สำหรับกระทู้ที่ 3 ของการเที่ยวคิวชูเหนือ เราจะไปเที่ยวต่อกันที่จังหวัดโออิตะค่ะ
จังหวัดโออิตะอยู่ทางทิศตะวันออกของภูมิภาคคิวชู มีสถานที่ท่องเที่ยวเด่นๆในจังหวัด ที่หลายๆคนที่ผ่านมาคิวชูน่าจะรู้จักกัน คือ หมู่บ้านยุฟุอิน (Yufuin) และ เมืองเบ็บปุ (Beppu) นอกจาก 2 สถานที่ดังๆของจังหวัดแล้ว เราจะแวะเมืองอามากาเสะ (Amagase) ซึ่งเป็นเมืองบ่อน้ำพุร้อนเล็กๆที่อยู่ระหว่างทางจาก Hakata ไป Yufuin ด้วยค่ะ มาเริ่มกันเลยค่า
07 Feb 2023
สำหรับวันที่ 3 ของเราในคิวชู เราแพลนจะเดินทางจาก Hakata ไปเที่ยวที่ Amagase, Yufuin, Beppu ตามลำดับค่ะ โดยวันนี้เราจะเน้นเที่ยวที่ Amagase กับ Yufuin เป็นหลัก แล้วค่อยไปนอนค้างคืนที่เมือง Beppu เพื่อเที่ยวบ่อน้ำพุร้อน 8 บ่อในวันถัดไปค่ะ
แพลนในตอนแรกของเราเป็นตามภาพข้างล่างค่ะ เราจองรถไฟล่วงหน้าเพื่อเดินทางจาก Hakata ไปเมือง Amagase แล้วจากนั้นจะเที่ยวภายในเมือง ก่อนจะนั่งรถจาก Amagase ต่อไป Yufuin ด้วยรถขบวน Yufuin no mori
หลังจากนั้นจะทานข้าวกลางวันเที่ยวในเมือง Yufuin และถ้าเที่ยวพอใจแล้ว จะต่อรถไฟต่อจาก Yufuin ไปเมือง Beppu เพื่อเข้าที่พักที่เราจองไว้ค่ะ
ซึ่งค่าเดินทางในวันนี้ จะรวมอยู่ใน North Kyushu JR Pass ทั้งหมดค่ะ โดยเราได้จองรถไฟ 2 เที่ยว ตามภาพด้านล่าง ตั้งแต่วันแรกที่มาถึงคิวชูค่ะ
มาเริ่มกันที่สถานี Hakata เหมือนเดิมค่า วันนี้เรา check-out ออกจากโรงแรมเช้าตรู่ เพื่อมาขึ้นรถไฟสาย Yufu 1 ที่จะเดินทางจาก Hakata ไปสถานี Amagase ซึ่งจะใช้เวลาเพียงชั่วโมงครึ่งค่ะ
รถไฟสาย Yufu 1 มาตรงตามเวลา เราขึ้นรถพร้อมเบนโตะที่ซื้อจากสถานีฮากาตะ เพื่อทานพร้อมชมวิวขณะเดินทาง
วิวหลังออกจาก Hakata จะเป็นวิวทุ่งนาและภูเขา ซึ่งในตอนเช้าจะเห็นหมอกคลุมเหนือยอดเขาที่อยู่ไกลๆ
รถไฟจะผ่านเมืองฮิตะ (Hita) ซึ่งเป็นเมืองบ้านเกิดของ อ.ฮาจิเมะ ผู้แต่งมังงะเรื่อง Attack on Titan ทำให้อดสงสัยไม่ได้ว่าภูเขาที่ล้อมรอบเมืองฮิตะอยู่ อาจจะเป็นแรงบันดาลใจของการวาดกำแพงเมืองในมังงะก็ได้
และถัดจากเมืองฮิตะ เราก็เดินมาถึงเมืองอามากาเสะ (Amagase) ซึ่งเป็นเป้าหมายแรกของวันนี้ Amagase Station เป็นสถานีเล็กๆที่ทั้งรถไฟ มีแค่กลุ่มเราที่ลงจากรถ 3 คนเท่านั้น ไม่มีนักท่องเที่ยวหรือคนญี่ปุ่นลงจากรถไฟเลย
สถานีและเมืองที่ไม่มีนักท่องเที่ยวบวกกับฟ้าครึ้มและฝนปรอยๆ ทำให้เมืองนี้ดูเงียบเหงาสุดๆ
สถานี JR Amagase เป็นสถานีรถไฟขนาดเล็ก ไม่มี Locker ฝากกระเป๋า มีรถไฟผ่านแค่วันละไม่กี่เที่ยว ซึ่งด้วยความไม่มีนักท่องเที่ยวเลย เราเลยทิ้งกระเป๋าเดินทางไว้ในสถานี และเอาของติดตัวไปแค่ของมีค่า เพื่อเดินเที่ยวในเมืองค่ะ
จริงๆเมืองนี้เป็นเมืองท่องเที่ยว มีน้ำตก มีน้ำพุร้อนและออนเซ็นหลายแห่ง ไม่แน่ใจว่าเมืองนี้ไม่เป็นที่นิยม หรือว่าไม่ใช่ฤดูท่องเที่ยว ทำให้ เราไม่เจอนักท่องเที่ยวคนอื่นๆสักคน
หน้าสถานีจะมีบ่อน้ำแร่ร้อนล้างมือค่ะ กลิ่นกำมะถันแรงเลยค่ะ
ซึ่งสาเหตุที่เราแวะเมืองนี้ เพราะไม่ไกลจากสถานี Amagase จะมีน้ำตก Sakuradaki หรือน้ำตกซากุระ ซึ่งเป็นน้ำตกสูง 15 เมตร เมื่อน้ำตกจากหน้าผา กระทบพื้นจะเกิดละอองฝอยของน้ำกระจายละเอียดฟุ้ง คล้ายกลีบดอกซากุระที่ปลิวตามลม
ซึ่งน้ำตกอยู่ใกล้สถานี Amagase เลยค่ะ สามารถเดินได้สบายๆ (เดินประมาณ 400 เมตร) สำหรับคนที่ไม่ได้เช่ารถ
เราเดิน ตามป้ายน้ำตก มาเรื่อยๆจากสถานี จะมีวิวเป็นต้นสนแบบนี้เลย
สักพักจะเจอป้ายน้ำตกค่ะ
พอเดินถึงน้ำตกจะเป็นวิวแบบนี้เลย สวยมากกกกกก ถึงจะเป็นฤดูหนาว แต่น้ำเยอะค่ะ ถ้าไปใกล้ๆจะมีละอองน้ำปลิวขึ้นมา เปียกได้เลย น้ำตกใหญ่และสวยกว่าที่คิดค่ะ คุ้มค่ากับการแวะสถานีนี้มากๆ และด้วยความที่ไม่เจอนักท่องเที่ยวคนอื่นๆเลย ทำให้ชมวิว ถ่ายรูป ได้เต็มที่ private สุดๆ เหมือนเป็นเจ้าของน้ำตก5555
เนื่องจากยังมีเวลาเหลือ กว่ารถไฟเราจะมาเวลา 11:45 เราเลยมีเวลาเดินรอบเมือง Amagase ต่อค่ะ
เมือง Amagase เป็นเมืองออนเซ็นเล็กๆ มีแหล่งน้ำพุร้อนธรรมชาติ คุณภาพดี มีแม่น้ำโออิตะไหลผ่านกลางเมือง ซึ่งจะมีโรงแรม เรียวกัง ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโออิตะทั้ง 2 ฝั่ง เมืองมีขนาดเล็ก การเดินเที่ยวรอบเมืองใช้เวลาไม่นาน ตอนเดือนกุมภาที่เราไปยังเห็นต้นสนเปลี่ยนสีเป็นสีแดงจางๆ
เมืองเงียบแบบไม่เจอผู้คนเท่าไหร่ อาจเป็นเพราะช่วงที่เราไป มีการก่อสร้างหลายจุดภายในเมือง มีรถขนหินมาก่อหินริมแม่น้ำ มีการกั้นริมแม่น้ำหลายจุด กั้นสะพาน สำหรับทำการก่อสร้าง เป็นไปได้ว่าอาจจะมีแพลนบำรุงรักษาภายในเมือง ในช่วงฤดูหนาว เพื่อที่จะต้อนรับฤดูกาลท่องเที่ยว ตอนฤดูใบไม้ผลิ
เรากลับมาสถานี Amagase เพื่อรอรถรอบ 11:45 ที่จะไป Yufuin แต่พอถึงเวลา 11:45 ไม่มีรถไฟผ่านมาสักคัน ผิดวิสัยรถไฟญี่ปุ่นที่ตรงเวลาสุดๆ ประกาศของสถานีเป็นภาษาญี่ปุ่นที่ฟังไม่ออก เราได้แต่นั่งอยู่ที่ชานชาลาหนาวๆ ผ่านไป 15 นาที จากเวลารถ ก็ยังไม่เจอ Yufuin no Mori ที่จองที่นั่งไว้ จนตัดสินใจเดินไปถามกับนายสถานี จึงได้รู้ว่ารถไฟดีเลย์ เนื่องจากมีดินถล่มปิดทางรถไฟ ไม่แน่ใจว่ารถไฟจะกลับมาวิ่งปกติเมื่อไหร่ T^T
แล้วเราติดอยู่ที่ Amagase ซึ่งเป็นเมืองที่เงียบมาก ไม่น่าจะมีรถโดยสารอื่นๆผ่านมาอยู่แล้ว จึงไม่มีทางเลือกนอกจากนั่งรอที่ชานชาลาแบบหนาวๆจนกว่ารถไฟจะมา เพราะถ้าพลาดรถไฟคันนี้ เราอาจจะไปไม่ถึง Yufuin หรือ Beppu ตามที่แพลนไว้ เพราะรอบรถไฟที่ผ่านสถานีนี้น้อยมาก เรานั่งประกาศรถไฟดีเลย์เปิดวนไปวนมาทุก 5 นาที ท้อแท้สุดๆ
ประกาศรถไฟดีเลย์เลื่อนไปเรื่อยๆ จาก 15 นาที เป็น 20 นาที เป็น 25 นาที เพิ่มไปเรื่อยๆ
ผ่านไป 1 ชั่วโมงครึ่ง ก็ได้ยินเสียงประกาศจากลำโพงว่ารถไฟจะมาเทียบท่า
ในที่สุดรถไฟ Yufuin no Mori ที่เรารอคอยก็มาจอดที่ชานชาลา เย่
ถึงจะแอบเสียดายที่รถไฟดีเลย์ ทำให้มีเวลาเที่ยว Yufuin น้อยลง แต่การท่องเที่ยวมันก็แบบนี้ อาจจะมีอะไรที่หลุดออกจากแพลน มีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดได้เสมอ ถือว่าเป็นประสบการณ์และสีสันของการท่องเที่ยวแล้วกันค่ะ5555
เราขึ้นรถไฟกันเลย ภายในรถไฟ Yufuin no Mori ตกแต่งแบบ Vintage น่ารักสุดๆ มีขบวนรถที่เป็นตู้เสบียง ขายของที่ระลึกและขนม รวมถึงมีจุด stamp ประทับตราลายรถไฟ ซึ่งพลาดไม่ได้สำหรับคนที่สะสม stamp
ในตู้เสบียงมีขาย Milch Cheesecake ชีสเค้กร้านดังประจำเมือง Yufuin ที่ใครผ่านมาก็ต้องแวะทาน
เรามาถึง Yufuin JR Station เวลา บ่าย 2 นิดๆ ดีเลย์จากเวลา 12:27 จากรถไฟดีเลย์ ทำให้มีเวลาเที่ยวที่ Yufuin น้อยลง สถานีรถไฟ Yufuin เป็นสถานีใหญ่ ครึกครื้นมาก มีนักท่องเที่ยวทั้งคนญี่ปุ่นและคนต่างชาติ โดยที่เจอมากจะเป็นคนเกาหลีค่ะ ให้อารมณ์ต่างจากสถานี Amagase ที่เราไปมาเมื่อกี้ลิบลับ
เนื่องจากรถไฟดีเลย์ไปพอสมควร และคืนนี้เราแพลนไปนอนค้างที่เมือง Beppu ต่อ บวกกับร้านส่วนมากของ Yufuin ปิดค่อนข้างเร็วค่ะ หลายๆร้านปิดเวลา 17:00 เนื่องจากร้านในเมืองนี้จะเปิดเช้าและปิดไวค่ะ
เราจึงลองเช็ครอบรถไฟ และตัดสินใจจะออกจาก Yufuin เพื่อเดินทางต่อ เวลา 17:06 ค่ะ โดยมีแพลนนั่งรถไฟสาย JR Kyudai-Main-Line for Oita ไปลงสถานี Oita Station เพื่อเปลี่ยนสายรถไฟเป็น JR Limited Express Sonic 52 ไปลงเมือง Beppu ซึ่ง JR North Kyushu Pass ของเราจะสามารถนั่งรถไฟ JR แบบไม่จองที่นั่งได้ไม่จำกัดรอบ ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม โดย
- รถไฟสาย JR Kyudai-Main-Line for Oita เป็นรถไฟสาย Local ไม่ต้องจองที่นั่ง
- รถไฟสาย JR Limited Express Sonic 52 จริงๆใครที่นั่งยาวๆ สามารถเลือกจองที่นั่งได้ แต่เรานั่งแค่ 9 นาที จึงจะเลือกเข้าขบวนรถไฟที่เป็น non-reserve แทนค่ะ จะได้ไม่ต้องจองที่นั่ง
ดังนั้นเราจึงไม่จำเป็นต้องจองที่นั่งล่วงหน้าค่ะ
ซึ่งเมื่อลองคำนวณเวลาแล้ว เรามีเวลาเที่ยวที่ Yufuin แค่ 3 ชั่วโมงเท่านั้น สิ่งแรกหลังมาถึงสถานี Yufuin เราทำการฝากกระเป๋าเดินทางเข้า Coin Locker ก่อน จะมี Locker รับฝากกระเป๋าหลายจุดรอบสถานีเลยค่ะ แต่เนื่องจากนักท่องเที่ยวมีมาก ทำให้อาจหา Locker ไซส์ใหญ่ที่ว่างๆยากนิดนึง แต่ถ้า Locker ไซส์เล็ก หาได้ทั่วไปค่ะ แต่ละจุดรับฝากกระเป๋า ราคาต่างกันเล็กน้อย
แผนที่เมือง Yufuin ค่ะ จะมีถนนสายหลัก ที่มีร้านอาหาร ร้านของฝาก gift shop ร้านช้อปปิ้ง หลากหลาย ถ้าเดินตามถนนสายหลักไปเรื่อยจนสุด จะเจอทางแยกไปทะเลสาบ Kinrin Lake ซึ่งเป็นไฮไลต์ของที่นี่ (รวมระยะทางจาก จากสถานี JR Yufuin ไป Kinrin Lake จะเป็นระยะทาง 1.6 km ค่ะ สามารถเดินเท้าได้ เดินไปช้อปปิ้งไปเพลินๆ แต่ก็มีทางเลือกเป็น Taxi หรือรถสามล้อลาก สำหรับคนที่ไม่อยากเดินค่ะ)
หรือใครที่อยากมาค้างคืนที่ Yufuin ที่เมืองนี้จะมีที่พักหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นที่พักธรรมดาๆ เรียวกังเก่าแก่ โดยเมืองนี้มีจุดเด่นเป็นบ่อน้ำร้อน ซึ่งหลายๆที่พักก็จะมีออนเซ็นให้บริการค่ะ
จากสถานี Yufuin JR Station เราเดินเข้าถนนสายหลักเพื่อจะเดินไป Kinrin Lake กันเลยค่ะ วันนี้ Yufuin ฟ้าครึ้ม หมอกลงค่อนข้างจัด ถ้าวันที่ฟ้าเปิด เราสามารถมองเห็นภูเขา Yufu ได้ค่ะ โดยในฤดูหนาว บางวันภูเขายุฟุ (Yufu) จะถูกปกคลุมด้วยหิมะ แต่วันที่เราไปหมอกลงจนมองไม่เห็นภูเขาทั้งลูกเลยค่ะ
ถนนสายหลักของ Yufuin จะเป็นถนนแคบๆ มีร้านขายของ ร้านอาหาร ร้านช้อปปิ้ง หลากหลาย
เนื่องจากมีเวลาจำกัด เราเลยหาอะไรทานเป็นอาหารกลางวันง่ายๆ เลยเจอร้านอูด้งเป็ดร้านนึงค่ะ รสชาติใช้ได้เลย ซุปร้อนๆเหมาะกับวันอากาศหนาวๆสุดๆ
หลังจากทานอูด้งเสร็จ เราไปต่อกันที่ร้าน Yufuin Kinsho Croquettes ร้านโครเก้ชื่อดังของเมือง Yufuin โครเก้ทอดใหม่ๆร้อนๆ มีหลายไส้ให้เลือก ไม่ว่าจะเป็น เนื้อหมู เนื้อวัวสับ ครีมปู อร่อยมากค่ะ
ช้อปปิ้งเพลินมาก เดิน 1.6km ไปทะเลสาบไม่ไกลเลย เพราะแวะกินตลอดทาง
ร้านถัดไปที่เราแวะเป็นร้านขนม Hanakojikikuya ร้านนี้จะขาย Dora Pudding หรือขนมโดรายากิไส้พุดดิ้งนั่นเองค่า ปกติถ้าพูดถึงขนมโดรายากิแล้ว ไส้หลักๆที่ใช้จะเป็นไส้ถั่วแดง แต่ร้านนี้จะใส่ไส้เป็นพุดดิ้งไข่แทนค่ะ เหมาะกับคนที่ไม่ชอบกินถั่วแดงแบบเรามากๆ อร่อยเด้งดึ๋งสุดๆ
เดินต่อมาอีกนิด จะเจอ Yufuin Floral Village หมู่บ้านน่ารักสำหรับที่ถ่ายรูป มีที่ช้อปปิ้งสินค้าน่ารักๆ มีร้านขายสินค้าจาก Studio Ghibli ตั้งอยู่ด้านใน ส่วนตัวเราไม่ค่อยอินกับที่นี่เท่าไหร่ อาจจะเพราะข้างในค่อนข้างแคบและคนเยอะมาก
มาเดินไปทะเลสาบกันต่อเลยค่ะ เราเลี้ยวเข้ามาในอีกแยกถนนนึง ซึ่งจะสงบกว่าถนนเส้นหลัก มีร้านขายสินค้า official ของตัวการ์ตูนหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น Miffy shop, Snoopy shop
เดินตามป้ายทะเลสาบมาเรื่อยๆ ในที่สุดเราก็เดินมาถึง Kinrin Lake ค่ะ
Kinrin Lake เป็นทะเลสาบน้ำอุ่น ที่สวยงามและโด่งดังแห่งหนึ่งของจังหวัดโออิตะ น้ำในทะเลสาบอุ่นตลอดเวลาเพราะมีน้ำพุร้อนธรรมชาติจากภูเขาไหลมารวมกับที่ทะเลสาบ Kinrin ในภาษาญี่ปุ่นแปลว่า เกล็ดปลาทองคำ ที่ทะเลสาบได้ชื่อนี้ เป็นเพราะในสมัยก่อนมีนักปราชญ์ผ่านมาที่ทะเลสาบในเวลาพระอาทิตย์ตกดิน แล้วเห็นแสงสีทองของดวงอาทิตย์สะท้อนลงบนตัวปลาที่อยู่ในทะเลสาบนั่นเอง
เนื่องจากทะเลสาบนี้เป็นทะเลสาบน้ำอุ่น ในช่วงเช้าของวันที่อากาศเย็นจะสามารถมองเห็นไอน้ำลอยเหนือผิวน้ำบนทะเลสาบ เกิดทิวทัศน์ที่สวยงาม ซึ่งปกติแล้วกระทู้รีวิวท่องเที่ยวจะแนะนำให้นั่งรถไฟเที่ยวแรกจาก Hakata ตรงมาที่ Yufuin เลย เพราะถ้ามาเช้าพอ จะยังเห็นไอน้ำบนผิวน้ำได้ค่ะ
แต่วันที่เราไปตอนฤดูหนาว เป็นวันอะไรก็ไม่รู้ที่หมอกลงจัดสุดๆ ฝนตกปรอยๆ ครึ้มๆ อากาศเย็น ทำให้ถึงเป็นเวลาบ่าย 3 กว่า ก็ยังเจอไอน้ำฟุ้งรอบทะเลสาบอยู่ ดีมาก สวยมากกกก ยอดเยี่ยม ไม่คิดว่าจะเห็นไอน้ำแน่นขนาดนี้55555 ถือว่าเป็นหนึ่งในเรื่องโชคดีในวันที่รถไฟดีเลย์ ยอดภูเขายุฟุก็ไม่เห็น แต่เห็นหมอก ไอน้ำ แบบปังๆแทน คุ้มค่าแล้ววันนี้ หายงอนรถไฟดีเลย์แล้ว ใครอยากได้วิวแบบนี้ แนะนำให้มาเช้าๆนะคะ จะได้ไม่ต้องมาลุ้นแบบเรา
อาคารที่เห็นฝั่งตรงข้ามทะเลสาบจะเป็นที่พักชื่อ Pension Kinrinko Toyonokuni นะคะ เผื่อใครสนใจมาพัก
ในทะเลสาบจะมีปลาคาร์ฟสีทองว่ายอยู่ ไม่แน่ใจว่าอยู่ตามธรรมชาติหรือมีคนเอามาปล่อยให้ตรงกับธีมชื่อทะเลสาบ
หลังจากถ่ายรูปจนพอใจแล้ว เราช้อปปิ้ง+เดินกลับสถานี Yufuin เพื่อขึ้นรถไฟต่อกันค่ะ เอาวิวของเมือง Yufuin แบบฟ้าครึ้มๆมาฝากค่ะ
มีร้านขายสินค้า Official ของ Studio Ghibli อีกร้าน อยู่ตรงถนนเส้นหลักเลยค่ะ แกล้งแวะสักหน่อย
ได้น้องโปเนียวกลับบ้านแบบงงๆ น้องน่ารักอ่าาาาา
จบ 3 ชั่วโมงที่ Yufuin ของเราแล้วค่ะ
ถ้าถามว่า 3 ชั่วโมงพอไหมสำหรับ Yufuin เราว่าถ้าไม่ได้ชอบช้อปปิ้งสินค้าจุกจิก ไม่มีแพลนต่อคิวร้านอาหารดังๆ เราว่าเพียงพอค่า แต่จริงๆส่วนตัวอยากได้เวลามากกว่านี้สักชั่วโมง น่าจะกำลังดี เพราะ 3 ชั่วโมงต้องเที่ยวแบบรีบๆไปหน่อย
เมือง Yufuin น่ารักค่ะ เที่ยวง่าย มีนักท่องเที่ยวเยอะ ร้านค้าเยอะ เหมือนถูกปรับดัดแปลงให้เจริญแล้ว ใครสายท่องเที่ยวแบบ unseen อาจจะไม่ค่อยอินเท่าไหร่ หลายคนอาจจะบอกว่า overrate ไป แต่ส่วนเราเราว่าเมืองนี้ก็มีมุมน่ารักๆหลายๆมุม นอกจากถนนเส้นหลักที่เน้นช้อปปิ้งก็มีที่พักเรียวกังโบราณ มีทะเลสาบคินรินที่สวยมากตอนหมอกลง ถ้ามาแวะเน้นกิน เน้นช้อปปิ้ง เราว่าตอบโจทย์มากๆค่ะ
หลังจากนั้นเราก็เอากระเป๋าเดินทางที่ฝากไว้ใน Locker เพื่อนั่งรถไฟไปที่ JR Beppu Station ที่เป็นจุดหมายของที่พักคืนนี้ค่ะ
คืนนี้เราพักที่ Super Hotel Beppu Ekimae สามารถเดินได้จากสถานี JR Beppu Station เลยค่ะ ใกล้มาก เราค้างที่นี่ 1 คืน ในราคา 10698 เยน/3 คน แปลงเป็นเงินไทย ตกคนละ 928 บาท ซึ่งราคานี้รวมบุฟเฟต์อาหารเช้าแล้ว และมีออนเซ็นรวมให้แช่ฟรีด้วยค่ะ มาเบปปุทั้งที จะพลาดการแช่ออนเซ็นไม่ได้เลย
สำหรับอาหารเย็นวันนี้ เราฝากท้องกันที่ร้าน Toyotsune สาขา Beppu Station เดินได้จากสถานี Beppu เลยค่ะ ร้านนี้ราคาไม่แพง (ถ้าเทียบกับค่าครองชีพ Hakata ที่เราแวะมา) มีเมนูดังเป็นเท็มปุระ อร่อยมากแบบมากๆ เป็นเท็มปุระที่อร่อยที่สุดเท่าที่เคยทานมาเลยค่ะ
และเนื่องจาก Beppu เป็นเมืองติดทะเล อาหารทะเลก็พลาดไม่ได้เลย นอกจากเท็มปุระแล้ว ร้านนี้มีขายเซ็ทซาชิมิกับปลาทอดด้วยค่ะ อร่อยยยยย
มุมซ้ายบนของถาดอาหารจะเป็นเครื่องเคียงสาหร่ายโมสุคุซุ (Mozuku-su) ซึ่งทำมาจากสาหร่ายสีน้ำตาลโมซุกุในน้ำส้มสายชู เพิ่งเคยทานครั้งแรก รสชาติเปรี้ยว อร่อยสดชื่นดีค่ะ
ในร้านจะมีตู้ปลา สามารถสั่งอาหารอื่นๆจากในเมนูประจำวัน หรือชี้จากในตู้ได้เลยค่ะ
หอยตักจากในตู้สดๆ หวานฉ่ำมาก อร่อยแบบแสงออกปาก
ปลาดิบที่จำชื่อปลาไม่ได้ อร่อยมากๆค่ะ
เราชอบร้านนี้ที่สุดในทริปเลย แนะนำว่าใครแวะผ่านมาแถว Beppu Station มาลองกันได้นะคะ อร่อย ราคาสมเหตุผลค่า
ขอจบวันนี้เพียงเท่านี้นะคะ เดี๋ยวกระทู้ถัดไป เราจะไปเที่ยวในเมือง Beppu ต่อ เพื่อชมบ่อนรกทั้ง 8 บ่อ และจะไปนอนค้างกันที่ Kurokawa Onsen หมู่บ้านออนเซ็นลับกลางเขา จังหวัดคุมาโมโต้ บอกเลยว่าสวยสุดๆๆๆๆๆ
ฝากติดตามให้กำลังใจด้วยนะคะ หวังว่ากระทู้นี้จะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่วางแผนเที่ยวเกาะคิวชูค่า
First Jobber Traveller
วันเสาร์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566 เวลา 13.17 น.