โจทย์ของทริปนี้คือ เลือกประเทศที่จะเริ่มเดินทางในอีก 5 วันข้างหน้า กางแผนที่แล้วสุ่มดูเงื่อนไขเข้าประเทศช่วงโควิดที่ไม่ยากมาก ราคาค่าตั๋วที่พอรับได้ แล้วคำตอบคือ ประเทศ Georgia นั่นเองค่ะ
จริงๆการไปดื่มด่ำความสวยงามแนวเทือกเขาคอเคซัส เป็นหนึ่งใน Bucket list ที่จดไว้นานพอสมควร แพลนแรกตั้งใจไป Trekking มากกว่า แต่ร่างกายที่อ่อนล้าจาก Road trip ประเทศจอร์แดนเมื่อ 2 อาทิตย์ก่อน ทำให้ต้องเปลี่ยนเป็นแนว Slow life ในจอร์เจียแทนค่ะ
แผนการเดินทางถูกวางแบบคร่าวมากๆ คร่าวจนเกือบคล้าย Unplanned trip ไปแล้ว ผลคือ
Domestic flight ไป Mestia เต็ม
Walk in ไปจองตั๋วรถไฟก็เต็ม
รถไฟไปประเทศ Armenia ก็ไม่วิ่ง
ส่วนที่ที่ไม่ได้แพลนดันได้ไป เอาเป็นว่าเป็นทริปที่สนุกและท้าทายอีกทริปนึงเลย ซึ่งเราเดินทางไปกับสายการบิน Qatar airways แวะต่อเครื่องที่โดฮา ใครสนใจข้อมูล City tour ตามกระทู้นี้เลยนะคะ https://pantip.com/topic/41495251
[ ข้อมูลสำหรับการเดินทาง ]
ภาษา (Languages) : Georgian , Russian , English
วีซ่า (Visa) : Free Visa 365 วัน
สกุลเงิน (Currency) : Georgian lari (GEL)
Time Zone : ช้ากว่าไทย 3 ชั่วโมง
Sim card : เราใช้ Magti ซื้อจากสนามบิน ใส่ซิมแล้วใช้ได้เลย ไม่ต้อง Verify อีกรอบ มี 4 Package
👉🏻ราคา 30 GEL 3GB internet
Free call in Georgia
👉🏻 ราคา 45 GEL 4GB internet
Free call in Georgia , 10 mins International call
👉🏻 ราคา 60 GEL Unlimited internet
Free call in Georgia
👉🏻 ราคา 120 GEL Unlimited internet
Free call in Georgia , 60 mins International call
การเดินทาง
ทริปนี้เราเลือกใช้ขนส่งสาธารณะเป็นหลัก เพราะเดินทางคนเดียว
City bus number 337 (เดิม number 37) วิ่งระหว่าง Tbilisi airport กับ Station square ผ่านทาง Freedom square
ราคา 1.50 GEL (18 บาท) ต่อเที่ยว ปกติรถวิ่ง 24/7 แต่ช่วงโควิดจะอยู่ในช่วง 6.00-23.00 ค่ะ รถออกทุก 20-30 นาทีจากบริเวณด้านหน้าผู้โดยสารขาออก
(ทางออกสนามบิน >> เลี้ยวขวา >> เดินไปจนสุดหัวมุมตึก) ใช้ระยะเวลา 30 นาทีโดยประมาณกว่าจะถึง Freedom square
สามารถใช้ Metro money card or Transport card (ราคา 2 GEL ซื้อจาก Bank of Georgia service) หรือใช้ Visa , Master card แตะ Scan จ่ายเงินแบบเราได้เลย บนรถมีพื้นที่สำหรับกระเป๋าใบใหญ่หลายๆใบด้วยค่ะ
ส่วนขากลับจาก Freedom square ให้ขึ้น City Bus 337 หน้า Library square Metro station (ติดกับ H&M) รถออกทุก 30 นาที
ขึ้น Tbilisi Metro สามารถใช้ Metro money card หรือ Visa , Master card แตะ scan ก่อนเข้าสถานีได้ค่ะ
รถไฟ (Train) : จากเมือง Tbilisi (Railway station ติดกับ Metro Station Square) ไปเมือง Zugdidi ใช้เวลาเดินทาง 6.5 ชม. ราคาตั๋วไปกลับ 30-32 GEL
ซื้อตั๋วออนไลน์ที่นี่ https://tkt.ge/railway?culture=en
(เปลี่ยนวันเดินทาง ค่าเปลี่ยนตั๋วใหม่ 0.5 GEL)
บนรถไฟมี Free Wifi แต่ไม่มีอาหารเครื่องดื่มขายนะคะ
กรณี International Train ไป Yerevan (Night Train) ต้อง Walk in เท่านั้นค่ะ ซื้อตั๋วออนไลน์ไม่ได้
บินในประเทศ (Domestic Flight) : ไป Mestia จองตั๋วที่นี่ https://ticket.vanillasky.ge/en/node/51 โดยดูตารางบินทาง Facebook : Vanilla Sky **ต้องเลือกเส้นทางบินเป็น Natakhtari-Mestia นะคะ**
Minivan (หรือ Marshrutka) จาก Zugdidi-Mestia ราคา 20-30 GEL ต่อเที่ยว ใช้เวลา 3-5 ชั่วโมง รถตู้บางคันจะรอให้คนเต็มรถก่อน อย่างรถคันของเราเป็นต้น กว่าจะถึง Mestia เพลียเลย…แต่ขากลับค่อนข้างตรงเวลา เพราะต้องให้ทันรอบรถไฟกลับ Tbilisi รอบ 16.10 น.
ถ้าใครสนใจเช่ารถพร้อมคนขับ (Private Taxi) แนะนำ www.gotrip.ge หรือจะ Walk in เดินเลือกรถริมถนนแถว Freedom square ได้ มีเยอะมาก ตกลงราคากันเองเลยค่ะ
Mestia
เส้นทางนี้โดนเลื่อน รวนแต่ต้นทริปเลย ตอนนั้นหาข้อมูลไม่เจอว่าจองตั๋วรถไฟออนไลน์ได้ ลุ้นเอาตอน Walk in ทีเดียวเลย ไปถึง Railway Station เวลาหกโมงเช้า แล้วพบว่าตั๋ว Sold out ฮ่า…สรุปต้องเลื่อนเดินทางไป Mestia ในวันถัดมา ทำให้ทริปนี้อดไปประเทศ Armenia ด้วยค่ะ
ต้นเดือนมิถุนายน ช่วงผลัดเปลี่ยนฤดูกาลจากหนาวสู่ฤดูร้อน Weather Forecast บอกล่วงหน้าว่าอาจจะเจอฝน ซึ่งเราเจอแค่ช่วงนั่งรถผ่านเขาสูงระหว่างทาง เป็นหมอกฝนช่วงสั้นๆช่วยให้ภายในรถ Marshrutka ไม่อบอ้าวจนเกินไปนัก นั่งรถไฟต่อรถตู้ ผ่านหุบเขา ทางแคบ หินถล่ม สลับกับวิวอันงดงามตลอดเส้นทาง เราใช้ระยะเวลา 12 ชม.จากเมืองหลวง Tbilisi จนมาถึง Mestia
รถจอดที่จุดจอดรถกลางเมือง Mestia เราหาที่พักใกล้ๆ เริ่มจะเพลียนิดหน่อย เพราะไม่ได้ทานข้าวมาทั้งวัน กินขนมปังแต่ไม่อยู่ท้องเอาซะเลย
Walk in มาถึงที่พัก Sweet night โดยรวมค่อนข้างใหม่ เพราะยังก่อสร้างอยู่เลย ฮ่า…. มีบางห้องที่เปิดเข้าใช้ได้ เจ้าของน่ารักใจดีลดราคาให้ด้วยค่ะ เราชอบวิวตรงหน้าต่าง มองออกไปเห็นยอดเขาน้ำแข็งลิบๆ รู้สึกสดชื่นขึ้นทันที อาบน้ำอุ่นแล้วกระปรี้กระเปร่า หาร้าน Khashlama (Beef soup) ร้อนๆซดกินกับข้าวเปล่า ฟินมาก
ข้อดีของการเที่ยวในฤดูร้อน ท้องฟ้ามืดช้า ทำให้เรามีเวลาเดินเล่นเตร็ดเตร่ใน Downtown Mestia อยู่ซักพักใหญ่เลยค่ะ
ที่พัก (Accommodations) : Sweet night ห้องเดี่ยว ราคา 25 GEL ไม่รวมอาหารเช้า
Ushguli
เราจองรถตู้ไป Ushguli เมื่อวานนี้ค่ะ สอบถามหลายบริษัทก็ได้ราคา 50 GEL เท่ากัน แต่เลือกซื้อกับเจ้านี้ เพราะน้องผู้หญิงที่ขายยิ้มเก่งมาก เหตุผลไม่มีอะไรเลย หันไปทีไรก็ยิ้มให้ตลอด น่ารักไม่ไหว
จากในตัวเมือง Mestia เรากำลังมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านในฝันของใครหลายคน วันนี้อากาศดี แดดยามเช้าสดใส ลมเย็นๆพัดโอโซนบริสุทธิ์เข้ามาหา รู้สึกสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก
ระหว่างทางรถแวะจอดที่ Tower of love หอคอยที่แยกตัวจากหมู่บ้านโดยรอบ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ ด้านหลังเป็นเนินเขา บรรยากาศโรแมนติกทีเดียวค่ะ ภายในหอคอยสามารถปีนขึ้นได้ แต่ทางชันและมืดมาก อยากให้ระมัดระวังกันดีๆนะคะ ซึ่งที่นี่เสียค่าเข้า 1 GEL
วิวข้างทางจะเจอหมู่บ้านเล็กๆ บางหลังสร้างใหม่ บางหลังรกร้าง แต่ถูกอนุรักษ์ไว้เป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่ง รถขับเลาะขนานไปตามเส้นทางของแม่น้ำที่ไม่ใช่เป็นสีฟ้าใสอย่างที่คิด แต่ออกโทนสีเทาตัดกับเนินหญ้าสีเขียว น่าดึงดูดไม่น้อยค่ะ
รถวิ่งจากพื้นถนนคอนกรีตสู่ถนนลูกรัง ทางแคบกว่าเดิม ล้อรถวิ่งชิดกับขอบเหวเลยค่ะ มีบางช่วงหินถล่ม คนขับพาเราขับผ่านลำธารน้อยๆที่ไหลผ่านกลางถนน นั่นอาจแสดงว่าเรากำลังเข้าใกล้จุดหมายปลายทางขึ้นทุกทีแล้ว
แล้วเราก็มาถึงหมู่บ้านมรดกโลก ที่เคยแต่มองผ่านรูปภาพของคนอื่น โอโซนที่นี่แสนบริสุทธิ์สดชื่น เราเดินไปตามทางเดินของหมู่บ้านอันเงียบสงบ เพื่อนบางคนตัดสินใจพักที่นี่ เพื่อค่อยๆซึมซับบรรยากาศทีละนิดๆ
จุดตัดทางแยกออกจากหมู่บ้าน ตรงนั้นอาจเป็นจุดเริ่มต้นของนักเดินป่า หรือเป็นจุดที่ชาวบ้านพาสัตว์ออกไปเดินเล่น ก็ไม่แน่ใจ แต่เราชอบวิวนี้มากที่สุด เทือกเขาคอเคซัสที่มียอดปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง หุบเขา Shkhara สีเขียว ทุ่งหญ้าสีเขียว ดอกไม้ใบหญ้า แม่น้ำลำธาร กับท้องฟ้าใสมันคือ Earth tone ที่สมบูรณ์แบบที่หนึ่งที่เคยเจอมา สวยมองเพลินน่าหลงไหล เรานั่งตักตวงความสุขคนเดียวอยู่นานเลย
อ้อมกลับไปยังหมู่บ้านแล้วเดินตรงไปยังเนินเขาหลังสุดของหมู่บ้าน วิวมุมนี้ก็สวยไม่แพ้จุดแรก ได้เข้าใกล้เทือกเขาหิมะมากขึ้น ชัดเจนขึ้น มีโบสถ์ตั้งอยู่อีกเนินใกล้ๆกัน
ประชากรชาวจอร์เจียเกือบ 90% นับถือคริสต์นิกายออร์โธดอกซ์ ทำให้มีโอกาสได้ชมโบสถ์มากมายตามสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศนี้เลยค่ะ
ถ้าภาพมีเสียงของธรรมชาติเล็ดลอดออกมาได้ เพื่อนๆอาจจะได้ยินเสียงแม่วัวตัวใหญ่ร้องมาจากเขาอีกฝั่งหนึ่ง เสียงแม่น้ำ Enguri และ Kvishiri ไหลแรงอยู่ด้านล่าง เสียงลมพัดกระดิ่งบ้าน เสียงนกร้องบินผ่านไปมา แต่เสียงที่แทบจะไม่ได้ยินเลย คือเสียงคนคุยกันค่ะ
ขึ้นชื่อว่าเป็นหมู่บ้านที่อยู่สูงที่สุดในยุโรป ชาวบ้านสามารถใช้ชีวิตพึ่งพาอยู่บนผืนพื้นที่นี้ได้เอง จากข้อมูลประวัติศาสตร์ยาวนาน จริงๆแล้ว Ushguli นั้นแบ่งออกเป็น 5 หมู่บ้านย่อยๆ ได้แก่ Murk-meli , Chazhashi , Chvibiani , Zhibiani และ Lamjurishi ค่ะ
เราเดินขึ้นเขาไปทางหอคอย Supar (Tamar Tower) เพื่อชมวิว Panorama สวยมากจริงๆ
ก่อนกลับในตอนเย็น คนขับรถใจดีพามานั่งเล่นริมทะเลสาปใกล้เมือง Meatia เราถือว่าเป็นวันที่ดีวันนึงค่ะ ได้เจอเพื่อนใหม่ๆเจอสถานที่งดงาม รู้สึกคุ้มค่ากับการได้มาเยือนดินแดนอันไกลโพ้นที่แสนพิเศษแห่งนี้
ส่วนที่พักของเราในคืนนี้ก็แสนดีงาม สวยแทบจะทุกฤดูที่ตามภาพถ่ายรีวิวเลยค่ะ เราชอบช่วง Winter ที่มีหิมะตกมากที่สุด แต่หน้าร้อนเราก็ชอบนะคะ ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในหนังเรื่อง Vampire twilight เลย
ที่พัก (Accommodations) : Bude Mestia Cottages 128 GEL อาหารเช้าจ่ายเพิ่ม 25 GEL ระยะทางห่างจากตัวเมือง Mestia 1.8 km. เราเหมารถไปกลับรวม 40 GEL
Kazbegi
ขอบอกก่อนว่าทริปนี้ไม่ได้แพลนมาแถบ Kazbegi เลย เราเลือกไปประเทศ Armenia แทน แต่ด้วยเหตุการณ์ที่เลื่อนเดินทางจากวันแรก ประกอบกับตารางรถไฟยังคงวิ่งวันเว้นวันเหมือนช่วง Winter เลยเป็นเหตุผลให้เราต้องเลือกจุดหมายปลายทางใหม่แทน (ซึ่งหลังจากเรากลับ มีตารางเพิ่มรอบรถไฟในช่วง Summer แล้วค่ะ)
เราซื้อทัวร์แบบ One day trip โดยปกติแล้วการจองต้องจองล่วงหน้าอย่างน้อย 1 วัน จะ Walk in ในตอนเช้านั้นยากมากๆ เพราะดูเหมือนคนที่นี่จะตื่นสายกันนะคะ ฮ่า…..ขนาดสายแล้วทั้งถนนยังเงียบกริบอยู่เลย แต่เราโชคดีที่ได้ไปกับทัวร์วันนี้ เพราะบังเอิญได้รับการช่วยเหลือจากคุณลุง Zaza หลังจากเจอคนขับรถ Taxi อันธพาลคนนึง และยังช่วยฝากเราไปกับทัวร์ของเพื่อนคุณลุงด้วยค่ะ
ถ้าเพื่อนๆสนใจเช่ารถพร้อมคนขับที่นิสัยดี มีน้ำใจ อยากขอฝากคุณลุง Zaza ด้วยนะคะ ติดต่อได้ที่เบอร์นี้ค่ะ Whatsapp +995 551 544 644
One day trip พาเราไปทั้งหมด 7 จุด รวมจุดจอดทานมื้อกลางวันแล้ว ด้วยเวลาที่จำกัดใน 1 วัน อาจจะดื่มด่ำในแต่ละสถานที่ได้ไม่มากเท่าที่ควร แต่เราได้ภาพถ่ายสวยๆกลับมาเยอะเลยค่ะ
Zhinvali reservoir
จุดจอดแรก อยู่ที่อ่างเก็บน้ำ Zhinvali ซึ่งเป็นแหล่งผลิตไฟฟ้าสำคัญของเมืองหลวง Tbilisi
Ananuri Fortress
ถัดมาคือ ป้อมปราการโบราณ สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 13 ป้อมนี้ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ Aragvi หนึ่งในแม่น้ำสายสำคัญของประเทศจอร์เจีย มีกำแพงโอบล้อมโดยรอบ
ภายในป้อมประกอบด้วยโบสถ์และหอคอยที่ถูกสร้างไว้อย่างอลังการเลย
White and Black aragvi
แม่น้ำสองสีไหลคู่ขนานกัน ที่ว่ากันว่ามีความยาวเกือบ 112 กิโลเมตร สีขาวเกิดจากแม่น้ำ Tetri Aragvi ของเมือง Gudauri และสีดำเกิดจากแม่น้ำ Shavi Aragvi ซึ่งเป็นแม่น้ำสายหลักของเมือง Gudamakari
Gudauri
เมืองเล็กๆนี้ อยู่ทางตอนเหนือตั้งอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 2000 – 3200 เมตร ขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งเล่นสกีที่นิยมมากในจอร์เจีย ช่วงเวลาที่ดีที่สุด คือช่วง Winter เริ่มตั้งแต่เดือนธันวาคม ไปจนเดือนเมษายน
สำหรับนักเดินทางที่มาในฤดูร้อนแบบเรา สามารถชมดอกไม้ป่าสวยๆได้นะคะ แถมยังมีอีกหลายกิจกรรมให้เล่น อย่าง Paragliding ราคาประมาณ 300 GEL และขับรถ ATV
Russia-Georgia Friendship Monument
อนุสาวรีย์ถูกสร้างขึ้นเพื่อบันทึกประวัติศาสตร์มิตรภาพที่มีมาต่อเนื่องของโซเวียตจอร์เจียกับรัสเซียโซเวียต จุดถ่ายรูปที่พลาดไม่ได้เลยคือ มุมด้านหลัง เพื่อนๆได้รูปสวยๆกลับไปแน่นอนค่ะ
Trinity Church-Gergeti
ปิดท้ายด้วยแลนด์มาร์คสำคัญ นั่นคือ โบสถ์เก่าแก่อายุกว่า 600 ปี ซึ่งตั้งตระหง่านบนยอดเขาสูงกว่า 2000 เมตรเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาคอเคซัส สวยอลังการยิ่งใหญ่มาก ประทับใจที่มีโอกาสได้มาสัมผัสค่ะ
Tbilisi
เมืองหลวงของประเทศจอร์เจียอย่าง Tbilisi ไม่ได้จอแจวุ่นวายอย่างที่คิด ผู้คนไม่ได้เร่งรีบอะไรมากนัก จริงอยู่..แม้จะไม่ค่อยยิ้มแย้ม แต่ความมีน้ำใจของผู้คนสร้างความประทับใจให้เราได้มากทีเดียว
ใกล้จบเรื่องราวในจอร์เจียแล้ว ลืมเล่าเกี่ยวกับอาหารการกินไปเลย….ซึ่งมันก็เค็มมาก เหมือนที่ใครๆรีวิวกันนั่นแหละ ฮ่า……ส่วนใหญ่จะเน้นขนมปัง แป้ง ชีส แตงกวา มะเขือเทศ ประมาณนี้ อ๋อ…ที่จอร์เจีย Tap water กินได้เลยนะคะ
เมืองหลวงตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำ Mtkvari เสน่ห์ของอาคารบ้านเรือน ออกแนวสถาปัตยกรรมแบบยุโรปหลายยุคหลายสมัย ทั้งเก่าใหม่สลับกันสองข้างทาง เราเดินชมแค่ย่าน Freedom square ก็ฟินแล้ว เพื่อนๆอย่าพลาดเลยนะคะ
ยิ่งในตอนกลางคืน ผู้คนครึกครื้นกว่ามาก อากาศไม่ร้อนอบอ้าว เย็นสบาย มีแสงไฟเสียงดนตรีตลอดย่านนี้ ร้านอาหาร บาร์ดนตรีสด ไกด์ทัวร์ เปิดเต็มสองข้างทางเลยค่ะ
เราขึ้นไป Mother of Georgia โดย Cable car เพื่อชมวิว Panorama เมือง Tbilisi ตอนกลางคืน งดงามระยิบระยับมากเลย
Cable car เปิดตั้งแต่ 10.00 ไปจนถึง 24.00 เลยค่ะ ราคาแค่ 2.5 GEL ต่อเที่ยว (ใช้บัตร Metro money card)
Tbilisi เป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางที่สามารถพาไปเยือนถิ่นที่สวยงาม เช่น เมือง Mtskheta เมืองหลวงเก่าแก่ของจอร์เจีย , จุดชมวิววิหาร Jvari Monastery , ชิมไวน์ที่ Kakheti Wine Route , ทะเลสาป Black Sea เมือง Batumi และเมืองเล็กเมืองน้อยในประเทศจอร์เจีย ถ้ามีโอกาสเราอาจจะกลับมาอีกครั้งในช่วงฤดูหนาวค่ะ
ที่พัก (Accommodations) Tbilisi : Namaste Hostel เตียงเดี่ยวห้องรวม ราคา 27 GEL ไม่รวมอาหารเช้า
วิวจากหน้าต่างห้องพักของโฮสเทลสวยมาก ด้านหน้าสามารถมองเห็น Mother of Georgia เลย
ในตอนดึกวันที่สองของทริป เราลากกระเป๋าใบใหญ่หยุดหลบฝนเป็นช่วงๆ ตลอดทางกลับที่พักจะมีคนคอยกวักมือเรียกให้มาหลบฝนด้วยกัน จนถึงที่พักได้ยินคำพูดเบาๆว่า “Welcome Home” คำสั้นๆแต่อบอุ่นที่สุดเลย
คุณลุงเจ้าของโฮสเทลชงกาแฟร้อนให้จิบแก้หนาว จัดแจงหาไดร์เป่าผมให้ด้วย น่ารักมากๆ ที่พักนี้ชื่อ Backpackers hostel tbilisi ราคา 21 GEL Location ก็ดีมาก เดิน 5 นาทีถึง Metro station เลยค่ะ
ไปไหนต่อ (Where to go next) : Türkiye , Armenia , Azerbaijan และ Russia
And...More great things to do in Georgia? แนะนำเราได้เลยนะคะ
www.inspiremyjourneys.com
www.facebook.com/Inspiremyjourneys
InspireMyJourneys
วันอังคารที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566 เวลา 21.59 น.