เบตง คือ 1 ในสถานที่ ที่เราอยากไปสัมผัสสักครั้ง แม้ว่าในใจจะรู้สึกกล้าๆกลัวๆอยู่บ้าง เพราะเบตงอยู่จ.ยะลา เป็น1ใน3จังหวัดชายแดนใต้ เรามักจะเห็นข่าวตลอดในช่วงสมัยเด็ก เชื่อว่าหลายๆคนพอเห็นว่าเป็น3 จังหวัดชายแดนใต้ ก็อาจจะไม่กล้าไป แต่ด้วยความที่เราอยากรู้ว่าที่เบตง จะเป็นยังไงนะ จะน่ากลัวหรือเปล่า ครั้งนี้พอมีเวลาหลายวันจึงทำเราตัดสินใจเดินทางไปเที่ยวเบตง จัดการจองตั๋วเครื่องบิน จองที่พัก แล้วไปลุยเบตงกัน
บอกเลยว่าหลังจากที่เราได้ไปสัมผัสมา เบตงไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ผู้คนน่ารัก ใจดี เป็นกันเอง นักท่องเที่ยวเยอะมากๆ ยิ่งช่วงวันหยุดก็จะมีชาวมาเลเซียเข้ามาเที่ยวกัน อีกอย่างนึงที่เราสัมผัสได้นั่นก็คืออากาศ อากาศเย็นสบาย ไม่คิดว่าภาคใต้ อย่างจังหวัดยะลา จะอากาศดี ยิ่งตอนเช้าคืออากาศดีมากๆ ที่เที่ยวธรรมชาติเยอะ มุมถ่ายรูปสวย
ทริปนี้เราเดินทางไปวันที่ 27-30 ก.ค. 66 ซึ่งอยู่ในช่วงวันหยุดยาวพอดี
![](/f/46281/64fbee5fe3da5835524b3810.jpg)
มาเริ่มที่การเดินทางของเรากันเลยครับ เรานั่งเครื่องจากกรุงเทพ ไฟท์บินประมาณ 07.00 น. บินไปลงหาดใหญ่ ถึงหาดใหญ่ประมาณ 08.30 น. จากนั้นเรานั่งแท็กซี่ไปที่บขส.หาดใหญ่ เพื่อที่จะต่อรถตู้ไปยังเบตง
แพลนเที่ยว
Day 1
-นั่งเครื่องไปลงหาดใหญ่ ต่อรถตู้จากหาดใหญ่ไปลงเบตง จากนั้นเช่ารถเที่ยวในเบตง
-แวะหาอะไรกินที่ร้านต้าเหยิน
-คืนแรกพักที่ใต้หมอกรีสอร์ท
Day 2
-ไปดูทะเลหมอกสกายวอล์คอัยเยอร์เวง
-สะพานโต๊ะกูแช สะพานข้ามทะเลสาบฮาลาบาลา
-สะปานแตปูซู
-สนามบินเบตง สนามบินแห่งใหม่ที่สุดที่สุดในประเทศไทย
-Betong Hello Hotel ที่พักคืนที่ 2
-ใบหยก
-ตู้ไปรษณีย์สูง-ใหญ่ที่สุดในโลก
-Street Art เบตง
-หอนาฬิกาเบตง
-อุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์
Day 3
-ไปดูทะเลหมอกฆูนุงซีลีปัต
-แวะถ่ายรูปที่ป้าย OK เบตง
-อาฟะ ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นแคระ
-เฉาก๊วยเบตงกม.4
-สวนดอกไม้เมืองหนาว(สวนหมื่นบุปผา)
-น้ำพุร้อนเบตง
-อุโมงค์ปิยะมิตร
-น้ำตกเฉลิมพระเกีรยติร.9
-วัดพุทธาธิวาส พระอารามหลวง
-ป้ายใต้สุดแดนสยาม
-Black&White Seafood
Day 4
-ทะเลหมอกจาเราะกางา
-เซ้งติ่มซำ
-นั่งรถตู้กลับหาดใหญ่ คิวรถตู้จะอยู่ตรงร้านต้าเหยิน เที่ยวสุดท้าย 14.00 น.
![](/f/46281/64eef4ee7ce4ad3fe588c313.jpg)
สำหรับรถตู้ที่ไปเบตง จากที่เราหาข้อมูลมา จะเป็นรถตู้ของเบตงโพธิ์ทองทัวร์ จะมีรถออกตั้งแต่เวลา 07.00 น. ถึง 14.00 น. โดยรถจะออกทุกชั่วโมง ถ้าเป็นช่วงวันหยุดแนะนำให้โทรจองล่วงหน้า สามารถจองล่วงหน้าได้ก่อน 10 วัน วันที่เราไปเราไม่ได้โทรจองล่วงหน้า เราได้รถรอบ 11.00 น. ค่ารถตู้เที่ยวละ 280 บาท
**ข้อควรระวังอย่างนึงที่บขส.หาดใหญ่ ห้ามซื้อตั๋วนอกบขส.เด็ดขาด เพราะจะมีมิจฉาชีพคอยหลอกให้ซื้อตั๋วในราคาแพงกว่าปกติ โดยบริเวณรอบๆบขส.จะมีป้ายติดประกาศให้ซื้อตั๋วในบขส.เท่านั้น ใครที่เดินทางไปก็ระวังกันด้วยนะครับ ให้ซื้อตั๋วที่หน้าเคาน์เตอร์ในบขส.เท่านั้น
จริงๆเราสามารถโทรให้รถตู้มารับที่สนามบินได้นะ เค้าจะคิดเพิ่ม100บาทต่อกลุ่ม เบอร์ติดต่อจองรถตู้ 081-9632168
![](/f/46281/64eef4ee7ce4ad3fe588c30e.jpg)
เราใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงครึ่ง เราก็มาถึงยังเมืองเบตง จ.ยะลา เราลงที่ร้านต้าเหยินซึ่งตรงนี้จะเป็นคิวรถตู้พอดี
จากนั้นเราก็นัดร้านเช่ารถมอเตอร์ไซค์ให้มาส่งรถ เราเช่ารถร้าน Betong bike for rent มิ้นรถเช่าเบตง วันละ 300 บาท เราจองมาล่วงหน้านะ
![](/f/46281/64eef4ee7ce4ad3fe588c310.jpg)
นั่งรถมา4ชั่วโมงเต็ม หิวๆก็เลยหาอะไรกินร้านต้าเหยินกันเลย เป็นร้านดังในเบตง เมนูที่สั่งมาก็จะเป็นผัดผัก ต้มยำ แล้วก็เมนูไฮไลท์อย่างไก่สับเบตง
เนื้อไก่ แน่นๆนุ่มๆ รสชาติดี เป็นเมนูที่ใครๆก็แนะนำเวลาไปเที่ยวเบตง นอกจากนี้ยังมีเมนูอีกหลายเมนูเลยครับ ใครไปเบตงก็ลองไปทานกันดูฮะ
![](/f/46281/64eef4ee7ce4ad3fe588c30b.jpg)
หลังจากกินข้าวเสร็จ เราก็ขับรถไปที่พักของเรากัน ในวันแรกเราพักกันที่ ใต้หมอกรีสอร์ท กม. 27 ตั้งอยู่บริเวณกม.ที่ 27 ห่างจากสกายวอล์คอัยเยอร์เวง แค่ 10 กม. อยู่ตรงทางแยกปากทางเข้าพอดี ห้องพักจะเป็นบ้าน มีทั้งห้องแอร์และห้องพัดลม เป็นที่พักอยู่บนเนินเขา มองเห็นวิวทิวเขา สวยงาม ราคาคืนละประมาณ 600-800 บาท ระยะทางจะใกล้ว่าพักในตัวเมืองเบตงค่อนข้างเยอะ
![](/f/46281/64eef4ee7ce4ad3fe588c311.jpg)
เราเลือกพักแบบห้องแอร์ คืนละ 800 บาท เป็นบ้านพักเป็นหลัง ห้องกว้างใช้ได้เลย มีทีวี มีห้องน้ำในตัว ด้านข้างมีที่จอดรถ
จบวันแรกเราถึงที่พักเย็นพอดีเลยไม่ได้ออกไปไหน นอนพักผ่อนเอาแรงเตรียมลุยวันพรุ่งนี้
![](/f/46281/64eef4ee7ce4ad3fe588c312.jpg)
Day 2 เรารีบตื่นแต่เช้ามืด ตื่นประมาณ 04.00 น. ออกจากที่พักประมาณ 05.00 น. แล้วขับรถเดินทางมายัง สกายวอล์คอัยเยอร์เวง จุดชมวิวทะเลหมอก
สำหรับการเดินทาง สามารถขับรถไปจอดยังจุดจอดรถทางขึ้นอัยเยอร์เวง จากนั้นขึ้นวินมอเตอร์ไซค์หรือสองแถวเพื่อขึ้นไปชมทะเลหมอกบริเวณสกายวอล์ค ค่ารถอยู่ที่ประมาณเที่ยวละ 20-30 บาท เราเลือกขึ้นมอเตอร์ไซค์ เพราะว่าไม่ต้องรอคนเต็ม ระยะทาไม่ถึง 2 กม. แป๊บเดียวก็ถึง
![](/f/46281/64eef4ee7ce4ad3fe588c30d.jpg)
วันที่เราไปคนเยอะมาก เราได้คิว500กว่า ซึ่งเค้าจะเรียกเข้าไปครั้งละประมาณ 50 คน
![](/f/46281/64eef4f07ce4ad3fe588c317.jpg)
พูดถึงทะเลหมอกอัยเยอร์เวง จุดชมวิวทะเลหมอกที่ว่ากันว่ามีทะเลหมอกทั้งปี ไฮไลท์ของที่นี่คือสกายวอล์ค สะพานชมวิว180องศา บนความสูงประมาณ 621 เมตรจากระดับน้ำทะเล ที่นี่ตั้งอยู่บนยอดเขาไมโครเวฟ ที่นี่เปิดทั้งวัน แต่แนะนำว่าให้ไปแต่เช้ามืด เพื่อไปชมทะเลหมอก ทะเลหมอกวันที่เราไป ถือว่าไม่ได้ฟูเต็มที่ แต่ก็พอได้เห็นเป็นทะเลหมอกอยู่บ้าง
![](/f/46281/64eef4f17ce4ad3fe588c31a.jpg)
ระหว่างรอคิวก็ถ่ายรูปเล่นกันไปก่อน
![](/f/46281/64eef4f07ce4ad3fe588c316.jpg)
ถึงคิวเราก็เดินขึ้นไปต่อแถวเพื่อไปชมทะเลหมอกบริเวณสกายวอล์ค บางช่วงหมอกปกคลุม ทำให้ทั้งพื้นที่หมอกฟุ้งกระจาย
![](/f/46281/64eef4f07ce4ad3fe588c315.jpg)
หามุมถ่ายรูปค่อนข้างยาก เพราะนักท่องเที่ยวค่อนข้างเยอะ แต่ก็พอเก็บภาพมาได้บ้าง
![](/f/46281/64eef4f07ce4ad3fe588c318.jpg)
บางช่วงฟ้าเปิด ก็จะได้เห็นวิวแบบนี้ ขนาดหมอกไม่ได้ฟูเต็มที่ ยังสวยมาก
ต้องบอกว่าที่นี่เป็นจุดที่มีทะเลหมอกทั้งปี ขึ้นอยู่กับว่าในแต่ละวันจะมากน้อยขนาดไหน
![](/f/46281/64eef4f07ce4ad3fe588c319.jpg)
นอกจากบริเวณสกายวอล์คยังมีจุดชมวิวที่เก่าที่เราสามารถไปดูทะเลหมอกได้เช่นกัน
![](/f/46281/64eef4f17ce4ad3fe588c31b.jpg)
บริเวณจุดชมวิวเก่านี้ คนจะน้อยกว่าตรงสกายวอล์ค วิวสวยไม่แพ้กัน ถ่ายรูปได้ง่ายกว่า
![](/f/46281/64eef4f17ce4ad3fe588c31d.jpg)
ลงจากอัยเยอร์เวงมา เราขับรถไปกันที่ สะพานโต๊ะกูแช สะพานข้ามทะเลสาบฮาลาบาลา ที่สวยสะดุดตาตั้งแต่ตอนนั่งรถผ่าน นอกจากจะเห็นวิวทะเลสาบแล้วยังเห็นวิวภูเขาสลับซับซ้อนสวยงาม สามารถขับรถไปจอดถ่ายรูปบริเวณข้างสะพานได้เลย เราจะเห็นภาพวิวทิวทัศน์จากในรูปที่นี่ๆบ่อย เวลาใครขับรถผ่านก็ต้องแวะ
![](/f/46281/64eef4f27ce4ad3fe588c31e.jpg)
วิวฉากหลังของที่นี่บอกเลยว่าสวยมากๆ
![](/f/46281/64eef4f17ce4ad3fe588c31c.jpg)
![](/f/46281/64eef4f27ce4ad3fe588c321.jpg)
ถ่ายรูปบรรยากาศมาให้ทุกคนได้ชม เราถ่ายรูปกันได้ไม่นานเราก็ขับรถกลับที่พัก ไปเช็คเอาท์แล้วก็ไปลุยกันต่อ
![](/f/46281/64eef4f27ce4ad3fe588c31f.jpg)
ที่ต่อมาเรามาแวะกันที่ สะพานแตปูซู สะพานแขวนข้ามลำน้ำปัตตานี เป็นลักษณะเหมือนสะพานโบราณ
สะพานนี้สามารถข้ามได้เฉพาะรถมอเตอร์ไซค์และคนเดินข้าม
![](/f/46281/64eef4f27ce4ad3fe588c320.jpg)
ตัวสะพานสร้างโดยใช้ลวดสลิงยึดโยงระหว่างสะพาน พื้นเป็นไม้ระแนง
![](/f/46281/64eef4f37ce4ad3fe588c322.jpg)
บริเวณกลางสะพานเราก็จะเห็นวิวแม่น้ำปัตตานี น้ำใสมากๆ
![](/f/46281/64eef4f47ce4ad3fe588c326.jpg)
สะพานแปตูซู ก็เป็นอีกหนึ่งจุดเช็กอินของเบตงที่สามารถแวะไปถ่ายรูปกันได้
![](/f/46281/64eef4f47ce4ad3fe588c325.jpg)
สนามบินเบตง
ว่ากันว่าเป็นสนามบินที่สวยที่สุดในประเทศไทย เป็นสนามบินที่พึ่งสร้างเสร็จใหม่ล่าสุด ความสวยงามของสนามบินอยู่ที่ด้านหน้าของสนามบินจะตกแต่งด้วยไม้ไผ่
![](/f/46281/64eef4f47ce4ad3fe588c323.jpg)
ที่นี่สามารถแวะไปถ่ายรูป เช็กอินกันได้ น่าเสียดายที่ตอนนี้สนามบินไม่มีเที่ยวบินไปลง
![](/f/46281/64eef4f47ce4ad3fe588c324.jpg)
คืนที่ 2 เรามาพักกันที่ Betong Hello Hotel เป็นที่พักที่อยู่ในเมืองเบตง อยู่ในย่านของกิน ร้านค้าเยอะและอยู่ติดกับอุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์ เป็นห้องพักราคาประหยัด ห้องพักโอเคเลยนะ เราจองมาในราคาคืนละ 850 บาท ห้องกว้างกำลังดี เตียงนุ่ม ห้องน้ำมีอ่างอาบน้ำด้วยนะ ที่พักมีลิฟท์ ใช้ระบบคีย์การ์ด มีwifi
![](/f/46281/64eef4f47ce4ad3fe588c327.jpg)
เก็บของเข้าที่พักเสร็จหิวอีกแล้ว มื้อนี้มากินร้านใบหยก
อีก1ร้านอาหารถิ่น อาหารจีน ในเบตง เมนูที่ต้องสั่งนั่นก็คือ แกงส้มยอดมะพร้าว ผัดผักน้ำ เคาหยก และยังมีเมนูอื่นๆอีกเยอะมาก อาหารรสชาติดี ราคาไม่แพงมาก
![](/f/46281/64eef4f57ce4ad3fe588c328.jpg)
กินข้าวเสร็จแวะถ่ายรูปกับ ตู้ไปรษณีย์สูง-ใหญ่ที่สุดในโลก
ตู้ไปรษณีย์ที่ว่ากันว่าสูงและใหญ่ที่สุดในประเทศไทย จะอยู่ติดกับแยกหอนาฬิกา มองเห็นเป็นจุดเด่น สามารถไปถ่ายรูปกับตู้ไปรษณีย์กันได้ ตั้งอยู่ริมถนน
![](/f/46281/64eef4f57ce4ad3fe588c329.jpg)
แล้วก็ไปถ่ายรูป Street Art เบตงเราว่าเบตงมีเสน่ห์ในหลายๆจุด นอกจากจะมีอาคารบ้านเรือน เป็นลักษณะเมืองเก่า ยังมีศิลปะฝาผนัง Street Art ที่พูดถึงเมืองเบตง ของดีเมืองเบตง และบุคคลสำคัญ จุดถ่ายรูปที่เป็น Street Art มีหลายที่มาก
![](/f/46281/64eef4f57ce4ad3fe588c32a.jpg)
อันนี้น่าจะเป็นไก่เบตง
![](/f/46281/64eef4f57ce4ad3fe588c32b.jpg)
![](/f/46281/64eef4f67ce4ad3fe588c32f.jpg)
มุมนี้ก็สวย คนถ่ายรูปกันเยอะ
![](/f/46281/64eef4f67ce4ad3fe588c32c.jpg)
อันนี้น่าจะเป็นรถกระป้อ รถรับจ้างในเบตง
![](/f/46281/64eef4f67ce4ad3fe588c32d.jpg)
จุดนี้เหมือนภาพ3มิติ
![](/f/46281/64eef4f67ce4ad3fe588c32e.jpg)
เยอะมากครับ ถ้าถ่ายหมดน่าจะไม่ไหว ที่ถ่ายมาก็เป็นเพียงแค่บางส่วนเท่านั้น ใครไปเที่ยวก็ลองเดินดูหรือถามชาวบ้านก็ได้ว่ามีตรงจุดไหนบ้าง
![](/f/46281/64eef4f77ce4ad3fe588c332.jpg)
อุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์ ซึ่งอยู่ติดกับที่พักเราเลย
ที่นี่อีก1สัญลักษณ์ของเมืองเบตง อุโมงค์ที่สร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก มีระยะทางยาว 273 เมตร กว้าง 9 เมตร สูง 7 เมตร โดยอุโมงค์จะผ่านสวนสาธารณะออกสู่ถนนบริเวณลานวัฒธธรรมสัมพันธ์เชื่อมต่อกับถนนมงคลประจักษ์ สองข้างทางจะมีทางเดินสามารถเดินทะลุอุโมงค์ได้ ภายในอุโมงค์จะเปิดไฟทั้งวันทั้งคืน ส่วนด้านหน้ากลางคืนจะเปิดไฟประดับ
![](/f/46281/64eef4f77ce4ad3fe588c330.jpg)
เดินถ่ายรูปกันครับ
![](/f/46281/64eef4f77ce4ad3fe588c333.jpg)
ด้านในอุโมงค์ก็จะสว่าง มีรถวิ่งผ่านไปผ่านมาตลอด
![](/f/46281/64eef4f77ce4ad3fe588c331.jpg)
ถ้าถ่ายรูปแนะนำให้ถ่ายด้านข้างอุโมงค์ ถ้าถ่ายบริเวณถนนอาจจะเกิดอุบัติเหตุได้
![](/f/46281/64eef4f87ce4ad3fe588c335.jpg)
บรรยากาศของอุโมงค์ตอนกลางคืนก็จะประมาณนี้
![](/f/46281/64eef4f87ce4ad3fe588c334.jpg)
มุมอีกฝั่งนึงของอุโมงค์
![](/f/46281/64eef4f97ce4ad3fe588c338.jpg)
หอนาฬิกาเบตง หอนาฬิกาสุดคลาสิก ที่ตั้งอยู่กลางวงเวียน เราว่าช่วงกลางคืนถ่ายรูปสวย
![](/f/46281/64eef4f87ce4ad3fe588c336.jpg)
Day 3 เช่นเคย เรารีบตื่นแต่เช้ามืด เพราะวันนี้เรามีนัดไปดูทะเลหมอกกันที่ ทะเลหมอกฆูนุงซีลีปัต เป็นอีกจุดชมวิวทะเลหมอกยอดฮิตในเบตงอีกเช่นกัน บนเขาจะเป็นเขาหัวล้าน เห็นวิวแบบ 360 องศา
เราไปขึ้นที่ ภูนภาแคมป์ปิ้ง รีสอร์ท เป็นที่พักที่อยู่ใกล้กับฆูนุงซีลีปัต สำหรับคนที่ไม่ได้พักที่นี่จะมีค่าบริการ วันที่เราไปเสียคนละ 80 บาท
![](/f/46281/64eef4f97ce4ad3fe588c33b.jpg)
สำหรับที่ภูนภาแคมป์ปิ้ง ที่นี่มีที่พักเป็นเต็นท์ หรือใครจะนำเต็นไปเองก็ได้ สำหรับราคาพักเต็นท์อยู่ที่คนละ 800 บาท พร้อมเครื่องนอน
ถ้าใครไม่อยากตื่นเช้าขับรถมาแนะนำให้พักที่นี่ เหตุผลที่เราไม่ได้พักที่นี่เพราะว่าเรากลัวร้อน 5555 ซึ่งวันที่เราไปอากาศไม่ร้อนเลย
![](/f/46281/64eef4f87ce4ad3fe588c337.jpg)
สำหรับทางขึ้นหลักจะมี 2 เส้น นั่นก็คือที่
เส้นทางที่ 1 ภูนภาแคมป์ปิ้งจุดนี้สามารถเดินขึ้นเองได้ระยะทางประมาณ 800 เมตร ทางขึ้นช่วงปลายค่อนข้างชัน มีเชือกให้ดึงขึ้นไปบนยอดเขา เรียกได้ว่าเหนื่อยแบบได้เหงื่อ แนะนำให้พกน้ำดื่มไปสักขวด
เส้นทางที่ 2 ต้องติดต่อชุมชน จะมีคนนำทางขึ้น มีจุดให้นอนตั้งแคมป์ ติดต่อได้ที่เพจ ฅนนำทางฆูนุงซีลีปัต หรือแบเฮง
![](/f/46281/64eef4fa7ce4ad3fe588c33f.jpg)
สำหรับทางขึ้นที่ภูนภาเรียกได้ว่าค่อนข้างโหดเอาเรื่องเลย ระยะทางขึ้นประมาณ 800 เมตร จับจากนาฬิกานะ ทางส่วนใหญ่เป็นทางชันขึ้นตลอดแต่จะมีเชือกให้จับพยุงตัวขึ้นไป ก่อนขึ้นแนะนำให้พกน้ำดื่มไปสักคนละขวด เราใช้เวลาเดินขึ้นประมาณ 25 นาที
![](/f/46281/64eef4f97ce4ad3fe588c339.jpg)
ขึ้นมาถึงก็จะเจอกับทะเลหมอกปังๆแบบนี้ เรียกได้ว่าหายเหนื่อย
![](/f/46281/64eef4f97ce4ad3fe588c33a.jpg)
ทะเลหมอกรอบทิศทาง 360 องศาของจริง
![](/f/46281/64eef4fb7ce4ad3fe588c341.jpg)
วันที่เราไปคนค่อนข้างเยอะเลยครับ
![](/f/46281/64eef4fa7ce4ad3fe588c33e.jpg)
ถ่ายรูปกับป้ายผู้พิชิตกันสักหน่อย
![](/f/46281/64eef4f97ce4ad3fe588c33d.jpg)
พี่เสือ แห่งฆูนุงซีลีปัต น้องแมวของแบเฮง ที่ขึ้นมาทุกวัน ใครไปก็สามารถไปถ่ายรูปกับน้องได้
![](/f/46281/64eef4f97ce4ad3fe588c33c.jpg)
วิวด้านบนบอกเลยว่าสวยจริง นอกจากวิวทะเลหมอก ยังเห็นทิวเขาบริเวณรอบๆ
![](/f/46281/64eef4fa7ce4ad3fe588c340.jpg)
เราใช้เวลาอยู่เขาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ถ่ายรูปชมวิว จากนั้นเราก็เดินลง
![](/f/46281/64eef4fb7ce4ad3fe588c343.jpg)
ลงมาถึงข้างล่างยังเห็นทะเลหมอกอยู่เลย
![](/f/46281/64eef4fc7ce4ad3fe588c346.jpg)
ลงจากเขาขากลับเราแวะถ่ายรูปที่ป้าย OK BETONG เราจะคุ้นหูกับคำนี้มาจากหนังเรื่อง ok เบตง
เลยแวะไปถ่ายรูปกับป้ายนี้เป็นที่ระลึกสักหน่อยว่าครั้งนึงเคยมาเยือนเบตง ใกล้ๆป้ายจะมีหลักกิโลจำลองด้วยนะ แต่ว่าเราไม่ได้ถ่ายมา
![](/f/46281/64eef4fb7ce4ad3fe588c342.jpg)
แวะกินอาหารเช้ากันที่ อาฟะ ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นแคระ ร้านก๋วยเตี๋ยว ที่มีลูกชิ้นเป็นจุดเด่น ลูกชิ้นลูกใหญ่รสชาติอร่อยมาก แนะนำให้ลองสั่งเป็นเส้นหมี่เบตง มีทั้งแบบน้ำและแบบแห้งรสชาติดีมาก
กินก๋วยเตี๋ยวเสร็จเรากลับไปอาบน้ำ เช็คเอาท์ แล้วย้ายที่พักไปอีกที่นึง เพราะว่าเราจองมาได้แค่คืนเดียว เพราะที่พักเต็ม
![](/f/46281/64eef4fb7ce4ad3fe588c344.jpg)
คืนที่ 3 เรามาพักกันที่ Betong cozy guest house เป็นที่พักรีโนเวทใหม่ ห้องกว้างขวาง ตกแต่งน่ารักดี เตียงนุ่ม เราจองมาราคาคืนละ 850 บาท
![](/f/46281/64eef4fc7ce4ad3fe588c347.jpg)
ฝากของไว้ที่พักเสร็จ เราไปลุยกันต่อ แวะกิน เฉาก๊วยเบตงกม.4 ร้านเฉาก๊วยโบราณ ที่นำวุ้นดำจากจีนมาเป็นส่วนผสม ทำให้เฉาก๊วยที่นี่มีสีดำขลับ เหนียวนุ่ม รสชาติอร่อย
![](/f/46281/64eef4fb7ce4ad3fe588c345.jpg)
อากาศร้อนๆแวะไปกินเฉาก๊วยกับน้ำแข็งเย็นๆ ชื่นใจ
![](/f/46281/64eef4fc7ce4ad3fe588c348.jpg)
สวนดอกไม้เมืองหนาว(สวนหมื่นบุปผา)
สวนดอกไม้เมืองหนาว ที่ใหญ่ที่สุดในภาคใต้ พูดไปแล้วก็ไม่อยากจะเชื่อว่าใต้สุดแบบนี้จะมีสวนดอกไม้ บริเวณที่ตั้งของสวนหมื่นบุปผา มีอากาศที่ค่อนข้างเย็น จะสัมผัสได้ตั้งแต่ทางขึ้นเขาก่อนถึงสวนดอกไม้มีอากาศเย็นแบบชัดเจน สำหรับในสวนก็จะมีดอกไม้ เช่น แอสเตอร์ ไฮเดรนเยีย เบญจมาศ กุหลาบ พีค็อก เยอบีร่า ตอนที่เราไปอยู่ในช่วงปรับปรุง คาดว่าถ้าเสร็จก็เป็นอีกจุดที่มีมุมถ่ายรูปสวยมากๆ
![](/f/46281/64eef4fc7ce4ad3fe588c34a.jpg)
![](/f/46281/64eef4fd7ce4ad3fe588c34c.jpg)
![](/f/46281/64eef4fd7ce4ad3fe588c34e.jpg)
![](/f/46281/64eef4fd7ce4ad3fe588c34b.jpg)
![](/f/46281/64eef4fc7ce4ad3fe588c349.jpg)
มีดอกไม้ให้ถ่ายรูปเยอะเลยครับ
![](/f/46281/64eef4fd7ce4ad3fe588c34d.jpg)
ถ่ายรูปกันสักหน่อย สายดอกไม้น่าจะชอบ
![](/f/46281/64eef4fd7ce4ad3fe588c34f.jpg)
![](/f/46281/64eef4fe7ce4ad3fe588c352.jpg)
ภาพบางส่วนที่กำลังอยู่ในช่วงปรับปรุงอยู่ คาดว่าไม่นานน่าจะเสร็จ คงจะมีมุมถ่ายรูปเยอะเลย
![](/f/46281/64eef4fe7ce4ad3fe588c351.jpg)
ในสวนดอกไม้มีร้านอาหารร้านอาหารสวนหมื่นบุปผา
เราก็เลยไปลองเมนูปลานิลน้ำไหล เมนูชาบู ปลานิล ที่เบตงเป็นอีก 1 เมนูที่มาเบตงแล้วต้องลอง ส่วนร้านดังจะเป็นอีกร้านนึงมีชื่อร้านว่า
ร้านอาหาร บ่อปลานิลสายน้ำไหล(โกหงิ่ว) ร้านนี้เป็นร้านดังต้องจองล่วงหน้า
![](/f/46281/64eef4fe7ce4ad3fe588c350.jpg)
ครั้งแรกในการกินชาบูปลานิล บอกเลยว่าอร่อยมาก ปลาไม่คาวเลย
![](/f/46281/64eef4ff7ce4ad3fe588c354.jpg)
น้ำพุร้อนเบตง
บ่อน้ำร้อนขนาดใหญ่ กลางหุบเขา ที่มีจุดน้ำเดือดสามารถนำไข่ไปต้มให้สุกได้ใน 7 นาที และยังมีจุดแช่เท้าผ่อนคลาย บริเวณรอบๆก็จะมีร้านขายของมากมาย
![](/f/46281/64eef4ff7ce4ad3fe588c353.jpg)
มีรูปปั้นพญานาคด้วย
![](/f/46281/64eef4ff7ce4ad3fe588c357.jpg)
จุดถ่ายรูปสวยที่เราสังเกตได้บริเวณรอบๆ บ่อน้ำพุร้อน ตรงทางเดินจะมีเสาโทริอิสีแดง ได้ฟิลญี่ปุ่นๆ ถ่ายรูปสวย
![](/f/46281/64eef4ff7ce4ad3fe588c355.jpg)
มาถึงบ่อน้ำร้อนทั้งที ลองแช่เท้าผ่อนคลายกันสักหน่อย บ่อน้ำร้อนที่นี่รู้สึกว่าน้ำไม่ร้อนมาก อุ่นๆกำลังดี
![](/f/46281/64eef4ff7ce4ad3fe588c356.jpg)
บริเวณหน้าบ่อน้ำพุร้อนจะมีทุเรียนขายเยอะมาก ทุเรียนเป็นอีก1ผลไม้ดังในเบตง สายทุเรียนบอกเลยห้ามพลาด สายพันธุ์ที่คนพื้นที่อยากให้ลองชิม นั่นก็คือทุเรียนมูซาคิง หรือมูซังคิง เค้าว่าเป็นราชาแห่งทุเรียนมาเลเซีย เราไม่ใช่สายทุเรียนนะ แต่อยากลองชิม 5555 เลยลองแบบที่เค้าแกะแล้ว รสชาติหวานจริงๆ อร่อย สายพันธุ์อื่นๆก็มีนะโดยเฉพาะหมอนทอง
![](/f/46281/64eef5007ce4ad3fe588c358.jpg)
ที่ต่อมาเรามากันที่ อุโมงค์ปิยะมิตร
เป็นอุโมงค์ทางประวัติศาสตร์ จากประวัติเป็นอุโมงค์ที่โจรจีนคอมมิวนิสต์มาลายา สร้างเมื่อพ.ศ. 2519 ตัวอุโมงค์มีความยาวประมาณ 1 กม. มีทางออก 9 ทาง ปัจจุบันเหลือเพียง 6 ทาง เป็นอุโมงค์ดินที่ใช้หลบภัยทางอากาศและสะสมเสบียง สำหรับการเข้าชมอุโมงค์ จากจุดเริ่มเดินมีระยะทางประมาณ 300 เมตร จนถึงตัวอุโมงค์
![](/f/46281/64eef5007ce4ad3fe588c359.jpg)
ก่อนเข้าชมอุโมงค์เราต้องซื้อตั๋วเข้าชมคนละ 40 บาท
![](/f/46281/64eef5007ce4ad3fe588c35c.jpg)
ทางเดินช่วงแรกจะเป็นบันได เป็นทางขึ้นเขา สองข้างทางเป็นป่า
![](/f/46281/64eef5007ce4ad3fe588c35a.jpg)
ด้านในยังมีพิพิธภัณฑ์ทางประวัติศาสตร์ ประวัติของอุโมงค์ ของเก่าในสมัยก่อน
![](/f/46281/64eef5017ce4ad3fe588c35e.jpg)
ไปครับเข้าไปดูด้านในอุโมงค์กัน
![](/f/46281/64eef5007ce4ad3fe588c35b.jpg)
เข้าไปในอุโมงค์ เราก็จะเห็นเป็นเหมือนถ้ำใต้ดิน ขนาดไม่ได้ใหญ่ พอให้คนเดินเข้าออกได้ มีไฟส่องสว่าง
จะมีป้ายหมายเลขทางออก
![](/f/46281/64eef5017ce4ad3fe588c35d.jpg)
ถือว่าเก่งมาก ในสมัยนั้นสามารถขุดอุโมงค์ได้ขนาดนี้ ถ้าใครที่กลัวที่แคบไม่แนะนำให้เข้าไปนะ อาจจะดูอึดอัดและกลัวได้ แต่ว่าทางไม่ได้ยาวมาก เดินแป๊บเดียวก็ถึงทางออก
![](/f/46281/64eef5017ce4ad3fe588c360.jpg)
อีก1ไฮไลท์ของที่นี่ เมื่อเดินลอดอุโมงค์ออกมา จะมีต้นไม้1000ปี ต้นใหญ่มากๆ
![](/f/46281/64eef5017ce4ad3fe588c35f.jpg)
พยาพยามถ่ายให้เก็บทั้งต้น ยังเก็บไม่หมด พอเราไปยืนเราดูตัวเล็กไปเลย
![](/f/46281/64eef5027ce4ad3fe588c362.jpg)
น้ำตกเฉลิมพระเกียรติร.9
เป็นน้ำตกที่เงียบสงบ จะมีสองจุดน้ำตกตอนบน กับ น้ำตกเฉิมพระเกีรยติ ร.9 ตอนล่าง ซึ่งในรูปจะเป็นน้ำตกตอนบน ซึ่งเราไปผิด 555 มารู้ตอนกลับมาแล้ว เอ๊ะทำไมน้ำตกเราไม่เหมือนในรูป ถ้าปัก GPSไปที่ น้ำตกเฉิมพระเกีรยติ ร.9 GPS จะพาไปที่นี่
ที่จริงน้ำตกจะมีหน้าผาสูง ประมาณ 30 เมตร ถ้าจะไปน้ำตกตอนล่างให้เข้าทางกม.ที่ 32 ปักหมุดไปที่แคมป์กลางเขา แล้วขับเลยไปอีกหน่อยจะเจอน้ำตก
![](/f/46281/64eef5027ce4ad3fe588c363.jpg)
วัดพุทธาธิวาส พระอารามหลวง
วัดสวยในเบตง มีพระมหาธาตุเจดีย์ พระพุทธธรรมประกาศ ที่สร้างด้วยศิลปะศรีวิชัยประยุกต์ สีทอง ทางขึ้นเป็นบันไดพญานาคสีขาว
![](/f/46281/64eef5017ce4ad3fe588c361.jpg)
เสียดายในตอนที่เราไปอยู่ในช่วงกำลังบูรณะ เลยไม่ได้ภาพของเจดีย์มาให้ชม
![](/f/46281/64eef5037ce4ad3fe588c365.jpg)
ด้านบนถ้ามองลงไปก็จะเห็นวิวเมืองเบตงด้วยนะ
![](/f/46281/64eef5027ce4ad3fe588c364.jpg)
ป้ายใต้สุดสยาม
มาถึงเมืองใต้สุดของประเทศทั้งทีต้องไปถ่ายรูปกับป้ายใต้สุดสยามกันสักหน่อย ป้ายใต้สุดสยามเป็นป้ายสัญลักษณ์คู่กับเมืองเบตง มีเอกลักษณ์ลายเส้นแผนที่ประเทศไทยสีทองอยู่บนป้ายหินอ่อน เป็นจุดเช็คอินที่ต้องแวะไป เราสามารถขับรถเข้าไปบริเวรด่านเบตง-มาเลเซียได้ จะมีจุดจอดรถตรงซุ้มประตูบริเวรด่าน และด้านในยังมีร้านค้าดิวตี้ฟรีด้วยนะ แต่เราไปถึงค่อนข้างเย็นเค้าปิดแล้ว
![](/f/46281/64eef5037ce4ad3fe588c366.jpg)
มาถึงสุดเขตขนาดนี้ ถ่ายรูปคู่กับป้ายใต้สุดสยามสักหน่อย
![](/f/46281/64eef5037ce4ad3fe588c369.jpg)
ถนนคนเดินเบตง พิกัดจะอยู่อีกฝั่งนึงของอุโมงค์เมบตงมงคลฤทธิ์
![](/f/46281/64eef5037ce4ad3fe588c368.jpg)
เป็นถนนคนเดินเล็กๆบรรยากาศน่ารักดี มีพวกเสื้อผ้า ของใช้ ของกินขาย
![](/f/46281/64eef5037ce4ad3fe588c36a.jpg)
ตอนค่ำๆเราไปกินอาหารกันที่ Black&White Seafood ร้านอาหารยามเย็น ที่มีเมนูเด็ดอย่างอาหารซีฟู้ดให้เลือกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นกุ้ง หอย ปู ปลา ที่สำคัญร้านนี้ราคาไม่แพง
![](/f/46281/64eef5037ce4ad3fe588c367.jpg)
![](/f/46281/64eef5047ce4ad3fe588c36b.jpg)
เราสั่งกับข้าวมา3-4อย่าง อร่อยทุกอย่างเลย
![](/f/46281/64eef5047ce4ad3fe588c36c.jpg)
Day 4
เราตื่นเช้ามืดอีกแล้ว ไปกันที่ทะเลหมอกจาเราะกางา เป็นจุดชมวิวน้องใหม่ของเบตง ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก อยู่ใกล้ตัวเมืองเบตงมากที่สุด เดินขึ้นเขาแป๊บเดียวก็จะได้ชมวิวเมืองเบตงและวิวฝั่งมาเลเซียได้ ถ้าฟ้าเปิด วันที่เราไปอาจจะโชคไม่ดีเท่าไหร่นัก หมอกค่อนข้างฟุ้ง เลยทำให้มองไม่เห็นวิว แต่จากการสอบถามคนนำทางถ้าวันไหนมีทะเลหมอกฟูๆ จะสวยมากๆ การไปที่นี่ต้องติดต่อคนนำทางก่อนนะ เพราะว่าทางขึ้นต้องนั่งรถกระบะหรือมอเตอร์ไซค์ขึ้นไปก่อนถึงจุดเดินทางเท้า
![](/f/46281/64eef5047ce4ad3fe588c36d.jpg)
ภาพมุมสูงก็พอได้เห็นทะเลหมอกอยู่บ้าง
![](/f/46281/64eef5057ce4ad3fe588c36f.jpg)
ระยะทางเดินขึ้นเขาประมาณ 350 เมตร ชันนิดหน่อย
![](/f/46281/64eef5057ce4ad3fe588c36e.jpg)
ภาพมุมสูงตอนพระอาทิตย์ขึ้นสวยมาก
![](/f/46281/64eef5057ce4ad3fe588c370.jpg)
![](/f/46281/64eef5057ce4ad3fe588c372.jpg)
ภาพบรรยากาศ หมอกค่อนข้างฟุ้ง พี่คนนำทางบอกว่าถ้าวันไหนฝนตกช่วงหัวค่ำ เช้าวันรุ่งขึ้นทะเลหมอกจะปังมากๆ
![](/f/46281/64eef5057ce4ad3fe588c373.jpg)
พี่ๆคนนำทางเตรียม ผัดหมี่เบตง มีกาแฟ โอวันตินให้กินกันบนเขาด้วย
![](/f/46281/64eef5067ce4ad3fe588c374.jpg)
สำหรับคนที่สนใจขึ้นดูทะเลหมอกทะเลหมอกจาเราะกางา ติดต่อได้ที่เพจ ทะเลหมอกจาเราะกางา & ถ้ำลับแลจาเราะอายัม จะมีค่าบริการคนนำทางเล็กน้อย
![](/f/46281/64eef5057ce4ad3fe588c371.jpg)
ลงจากเขาเสร็จ มากินติ่มซำกันสักหน่อย
เซ้งติ่มซำ ร้านติ่มซำที่อยู่บริเวณแยกหอนาฬิกา เป็นอีก1ร้านดังของเมืองเบตง มีติ่มซำให้เลือกหลากหลาย นอกจากนั้นยังมีเมนูบักกุ๊ดเต๋ หมี่เบตง ข้าวมันไก่ ให้เลือกรับประทานกันอีกด้วย
![](/f/46281/64eef5067ce4ad3fe588c375.jpg)
ติ่มซำมีให้เลือกหลากหลายหน้า
![](/f/46281/64eef5067ce4ad3fe588c376.jpg)
จัดไปให้จุกๆ อิ่มอร่อย
![](/f/46281/64eef5067ce4ad3fe588c377.jpg)
กินติ่มซำเสร็จไปอาบน้ำ เช็คเอาท์แล้วมาคืนรถมอเตอร์ไซค์เช่าที่หน้าร้านต้าเหยิน ซึ่งคิวรถตู้อยู่ตรงนั้นพอดี แล้วขึ้นรถตู้กลับหาดใหญ่
![](/f/46281/64eef5077ce4ad3fe588c378.jpg)
จบแล้วครับ สำหรับรีวิวเบตง 4 วัน 3 คืน จากที่เราได้ไปสัมผัสมาชายแดนใต้ไม่ได้เป็นจังหวัดที่น่ากลัวเหมือนที่เราเคยได้ยินข่าว ที่นี่นักเที่ยวเยอะมากๆ ที่เราสัมผัสได้อีกอย่างนึงคือที่นี่อากาศเย็น ฟีลคล้ายภาคเหนือบนดอยตอนฤดูฝน เพราะเป็นเมืองที่ถูกโอบล้อมด้วยภูเขา ทะเลหมอกที่นี่เค้าว่ามีทั้งปี เราไปดูทะเลหมอก3วัน เจอทั้ง3วันนะ แต่อาจจะไม่ปังสุด เอาไว้ต้องมาแก้มือใหม่
สำหรับใครที่อยากจะลองไปเที่ยวชายแดนใต้อย่างเมืองเบตงดู บอกเลยว่าควรไปสักครั้ง รับรองไม่ผิดหวัง ได้ความสนุกตื่นเต้น ได้ไปเห็นธรรมชาติที่สวยงามแน่นอน ไว้ทริปหน้ามีโอกาสเราจะต้องไป นราธิวาส ปัตตานี แล้วก็เก็บที่เที่ยวใoเมืองยะลา เก็บให้ครบ 3 จังหวัดชายแดนใต้ให้ได้ แล้วเจอกันใหม่รีวิวหน้าครับ ^^อยากเที่ยวก็เที่ยว
วันเสาร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2566 เวลา 11.49 น.