมืองเก่า ขากลับรถคนเเน่นมากโดยเฉพาะนักเรียนเพราะน่าจะเป็นเวลาเลิกเรียนพอดีประมาณบ่ายสามกว่าๆ

Tips: แนะนำใครที่อยากได้วิวปีนังฮิล์เเบบชิลๆคนน้อยๆให้ไปเช้าๆเลย เพราะพี่เปาแกส่งรูปมาให้ดูตอนเช้าคนน้อยมากกกก หรือใครอยากได้วิวเมืองยามค่ำคืนก็ไปได้นะ รถรางเขามีถึงค่ำๆนู่น

มาถึงก็ปฏิบัติการเดินหาอะไรทานในโซนเมืองเก่า ถนนสายหลักที่เราใช้คือ Armenian, AchehเเละJulia จากนั้นก็ซอกซ้ายซอกขวาไปเรื่อยเปื่อย3เส้นนี้จะเชื่อมกันหมด เเถมยังเป็นที่ตั้งของภาพ Street Arts ในตำนานหลายภาพๆด้วย

เลยได้โอกาสเเวะเก็บRCอยู่หลายภาพ เเละก็เจอเข้ากับร้านที่ตั้งใจจะมาเเบบไม่ได้ตั้งใจร้านเเรก Lavis Bakery พร้อมกับStreet Arts ในตำนาน1ภาพ ร้านตั้งอยู่บนถนนJulia-Victoria ภาพจะอยู่ติดประตูด้านหลังร้านซึ่งถ้าออกมาทางนี้จะเจอร้าน The Post card กับภาพวาดในตำนานอีก 2 ภาพ

Tips: ร้าน Lavis Bakery นี่เเนะนำเลย ต้องไป!! ร้านสวยมีที่นั่งด้านใน ขนมอร่อยที่สำคัญไม่เเพง ครัวซองดียิ่งเเละไม่เเพง ครัวซองอัลมอนด์ชิ้นใหญ่ๆคิดเป็นเงินไทยประมาณ 60 บาทไม่เกิน คือต้องซื้อกลับบ้านเเต่มีเหตุทำให้ไม่ได้กลับมาT_T (เดี๋ยวจะเล่าต่ออีกวัน555)

จัดขนมรองท้องก่อนของคาวอีกจนได้ ก็เนอะมันผ่านพอดีจะให้ทำไง เสร็จเเล้วก็เดินหาของคาวต่อ เดินลัดถนนVictoria มาถนนArmenian เจอเข้ากับ CF food center ที่เขาเเนะนำ ก่อนเจอ CF ก็เจอร้านทาร์ตไข่ในตำนานของฝากเมืองปีนัง Ming Xiang Tai เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยมาซื้อก่อนกลับเเต่ขอลองชิมเองก่อนซัก 2 ชิ้นเนอะ5555 ใกล้ๆก็เจอStreet Arts ในตำนานอีก 1 ภาพเก็บRCซะ!

เดินเข้าไปสำรวจ CF food ct. พบว่ากลางวันร้านยังไม่ค่อยเปิด เราเดินมาอีกทีช่วงค่ำๆร้านเปิดครบทุกร้าน อาหารมื้อเเรกของเราเลยไม่ได้ฝากท้องไว้กับที่นี่

เราตัดสินใจเดินย้อนขึ้นมาบนถนน Armenian เรื่อยๆ ก็บังเอิญเจอเข้ากับร้านที่ตั้งในจะมาเเบบไม่ได้ตั้งใจรอบ2 ร้านที่ว่าคือ Godang Cafe หรือบางคนอาจคุ้นชื่อ 1950 cafe ..อ้าวผ่านซะขนาดนี้เเวะกินน้ำกินท่าซะหน่อยเนอะ555 (จะได้กินมั้ยข้าว)

ใกล้ๆ Godang cafe ก็มี Street Arts เเมวม่วง-แดง กับเเมวตัวยักษ์ด้วยนะ เห็นมั้ยว่าไม่ใช่เเค่เเวะกินน้ำ ได้เก็บRCด้วย ระหว่างดื่มน้ำเย็นๆคลายร้อนในร้าน ก็เสิร์ชหาของกินด้วยเลยจะได้บรรลุวัตถุประสงค์ซะที555 จริงๆคือ4โมงเย็นละข้าวยังไม่ได้กิน

เจอร้านอาหารเเนะนำอยู่ไม่ไกล เป็นร้านลักซาสไตล์ปีนัง ชื่อร้าน My Own Cafe ไปจัดซะเถอะสงสารพี่ท้องน้อยๆ555 ระหว่างไปร้านก็มี RC ให้ได้เก็บอีกเช่นเคย หลายภาพซะด้วย คนก็เยอะด้วยเช่นกัน

My Own Cafe อยู่บนถนน Cannon ถ้าเราเดินมาจากร้านGodang ขึ้นมาเรื่อยๆเจอแยกตัดถนนcannonก็เลี้ยวซ้ายเข้ามาเลยร้านอยู่ขวามือหาง่ายมากเเละร้านนี้ก็ไม่ได้มีเเค่ลักซาให้ทาน เเต่มี Street Arts ให้เก็บRCอีกต่างหาก

ทานเสร็จกะว่าเดินกลับไปขึ้นรถ CATฝั่งตรงข้ามโรงเเรมเพราะใกล้มากละ เพื่อไปเที่ยวริมทะเลที่เขาว่าคนปีนังชอบไปนั่งกินลมชมวิว ดูวิถีกันหน่อยดีกว่า ในระหว่างทางกลับโรงเเรมก็ยังมีRCให้เราเก็บกันอยู่ คือเยอะเเยะเต็มเมืองไปหมด ไปซอกไหนก็เจอ555

เเต่รถCAT ที่ว่านั้นรอนานโข วัยรุ่นชิคๆเเบบเรารออะไรนานได้ที่ไหน เดินไปเถอะยิ่งรอจะยิ่งมืด ว่าเเล้วก็กูเกิ้ลดูระยะทางกันซะหน่อย อู้วววกิโลกว่าๆ หรือ2กิโลๆกว่าเอ๊ะเอานาาาเดินได้สบ๊ายยยย ว่างั้นเเล้วก็ลุยคะ!!

เดินลัดเลาะงงไปหมด ผ่านไปลิตเติ้ลอินเดียตอนเย็นๆก็จะเร่งฝีเท้าหน่อยๆ (ก็เขามีเผาๆไรกันก็ไม่รู้นะ ก็จะกลัวๆบ้างนะ55) บางช่วงคนหายๆก็สปีดอีกหน่อยๆ บางช่วงมีเพื่อนเดิน(ซึ่งเขาก็เดินของเขานะ)เเต่ก็พอสบายใจหน่อย

สุดท้ายก็มาถึงจนได้ ไกลเอาเรื่อง เหนื่อยอยู่ใครไม่สายเดินเท่าไหร่ไม่เเนะนะ รอCATเถอะ ไม่ก็หาจักรยานปั่นมา

ชมวิถีไรได้ไม่มาก ถ่ายๆเเล้วรีบเดินกลับไม่รู้ทางเดินกลับไกลมั้ย เเล้วจะเจออะไรบ้าง5555 สุดท้ายก็ได้ความอุ่นใจคืนมาเมื่อเดินถึง Jetty เลยว่าย้อมใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะด้วยการหาไรทานเถอะค่า เอ่อออเหมือนจะเพิ่งกินไปเมื่อกี้นะ!

เดินกลับไปดูที่ CF food ct. ร้านรวงเปิดครบครึกครื้น เเต่เราว่าจะเดินไปหาร้าน Lok lok ที่ตั้งใจจะกินเเต่เมื่อวานหาไม่เจอบนถนนJulia ที่CFเลยได้ขนมชื่อไรซักอย่างรองท้อง คล้ายๆขนมถังแตกบ้านเรา

ระหว่างเดินไปหา Loklokนั่น ก็เจอกับร้าน Wan tan mee ที่เขาว่าเมนูนี้ต้องลอง เเละร้านคุณลุงคุณป้าก็ดูน่าจะเป็นตำนาน(อันนี้คิดเอง) เอารองท้องก่อน (จริงๆระยะเวลาห่างจากการกินลักซาไม่น่าเกิน2ชั่วโมง) สั่งแบบแห้งมา 1 จาน หน้าตาน่ากินมากกกกกก(ก.ไก่ล้านตัว) รสชาติก็เอาเรื่องอยู่ เส้นมันจะหนึบๆเหมือนลวกไม่สุก เเต่มันสุกนะคืออร่อยคือดี คือไปกินนะร้านลุงกับป้าถนนJulia ที่สำคัญเยอะเเละถูก

ดูจากเส้นในตู้นั่นซิ ตำนานมั้ยละมึ๊งงงง ย้อยเป็นระหย้าต้นไทรเลย ระหว่างรอป้าก็สั่งน่ำปั่นมาแก้กระหายห๊ะ!! ผลไม้ปั่นที่นี่ดีนะใส่น้ำเเข็งน้อยเหมือนไม่ได้ใส่

เสร็จจากป้าก็เดินหาLoklokที่รักกันต่อ ขอให้เจอเถอะจะได้นอนตายตาหลับ (เว่อไปนะบางที)

เเละในที่สุด........

เราก็นอนตายได้ตาหลับ5555 เจอเเล้วLoklokที่ฉันรัก บนถนนJulia ขอถ่ายรูปไปอวดพี่เปาด้วยเมื่อวานจะพาแกกินร้านนี้เเต่หาไม่เจอสงสัยยังไม่เปิด ถามว่าอร่อยขนาดนั้นมั้ย? เอาจริงก็ไม่ขนาดนั้นเเต่มันเป็นPassionเข้าใจป๋ะ

เสร็จจากLoklokก็สบายใจเดินยิ้มกลับโรงเเรมเหมือนโดนอะไรเข้าไป เว่ออะไรเบอร์นั้น5555

วิวสะพานข้ามทะเลจากชั้นดาดฟ้าโรงเเรม

Tips: โรงเเรมคืออยู่ใกล้มากสามารถเดินกลับตอนกลางคืนได้ไฟสว่าง ไม่เกิน10นาทีก็ถึง เเต่ถ้าไปคนเดียวก็ไม่ค่อยเเนะนำให้กลับดึกมากนะ

DAY3:

วันที่เรากะว่าเป็นวันสุดท้ายไฟล์กลับ4.50น. โหวววมีเวลาเที่ยวช่วงเช้าอีก ออกจากที่นี่ซักบ่าย2 น่าจะกำลังดี (นี่คือสิ่งที่คิด)

ตอนเเรกกะตื่นเช้าๆไปเดินตลาด,กินติ่มซำเเละด่ำกาแฟ เเต่ในความเป็นจริงนั้นตื่น10โมง (ผิดตั้งเเต่เเต่ตื่น!!) ลุกลี้ลุกลนล้างหน้าแปรงฟัน น้ำเดี๋ยวค่อยกลับมาอาบเเล้วเช็คเอาท์

ตลาดเช้าที่คิดไว้นั้น วายไปเรียบร้อยเเต่ร้านติ่มซำน่าจะยังเปิดอยู่ เดินจากโรงเเรมไปถนน Cambell เพื่อติ่มซำร้าน Tai tong ถนนเส้นนี้จะเป็นโซน China town ของเมืองจอร์จทาวน์ มาถึงคนยังเต็มร้านโชคดีไป ไม่รีรอรีบสั่งรีบกินมีร้านที่ต้องเก็บอีก1ร้าน

เออออติ่มซำอร่อยดี ถ้ามาหลายคนคงกินได้หลายอย่างกว่านี้ นี่3อย่างก็เริ่มเเน่นละเพราะชิ้นค่อนข้างใหญ่ เเถมเดี๋ยวต้องไปจัดกาแฟอีก

Continute1:

เสร็จจากร้านติ่มซำ รีบจ้ำไปร้านกาแฟที่หมาย The Mug Shot เเต่ตอนออกจากร้านฝนดันปรอยซะงั้น ไม่เปนไรเดินเลาะๆไปได้
จากร้านติ่มซำเดินมาร้านกาแฟ บนถนนJulia ไม่เกิน5นาที (บอกเเล้วว่ามันซอกเเซกถึงกันหมด) จัดเลยคะ จริงๆที่นี่มีอะไรต้องลองหลายอย่างนอกจากกาแฟ ก็มีโยเกิร์ตสดที่เขาทำเอง ขนมปังเบเกิลซึ่งก็อยากกินมากกก
เเต่คือตอนนี้ติ่มซำยังคาคออยู่ ขอเเค่กาแฟกับโยเกิร์ตละกัน (นั่งมองเบเกิลตาปริบๆ)

ไม่ทันได้ดื่มดำ่กับอะไร ยกนาฬิกาขึ้นดูอู้ววเเม่เจ้า11โมงนิดๆเเล้ว รีบกินซิคะต้องกลับไปอาบน้ำ ทำธุระอันต่อเนื่องจากการกินกาแฟเเละโยเกิร์ต พร้อมกับเช็คเอาท์ให้ทันเที่ยง!!! โชคดีที่ว่าเป็นคนเดินเร็วเเละเลือกโลเคชั่นโรงเเรมได้ดีมากกกก ไม่เกิน5นาทีจากร้านกาแฟก็ถึงห้องน้ำทันที (ส่วนกระเป๋าเก็บไว้เรียบร้อยเเล้วเมื่อคืน)

เลทเวลาเช็คเอาท์ไปประมาณ 15-20 นาที พนง.ก็ไม่ว่าอะไร เราฝากกระเป๋าไว้โรงเเรมเเล้วไปเดินเก็บRCที่เหลืออีกซักหน่อย

พร้อมกับคิดว่าอยากจะกิน Nasi lamak ของชอบร้านสวยๆดีๆซักร้าน พร้อมกับซื้อของฝาก โดยเฉพาะจะกลับไปซื้อครัวซอง Lavisกลับบ้าน!!!

แต่ด้วยความชะล่าใจเเละชิลมากจนเกินไปในการเก็บRC ระหว่างเดินนั้นฝนก็เทลงมาอย่างไม่ทันตั้งตัว ก็ต้องเเวะหลบฝนกันเป็นช่วงๆทำให้พอมารู้ตัวยกแขนขึ้นมาดูนาฬิกาอีกที เฮ้ยจะบ่าย2เเล้ว รีบกลับไปโรงเเรมซิรออะไร ครัวซองยังไม่ได้ซื้อเลยทำไงอะบอกตัวเองว่าขาที่จะเดินไปบัสเสเตชั่นนั้นจะเดินผ่านร้านครัวซองไง โอเคงั้นตอนนี้รีบกลับโรงเเรมก่อนในขณะฝนซา

กลับถึงโรงเเรมรับกระเป๋าเรียบร้อยรอฝนซาอีกหน่อย นี่ก็2โมงละเวลามันจะไม่พอ เอาวะพกเสื้อกันฝนมาใช้ให้เป็นประโยชน์จับใส่เเล้วลุยกันเลย เเต่การใส่ก็ยากนักเพราะต้องคลุมเป้ตุงหลังนั่นไปด้วย เลยวิ่งเข้าห้องน้ำโชคดีเจอน้องหมวยเลยได้ความช่วยเหลือจากน้องหมวยช่วยใส่เสื้อฝนให้อร้ายยยน่าร๊ากก55

เอ้ารีบไปคะมัวเเต่น่ารักกับน้องหมวยอยู่ได้ ตัดสินใจเดินลุยฝนไปเลยซึ่งในขณะนั้นฝนไม่ได้ซาลงเเม้เเต่น้อย กลับตกหนักขึ้นกว่าเดิม น้ำบนถนนก็เริ่มขัง ครัวซองที่ว่าจะเเวะไปนั้น......คิดเเล้วน้ำตาจะไหลต้องตัดใจไปเสีย เพื่อให้ไปถึงJettyในระยะกระจัดที่ใกล้ที่สุด

เเละเเล้วก็มาถึงด้วยสภาพท่อนเข่าลงไปเปียกปอน ถุงเท้าถอดทิ้งได้เลยไม่ต้องกังวล เเต่ก็ยังดีที่รอไม่นานรถออก เเต่ออกไปได้ไม่ถึง1กิโลฯรถติด!!นี่มันอารายยยยยย เอาวะทำใจดีๆก็คงติดเเค่ในจอร์จทาวน์เเหละ (ตอนนั้นบ่าย2กว่าจะสามละนะ ยังจะใจดีๆอยู่T_T)

อิรถสายนี้ก็ต้องวนไปรับคนที่ Komtaอีก ซึ่งออกจากKomtaก็โครตะระติดๆๆๆๆๆ เอาวะทำใจดีๆ เดี๋ยวหลุดจอร์จทาวน์ออกไปได้ก็สบายละ

เเต่ในระหว่างนั้นคือฝนตกหนักมากเเบบไม่มีเห็นใจใครเลย เเม้เเต่เด็กน้อยตัวดำๆเเบบเรา เเละเเล้วสิ่งที่หวังก็มาถึง...เราหลุดออกจากจอร์จทาวน์ได้เเล้ว เย้!! รถจอดสนิทเลยเหมือนสายออกนอกเมืองรถติดหน้าเทศกาล5555 ขำไปอี๊ก เอาไงหละ เอาวะทำใจดีๆ(ช่างเป็นคนใจเย็นอะไรเยี่ยงนี้ ทั้งที่ปกติไม่ค่อยเป็น)

ซักพักมันหลุดอิตรงรถติดเว้ยเฮ้ย..เเต่เเค่คิดยังไม่ทันได้ดีใจเลยมันเลี้ยวเข้าไปใน Marina bayซึ่งติดนรกกกกอีกเช่นกัน เราวิ่งอยู่อีกเลนส์คิดว่าเออเดี๋ยวไปตรงวงเวียนมันคงวนออกไปเลยไม่วกกลับมา เพราะอีกเลนส์ก็ติดหา.....กันไปเลย

เเค่คิดเท่านั้นเเหละ พอมาถึงวงเวียนเวียนกลับมาเส้นตรงข้ามเรียบร้อย  จะทำร้ายกันไปถึงไหนT____T จากตรงนี้ต้องทำยังไง เอาวะฉี่ก็ปวดๆตั้งเเต่รถออกจากJetty ละลงหาแท็กซี่ละกัน เลยเปิดgrabเขาบอกรอประมาณ8นาที เลยเสิร์ชgoogle mapดูระยะทางบัสเฮ้ยบัสก็บอก8นาที เเล้วกูจะลงทำเพื่อ!!!

เลยทู่ซี่นั่งต่อไป ฮึบมากตอนนั้นปวดฉี่555 8นาทีอดทนนะ ออกจากตรงนั้นได้รถก็ไม่ค่อยติดละ เห็นป้ายไปสนามบินตรงไปไม่ไกล ใจค่อยชื้นขึ้นมาหน่อยคือหน่อยเดียวเท่านั้นจริงๆพี่พาเลี้ยวไปไหนไม่รู้5555 ค่อยยกนาฬากาขึ้นมาดูเเม่เจ้า 4โมง!!! ทำไงดีๆถามคนข้างๆว่าสนามบินอีกไกลมั้ยเขาบอกไม่ไกล เเต่ไมไม่ถึงซักทีวะ(คิดในใจ) เลยตัดสินใจเปิดgoogle map ดูอีกรอบ สึสสสทำไมมันบอกชั่วโมงครึ่งดูดีๆซิห๊ะ ไอที่8นาทีเมื่อกี้คือดูเป็นรถส่วนตัว??!?!!

เลยตัดสินใจเดินไปถามคนขับ ขณะนั้นเป็นเวลาประมาณ4โมงครึ่ง คนขับบอกอีกครึ่งชั่วโมง ครึ่งชั่วโมง!!! จอดเลยจอดไอจะลงจะขึ้นเเท็กซี่ นี่ไอจะตกเครื่องเเล้วยูรู้มั้ย!!!! พร้อมทำหน้าเหวี่ยงใส่(คนขับคงงงว่าเป็นไรกูก็วิ่งของกูปกติ รถมันติดกูผิดอัลไล!!)

วินาทีนั้นฝนก็ยังตกอยู่นะ เอาวะเปียกก็เปียก รู้ว่าลงไปหาเเท็กซี่ยังไงก็ไม่น่าทัน เเต่เอาวะเผื่อฟลุคไฟล์ดีเลย์ฝนหนักขนาดนี้ลงจากบัสเสร็จเสิร์ชหาgrab ไม่มีใครสนใจพี่เลย ฝนก็ตก ฉี่ก็ปวด ถามน้องที่ป้ายรถเขาบอกให้เรียกอูเบอร์ เออพี่ไม่มีอูเบอร์ (เเนะนำว่าไปปีนังโหลดอูเบอร์ไว้หาง่ายกว่าgrab) น้องเลยบอกให้ข้ามไปหาฝั่งตรงข้ามซึ่งเป็นเหมือนห้างอะไรซักอย่าง ตากฝนข้ามถนนไปจ๊ะT.Tมองดูนาฬิกาอีกครั้งจะ5โมงละ ใจสลาย5555 ช่างเถอะมั้ย เเล้วไปฉี่ให้สบายใจนะ แง๊T.T

เสิร์ชหาgrabอีกรอบ ทีนี้มีคนรับละเเป๊บเดียวพี่ก็มาถึง รถก็ดีนะสะอาดสะอ้าน คนขับก็ดูใจดีเลยบ่นให้ฟังว่าตกเครื่อง เขาเลยบอกว่าเวลาฝนตกหนักๆก็จะเเบบนี้เเหละรถติด จริงๆจากที่ยูขึ้นไปสนามบินไม่ไกลเเล้วหละ แป๊บเดียว 10 นาทีไม่เกิน ร้องหนักไปอี๊กกก (ก็ไม่เกินจริงๆแป๊บเดียวถึง)

มาถึงสนามบินเกทปิดเรียบร้อย วิ่งหาไฟล์ต่อไปก็ไม่มีเเล้ว มีอีกทีก็5ทุ่มเเต่ไปต่อที่KL ราคาก็โครตโหด สุดท้ายได้ไฟล์เเรกของวันพรุ่งนี้ตอนบ่าย2 เอาไงหล่ะนอนสนามบินมั้ยเพราะฝนยังหนักมากเเต่ดูจากฟิลลิ่งสนามบินเเล้วนั้น กลับไปนอนโรงเเรมเถอะไฟล์บ่าย2นะไม่ใช่6โมงเช้า เอาวะกลับก็กลับไหนๆก็ไหนๆละ

ระหว่างทางกลับไปจอร์จทาวน์ฝนก็ยังตกหนักมากพร้อมกับน้ำท่วม ดีที่นั่งบัสมาเพราะมันสูง ถ้านั่งเเท็กซี่มาคงตายยยย เเต่บนบัสก็จะเกร็งๆวังเวงๆนิดนึง ที่ทางเราก็ไม่รู้จัก ฝนก็ตก มืดก็มืด น้ำก็ท่วม เเต่ก็ทำใจเเข็ง นั่งไปซักพักใหญ่ๆก็มีคนขึ้นเยอะขึ้นพาอุ่นใจหน่อย

เรากลับมานอนโรงเเรมเดิม พนง.ก็น่ารักให้ห้องเดิม อย่างกับต้อนรับกลับบ้านไปถึงก็บ่นให้พนง.ฟังอีกรอบไม่รู้จะระบายกับใครเข้าใจกันหน่อย555

คืนนั้นฝนตกหนักมากได้ยินเสียงลมเเรงฟิ้วๆฟู่ๆทั้งคืน ตื่นเช้ามาเจอน้ำท่วมหนัก ต้มไม้ในจอร์จทาวน์ถูกถอนรากหักโค่นจากเเรงลมเมื่อคืนหลายต้น

มาดูข่าวอีกทีตอนถึงไทยว่าเป็นพายุเเละค่อนข้างวิกฤต มีคนเสียชีวิตด้วย รู้สึกตัวเองโชคดีขึ้นมาที่ถึงบ้านอย่างปลอดภัย

เเต่วันนี้ไม่ต้องกลัวตกเครื่องอีกนะ ไฟล์บ่าย2ใช่มั้ย ไปมันตั้งเเต่8โมงเลย ถึงสนามบิน9โมง นี่คือใช้เวลามาไม่ถึงชั่วโมง เเล้วเมื่อวานคืออะไร!!!

เดินเล่นนอนเล่นอยูในสนามบิน จนถึงเวลาบอร์ดดิ้ง เเต่ทำไมไม่บอร์ดซะที ดีค่าาาวันนี้ดีเลย์ไปอีก เเล้วเมื่อวานไม่ดีเลย์ ทำไม!!???

สุดท้ายก็กลับมาได้ถึงไทยเเลนด์โดยสวัสดิภาพ เป็นครั้งเเรกที่ไปเที่ยวเเล้วคิดถึงบ้าน อยากกลับบ้าน555

"การเที่ยวคนเดียวก็มีทั้งเรื่องดีเเละไม่ดีนะ เหมือนเวลาเจออะไรดีๆก็ไม่รู้จะยิ้มจะหัวเราะกับใคร พอเจอเรื่องเเย่ๆมันก็รู้สึกเเย่ทวีคูณเข้าไปอีกเมื่อต้องตัดสินใจเเละผ่านมันไปคนเดียว เเต่นั่นเเหละมันก็สอนให้เรารู้ว่าสุดท้ายสิ่งที่จะทำให้เราข้ามผ่านทุกช่วงเวลาในชีวิตไปได้ ทั้งดีเเละไม่ดีมันขึ้นอยู่กับความคิดเเละการประคองสติ..จะยิ้มรับกับเรื่องดีๆยังไงให้หหัวใจพองใตที่สุด หรือจะเดินข้ามผ่านเรื่องเเย่ๆด้วยวิธีไหนให้มันปลอดภัยที่สุด

ก็ขึ้นอยู่กับช่วงเวลานั้นๆ สุดท้ายสำคัญอยู่ที่ความคิด สติ เเละหัวใจเราเอง"

Tips: ทริปนี้ของเราเมื่อปลายที่60นู่นเเล้ว ก็ยังเเนะนำให้ลองไปเที่ยวคนเดียวอยู่นะที่ไหนก็ได้ ไม่รู้เพื่ออะไรเหมือนกันลองไปเเล้วมาแชร์กันด้วยว่าเพื่ออะไร

Mongkud

 วันอังคารที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 เวลา 10.52 น.

ความคิดเห็น