😀ที่มาของชื่อรีวิว 

การเดินทางไปประเทศจอร์เจียนั้นใช้เวลานั่งเครื่องบินกว่า 12 ชั่วโมง (ไม่รวมแวะพักแวะเปลี่ยนเครื่อง) 

ค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับเกือบ3หมื่นบาท 

การเดินทางภายในประเทศจากเมืองหลวงไปยังเมืองต่างๆใช้เวลาหลายชั่วโมง 

ไปทั้งทีต้องคุ้มเวลา คุ้มเงิน จริงมั้ยยยย

ทริปนี้เดินทางช่วงฤดูร้อนเพราะเป็นช่วงที่กลางวันยาววววนานนน มีเวลาท่องเที่ยวนานนั่นเอง

วันเดินทาง 7-18 มิถุนายน 2567 (12 วัน 11 คืนนะจ๊ะ)

👌แม้ว่าจอร์เจียจะไม่ได้เป็นประเทศแรกๆที่อยากจะไป แต่ที่อ่าน ที่ฟังมาว่า "จอร์เจียคือสวิสเซอร์แลนด์แห่งเอเชีย" ที่ค่าครองชีพถูกกว่าประเทศแถบยุโรปมาก (ก่อนสงครามรัสเซียยูเครนน่าจะใช่ แต่ปัจจุบันนี้เราว่าค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าโรงแรม มีราคาเพิ่มสูงขึ้นเป็นเท่าตัวแล้ว)

แต่เอาเถอะ ยังไงก็คงจะถูกกว่าไปสวิสเซอร์แลนด์ล่ะ หลังโควิด อัดอั้นอยากไปเที่ยว และบังเอิญไปเจอเพจหนึ่งที่หาสมาชิกไปเที่ยวแบบกึ่งหารเฉลี่ย เอาเข้าจริงๆก็คือทัวร์นั่นแหละแต่เป็น private กรุ๊ป ไปกันเพียง 12 คน ดูโปรแกรมแล้วเที่ยวเกือบครบจุดไฮท์ไลท์ในจอร์เจีย  ช้าอยู่ใย จองไปเลยสิคะ

จอร์เจียเป็นอีกหนึ่งประเทศที่นักเดินทางผู้หลงไหลธรรมชาติ สายลม แสงแดด และขุนเขา ไม่ควรพลาด…

ก่อนเดินทางมาทำความรู้จักประเทศจอร์เจียกันก่อนดีกว่าค่ะ ถืงแม้สายเที่ยวส่วนใหญ่คงทราบกันแล้วล่ะ

👌เรื่องน่ารู้และการเตรียมตัวก่อนไปจอร์เจีย

📍จอร์เจียอยู่ตรงไหนของแผนที่โลก

จอร์เจีย หรือชื่อทางการว่า สาธารณรัฐจอร์เจีย ตั้งอยู่ในทวีปเอเชีย ทิศตะวันตกติดชายฝั่งทะเลดำ ทางใต้ติดกับประเทศตุรกี อาร์มีเนีย ทิศตะวันออกจรดพรมแดนอาเซอร์ไบจาน ส่วนทางเหนือจะติดกับรัสเซีย โดยมีเทือกเขาคอเคซัสเป็นตัวแบ่งพรมแดนระหว่างทวีปยุโรป และทวีปเอเชียด้วยกัน (ในอดีตจอร์เจียเคยเป็นสาธารณรัฐหนึ่งของสหภาพโซเวียตด้วย)ตามภาพค่ะ

📍จอร์เจียคือ อีกหนึ่งประเทศที่ฟรีวีซ่า และอยู่ได้นานถึง 365 วัน

📍้เวลาที่จอร์เจียช้ากว่าไทย 3 ชั่วโมง

 📍สกุลเงินที่ใช้ในจอร์เจียคือลารีจอร์เจีย (Georgian Lari=Gel) 1 ลารี  = ประมาณ 12-13 บาทไทย

แต่ในประเทศไทยไม่สามารถแลกเป็นสกุลเงินลารีจอร์เจียได้ จะต้องแลกเป็นเงินดอลล่าร์ US หรือเงิน Euro แล้วนำไปแลกเป็นลารีที่ประเทศจอร์เจียค่ะ

การแลกเงินที่สะดวก คือที่สนามบิน แต่เรทราคาในเมืองจะดีกว่า สามารถแลกได้ทั่วไปทั้งจุดรับแลก ตู้รับแลกเงิน หรือร้านอาหาร มีร้านอาหารไทยรับแลกเงินไทยด้วยค่ะ

📍การเดินทาง ยังไม่มีสายการบินตรงจากกรุงเทพ สุวรรณภูมิ ไปยังเมืองหลวง ทบิลิซี(Tbilisi) จอร์เจีย ทุกสายการบินจะต้องเปลี่ยนเครื่องหนึ่งครั้ง เราใช้สายการบิน Gulf Air มีการเปลี่ยนเครื่อง 1 ครั้งที่บาห์เรน (แวะพักที่บาห์เรน 1 คืน เป็นบริการของสายการบินไม่เสียค่าใช้จ่าย)

และจากบาห์เรนไปทบิลิซีมี มีการแวะรับผู้โดยสารระหว่างทางอีกครั้งที่สนามบิน BAKU HEYDAR INT (GYD) ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศอาเซอร์ไบจาน

สำหรับการเดินทางภายในประเทศนั้น เนื่องจากเราไปกับทัวร์ จะใช้รถแท็กซี่เฉพาะในเมืองทบิลิซี่ ซึ่งแต่ละครั้งจะอยู่ประมาณ 10-15 ลารี แนะนำเรียกผ่านแอปหรือให้โรงแรมเรียกให้ค่ะ โบกข้างถนนแพงกว่าเยอะเลยค่ะ

😒รถแท็กซีที่นี่มักจะพาหลงทาง เพราะฉะนั้น ต้องพกนามบัตรโรงแรม หรือเตรียมข้อมูลที่อยู่ของสถานที่ที่จะไปให้ดีค่ะ

📍 ประกันการเดินทาง เราทำประกันไว้กับบริษัท CHUBB เบี้ยประกัน 636 บาท ครอบคลุมการเดินทางตั้งแต่วันแรกที่ออกเดินทาง ถึงวันที่กลับถึงเมืองไทยค่ะ

📍 อาหารการกิน เป็นเรื่องที่กล่าวขานกันว่า คนจอร์เจียทานอาหารรสเค็ม จัด ถึงจัดมาก ค่ะ😘 เคล็ดลับลดเค็ม555 แจ้งไกด์ให้บอกว่าไม่ใส่เกลือหรือไม่ก็ลดเกลือลงค่ะ 

ส่วนเรื่องราคา ก็ใกล้เคียงกับประเทศไทย อาหารตามสั่งแต่ละจานก็อยู่ประมาณ 20-25 ลารี

🍽 เมนูที่ไม่ควรลืมชิมค่ะ (ชอบหรือไม่ชอบแล้วแต่คนค่ะ)

Khachapuri เป็นขนมปังที่รสสัมผัสคล้ายแป้งพิซซ่าแบบหนานุ่ม มีไข่ ชีส เนย อยู่ตรงกลาง

Khinkali คินคาลี่ เกี๊ยวสไตล์ยุโรป คล้ายๆ กับเสี่ยวหลงเป่า ใส่ด้านในจะเป็นไส้หมู ไส้เนื้อ บางร้านจะมีเห็นหรือมันฝรั่งมาทำเป็นไส้และมีน้ำซุปรวมอยู่ด้วย

อีกหนึ่งเมนู เป็นความชอบส่วนตัวค่ะ ปลาค้าว ที่พวกเราจะสั่งกันบ่อยมากที่สุดค่ะ

ไวน์จอร์เจีย และ ช็อคโกแลตค่ะ ที่จอร์เจียอร่อย และถูกมาก เหมาะสำหรับซื้อเป็นของฝากอย่างยิ่งค่ะ แต่แนะนำซื้อตามซุปเปอร์มาเก็ตนะคะ(Carrefour จะได้ของถูกๆๆค่ะ เราไปไม่ทันค่ะ)

ส่วนขนมอย่างนึงที่ไปถึงประเทศจอร์เจียแล้วต้องหามาชิมให้ได้ก็คือคูซเซล่า (Churchkhela) หรือวอล นัท ถั่ว ที่นำมาร้อยต่อกันจนเป็นแท่งอย่างที่เห็น จากนั้นนำไปเคลือบด้วยน้ำองุ่นหรือผลไม้อื่่นๆ เช่นทับทิม จากนั้นนำไปตามแห้ง รสชาติมันๆของถั่วเมื่อเคี้ยวผสมรวมกับความหวานอมเปรี้ยวผลไม้เคลือบ ก็อร่อยกุ้บๆค่ะ ทานสดๆอร่อย แต่เก็บได้ไม่นาน (ซื้อกลับไทยไม่ได้)

ร้านอาหารไทยค่ะ ในทบิลิซี มีหลายร้านนะคะ แต่เราขอแนะนำร้านนี้ ไปทานมา 3 ครั้ง อร่อยทุกครั้งค่ะ เมนูอาหารจะประมาณ 17-30 ลารี รสชาติเหมือนกับทาน ที่เมืองไทยเลยค่ะ 

*** คนจอร์เจียเขาไม่นิยมทานข้าวกันนะคะ ข้าวของเขาเรานำมาหุงจะสุกๆดิบๆ ซึ่งเป็นสไตส์การทานของเขาแบบนั้นเลยค่ะ พวกเราทานไม่ได้ แต่ไกด์จอร์เจียทานได้ทานดีเลยล่ะ

📍ไม่ว่าอยู่ที่ไหน อินเตอร์เน็ตก็ยังคงมีความสำคัญ แต่ประเทศจอร์เจียใช้ซิมท้องถิ่นดีกว่าค่ะ เราไปซื้อที่สนามบินของ Beeline เลือกอินเตอร์เน็ต 10 GB ใช้ได้ 14 วัน ราคา 10 ลารี (ร้านขอหนังสือเดินทาง) ลองใช้แล้วนอกเมืองสัญญาณจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ที่นี่ส่วนใหญ่ในโรงแรมจะมีไวไฟให้ค่ะ

📍 คนจอร์เจียจะพูดภาษาประจำชาติ แต่ก็สามารถใช้ภาษาอังกฤษได้

📍 การจัดกระเป๋า เนื่องจากต้องเปลี่ยนเครื่องระหว่างเดินทาง 1 ครั้ง เราจะต้องจัดกระเป๋า 2 ใบ ใบใหญ่โหลดใต้เครื่อง ไปรับอีกทีที่จอร์เจียเลย อีกใบเตรียมเป็นใบเล็กเตรียมไว้ในวันที่แวะพัก

📍เที่ยวจอร์เจีย (Georgia) ช่วงไหนดีนะ

ฤดูใบไม้ผลิ เดือนมีนาคม – พฤษภาคม อุณหภูมิราว 10-24 องศาเซลเซียส เป็นช่วงที่อากาศกำลังสบาย ชมความงดงามของใบไม้ที่ค่อย ๆ ผลิดอกออกผล

ฤดูร้อน เดือนมิถุนายน – สิงหาคม อุณหภูมิราว 20-30 องศาเซลเซียส มีบางช่วงที่อากาศร้อน แต่น้อยกว่าเมืองไทย การท่องเที่ยวช่วงนี้นิยมขับรถเล่นชิลๆ ผ่านเทือกเขาคอเคซัส

เราเดินทาง 7-18 มิถุนายน อุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 12 องศา ใน Mestia ข้อดีของการเดินทางช่วงนี้คือ กลางวันยาวมาก 4.30-20.00 ยังไม่แสงอาทิตย์อยู่เลยค่ะ ทำให้เราสามารถท่องเที่ยวได้ยาวนานขึ้น

ฤดูใบไม้ร่วง เดือนกันยายน – พฤศจิกายน อุณหภูมิราว 16-24 องศาเซลเซียส ใบไม้เปลี่ยนสี เมืองทั้งเมืองจะถูกปกคลุมด้วยสีส้ม เหลือง แดง บวกกับสภาพอากาศเย็นสบาย สามารถเดินทางได้ทุกเมือง

ฤดูหนาว เดือนธันวาคม – กุมภาพันธ์ อุณหภูมิบางช่วงติดลบ เป็นฤดูที่ได้รับความนิยมมากที่สุด แต่ควรวางแผนการ ท่องเที่ยวจอร์เจีย ช่วงนี้ให้ดี เพราะบางวันอาจเจอกับหิมะตกหนัก รถไม่สามารถสัญจรไปมาได้ค่ะ

ต่อจากนี้ก็เป็นขั้นตอนการจองตั๋ว และโปรแกรมการเดินทางค่ะ

เราไปกับคนจัดทัวร์ จึงมีแผนกจองตั๋วเครื่องบินให้ค่ะ ท่านใดเดินทางเองสามารถเลือกสายการบิน เที่ยวบินจากเว็บไซด์ต่างๆได้นะคะ เราลองดูที่ Trip.com ราคาก็ไม่แตกต่างกับที่ทัวร์จองให้ เผลอๆถูกกว่าด้วยค่ะ และหากเดินทางเอง สามารถไปซื้อซิตี้ทัวร์ที่โน่น มีให้เลือกมากมายค่ะ

โปรแกรมของเรามีค่าใช้จ่าย 68,400 บาทต่อคน (ไม่รวมอาหารกลางวัน-เย็น ทริปไกด์ ค่าแท็กซี่ อื่นๆส่วนตัว)

แยกเป็น 

1. ค่าทัวร์(รถ โรงแรม ไกด์)   38,500 บาท

2. ค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับ 29,900 บาท(มีอาหารทานบนเครื่องค่ะ มีผ้าห่ม มีหมอนรองคอ หูฟัง ที่ปิดตา ยาสีฟันแปรงสีฟันครบค่ะ)

Day1  ฺฺBKK - Bahrain  พักบาห์เรน รร.Golden Tulip

Day2 Bahrain -Tbilisi พักรร.Reikartz  ถ่ายจากมุมทานอาหารเช้า

Day3 ชมเมืองทบิลิซี  Old Town Tbilisi - แวะโรงบ่มไวน์ Bridge of Peace -ขึ้นกระเช้า Narikala Fortress - MOTHER OF A GEORGIAN -MOTHER OF A GEORGIAN- Sulphur Bath-LEGHVTAKHEVI WATERFALL


Day4 เดินทางไป Zugdidi แวะ Mtskheta - วิหารจวารี (JVARI MONASTERY) พักHotel sokhumi ใน Zugdidi

Day5 เดินทางไป Mestia แวะจะทานกลางวันที่ Khatsvali Ski Resort    พัก Hotel Savanti


Day6 เดินทางไป Ushguli  กลับมาพัก Hotel Savanti

Day7 เที่ยวใน Mestia พัก Hotel Savanti

Day8 เดินทางเข้าเมืองหลวง Tbilisi แวะที่หุบเขาสวาเนติ Savanti  อ่างเก็บน้ำ Enguri พัก รร.Reikartz

Day9 เดินทางไป Kakheti - Telavi - Bodbe Monastery - Sikhnaghi - Holy Trinity Cathedral of Tbilisi  พัก รร.Reikartz

Day10 เดินทางไปKazbegi  (STEPANTSMINDA)  Black & White Aragvi Rivers in Georgia

 อ่างเก็บน้ำ Zhinvali Reservoir  Ananuri  fortress  - Gergeti Trinity - RUSSIA – GEORGIA FRIENDSHIP MONUMENT พัก รร.Reikartz



Day11 เช็คเอ้าท์ ไปสนามบิน แวะเที่ยว THE CHRONICLE OF GEORGIA 

Day12 สนามบินสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพ

😘😘 รอโอกาสไปเที่ยวฤดูอื่นๆบ้าง

ขอจบรีวิวนี้เพียงแค่นี้ก่อนนะคะ ขออนุญาตลงรายละเอียดการท่องเที่่ยวในแต่ละวันใน Ep ถัดไปนะคะ

ฤดูร้อนที่ไม่ร้อน@จอร์เจีย Tbilisi - JVARI MONASTERY- Zugdidi- Hatsali Ski Resort- Mestia

ลิ้งค์นี้ค่ะ https://th.readme.me/p/47113

Mestia to Ushguli ลิ้งค์นี้ค่ะ https://th.readme.me/p/47125

 Sighnaghi นครแห่งความรัก ลิ้งค์นี้ค่ะ https://th.readme.me/p/47131

Kazbegi  ลิ้งค์นี้ค่ะ https://th.readme.me/p/47134

ขอบคุณที่ติดตามนะคะ KeRoDiaryy

KeRoDiaryy

 วันอังคารที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2566 เวลา 16.56 น.

ความคิดเห็น