ทริปนี้เรียกว่าดองไว้นานมากกว่าจะมีเวลาและใจที่จะมารีวิว เหตุเกิดจากอยากนั่งรถไฟความเร็วสูงของลาว เลยต้องเจียดเงินที่มีน้อยนิดมาสนองความอยากเที่ยวของตัวเองครับ
ผมออกเดินทางจากกรุงเทพด้วยรถโดยสารแบบรถเสริม ซึ่งดีเลย์ไปเกือบ 4 ชม. เนื่องจากเป็นช่วงเทศกาลและไม่ได้มีการวางแผนใด ๆ ไว้ก่อน ทำให้ต้องนั่งในรถแคบ ๆ มาจนถึงอุดร ก่อนจะมาพบว่าตั๋วรถบัสจากอุดรไปเวียงจันทน์ก็เต็มแล้ว มีอีกรอบคือบ่ายไปเลย เลยต้องเปลี่ยนแผนนั่งรถตู้ไปลงด่านที่หนองคายแล้วข้ามด่านเอา ชีวิตลูกคุณหนูตกยากเว่อ
เข้าตม. ฝั่งลาว ตม. ก็ถามนิดหน่อย ไปเที่ยวไหน ยังไง ตอบตามจริงไปเลยครับ จ่ายค่าเหยียบแผ่นดินประมาณ 20 - 30 บาทนี่แหละ นานเกิ๊น ลืมไปละ
ทริปนี้ เหมือนเขารู้ว่าเราลำบากกันตั้งต่ที่กรุงเทพ เลยส่งเพื่อนผมซึ่งมีคนรู้จักเป็นคนลาวร่วมทริปมาด้วย การเที่ยวในลาวเลยสะดวกมากเพราะเราติดต่อพี่คนลาวให้พาผมกับเพื่อนเที่ยวทั้งที่เวียงจันทน์
และหลวงพระบาง
เริ่มต้นเที่ยวเวียงจันทน์ทั้งที ก็ต้องมาไหว้พระเอาฤกษ์ เอาชัยกันหน่อย ที่วัดสะเกด
ต่อด้วยประตูชัยลาว ที่กำลังมีโชว์น้ำพุ ในช่วงลมแรง
นึกได้ว่าต้องไปหลวงพระบางพรุ่งนี้เช้า เลยต้องรีบไปที่สถานีรถไฟเพื่อซื้อปี้ก่อน
สถานีรถไฟเวียงจันทน์
ที่สถานีนีี้ ไม่สามารถ walk in เข้ามาซื้อตั๋วได้ตลอดเวลาแบบหัวลำโพงบ้านเรานะครับ เขาจะเปิดเป็นรอบ ตามรูปครับ ซึ่งแต่ละรอบการซื้อตั๋วก็ได้รับความนิยมแบบสุด ๆ เพราะนอกจากคนเดินทางปกติและนักท่องเที่ยวแล้ว ปัจจุบันการนั่งรถไฟความเร็วสูงถือเป็นกิจกรรม the must ที่ทุกคณะทัวร์ทั้งจากไทย เวียดนาม และจีนต่างจัดโปรแกรมไว้ให้ เลยเกิดเป็นอาชีพรับจองตั๋วให้คณะทัวร์เหล่านี้เลยทีเดียว
นี้คือจำนวนคนตอนเวลา 18.31
ซื้อตั๋วเสร็จแล้ว ก็ขอแวะไปธาตุหลวง พระธาตุคู่บ้านคู่เมืองลาวซักหน่อยครับ
แล้วก็มา nignt life explore แถวแยกสีหอมครับ
เช้าวันต่อมาเราก็มาขึ้นรถไฟไปหลวงพระบางกันฮะ ตื่นเต้นนะเอาดี ๆ เหมือนตอนขึ้นเครื่องบินครั้งแรก คนเยอะมาก ทั้งคนลาว จีน ไทย เวียดนาม คณะทัวร์ต่าง ๆ
ผ่านวังเวียงด้วย ไว้ทริปหน้านะ
นั่งมาประมาณ 3 ชม. ซึ่งพี่คนลาวบอกว่า ปกติต้องใช้เวลาประมาณ 5 - 6 ชม. เลยนะ มาหลวงพระบางเนี่ย ถือว่าย่นเวลาได้เยอะเลย
ถึงแล้ววววว สถานีรถไฟหลวงพระบางกับตัวเมืองไกลกันมาก ต้องนั่งรถตู้จากสถานีเข้าเมือง บอกคนขับได้เลยว่าพักโรงแรมไหน ส่งถึงแน่นอน
โรงแรมของเรา อยู่นอกตัวเมืองมาหนอยแต่ไม่ไกลมาก
เก็บของเข้าที่พักเสร็จเราก็ไปเช่ามอเตอร์ไซต์ขับเที่ยวกัน แต่ที่แรกที่เราไปคือร้านเฝอครับ ไม่ไหว
หิวมาก บนรถไฟไม่มีใครมาขายแหนมย่าง หมูย่าง ลูกชิ้นปิ้งเลย
แซ่บบบบบบ
พวกเราวางแผนกันว่าจะเที่ยวที่ไกลที่สุดก่อนนั้นคือ น้ำตกตาดกวางสี แล้วค่อยเข้ามาเที่ยวในเมือง น้ำตกตาดกวางสีอยู่ห่างจากตัวเมืองออกมาหน่อย ขับมอไซต์ไปไกลมากกก ขับกันเมื่อย
แต่ก็สวยสมคำร่ำลือ ใคขับไม่ไหวหรือขับมอเตอร์ไซต์ไม่แข็ง จ้างรถมาส่งหรือซื้อทัวร์มาได้ครับ
น้ำตกชั้นสองเป็นชั้นที่สวยที่สุด จะบอกว่าการเข้าไปที่ตัวน้ำตก จะมีรถ shuttle รับส่งด้วยนะครับ
ส่วนอันนี้ Behind the scenes คนเยอะมากกกกก กว่าจะหามุม หาจังหวะแบบรูปด้านบนได้
เที่ยวกันจนเย็นก็กลับมานอนพักที่โรงแรมก่อนจะออกไปหาไรกินที่กาดมืด
และนี่คือผลประกอบการคืนนี้
กินข้าวเสร็จก็มาเดินเล่นในกาดมืด
ของที่ขายส่วนใหญ่ คือ ๆ กับถนนคนเดินทางแพบ้านเรามาก ต่างกันนิดหน่อยที่สไตล์และลายเส้น
มินิโซ หลวงพระบาง น่ารักดี ใครเป็นสายเมืองเก่า เมืองมรดกโลกแบบผมต้องชอบแน่นอน เมืองนี้น่ารักและมีเสน่ห์มาก ๆ
เดินไปเดินทาง หิวอีกละ เลยจัดไคทอด มา 1 จานและส้มตำในมุมข้าง ๆ มาอีกจาน
ไค คือสาหร่ายน้ำจืดชนิดหนึ่งที่นิยมกินกันในหลวงพระบาง มักเอาไปทอดหรือลาบ ซึ่งไคเหล่านี้จะโตบริเวณที่น้ำไหลและสะอาดเท่านั้น
มื้อดึกผ่านไป พวกเราก็พากันกลับบโรงแรม พักผ่อน พรุ่งนี้เตรียมตัวเที่ยวในเมือง ถ้าอยากรู้ว่าไปเที่ยวไหนกันบ้างติดตามอ่าน EP. 2 กันด้วยนะครับ
ณัฐ นรินทร์
วันอาทิตย์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2566 เวลา 15.27 น.