สวัสดีค่า ขอแนะนำตัวก่อน เราได้มีโอกาสไปเที่ยวที่เกาะคิวชู ประเทศญี่ปุ่นมา เมื่อฤดูหนาว เดือนกุมภาพันธ์ ที่ผ่านมาค่ะ เราเคยเขียนรีวิวอยู่ในพันทิปค่า นี่จะเป็นรีวิวแรกที่ลองเขียนโดยใช้ readme

รีวิวนี้ได้จัดทำขึ้นเพื่ออาจเป็นข้อมูลให้ใครที่สนใจหรือมีแพลนกำลังจะไปเที่ยวคิวชูค่ะ สามารถเที่ยวตามได้ง่ายๆเลยค่า เดี๋ยวเราจะสรุปค่าใช้จ่ายไว้ใน part สุดท้ายนะคะ

ส่วนใครที่ยังไม่มีแพลนไปท่องเที่ยว ก็อาจจะชมรูป บรรยากาศ ประเทศญี่ปุ่นแทนความคิดถึงไปก่อนนะคะ หวังว่าเมื่อผู้อ่าน อ่านรีวิวนี้แล้ว อาจจะได้แรงบันดาลใจในการออกเดินทางอีกครั้งนะคะ

ก่อนอื่นเลยขอแนะนำแพลนคร่าวๆก่อน เราเดินทางไปคิวชูช่วง 05 Feb 2023-12 Feb 2023 ซึ่งเป็นช่วงปลายฤดูหนาวค่ะ เนื่องจากคิวชูเป็นเกาะที่อยู่ค่อนข้างใต้ของญี่ปุ่น ทำให้เข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิเร็วกว่าภูมิภาคอื่นๆ อุณหภูมิเฉลี่ยช่วงนี้จะอยู่ประมาณ 10 องศาค่ะ นอกจากว่าขึ้นเขาอุณหภูมิจะลดลงต่ำกว่านี้

แพลนคร่าวๆของเรามีตามนี้เลยค่ะ

05 Feb 2023 - DMK-FUK Fukuoka (Nanzoin - นอน Fukuoka)
06 Feb 2023 - Nagasaki (นอน Fukuoka)
07 Feb 2023 - Oita (Amagase Yufuin - นอน Beppu)
08 Feb 2023 - Oita (Beppu) Kumamoto (Kurokawa Onsen) - นอน Kurokawa Onsen

09 Feb 2023 - Kumamoto (Aso - นอน Aso)
10 Feb 2023 - Kumamoto (นอน Fukuoka)
11 Feb 2023 - Fukuoka (นอน Fukuoka)
12 Feb 2023 - FUK-DMK กลับไทย

สำหรับวิธีในการเดินทาง เราใช้รถไฟเป็นหลัก แต่จะมีเช่ารถขับ 48 ชั่วโมง ในวันที่ 08 Feb 2023-10 Feb 2023 เพื่อเดินทางไป Kurokawa Onsen และ Aso

จริงๆ Kurokawa Onsen สามารถเดินทางไปโดยรถบัสได้ แต่เมื่อลองคำนวณราคากับเวลาแล้วรู้สึกว่าไม่คุ้ม เพราะถ้าไป 3 คน ราคาค่ารถบัสจะ x3 ซึ่งเมื่อคำนวณแล้วการเช่ารถอาจจะคุ้มค่าและประหยัดเวลากว่าค่ะ

ส่วน Aso เนื่องจากรอบรถไฟน้อยมาก และต้องต่อรถบัสต่อเพื่อไปชมปล่องภูเขาไฟ ทำให้ต้องเดินทางหลายต่อ รวมถึงบน Aso จะมีหลายจุดชมวิวที่ไม่มีรถบัสเข้าถึง จึงเลือกเช่ารถใน 2 วันนี้แทนค่ะ เพื่อให้เที่ยวได้รวดเร็วและไปได้หลายที่มากขึ้น

สำหรับการเดินทางโดยรถไฟ เนื่องจากเว็บไซต์ Hyperdia ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่คนไทยอาจจะคุ้นเคยกันในการใช้เช็ครอบรถไฟลดฟังก์ชั่นลงแล้ว เราเปลี่ยนมาใช้เว็บข้างล่างแทนค่ะ รู้สึกว่าใช้ง่าย คล้ายๆกับ Hyperdia เลยค่ะ

https://roote.ekispert.net/en

เราใช้ 5 Days JR North Kyushu Pass นั่งรถไฟ JR ได้ไม่จำกัดรอบเป็นเวลา 5 วันต่อเนื่อง นับจากวันเปิดใช้งาน ราคาคนละ 14,000 Yen


เราแพลนใช้ JR Pass ระหว่างวันที่ 06 Feb 2023 - 10 Feb 2023 ซึ่งจริงๆจะชนกับวันที่เช่ารถ แต่ลองคำนวณดูแล้วคุ้มกว่าซื้อแบบ 3 Days Pass ถึงแค่วันที่ 08 Feb 2023 เพราะเราแพลนคืนรถวันที่ 10 Feb 2023 ที่สถานีคุมาโมโต้ ค่าชินคันเซ็นจากคุมาโมโต้กลับฟุกุโอกะ ราคา 4,700 yen ดังนั้นจึงจะคุ้มค่าส่วนต่าง 3,000 yen ของ JR Pass แบบ 3 วัน และ 5 วัน (ถ้าเพิ่มเป็น 5 วัน จ่ายเพิ่ม 3,000 yen แต่นั่งรถไฟ 4,700 yen นั่นเอง)

ซึ่ง 5 Days JR North Kyushu Pass จะครอบคลุมเส้นทางต่างๆตามภาพด้านล่างเลยค่ะ

นอกจากนี้สิ่งที่เปลี่ยนไปหลังจากโควิด หากผู้โดยสารรถไฟ Shinkansen หลายๆเส้นทาง ต้องจอง reserve seat หากมีสัมภาระที่มีขนาด กว้าง+ยาว+สูง มากกว่า 160 cm โดยต้องแจ้งเจ้าหน้าที่จองรถไฟที่นั่งแถวสุดท้ายของตู้โดยสาร ซึ่งจะมีพื้นที่สำหรับวางกระเป๋าโดยเฉพาะ ซึ่งสามารถแจ้งกับเจ้าหน้าที่รถไฟได้เลยค่ะ ว่ามีต้องการ researve seat with large luggage

การจองที่นั่งดังกล่าว ไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มจากการจองที่นั่งตามปกติ แต่อาจจะต้องรีบจองรถไฟ เพื่อให้มั่นใจว่าจะมีที่นั่งแถวสุดท้ายของตู้โดยสารว่าง ซึ่งหากจองที่นั่งดังกล่าวไม่ได้ และฝ่าฝืนนำสัมภาระขึ้น จะถูกปรับเป็นเงิน 1000 yen ค่ะ

โดย JR North Kyushu Pass สามารถจองที่นั่งได้ฟรี 6 ครั้งค่ะ สามารถจองที่นั่งได้ทั้งรถไฟ Shinkansen และ Limited Express (สำหรับ Limited Express Train และรถไฟ local line ทั่วไป ตอนนี้ยังไม่มีข้อกำหนดเรื่องกระเป๋าค่ะ สามารถนำสัมภาระขึ้นได้ตามปกติ)

ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว หากเรามี JR Pass แต่ไม่ได้จองที่นั่งรถไฟไว้หรือโควต้าจอง 6 ครั้งหมด ยังสามารถขึ้นรถไฟได้อยู่ โดยให้เลือกขึ้นตู้โดยสารที่เป็น non-reserved seat ค่ะ ยกเว้นรถไฟบางสายเช่น Yufuin no mori ที่ไม่มีตู้สำหรับ non-reserve seat ต้องจองที่นั่งเสมอ จึงจะขึ้นนั่ง Yufuin no mori ได้ค่ะ

สำหรับใครที่อยากนั่งรถไฟ Yufuin no mori จาก Hakata ไป Yufuin จริงๆ แนะนำให้จองจากไทยไปค่ะ เนื่องจากรถไฟเต็มเร็วมากค่ะ โดยให้ซื้อ Voucher JR Pass จากตัวแทนในไทย และนำ code ที่ได้จากการจองไปกรอกจองรถไฟออนไลน์ล่วงหน้าจากไทย ซึ่งจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมการจองรถไฟ ผู้ใหญ่ 1000 yen และ เด็ก 500 yen ต่อที่นั่ง

ซึ่งเราไม่ได้จอง Yufuin no mori จากไทยไปค่ะ แต่ตัด route เดินทางให้สั้นลงเป็นจากสถานี Amagase ไป Yufuin แทน ทำให้มีที่นั่งว่าง และสามารถจองรถไฟ Yufuin no mori ในวันที่แลก pass ได้เลย ไม่ต้องจองจากไทยไปก่อน

ขออนุญาตแปะภาพ ข้อกำหนดเรื่องขนาดกระเป๋าของ JR Kyushu นะคะ

ซึ่ง 5 Days JR North Kyushu Pass เราซื้อ Voucher ใน Klook จากไทยไป แล้วค่อย Voucher ไปแลกเป็น Pass จริงที่ญี่ปุ่นค่ะ โดยสถานีที่สามารถแลก Pass ได้ สามารถดูตาม link ด้านล่างได้เลยค่ะ เราเลือกแลกที่สถานี Hakata เพราะใกล้สนามบินที่สุด แต่คนเยอะมากและใช้เวลานานค่ะ อาจจะต้องเผื่อเวลาไว้เยอะๆเลย เรายืนรอแลกชั่วโมงกว่าค่ะ กว่าจะได้ Pass มา และจองที่นั่งรถไฟไว้ล่วงหน้าครบ

https://www.jrkyushu.co.jp/eng...

ส่วนการแลกเงิน แนะนำแลกเงินในบัตร youtrip หรือ SCB Planet ไปนะคะ เพราะจะได้เงินในเรทที่ถูกกว่า ร้านส่วนมากสามารถจ่ายผ่านบัตรเดบัตประเภทดังกล่าวได้ แต่ก็ยังควรพกเงินสดไป สำหรับบางร้านที่อาจจะเล็กหรืออยู่ตามต่างจังหวัด มีบ้างที่รับเฉพาะเงินสดค่ะ รวมถึงต้องพกเงินสดเผื่อไปกดกาชาปองด้วย เป็นอีกอย่างนึงที่พลาดไม่ได้เลยถ้าไปญี่ปุ่น


เกริ่นมาสักพักแล้ว เริ่มเลยค่า

Day 1 (05 Feb 2023)

ราบินจากสนามบินดอนเมืองเวลา 01:35 ไปลงที่ท่าอากาศยานฟุกุโอกะ ถึงเวลา 08:55 ช่วงที่เราไปเป็นช่วงที่ญี่ปุ่นเพิ่งจะเปิดประเทศได้ไม่นาน หลังจากการแพร่ระบาดของโควิด เคาท์เตอร์สนามบินยังไม่เปิดครบ ดังนั้นจึงใช้เวลานานหน่อยในการตรวจสอบการลงทะเบียนเข้าประเทศและเอกสารวัคซีน กว่าจะเรียบร้อยก็ใช้เวลาชั่วโมงกว่า ถึงจะได้ออกจากสนามบินค่ะ

การเดินทางจากสนามบิน Fukuoka เข้าเมือง Hakata โดยรถโดยสาร มี 2 วิธีด้วยกัน

1. นั่งรถบัสจาก Fukuoka Airport Terminal 1 ไปสถานีรถบัส Hakata ซึ่งติดกับสถานีรถไฟ Hakata ราคาคนละ 270 yen

2. นั่ง นั่ง free shuttle bus จาก Fukuoka Airport Terminal 1 ไป Fukuoka Airport Terminal 2 แล้วต่อ Subway จากสถานี Fukuoka-Airport ไปสถานีรถไฟ Hakata ราคาคนละ 260 yen

เราเลือกวิธีที่ 1 ค่ะ เนื่องจากสะดวกกว่า นั่งรถบัสต่อเดียวถึงสถานี Hakata เลย โดยไม่ต้องต่อรถ


ที่พัก 2 คืนแรก เราพักที่ The b Hakata เป็นโรงแรมเล็กๆไม่ไกลจากสถานี Hakata (ห่างจากสถานี 350 m) สามารถเดินจากสถานีได้ เนื่องจากตอนที่ไปถึงยังไม่ถึงเวลาเช็คอิน เราเลยแวะเข้าไปฝากกระเป๋าก่อน แล้วค่อยออกมาเที่ยวต่อ

หลังจากฝากกระเป๋าเสร็จเราเดินกลับไปสถานี Hakata และเดินต่อไปที่ตึก Fukuoka Center Building ชั้น B2F เพื่อทานอาหารกลางวัน ที่ร้าน Ichiran Ramen หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ ราเมงข้อสอบ ค่ะ

ซึ่งระหว่างทางเดินกลับสถานีก็ได้เจอกับร้านนี้ค่ะ

ไม่แน่ใจว่าทุกคนเคยสังเกตเห็นร้าน pop-up store ประมาณนี้ไหมคะ ที่มีรูปแมวกวักอยู่ข้างบน ร้านแบบนี้เรียกว่า takarakuji (ทะคะระคุจิ) หรือร้านล็อตเตอรี่นั่นเอง ที่เราจะไปลองเล่นกันคือหวยขูดค่ะ

หวยขูดจะราคาหลายราคาค่ะ ช่วงที่เราไปน่าจะเป็นช่วงวันพีซ เลยได้เป็นหวยขูดลายโซโลมา ราคาใบละ 200 yen 

จะมีเขียนรายการรางวัลอยู่ขวาบนตามนี้ค่ะ
รางวัลที่ 1 - ถ้าขูดแล้วเจอลายหมวกฟางลูฟี่ 9 ตัว จะได้ 5 ล้านเยน
รางวัลที่ 2 - ถ้าขูดแล้วเจอลายหมวกฟางลูฟี่ 8 ตัว จะได้ 1 แสนเยน
รางวัลที่ 3 - ถ้าขูดแล้วเจอลายหมวกฟางลูฟี่ 7 ตัว จะได้ 1 หมื่นเยน
รางวัลที่ 4 - ถ้าขูดแล้วเจอลายหมวกฟางลูฟี่ 6 ตัว จะได้ 1 พันเยน
รางวัลที่ 5 - ถ้าขูดแล้วเจอลายหมวกฟางลูฟี่ 5 ตัว จะได้ 200 เยน

ปกติถ้ารางวัลที่ได้ไม่มูลค่าไม่เกิน 5 หมื่นเยน สามารถรับเงินรางวัลที่ร้านที่ขูดได้เลยค่ะ แต่ถ้าเกิน 5 หมื่นเยนจะต้องไปรับเงินที่ธนาคาร Mizuho แทน ซึ่งลอตเตอรี่ญี่ปุ่น จะไม่โดนหักภาษี ณ ที่จ่าย เท่ากับว่าจะได้เงินเต็มจำนวนตามที่ถูกรางวัลเลยค่ะ เส้นทางเป็นเศรษฐีง่ายนิดเดียว ว่าแล้วก็ลองขูดเลยค่า
.

.

.

ผลที่ออก

โดนกินค่า เราได้หมวกฟางลูฟี่แค่ 4 ใบ T^T เท่ากับว่าไม่ได้สักเยน ถือว่าลองขูดขำๆแล้วกันนะคะ55555

กลับมาที่ภารกิจลองทานราเมงข้อสอบร้าน Ichiran Ramen หลังโดนหวยกิน เราก็เดินต่อไปที่ตึก Fukuoka Center Building ชั้น B2F ก็จะถึงร้านค่ะ ราเมงข้อสอบมีต้นกำเนิดมาจากจังหวัดฟุกุโอกะ ไหนๆก็มาเที่ยวคิวชูแล้ว ก็ต้องลองค่ะ ตอนเราไปถึงร้านมีคิวก่อนหน้าประมาณนึงค่ะ รอไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็ได้ที่นั่ง


เริ่มจากกดสั่งเมนูที่ตู้ก่อนค่ะ พร้อมจ่ายเงินค่

จากนั้นพนักงานพาเราไปนั่งที่โต๊ะ ซึ่งจะนำแผ่นข้อสอบมาให้ทำ ให้เลือก customized ราเมงในแบบที่ตัวเองชอบได้เลยค่ะ

หลังจากทำการวงกลมและส่งข้อสอบให้พนักงาน รอสักพัก ก็จะได้ราเมงมาค่ะ

ราเมงร้าน Ichiran Ramen จะเป็นราเมงแบบฮากาตะ ซึ่งจะมีจุดเด่นที่เส้นเล็ก มีน้ำซุปกระดูกหมู(tonkotsu)สีขาว ไม่มันมากเท่าทงคตสึภูมิภาคอื่น อาจจะเพราะแถวนี้มีอากาศอุ่นกว่าค่ะ

หลังจากทานเสร็จส่วนตัวยังไม่รู้สึกว้าวค่ะ ราเมงฮากาตะอาจจะไม่ใช่แนวเราเท่าไหร่555

หลังจากทานเสร็จ เรากลับมาที่สถานี Hakata station เพื่อซื้อตั๋วรถไฟเที่ยวละ 380 yen ไปสถานี Kidonanzoin Mae โดยที่สถานีนี้จะมีวัด Nanzoin temple ซึ่งเป็นวัดพุทธ ซึ่งมีพระพุทธรูปนอน ทำจากสำริด องค์ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ปกติแล้วรถไฟจะรวมใน JR North Kyushu Pass แต่เรายังไม่เปิดใช้ Pass ค่ะ ต้องจ่ายเองไปก่อน

ขึ้นรถไฟไปด้วยกันเลยค่า

จาก Hakata Station มาสถานี Kidonanzoin Mae ใช้เวลาเกือบๆครึ่งชั่วโมงค่ะ ระหว่างทางก็จะเห็นวิวเมืองใหญ่ค่อยๆเปลี่ยนไปเป็นชนบทมากขึ้น

วิวจากรถไฟเจอน้องแพะอยู่หน้าร้านยาง Dunlop แบบงงๆ

ถึงสถานีรถไฟ Kidonanzoin Mae แล้วค่ะ

พอเดินออกจากสถานีก็จะเจอสะพานนี้เลยค่า สะพานนี้เป็นสะพานดนตรี Melody Bridge จะมีไม้ข้างๆสะพาน ซึ่งถ้าตีแผ่นเหล็กตรงขอบสะพาน จะมีเสียงเพลงค่ะ ลองไปเล่นกันได้

จากนั้นก็ให้เดินตามป้ายวัดไปเรื่อยๆค่ะ จะมีวิวภูเขาสวยๆระหว่างทาง


เดินไปเรื่อยๆตามป้าย ลอดอุโมงค์ไป ก็จะเจอองค์พระนอนค่ะ วัดนี้ไม่เสียค่าเข้าชมนะคะ
วัด Nanzoin เปิดให้เข้าเวลา 9:00 – 17:00 นอกจากอยากเข้าไปชมพระบรมสารีริกธาตุภายในพระนอน จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม 500 yen ค่ะ

ข้างล่างองค์พระนอนจะประดิษฐาน พระบรมสารีริกธาตุที่ได้มาจากพม่า เนื่องจากเจ้าอาวาสวัด Nanzoin ได้บริจาคเงินช่วยพม่าหลายครั้ง นอกจากนี้วัดนี้ก็มีเรื่องเล่าว่าเจ้าอาสาสวัด เคยถูกหวยหลายครั้ง โดยเคยถูกหวยสูงสุด 130 ล้านเยน ใครอยากขอพรเรื่องหวย เรื่องการเงิน ต้องแวะมาแล้ว

บริเวณเท้าของพระพุทธรูปจะมีลวดลายสีทอง เป็นลวดลายเท้าตามศาสนาพุทธยุคเริ่มแรกของอินเดีย สามารถขอพรได้โดยนำเหรียญไปวางและขอพรค่ะ

เมื่อเยี่ยมชม ขอพรเสร็จแล้ว ก็เดินตามเส้นทางเดิม เพื่อกลับสถานีรถไฟ Kidonanzoin Mae ค่ะ และรอรถไฟกลับสถานี Hakata Station ค่ะ

เมื่อถึงสถานี Hakata เรารีบไปที่เคาท์เตอร์แลก Voucher JR Pass ที่ซื้อล่วงหน้าจาก Klook โดยต้องนำบัตรเครดิตตัวจริงที่ตัดเงินซื้อ Voucher North Kyushu Pass มาด้วยนะคะ สำคัญมากๆ ถ้าไม่ได้เอามาจะไม่สามารถแ

ลก Voucher เป็น Pass ได้ และต้องเสียเงินซื้อ North Kyushu Pass ซ้ำค่ะ

หรือใครกังวลว่าจะลืม ก็สามารถมาซื้อ North Kyushu Pass หน้าเคาท์เตอร์ได้ค่ะ โดยไม่ต้องซื้อมาจากไทยก่อน แต่เราอยากรีบทำเวลา ไม่อยากมารอกรอกข้อมูลหน้างาน เลยตัดสินใจซื้อมาจากไทยค่ะ

แถวแลก Pass ก่อนหน้าเราค่อนข้างยาวค่ะ ส่วนมากนักท่องเที่ยวไม่ได้ซื้อ Voucher มาก่อน และบางคนก็เลือกรอบรถไฟที่จะทำการจองไม่ได้ ทำให้คิวนึงใช้เวลานานมากค่ะ เรารอ Pass ชั่วโมงกว่าได้ ซึ่งเราเราไม่ต้องเริ่มใช้ Pass วันนี้เลยนะคะ ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ค่ะ ว่าอยากให้ first day เริ่มนับวันไหน ของเราเริ่มเปิดใช้เป็น 06 Feb 2023 ซึ่งก็คือวันพรุ่งนี้ค่ะ แต่สามารถจองรถไฟล่วงหน้าไว้ก่อนได้

พอได้ Pass มาก็ทำการจองรถไฟล่วงหน้าสำหรับวันถัดๆไป ดังนี้ค่ะ

สำหรับ 06 Feb 2023


สำหรับ 07 Feb 2023

ถือว่าใช้โควต้าจองที่นั่งไป 4 เที่ยวค่ะ เพราะ Shinkansen Kamome กับ Limited Express Relay-Kamome นับเป็นเที่ยวเดียวกัน

แนะนำว่าสามารถปริ้นท์ใบแบบนี้ยื่นให้เจ้าหน้าที่ได้เลยนะคะ หากต้องการที่นั่ง large luggage ก็ให้แจ้งเจ้าหน้าที่หรือเขียนไว้ค่ะ จะได้รวดเร็ว เข้าใจกันได้ง่ายและไม่ผิดพลาดค่ะ

ระหว่างรอ สามารถผลัดให้เพื่อนร่วมทริปไปซื้อครัวซองก์ร้าน il FORNO del Mignon ครัวซองก์ร้านดัง ราคาย่อมเยาว์ ที่อยู่ใกล้ๆกันในสถานี มาลองชิมได้นะคะ ครัวซองก์แป้งเบา อร่อยมากค่า

ตอนแรกมีแพลนว่าจะไปศาลเจ้า Dazaifu ต่อ แต่เสียเวลาไปมากกับการแลก Pass รถไฟ บวกกับได้ข่าวมาว่าตอนนี้ศาลเจ้าเปิดตามปกติแต่ซ่อมบำรุงอยู่ในหลายๆจุด มีการวางฉากกั้นบังศาลเจ้า ถึงไปก็อาจจะไม่ได้รูปสวยๆ จึงตัดสินใจตัดศาลเจ้าออกจากแพลนค่ะ

เลยลองหาอะไรทานต่อแถวๆสถานี Hakata ค่ะ ร้านที่หาไว้เป็นร้านแฮมเบิร์กเนื้อย่าง ชื่อร้านว่า Kiwamiya อยู่แถวๆ Hakata Bus Terminal ติดกับสถานี Hakata เลย แต่ร้านหายากนิดนึงค่ะ อยู่นอกตัวอาคาร ต้องออกมาข้างนอก Bus Terminal ถึงจะเจอ เราก็หาเจอจากการถามทางคนญี่ปุ่น55555

ร้านคิวยาวมาก แล้วมีที่นั่งค่อนข้างน้อยค่ะ ตอนแรกมีคิวข้างหน้าเราประมาณ 10 คิว แต่รอไปเกือบ 2 ชั่วโมง T^T ถ้าเห็นคิวเยอะๆ แล้วมีเวลาน้อย อาจจะไม่แนะนำให้รอนะคะ แต่ถ้ามีเวลาเหลือ ก็ควรลอง เพราะอร่อยมากๆค่า

ร้าน Kiwamiya จะเป็นอาหารเซ็ทให้เลือกระหว่าง Hamburg (Hambagu) กับ Wagyu Steak พร้อมซุปมิโสะ ข้าว และ soft cream refill ค่า เราสั่งเซ็ทคู่เลย จะได้ทั้งแฮมเบิร์กกับสเต๊ก ไหนๆก็รอมา 2 ชั่วโมงแล้ว ต้องลองแล้วแหละ

วิธีการทานนะคะ ทั้งแฮมเบิร์กกับสเต๊ก จะเสริฟแบบดิบ โดยร้านนี้จะมีกิมมิคเป็นแผ่นหินร้อนกลมๆเล็ก ให้เอาเนื้อไปย่างบนแผ่นหินได้เลยค่ะ โดยสามารถย่างตามความสุกที่ตัวเองชอบได้

ซึ่งแผ่นหินถ้าทิ้งไว้สักพักก็จะหายร้อนค่ะ สามารถเรียกพนักงานมาเปลี่ยนแผ่นหินได้เรื่อยๆเลยค่า

คีบเนื้อมาวางย่างบนแผ่นหินแบบนี้ได้เลย จะร้อนฉ่าๆ อร่อยมากค่า

หลังจากทานข้าวเสร็จ ก็กลับที่พักค่ะ พรุ่งนี้เราต้องตื่นแต่เช้า เพื่อไปเที่ยว Nagasaki แบบ 1 Day Trip กัน ขอจบวันแรกเพียงเท่านี้ค่า

ไว้มาต่อ Ep 2 นะคะ ฝากติดตามกันด้วยค่า

First Jobber Traveller

 วันอังคารที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2566 เวลา 19.35 น.

ความคิดเห็น