วันสุดท้ายในไต้หวัน...
วันนี้จริงๆตั้งใจจะไปนั่งกระเช้าเมาคง แต่แต่พลาดไปหน่อยเพราะปิดทุกวันจันทร์ เลยอดไป ㅠㅠ การเดินทางวันนี้จึงเริ่มต้นที่วัดหลงซาน
แต่ก่อนจะไปวัดหลงซานเราก็ลงมากินข้าวเช้าแถวที่พักกันก่อน มื้อเช้าวันนี้กินเสี่ยวหลงเปาและลูกชิ้นเนื้อน้ำใส ราคาเมนูละ 100 TWD เสี่ยวหลงเปาร้านนี้เรารู้สึกเฉยๆ แต่ลูกชิ้นน้ำใสอร่อย ลูกชิ้นเนื้อที่ไต้หวันอร่อยมากเลยอ่ะ อร่อยเหมือนกันทุกร้านเลย
ถึงแล้ววัดหลงซาน ตั้งแต่มาถึงสถานีวัดหลงซานสังเกตุว่ามีแต่ผู้สูงอายุซะส่วนใหญ่ ถึงหน้าวัดเราก็เดินข้ามถนนไปเลยจ้า
เข้ามาในโซนวัดแล้ว เราก็ต้องเดินเข้าประตูไปอีกทีนึง //เข้าประตูทางขวา ออกประตูทางซ้าย
เข้ามาข้างในแล้วคนเยอะมากกกกกก เราก็เริ่มไหว้ที่จุดแรกและวนไปตามจุดต่างๆ... บริเวณข้างในนั้นตอนนั้นมีพระสวดอยู่จำนวนนึงเลยแหละ
พอวนครบรอบไหว้ทุกจุดแล้ว อีกจุดนึงที่ไม่ควรพลาดคือเครื่องรางวัดหลงซาน ที่พึ่งทางใจ5555555 เค้าจะมีกระดาษ ปากกา และแผ่นเมนูพร้อมเขียนความหมายของแต่ละอย่างไว้ มีภาษาไทยให้ด้วย แล้วก็มีตัวอย่างให้ดู แต่ละแบบก็จะราคาต่างกัน เสร็จแล้วเราก็เขียนใส่กระดาษแล้วยื่นให้เจ้าหน้าที่ได้เลย แล้วก็จ่ายเงิน
หลังจากซื้อเครื่องรางเรียบร้อยแล้ว เราก็ต้องนำมาวนกระถางธูปตามเข็มนาฬิกาจำนวน 3 รอบ เป็นอันเสร็จพิธี
อ้อ ไฮไลท์อีกอย่างนึงของที่นี่สำหรับขอพรเรื่องความรักคือโยนไม้เสี่ยงทาย จะเป็นไม้รูปพระจันทร์เสี้ยว แต่ว่าเราไม่ได้โยน
หลังจากนั้นเราก็ไปที่อนุสรณ์สถานเจียงไคเช็คกันต่อ
เราเข้ามาทางด้านข้างก็เลยต้องข้ามถนนแล้วเดินเข้าไปอีกหน่อยตรงที่มีรถยนต์ออกมา
เข้ามาข้างในแล้วพิ้นที่กว้างมากกกกกกกก สายถ่ายรูปน่าจะชอบ อากาศก็เย็นสบายสุดๆ
จากนั้นเราก็อยากขึ้นไปดูข้างบนว่าจะมีอะไรบ้าง แล้วมันเป็นยังไง ขณะที่กำลังเดินขึ้นบันไดก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเสียงดัง จังหวะนั้นคิดว่าต้องมีอะไรแน่ๆเลยรีบขึ้นไป
เค้ากำลังมีทหารเปลี่ยนเวรยาม(?) เค้าก็เดินอยู่พักนึง แล้วก็เข้าไปข้างใน หลังยากจบแล้วก็จะมาเอาที่กั้นออกให้คนได้ไปถ่ายรูปดร.ซุนยัดเซ็น ใกล้ขึ้น
หลังจากดูเสร็จแล้วก็ถ่ายรูปจากด้านบนซะหน่อย สวยมากๆ
จากที่บอกไปว่าแพลนเที่ยววันนี้ค่อนข้างพีงนิดหน่อย แล้วเราก็รู้สึกว่าสถานที่ของที่นี่ส่วนใหญ่จะปิดทุกวันจันทร์ ก็เลยตัดสินใจกลับไปเดินเล่นแถวซีเหมินติง แล้วก็พักผ่อนที่ห้อง
อาหารเที่ยงกินอาหารเกาหลี เพราะอยากได้รสชาติที่เผ็ดๆ มีรสชาติอื่นๆบ้าง เพราะตั้งแต่อยู่ไต้หวันมา อาหารที่กินคล้ายกันหมดเลย แต่รสชาติอาหารก็ยังมีรสไต้หวันติดมา55555555 ส่วนราคาอาหารมื้อนี้อยู่ที่ 715 TWD
ก่อนขึ้นห้องกลับไปพักผ่อนก็แวะซื้อชานมไข่มุกเจ้าดัง ราคา 100 TWD จริงๆเค้ามีเป็นเซตไก่ทอดด้วยแต่จำราคาไม่ได้แล้ว ส่วนรสชาติชานม จะบอกว่าได้แต่รสนม เพราะใส่นมเยอะมากกก ไม่ได้รสชาเลย ส่วนไข่มุกอร่อยจริง อร่อยมาก อร่อยสุดๆ5555555 ไข่มุกจะเม็ดเล็กกว่สปกตินิดนึง แต่จะไม่ใช่ไซส์จิ๋ว แล้วก็หนึบๆ คือมันอร่อยมากๆ แนะนำให้ไปลองค่าา
ตอนเย็นลงมาหาของกินเล่นนิดหน่อย เพราะมื้อเที่ยงเราก็กินตอนบ่าย2แล้ว เลยอิ่มยาวๆ ก็ลองมาซื้อร้านนี้ อยู่ติดกับร้านHot Star ที่ขายไก่ทอดชิ้นใหญ่ๆ จำไม่ได้ว่าเมนูเค้าเรียกว่าอะไร มีหลายไส้ให้เลือก ตัวแป้งจะคล้ายๆโรตี ที่เราสั่งมาข้างในมีไข่ แฮม ชีส แล้วก็ราดซอสเผ็ด กินตอนร้อนๆอร่อยมากกกกกกกกก อร่อยแสงออกปาก จะไปโดนอีกแน่นอน ราคา 75 TWD คนต่อคิวเยอะมาก แต่คุ้มกับการรอจริงๆ
เช้าวันรุ่งขึ้นเราก็ไปสนามบิน กลับไทยกัน... และขากลับเราก็นั่งการบินไทยเหมือนเดิม
อาหารที่ให้เลือกจะมีเมนูสปาเก็ตตี้กุ้งกับอะไรนี่แหละ แต่ตอนนั้นของพี่ลูกเรือที่มาถึงเราเหลือแต่สปาเก็ตตี้ เราไม่ติดอะไรก็เลยกินเมนูนี้แทน จะมีลาบและสาลี่กรอบมาด้วย แล้วก็ขนมปัง จะบอกว่าอร่อยมาก อร่อยอีกแล้ว55555555 สปาเก็ตตี้ก็อร่อย ลาบก็อร่อยแต่เย็นไปหน่อย สาลี่กรอบก็อร่อย อาหารหลักอร่อยทุกอย่าง
สรุปการรีวิว เราไปวันที่ 18-21 ก.พ. 66
- อากาศกำลังดี เย็นสบายมากๆ ถ้าไม่โชคร้ายเจอฝนตกก็เที่ยวสนุกเลย
- อาหารส่วนใหญ่อร่อย แต่ถ้าพูดจีนและอ่านออกได้จะดีกว่ามากๆ เพราะสามารถเลือกอาหารที่หลากหลายได้
- จากที่เจอกับตัวคนไต้หวันส่วนใหญ่ไม่ค่อยเจอพูดอังกฤษด้วย รัวจีนมาเลย ยกเว้นสถานีรถไฟไต้ดิน และร้านอาหารที่จะพูดอังกฤษหรือพูดไทยได้
- คนส่วนใหญ่ตอนนั้นยังใส่แมสอยู่ แต่ก็มีบ้างที่ไม่ใส่
- คนหล่อสวยเยอะมากกกก แต่งตัวดี เทสดี แล้วยิ่งมาพักที่ซีเหมือนติงอีก โหหห ดีไปหมด
การเดินทางครั้งนี้สำหรับเราถือว่าได้เห็นอะไรค่อนข้างเยอะที่ไต้หวัน ไม่ว่าจะเหตุการณ์ที่มีรถตำรวจ รถโรงพยาบาล คนที่แปลกๆ คล้ายกับที่เห็นที่ไทย แต่ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีอีกอย่างนึงในชีวิต
ไว้เจอกันใหม่นะ ไต้หวัน ^^👋
ปุยสีขาว | Puisikhao
วันเสาร์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2566 เวลา 15.58 น.