จากรีวิวก่อนหน้า เตรียมตัวก่อนไปจอร์เจีย ไปเดือนไหนคุ้ม กดลิ้งค์นี้ได้เลยนะคะ
รีวิวนี้ ขออนุญาตแชร์ประสบการณ์เดินทางแบบกึ่งหารเฉลี่ย คิดค่าทัวร์รวมค่ารถ ค่าไกด์ ค่าโรงแรม ค่าตั๋วเครื่องบิน (แต่ไม่รวมค่าทิปไกด์ ค่าอาหารกลางวัน เย็น หาทานตามความพอใจ) บางมื้อก็จำเป็นต้องทานร้านเดียวกัน บางมื้อก็ตามสะดวก
ทริปนี้แม้จะเหนื่อยในการเดินทาง แต่เป็นทริปที่แสนสนุก อย่างไร ตามไปดูกันค่ะ
เริ่มต้นตั้งแต่สนามบินสุวรรณภูมิ
Day1 BKK - Bahrain พักบาห์เรน รร.Golden Tulip
หลังจากเช็คอินแล้ว
ระหว่างรอขึ้นเครื่อง มีเวลาเหลือสำหรับวีไอพีอย่างเรา อิอิ
👍สิทธิพิเศษ สำหรับผู้มีบัตรเครดิต(ต้องเช็คกับผู้ออกบัตรดูนะคะ) ส่วนเรามีบัตรเครดิตซิตี้แบงค์ Citi Premier สามารถใช้บริการฟรีที่ miracle lounge (ใครมีอย่าลืมนำมาใช้นะคะ 1 ปีมีสิทธิ์ใช้ 2 สิทธิ์ สามารถใช้ครั้งเดียว 2 สิทธิ์ก็ได้ค่ะ)
Miracle Lounge สุวรรณภูมิให้บริการทั้ง Miracle Lounge ในประเทศจำนวน 1 แห่งอยู่ที่ Concourse D และระหว่างประเทศจำนวน 9 แห่ง( แต่ละแห่งมีขนาดพื้นที่ต่างกัน)
หากไม่มีสิทธิพิเศษ จะมีค่าบริการ สำหรับผู้โดยสารในประเทศอยู่ที่ 1,000 บาท และ Miracle Lounge สุวรรณภูมิระหว่างประเทศราคา 1,300 บาท (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามโปรโมชั่น)
ที่นั่งหรูหราสะดวกสบาย
อาหารมีมากมายให้เลือกค่ะ ทั้งอาหารไทย อาหารฝรั่ง สลัด เบเกอรี่ ไวน์ เบียร์ แต่เราทานแค่นี้ล่ะ
เก็บท้องไว้ บนเครื่องบินก็มีอาหารบริการอีก555
เราไปเครื่องบินลำนี้ค่ะ สายการบิน Gulf air
ภายในเครื่องค่ะ จะเป็นแบบ 3 แถว ซ้าย กลาง ขวา ฝั่งละ 3 ที่นั่ง มีอาหารทานบนเครื่องค่ะ มีผ้าห่ม มีหมอนรองคอ หูฟัง ที่ปิดตา ยาสีฟันแปรงสีฟันครบค่ะ
สิ่งที่เราชอบดูที่สุดขณะที่อยู่บนเครื่องคือ ตอนนี้เราอยู่ที่ไหนแล้ว 2 ชั่วโมงผ่านไปค่ะ อยู่กลางทะเลค่ะ
อ่าวเบงกอล Bay of Bengal
ทานมื้อเย็นกันกลางทะเลเลยค่ะ มีให้เลือก 2 อย่างค่ะ เป็นเนื้อไก่ น้ำซอสจะออกหวานๆสักนิด
ประมาณ 7 ชั่วโมง ถึงสนามบินบาห์เรน คืนนี้จะพักที่บาห์เรน 1 คืนค่ะ
Gulf air เป็นสายการบินแห่งชาติของ ประเทศบาห์เรน หากมีการรอเปลี่ยนเครื่องเกิน 7 ชั่วโมง สายการบินจะมีบริการโรงแรมที่พักให้ฟรี พร้อมรถรับส่ง
*** ก่อนขึ้นเครื่องเราจะต้องเตรียมเสื้อผ้าสำหรับใช้ที่บาห์เรน แยกกระเป๋าใบเล็กออกมาด้วยนะคะ
เมื่อผ่านจุดตรวจคนเข้าเมืองแล้ว **ประเทศบาห์เรนยกเว้นวีซ่าสำหรับคนไทย"
ก็รอรถโรงแรมมารับ (ทางทัวร์ได้ดำเนินการประสานงานไว้เรียบร้อยแล้ว) สำหรับท่านที่เดินทางเองสามารถ โทรหาเจ้าหน้าที่ Gulf Air ประเทศไทย เบอร์ 02-635-1417 เพื่อประสานไว้ล่วงหน้าก่อนเดินทางค่ะ
***
รถโรงแรมมารับช้านิดหนึ่งค่ะ รออยู่ประมาณ 1 ชั่วโมง รถนั่งสบาย
บาห์เรนนี่ถนนหนทางสว่างไสวค่ะ แต่ภาพจะเบลอหน่อยนะคะ
ถึงโรงแรมแล้วค่ะ โรงแรมชื่อ Golden Tulip
ทานมื้อดึกกันค่ะ ตาก็จะปิด แต่ท้องก็หิว 55 (เวลาในประเทศไทยน่าจะเที่ยงคืนค่ะ)
ห้องพัก ค่ะ เขาบอกว่าเป็นโรงแรมระดับ 5 ดาว แต่หากเทียบกับเมืองไทยเราว่าประมาณ 3-4ดาวค่ะ
Day 2 อาหารเช้าจะประมาณนี้ค่ะ
Day2 Bahrain -Tbilisi พักรร.Reikartz
หลังทานอาหารเช้า รถโรงแรมก็จะไปส่งที่สนามบิน บรรยากาศข้างทางจากโรงแรมไปสนามบินบาห์เรนค่ะ หากท่านใดมีเวลา เที่ยวที่นี่สัก 1 วันก็ดีนะคะ
สนามบินบาห์เรนค่ะ
การเดินทางจากบาห์เรนไปทบิลิซี มีแวะจอดรับส่งผู้โดยสาร 1 ครั้งที่สนามบิน BAKU ซึ่งเราไม่ต้องลงจากเครื่องบิน
ระหว่างรอ ผู้โดยสารขึ้นลงที่สนามบิน ทั้งลำมีแต่พวกเรา ก็เลยถ่ายรูปกันสนุกสนาน จนแอร์โฮสเตสมาร่วมด้วยค่ะ 1 ชั่วโมงหมดไปไม่มีเบื่อ
ถึงสนามบินทบิลิซี แล้วเกิดเหตุการณ์ฉุกละหุกกันนิดหน่อย เพราะมีพี่ในทริปท่านหนึ่งลืมมือถือไว้บนเครื่อง แต่เราออกจากด่านตรวจคนเข้าเมืองแล้ว ไม่สามารถกลับไปที่เครื่องได้ ต้องประสานงานกับเจ้าหน้าที่กันวุ่นวายเลย ใช้เวลาร่วมๆชั่วโมงกว่าจะได้รับโทรศัพท์กลับคืนมา
ระหว่างที่รอ เราก็ซื้อซิมโทรศัพท์มือถือ ของ Beeline เลือกอินเตอร์เน็ต 10 GB ใช้ได้ 14 วัน ราคา 10 ลารี และแลกเงินไว้จำนวนหนึ่งติดตัวนิดหน่อย เพราะจะไปแลกเพิ่มที่ร้านรับแลกได้เรทดีกว่า
คืนนี้พักที่ โรงแรม Reikartz หลังเช็คอินเรียบร้อย ก็ไปหาอาหารท้องถิ่นจอร์เจียทานกันเป็นมื้อแรกค่ะ
(รุ่นน้องเราพักอยู่ที่ทบิลิซี มารับ ก็นั่งแท็กซีกันไปน่าจะประมาณ 10 ราลีค่ะ) ย่านนี้มีร้านอาหารติดๆกันให้เลือกเยอะมาก เหมือนกับแหล่งท่องเที่ยวบ้านเรา
เราเลือกร้านที่มีคนเยอะหน่อย (อาหารคงอร่อย) และไม่มีคนสูบบุหรี่ค่ะ
เมนูวันนี้ ลองสั่งดู ชอบปลาค้าวมากค่ะ ทั้งหมดนี้ 108 ลารีค่ะ
อิ่มของคาว ก็เดินหาของหวานทานกันค่ะ เจอร้านขายไอศกรีมแนวโฮมเมด มีให้เลือกหลายนสชาติ สั่งผิดสั่งถูก จะแค่3สครูป ได้มาเต็มถ้วยเลย กินกันไม่หมด
เดินเล่นชมวิวกันไป ถึงจตุรัสเสรีภาพ หรือ Freedom Square บรรยากาศยามค่ำคืนน่านั่งเล่นพักผ่อน มีเสียงดนตรีบรรเลงกล่อม
อยู่ที่นี่พักหนึ่ง ก็กลับไปพักผ่อนที่โรงแรมกันค่ะ
Day 3 ชมเมืองทบิลิซี Old Town Tbilisi - แวะโรงบ่มไวน์ - Bridge of Peace -ขึ้นกระเช้า Narikala Fortress - MOTHER OF A GEORGIAN -MOTHER OF A GEORGIAN- Sulphur Bath-LEGHVTAKHEVI WATERFALL
มุมจากห้องอาหารของโรงแรมค่ะ
หลังอาหารเช้ามีเวลาไปเดินเล่นแถวสวนสาธารณใกล้โรงแรมกันค่ะ (ลืมบอกไปว่าคนจอร์เจียจะนอนดึก ตื่นสายนะคะ ไกด์นัด 9-10 โมงทุกวัน)
กลับมารอไกด์ที่โรงแรม ก่อนออกเดินทาง(เท้า) มาทางเดิมค่ะ
ผ่านจุดเช็คอินแรกคือ ชิ้นส่วนของกำแพงเบอร์ลิน ที่รัฐบาลเยอรมันมอบให้กับจอร์เจีย เพื่อเป็นสัญญลักษณ์แห่งมิตรภาพ
สถานที่แรกแวะโรงบ่มไวน์ (ไกด์ขอขายไวน์ก่อนค่ะ) ก็มีมาให้ชิมมากมายหลายรสนะคะ คอไวน์ก็ชิมกันไป(เรานั่งดูก็เมาแล้วค่ะ55)
ชิมไวน์กันจนถึงเวลามื้อกลางวันค่ะ ไกด์ก็พาไปหาร้านอาหาร (ซึ่งก็เป็นย่านเดียวกับที่เราทานเมื่อวานเย็นค่ะแต่ร้านค้าจะเปิดน้อยกว่า)
แวะถ่ายรูปแปบ
อาหารกลางวันสั่งกันประมาณนี้ค่ะ แต่ละมื้อก็เฉลี่ยคนหนึ่งน่าจะประมาณ 30-50 ลารี
ผ่านไปครึ่งวัน ได้เวลาเดินชมเมืองกันค่ะ
เริ่มต้นกันที่สะพานสันติภาพ Bridge of Peace หรือ Mshvidobis Khidi เป็นสะพานข้ามแม่น้ำ Kura คูรา เพื่อเชื่อมตัวเมืองเก่าและตัวเมืองใหม่ของทบิลิซี มีความยาวถึง 150 เมตร
เราพาไปเดินบนสะพานกันค่ะ
จากนั้นก็ไปขึ้นกระเช้าไปชมวิวพาโนรามาบนป้อมปราการ นาริกาลา ( Narikala Fortress ) ค่าโดยสารประมาณ 1 ลารีจอร์เจีย(ทัวร์จ่าย) สามารถนั่งได้กระเช้าละ 6-7 คนค่ะ
จากกระเช้า เดินไปMother of Georgian ผ่านร้านนี้ค่ะ Chimney cake เป็นขนมหวานแบบดั้งเดิมของฮังการี ที่มีรูปทรงเป็นท่อนและมีรสชาติหวาน ทานคู่กับไอศกรีม บางคนเรียก ซอฟต์เสิร์ฟ หรือ ซอฟต์ครีม
อร่อยค่ะ (แต่ทานไม่หมดดดด)
อิ่ม เหลือ ไปต่อ ... เดินไปสัก100 เมตร เจอรูปปั้นมาเธอร์ ออฟ อะ จอร์เจียน (Mother of Georgian) หรืออีกชื่อหนึ่งคือ Kartlis Deda เป็นรูปปั้นหญิงสาวสูง 20 เมตร บนยอดเขาโซโลลากิ (Solo Laki Hill) อีกหนึ่งสัญลักษณ์แห่งจิตวิญญาณของชาวจอร์เจีย
ตึกสวยสวย ใกล้ๆรูปปั้น มักมีคนมาขายของ มาบรรเลงเพลงให้ฟัง (ใครถ่ายรูปด้วยเขาเก็บเงินนะคะ)
ด้านหลังเป็นที่ขายของๆคุณป้า ถ้าเค้าเห็นว่าติดมาในรูปคงเก็บตังค์55
เรานั่งกระเช้าขึ้นมา แต่ตอนกลับจะเดินชมวิวไปเรื่อยๆนะคะ
ผ่านมัสยิด จูมา เดินมาถึง โรงอาบน้ำ Sulphur Bath-สะพานแห่งความรัก Love Lock Bridge น้ำตกเลกทากิวี (Leghvtakhevi Waterfall)
โบสถ์เมเตคี หรือ โบสถ์เวอร์จินแมรี อัสสัมชัญแห่งเมเตคี ตั้งอยู่เหนือเนินผาสูงริมแม่น้ำมิทควารี (Mtkvari River) ตรงข้ามกับเมืองเก่าทบิลิซี
สร้างขึ้นในปี 1278 เคยเป็นคุก คลังแสง ที่สวดภาวนา ศาสนสถาน และถูกทำลายพร้อมกับสร้างขึ้นใหม่อยู่หลายครั้ง
สถานที่ท่องเที่ยวในทบิลิซิส่วนใหญ่จะอยู่ในละแวกเดียวกัน เดินเชื่อมต่อกันได้ ยังมีโบสถ์ ทรินิตี้แห่งเมืองทบิลิซี (HOLY TRINITY CATHEDRAL OF TBILISI) ซึ่งแยกไปอีกด้านหนึ่ง เราค่อยมาเก็บอีกครั้ง พรุ่งนี้จะไปตอนเหนือของจอร์เจียกันก่อนค่ะ
ก่อนกลับที่พักก็แวะทานอาหารเย็นกันค่ะ อยู่ระหว่างทางกลับโรงแรม เป็นร้านอาหารประมาณร้านกลางคืนที่ขายเหล้าด้วย ทำอาหารช้ามาก แต่รสชาติและราคาจะถูกกว่าร้านที่เคยทานมาค่ะ
Day4 วันแห่งการเดินทางไป Zugdidi แวะแวะชมเมืองมิชเคห์ตา Mtskheta - วิหารจวารี (JVARI MONASTERY) พักที่ Zugdidi
มหาวิหารจวารี (Jvari Monastery) หรือเรียกได้อีกชื่อหนึ่งว่า อารามแห่งไม้กางเขน (Monastery of the Cross) อันศักดิ์สิทธิ์ ของศาสนาคริสต์นิกายออโธดอกซ์ สร้างขึ้นเมื่อคริสตวรรษที่ 6 ตั้งอยู่บนภูเขามีแม่น้ำสองสายไหลมาบรรจบกันคือแม่น้ำมิควารีและแม่น้ำอรักวี
ภายในโบสถ์เขามีพิธีกรรมอะไรกันสักอย่างหนึ่งค่ะ (การเข้าโบสถ์ของประเทศจอร์เจียนั้นจะต้องใช้ผ้าคลุมศีรษะด้วยนะคะ)
ออกจากจุดนี้ก็จะแวะพัก (ไกด์สูบบุหรี่ 1 ครั้ง) เราไม่ได้เข้าห้องน้ำกันเพราะ.....ไม่น่าเข้าเลยค่ะ
นี่คือของฝากจากไกด์ ขนมปังชิ้นใหญ่มากกก
ถึงที่พัก Hotel sokhumi ที่นี่ไม่มีลิฟท์ เรานอนกันชั้น 2 ไกด์และคนขับรถช่วยกันขนกระเป๋าขึ้นไปให้ค่ะ
Day5 ที่นี่ฟ้าสว่างเร็ว ตื่นเช้ามามีเวลาเดินชมบรรยากาศใกล้ๆที่พัก ก่อนทานอาหารเช้า
องุ่น ผลไม้ที่อยู่ริมถนน ถ้าสุกแล้วสามารถเก็บทานได้เลยค่ะ พวกเราจะพลาดได้ไง55
"ลูกไหน"
อาหารเช้าของที่นี่ประมาณนี้ค่ะ
กว่าจะออกเดินทางกว่าจะถึง Mestia ก็บ่ายแก่ๆ(เวลาในประเทศจอร์เจีย)
ตรงนี้คือจุดชมวิวระหว่างทางค่ะ
ระหว่างรอเช็คอินเช้าที่พัก เราก็ไปหาร้านทานกลางวันในเวลาบ่ายกันค่ะ ที่แรก นั่งกระเช้า
Khatsvali Ski Resort เพื่อทานอาหารกลางวัน (มีค่าบริการจ่ายกันเองค่ะ แต่จำราคาไม่ได้แล้วค่ะ) ปรากฎว่าร้านอาหารปิด เศร้า หิวก็หิว ไปแล้วก็เก็บภาพบรรยากาศด้านบนมานิดหนึ่งค่ะ
และแล้วก็มาหาร้านอาหารใกล้ๆกับที่พักเมนูอาหารก็ประมาณนี้ค่ะ
คืนนี้พักที่นี่ค่ะ Hotel Savanti ในMestia
Mestia เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่เงียบสงบ อยู่กลางหุบเขาคอเคซัสเขต Svaneti เป็นศูนย์กลางในการเที่ยวชมธรรมชาติ แม้ว่าจะเป็นเดือนมิถุนายน ซึ่งเป็นฤดูร้อน แต่อากาศที่นี่เย็นสบาย เช้าๆอากาศหนาวเลยล่ะ
พวกเราจะพักกันที่นี่ 3 คืน มีเวลาพาเที่ยวใน Mestia และ หมู่บ้านอุชกูลลี่ (Ushguli) ก่อนกลับเข้าเมืองหลวง ทบิลิซีกันนะคะ แล้วจะมาบอกในรีวิวต่อไปนะคะว่าในเวลา 3 วันสามารถไปเที่ยวที่ไหนได้บ้างค่ะ
รีวิวถัดไปค่ะ
ขอบคุณค่ะ KeRoDiary
KeRoDiaryy
วันพฤหัสที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2566 เวลา 21.50 น.