เมื่อพูดอาหารอินเดีย คนที่ไม่เคยไปสัมผัสอินเดียเลยก็จะรู้สึกว่ามันดูน่ากลัว ไม่น่าไว้ใจ ไม่น่ากิน ด้วยเหตุเพราะประเทศไทยของเรานั้นมักจะชอบและเชื่อในความเป็นเน็กกาทีฟมากกว่า ในปัจจุบันนี้มีคอนเทนต์ครีเอเตอร์สายเที่ยวอินเดียมากมายมาทำคลิปนำเสนออาหารอินเดียในทางที่ดีแต่ก็ยังไม่วายถูกกลบด้วยคอนเทนต์ด้านลบที่จริงบ้างไม่จริงบ้าง บางครั้งเป็นคลิปของฝั่งบังกลาเทศและศรีลังกาด้วยซ้ำแต่ก็เหมารวมว่าเป็นอินเดียไปซะหมด แต่ใดใดก็ตามสำหรับใครที่มีแพลนกำลังจะไปแล้วกำลังกังวลว่าจะกินอาหารบ้านเขาได้ไหม หรือควรกินอะไรดี ทางเราก็ขอแนะนำ 24 เมนูโปรดของเรา เซฟเก็บใส่ลิสต์ไว้ลองไปชิมกันได้เลย บอกเลยว่ามีทั้งเมนูคาว หวาน เครื่องดืม ครบค่ะ

1. Biryani ( บิรยานี )

ขอเริ่มที่เมนูโปรดอย่างบิรยานีก่อนเลย บิรยานีมันก็คือข้าวหมกที่หอมด้วยเครื่องเทศและรสชาติจัดจ้าน เป็นเมนูที่กินง่ายสุดแล้วอีกทั้งยังเป็นเมนูข้าว หลายๆ ครั้งแม้แต่เราที่ชอบอาหารอินเดียกินแป้งนาน จาปาตี โรตีได้หมด แต่สุดท้ายก็โหยหาข้าวอยู่ดี เพราะอาหารหลักของคนไทยมันคือข้าวน่ะนะ จากประสบการณ์ก็เคยมีรุ่นน้องส่งข้อความมางองแงว่ากินอาหารอินเดียไม่ได้ เราก็เลยบอกให้น้องเขาลองเมนูนี้และน้องเขาก็บอกว่ากินได้อร่อย ดังนั้นใครที่ไม่เคยลองอาหารอินเดียเลย เริ่มที่บิรยานีก่อนน่าจะดี ซึ่งเราสามารถเลือกได้ว่าจะเป็นแบบไร้เนื้อสัตว์หรือมีเนื้อสัตว์ ได้ที่ Egg Biryani หรือ chicken biryani หรือ biryani (Veg) ซึ่งก็คือบิรยานีที่ไร้เนื้อสัตว์นั่นเอง รสชาติมันก็จะหนักไปที่เผ็ดเค็มเป็นหลัก ถ้าคนกินเผ็ดได้ก็จะยิ่งอร่อยฟิน ตัวเราชอบเมนูนี้มากๆ เลย


2. Pani Puri ( ปานิปูรี )

ปานิปูรีนั้นจัดเป็นของทานเล่นที่บางคนก็กินได้บางคนก็ไม่ได้ แต่สำหรับเรานั้นค่อนข้างหลงรักเมนูนี้มาก ไปอินเดียทีไรก็กินทุกทีกินแบบไม่หยุดบางครั้งคนข้างๆ ไปหมดแล้วนี่ยังไม่เลิกกินเลย และขอบอกว่าถ้ากินแล้วรู้สึกไม่อร่อยให้ลองเปลี่ยนร้านเปลี่ยนเมือง เพราะแต่ละเมืองก็มีรสชาติเปรี้ยวเผ็ดต่างกัน ทางเราเคยแนะนำรุ่นน้องคนเดิม น้องบอกว่าไปกินครั้งแรกที่ทางใต้ของอินเดียแล้วน้องบอกกินไม่ได้ ซึ่งภายหลังน้องมานิวเดลีและลองกินอีกครั้งที่นิวเดลีน้องบอกอร่อยมากหยุดกินไม่ได้ หลักๆ คืออยู่ที่น้ำที่เขาจะตักใส่ให้เราน่ะค่ะ ถ้าเปรี้ยวกำลังดีก็จะอร่อยแต่บางร้านมันจะเปรี้ยวโดดไม่ใช่เปรี้ยวนำธรรมดาแต่โดดเลย โดดไปไหนไม่รู้เลยมันก็จะแปลกๆ สำหรับคนกินครั้งแรก ดังนั้นอย่างเพิ่งตัดสินปานิปูริว่าไม่อร่อยในครั้งแรกที่ลองแนะนำให้ลองเปลี่ยนร้านดูก่อนค่ะ แต่ถ้าเปลี่ยนมาเป็นสิบยังกินไม่ได้ก็แสดงว่าคุณอาจไม่ชอบมันจริงๆ นั่นเอง แต่สำหรับเราคือหยุดกินไม่ได้เลย บางครั้งกินๆ อยู่แล้วแฟนถามพอยังบางทีก็อยากตอบว่า “ยัง” แต่คือยืนกินจนคนอื่นเขาจรลีไปหมดแล้วอะก็เลยต้องแสดงความเกรงใจออกมาด้วยการบอกว่าอิ่มแล้ว แต่จริงๆ คือกินกี่ลูกๆ ก็ไม่พอยิ่งกินก็ยิ่งอยากกินอีกไปเรื่อยๆ

3. dahi puri ( ไดร์ปูรี )

คือเราไม่แน่ใจว่ามันออกเสียงว่าไดร์ปุรี หรือดาฮิปุรี แต่ที่ฟังมันเหมือนออกเสียงว่าไดร์ปุรี ซึ่งเมนูนี้ส่วนใหญ่จะขายคู่กับปานิปูรีนี่แหละค่ะ และมันอร่อยมากส่วนตัวว่ามันอร่อยกว่าปานิปูรีอีก เมื่อก่อนชอบปานิปูรีที่สุดแต่พอลองอันนี้คือชอบอันนี้ที่สุดเลยค่ะ มันมีความกลมกล่อมกว่าเปลี่ยนจากน้ำเปรี้ยวๆ เป็นซอสที่มีความเป็นครีมมี่หวานๆ เค็มๆ เผ็ดนิดหน่อย ส่วนใหญ่เขาจะให้กินอันนี้หลังจากกินปานิปูรีเพราะมันมีความเผ็ดน้อยกว่าและหวานนำ เราเลยคิดว่าเมนูนี้น่าจะเอามาดับความเผ็ดของปาริปูรีได้ ปกติเราจะไม่ชอบอาหารที่มีรสหวานมากแต่อันนี้อร่อยมาก ให้ 100 เต็ม 10 เลย ไม่ได้โอเวอร์นะชอบจริงๆ

4. Momos ( โมโมส )

โมโมส หรือที่คนไทยหลายๆ คนออกเสียงว่าโมโม เป็นอาหารทางเหนือที่อร่อยมาก มันก็คือเกี๊ยวนึ่งนั่นเอง ใครที่ทานเครื่องเทศจนเอียนแล้วลองเปลี่ยนรสชาติมาหาโมโมสทานดูก็ได้ค่ะ โมโมสจะมีสองแบบคือแบบไส้ผักและไส้ไก่ ซึ่งก็รสชาติดีอร่อยทั้งสองแบบ และมันก็เป็นเมนูที่ถูกปากคนไทยหลายๆ คนจริงๆ นะ

5. Momos chili ( โมโมสชิลลี่ )

โมโมสก็คือเกี้ยว ชิลลี่ก็คือการนำไปผัดกับพริก เหมือนผัดเกี๊ยวใส่พริก มีความเหมือนอาหารจีนมากกว่าอาหารอินเดีย เครื่องเทศไม่ได้หนักมา มีความเผ็ดๆ เค็มๆ นุ่มๆ ของเกี๊ยว มีความหอม แต่อร่อยเฉยเลย เรากินเมนูนี้ครั้งแรกที่พาราณสี ไม่แน่ใจว่ามีขายทุกเมืองไหม แต่อยากแนะนำให้ลองหาชิมดูค่ะ

6. เมนูประเภทไก่ย่างทั้งหมด

จริงๆ แล้วสำหรับเรานั้นเมนูไก่ย่างอินเดียก็คืออร่อยหมดเลยไม่ว่าจะเป็น chicken tikka, chicken tandoori ทั้งไก่ติ๊กก๊าหรือไก่ทันดูรีมันก็คือไก่หมักเครื่องเทศสีแดง ส่วนมากจะใช้การอบโดยใช้ไม้เสียบบนเตาอั้งโล่ที่เรียกว่าแองกีธีหรือบนเตาถ่านหลังจากหมักในเครื่องเทศอินเดีย และในส่วนของไก่ติ๊กก๊ามันก็มาจากไก่ทันดูรีนั่นแหละค่ะ ไก่ย่างธรรมดาจะเรียกว่าทันดูรี แต่มันก็จะมีเมนูประยุกต์อื่นที่ใช้ไก่ย่างมาเป็นวัตถุดิบหลักเช่นไก่ติ๊กก๊า อารมณ์แบบไก่กรอบเคเอฟซิเอามาทำยำไก่แซ่บ รสชาติของทั้งสองนี้คล้ายๆ กันนะส่วนใหญ่ก็จะหอมเครื่องเทศ เผ็ดและเค็มเหมือนกันแต่ไก่ติ๊กก๊ามันจะมีความชุ่มช่ำกว่าทันดูรี โดยรวมสำหรับเราอร่อยมาก กินกับแป้งก็ได้ กินกับข้าวก็ฟินค่ะ


7. Chicken Curry ชิกเก้นเคอรี่

ชิกเก้นเคอรี่มันก็ตรงๆ ตัวว่าคือแกงไก่ รสชาติก็คือแกงเผ็ด แต่เป็นเผ็ดร้อน เผ็ดเครื่องเทศ กินกับข้าวก็ฟินกินกับแป้งนานหรือจาปาตีก็อร่อย ซึ่งส่วนตัวเราว่าเมนูนี้ก็กินไม่ยากนะ ขอแค่คุณไม่ใช่คนที่ตัดสินอะไรที่ภายนอกเพราะบางเมืองสีมันจะน่ากลัวเช่นสีน้ำตาลงี้ มันอาจไม่สีสันชวนกินแต่ก็ไม่อยากให้ตัดสินอะไรที่ภายนอก เพราะเจ้าชิกเก้นเคอรี่นี้มันคืออร่อยจริงๆ และนอกจากชิกเก้นเคอร์ มันก็จะมีเคอร์รี่แบบ Veg ที่เป็นผักรวมโนเนื้อสัตว์ ก็อร่อยไม่แพ้กัน



8. cheese maggi

แมกกิ หรือ แมกกี้ มันคือมาม่าอินเดียค่ะ ซึ่งมันมีสองแบบคือ maggi Veg ซึ่งจะให้ความรู้สึกแบบมาม่าใส่ผักที่มาพร้อมเครื่องเทศ และอีกแบบคือ cheese maggi ก็คือมาม่าอินเดียใส่ชีส เป็นเมนูที่ราคาถูกที่สุดในบรรดาเมนูทั้งหมด ถ้าเดินทางอยู่แล้วแบบงบเริ่มจะหมดก็เลือกเมนูนี้ได้เลย อร่อย กินง่าย อิ่ม ราคาถูกและแนะนำว่าเอาไปกินคู่กับปาปัด (แป้งกรอบ) จะเพิ่มความอร่อยได้มากขึ้นเลยค่ะ แต่ส่วนชอบแบบใส่ชีสมากกว่า


9. Masala maggi

ก็ยังอยู่กับมาม่าอินเดีย อันนี้ก็จะเป็นแบบดั้งเดิม โนชีส มีความเผ็ดร้อน ที่เราชอบเพราะเวลาเขาเสิร์ฟเขาเสิร์ฟมาแบบร้อนๆ มีความคล้ายมาม่าไทย มันตัดเลี่ยนได้ ยิ่งเวลาเรามาอยู่ที่นานๆ กินแป้งทุกวันๆ เข้ามันก็เลี่ยนอยู่นะ ดังนั้นพอได้เมนูนี้ที่ทั้งเผ็ดร้อน มันช่วยให้ดีขึ้นมากเลย 

10. Pakoda

ปาโกดาเป็นเมนูที่แฟนอินเดียคนแรกสั่งให้กินในทริปแรกของเราค่ะ มันคือของว่าง ของกินเล่นแบบชุบแป้งทอด อารมณ์เดียวกับเฟรนช์ฟรายส์ นักเก็ตอะไรแบบนั้นเลย ซึ่งก็เลือกได้ว่าจะเลือกเป็นไก่ มันฝรั่งหรือหัวหอม หรือผักรวม ครั้งแรกที่ลองเมนูนี้คือที่เดลีจัดว่าอร่อย ตัวแป้งมีความเค็มๆ ด้วย แป้งไม่กรอบและไม่นิ่มไป แต่ร้านที่กินครั้งที่สองคือในจอร์ดปูร์นั้นจะแป้งกรอบเกินและตัวแป้งไม่มีรสชาติเลย ต้องกินคู่กับซอสถึงจะมีรส อย่างที่บอกว่าเวลาลองอะไรแล้วรู้สึกว่าไม่อร่อยบางทีมันอาจไม่ใช่ว่าอาหารเขาแย่ แต่มันอาจจะเป็นที่ร้านที่เราไปกินด้วยนั่นเอง ต้องใจเย็นแล้วลองเปลี่ยนร้านดูก่อนค่ะ

11. chow mein

เฉ่าเมี่ยน มันเป็นเมนูเส้นที่เหมือนก๋วยเตี๋ยวผัดมีความเป็นจีนหน่อยๆ เครื่องเทศน้อยแต่ก็ยังมี อร่อยนะแต่ผักเยอะมากๆ ซึ่งเมนูนี้เป็นที่นิยมอย่างมากในอินเดีย เนปาล และหลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เครื่องเทศไม่ได้แรงในแบบแกงเครื่องเทศอื่นๆ เพราะฉะนั้นใครที่สู้เครื่องเทศไม่ไหวจริงๆ ก็ลองชิมเมนูนี้แทนค่ะ

12. Puri chole

Puri chole หรือ Chole bhature เป็นอาหารที่ได้รับความนิยมในพื้นที่ตอนเหนือ puri ( ปูรี ) ก็คือแป้ง แต่จะไม่ใช่แป้งกรอบเล็กๆ แบบปานิปูรี แต่เป็นแป้งทรงกลมผองโตขนาดใหญ่ แต่ข้างในจะกลวง ผู้คนมักจะทาน Chole bhature เป็นอาหารเช้า บางครั้งกินคู่กับลัสซี ( lassi ) และเมนูนี้ก็มักจะหากินได้ง่ายในร้านประเภทสตรีทฟู้ด ส่วนใหญ่ก็จะนำมันไปกินกับแกงในแบบต่างๆ เอาไปกินกับแกงถั่วอร่อยมากๆ เลยค่ะ

13. Mushroom chili

เอาใจคนชอบกินเห็ดด้วยเมนู Mushroom chili ก็คือเห็ดผัดพริกแบบเผ็ดๆ มันเผ็ดอยู่แล้วนะอย่าริอาจจะแบบเวรี่ๆ สไปร์ซี่เชียว อาจแสบท้องได้เลย นอกจากความเผ็ดแล้วก็มีความเค็มและหอมพริก เอาไปทานกับข้าวทำให้รู้สึกดีมากเวอร์


14. Tali

ทาลีก็คืออาหารเซต มักจะเสิร์ฟมาเป็นถาด ซึ่งก็จะมีทั้งแบบ Veg. และ Non Veg. ในถาดก็จะมีทั้งแกงไก่ แกงถั่ว สลัด สลัดในที่นี่ไม่ใช่ผักสลัดกับน้ำสลัดนะ มันคือผักแกล้มในแบบบ้านเรานั่นเอง ก็คือถ้ายากได้พวกผักแกล้ม หัวหอม มะเขือเทศ แตกกว่า พริกก็ให้ขอว่า "สลัด" ได้เลย และในเซตจะมีให้ทั้งข้าวและโรตี บางเซตจะได้ปาปัดด้วย แต่ขอบอกเลยว่าทาลีนั้นจะปริมาณเยอะมากๆ นะคะ เรากินคนเดียวคือแบ่งกินได้สองมื้อเลย 

15. Amritsari kulcha 

อัมริตสาห์รีกุลชา เป็นอาหารในลักษณะของแป้งโรตีที่ยัดไส้ด้วยเครื่องแน่นๆ เช่น มันฝรั่ง เนย หัวหอม ผักชี พริก ขิง เครื่องเทศต่างๆ มักนิยมกินคู่กับแกงและผักดอง แต่ในเซตของเรานั้นจะไม่มีผักดอง เพราะเราไม่ค่อยชอบผักนั่นเอง อร่อยมาก 

16. Samosa 

ซาโมซ่าที่ทุกคนคุ้นตาก็คือแป้งทอดทรงสามเหลี่ยมใช่ไหมคะ แต่ถ้าเราไปทานในลักษณะสตรีทฟู๊ดนั้น เขาจะทำการบี้ซาโมซ่าออกและราดซอสให้เรา ซอสของมันมีสองแบบนะคะ แต่เราชอบซอสแบบหวานมากกว่า แต่บางคนเขาก็ราดทั้งสองซอสเลย 


17. Kheer

Kheer หรือที่เรียกว่า payasam หรือก็คือพุดดิ้งอินเดีย แต่ส่วนตัวรู้สึกว่ามันเหมือนโจ๊กนมมากกว่าพุดดิ้งนะ แน่นอนว่ามันเป็นของหวานประเภทหนึ่ง ส่วนใหญ่ก็จะทำจากนม น้ำตาล หรือน้ำตาลโตนดและข้าวบางทีอาจจะมีถั่วดาล ลูกเดือย มันสำปะหลัง หรือข้าวโพดหวาน นำมาต้มหรือเคี่ยวและปรุงรสด้วย มะพร้าวอบแห้ง กระวาน ลูกเกดหญ้าฝรั่น เม็ดมะม่วงหิมพานต์ ถั่วพิสตาชิโอ และอัลมอนด์ รสชาติคือมีความหวาน เวลาเสิร์ฟจะเสิร์ฟมาแบบอุ่นๆ กินเล่นสบายท้องดีนะ อิ่มแต่ไม่หนักท้องจนเกินไป และเพราะมันจะมีพวกเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ถั่วต่างๆ ด้วยมันก็เลยเพิ่มความมันมาตัดความหวาน อร่อยดีค่ะ

18. Jalebi

จาเลบี้เป็นของหวานเลเวล 100 รสชาติหวานมาก หวานแบบสุดๆ คนเป็นเบาหวานเลี่ยงได้เลี่ยง ถามว่าอร่อยไหม… มันอร่อยแต่กินเยอะไม่ได้ เพราะมันคือขนมแป้งทอดและก็นำไปแช่ในน้ำเชื่อมค่ะ กินชิ้นสองชิ้นก็พอหวานช่ำชื่นใจ มีความกรุปๆ กินเพลินแต่ถ้ามากเกิน 3 ชิ้นส่วนตัวรู้สึกแสบคอเพราะมันหวานมากๆ นั่นเอง


19. ข้าวโพดคลุก

ตอนเดินผ่านมันหอมข้าวโพดต้มเหมือนข้ามโพดต้นในไทยมากๆ ตอนแรกเรานึกว่ามันคือข้าวโพดคลุกเนยแบบในไทย ก็เลยแวะเข้าไปลอง ปรากฏว่ามันคือข้าวโพดคลุกพริกและเครื่องเทศค่ะ อารมณ์เหมือนยำข้าวโพดแบบไม่ใส่ผักเลย แต่ มันดีมากนะ ต้องบอกว่าเราอยู่อินเดียเป็นเดือนๆ กินแป้งมาตลอดมันเลี่ยนค่ะ พอได้อะไรเผ็ดเปรี้ยวจี๊ดจ๊าด แถมเสิร์ฟมากร้อนๆ กินตอนหน้าหนาวคือดีมากๆ เลยค่ะ 

20. ลัสซี ( lassi )

ลัสซีหรือก็คือโยเกิร์ตอินเดีย เมนูนี้ใช้ทฤษฎีเดียวกับปานิปูรี คือถ้าลองร้านแรกไม่อร่อยให้หาร้านใหม่ ครั้งแรกของเราลองที่พาราณสีเลือกเป็นรสออริจินัลแล้วรู้สึกว่ากินไม่ได้เพราะว่ามันเปรี้ยวโดดเกินไป แต่พอไปลองที่คาเฟ่ที่จัยปูร์แล้วเลือกเป็นรสมะม่วงก็คือดีมาก รสกล้วยก็ใช้ได้นะเพียงแต่เราว่ารสหวานจากกล้วยมาเจอโยเกิร์ตรสเปรี้ยวรวมออกมามันแปลกๆ อะ แต่รสมะม่วงคือเลิฟมาก

21. ชาอินเดีย

ชามาสาลา หรือเรียกง่ายๆ ว่าจายก็ได้ เป็นเครื่องดื่มชาที่นิยมเป็นอย่างมากในอินเดีย คนอินเดียดื่มมันทุกคน บางคนดื่มมันก่อนมื้อเช้าซะอีก บางคนตื่นมาก็ต้มชาก่อนเลย ซึ่งเป็นชาที่หอมอร่อย ทั้งๆ ที่มีรสเผ็ดแต่ดันกลมกล่อมมากเฉยเลย เป็นชาที่ได้จากการต้มใบชาแดงกับเครื่องเทศและสมุนไพรที่มีกลิ่นหอม เครื่องดื่มมีอยู่ในทุกร้าน ทั้งร้านอาหาร คาเฟ่ หรือแม้แต่สตรีทฟู้ด หาทานง่าย ราคาไม่แรง


22. Milk Coffee

บางคนอาจไม่ชินกับรสเผ็ดในชาไม่เป็นไรเปลี่ยนมาจิบ Milk Coffee ร้อนแทนก็ได้ ต้องบอกว่าถ้าเราไปชิมกาแฟสดของอินเดียประเภทกาแฟดำมันจะขมมากค่ะ แบบว่าใส่น้ำตาลจนจะหมดมันก็ยังไม่หวาน ทางเราก็ดื่มกาแฟสด กาแฟดำ หรืออเมริกาโน่ได้ปกตินะ แต่ลองกาแฟดำอินเดียแล้วสู้ไม่ไหวจริงๆ ว่ากันว่ามันขมเพราะเมล็ดกาแฟของของอินเดียจะคั่วกับดอกชิโครี่ ซึ่งให้รสขมกว่าเมล็ดกาแฟประเภทอื่นๆ ขมกว่าถึง 30% แต่ก็หอมกว่ากาแฟอื่นๆ เช่นกัน คอกาแฟดำ กาแฟดริปจะหาลองก็ได้ แต่เราสู้ไม่ไหวจริงๆ เวลาไปอินเดียถ้าคาเฟ่ หรือร้านอาหารไม่มีคาปูชิโน่ก็จะสั่งเป็นมิลล์คอฟฟี่นี่แหละค่ะ


23. น้ำมะม่วง

ปิดท้ายไปด้วยน้ำม่ะม่วงค่ะ หาดื่มง่ายมาก เมื่อหลายปีที่แล้วครั้งแรกที่ไปอินเดียตอนแรกก็หวั่นใจมาก จินตนาการไม่ออกว่าน้ำมะม่วงนี่มันให้รสชาติยังไงหว่า แต่น้ำมะม่วงมันก็คือน้ำมะม่วงนั่นแหละค่ะ มันก็คือรสชาติมะม่วง เหมือนเรากินมะม่วงแบบขี้เกียจเคี้ยวอะค่ะ รสชาติมันก็คือมะม่วงที่มาในรูปแบบน้ำ ซึ่งบางยี่ห้อก็จะเป็นเหมือนน้ำผลไม้จางๆ แต่บางยี่ห้อก็จะเข้มข้นมากเหมือนกินเนื้อมะม่วงเลย แต่สำหรับเราก็อร่อยหมด

24. KFC India 
ปิดท้ายไปด้วยเคเอฟซี่อินเดีย เพื่อมีใครกินอะไรไม่ได้เลยจริงๆ ก็เข้าไปกินเคเอฟวี่ของเขาได้ เครื่องเทศจะไม่ได้หนักขนาดนั้น ไก่ของเขาก็รสชาติกลางๆ ถ้าป็นพวกวิงซ์แซ่บจะมีเครื่องเทศด้วยจะออกเปรี้ยวเผ็ดเค็ม แต่จะไม่เหมือนวิงแซ่บไทย ส่วนตัวว่าของไทยอร่อยกว่า ซึ่งถ้าเป็นไก่ที่เครื่องเทศหนักๆ ก็จะเป็นพวกเซตทันดูรี ก็ถ้ากินเครื่องเทศไม่ได้จริงๆ ก็สั่งไก่แบบธรรมดากับพวกฮอตวิงง์แทน 

สุดท้ายใครชอบบทความแชร์ออกไปได้เลย บทความหน้าจะพาไปไหนมารอกันได้เลย หรือแวะหรือติดตามเรื่องราวอื่นๆ ของเราได้ที่ twitter ที่ Artinime หรือ Facebook เพจ แบกกล้องชิวเที่ยวไปเรื่อย ได้เลยค่ะ

อ่านบทความอื่นต่อ

หญิงเถื่อน Solo Traveler

 วันพฤหัสที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566 เวลา 02.30 น.

ความคิดเห็น