เราออกเดินทางกับไดอารี่เล่มเล็กอีกเช่นเคย ครั้งนี้มาทางตอนใต้สุดของทวีปแอฟริกา เยือนเมืองที่ตั้งอยู่ระหว่างภูเขากับทะเลอย่าง เคปทาวน์ นับเป็นเวลาหลายร้อยปีที่มีการขุดพบเพชรและทอง จนได้รับการขนานนามว่า ‘The Gateway to Africa’ แต่สำหรับเรารู้จักเมืองนี้ในนาม Dream Destination ของนักเดินทางทั่วโลก
[ข้อมูลเดินทางเมืองเคปทาวน์ ประเทศแอฟริกาใต้]
ช่วงเวลา : Winter season (September)
เวลาเตรียมตัวเราน้อยมาก เวลาหาข้อมูลก็น้อยเช่นกัน กว่าจะรู้ว่ามาท่องเที่ยวในช่วงฤดูหนาว ก็ตอนที่เท้าแตะถึงสนามบินนี่แหละ
หาซื้อเสื้อหนาวมือสองที่ร้าน Clothing Shop แถวถนน Adderley ราคาหลักร้อยบาทเอง
ภาษา (Languages) : ภาษาที่ใช้ค่อนข้างหลากหลาย แต่ภาษาที่ใช้เป็นทางการ คือ English และ German
วีซ่า (Visa) : Free Visa 30 Days
สกุลเงิน (Currency) : Rand แบงก์ 10 , 20 , 50 , 100 , 200 เหรียญ 1 , 2 , 5 Rand เหรียญย่อย 10c , 50c
Time Zone : ช้ากว่าไทย 5 ชั่วโมง
Emergency contact : สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงพริทิเรีย ประเทศแอฟริกาใต้ (ประเทศที่ดูแล: แอฟริกาใต้ มอริเชียส ซิมบับเว เลโซโท โมซัมบิก แซมเบีย บอตสวานา แองโกลา สวาซิแลนด์ นามิเบีย และมาลาวี)
428 Pretorius/Hill Street Arcadia, Pretoria 0083 P.O. Box 12080 Hatfield, Pretoria 0028
โทรศัพท์: +2712 342-4600, 342-5470 โทรสาร: +2712 342-4805
อีเมล์: [email protected] เว็บไซต์: http://www.thaiembassy.co.za/
เวลาทำการ: Monday - Friday 9.00 - 12.00 / 14.00 - 17.00 hrs.
Visa and Consular section: 9.00 - 12.00 / 14.00 - 16.00 hrs.
(ข้อมูลเพิ่มเติม ที่นี่ http://sameaf.mfa.go.th/th/embassies/royal-thai-embassy-consulate/africa/)
ข้อมูลที่ควรรู้ก่อนเดินทาง : จาก TravelCentre IATA ให้คำแนะนำตั้งแต่เรื่อง Passport , Visa จนถึงเรื่องสุขภาพ
กรอกข้อมูลที่นี่ https://www.iatatravelcentre.com/
การเดินทาง :
ออกจากสนามบินสุวรรณภูมิ (BKK) 9:10 สายการบิน Oman air ใช้เวลาบิน 6 ชั่วโมง ถึงสนามบินมัสกัต(Muscat) ประเทศโอมาน(Oman)12:00 หยุดเปลี่ยนเครื่องที่นี่ 3 ชั่วโมง ภายในอาคารของสนามบินมีขนาดใหญ่ มีเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกเป็นอย่างดีค่ะ
ออกจากสนามบินมัสกัต(Muscat) ประเทศโอมาน(Oman) 14:55 ใช้เวลาบิน 5 ชั่วโมง ถึงสนามบินไนโรบี(Nairobi) ประเทศเคนย่า(Kenya) 19:00
เรามีเวลาหยุดเปลี่ยนเครื่อง 12 ชั่วโมง ถ้าใครสนใจนอนสนามบินไนโรบี อ่านกระทู้นี้ได้ค่ะ https://pantip.com/topic/38122940
ออกจากสนามบินไนโรบี(Nairobi) ประเทศเคนย่า(Kenya) 7:20 สายการบิน Kenya airways ใช้เวลาบิน 7 ชั่วโมง แวะเติมเชื้อเพลิงที่สนามบินลิฟวิงสโตน(Livingstone) ประเทศแซมเบีย(Zambia) และถึงสนามบินเคปทาวน์(Cape Town) ประเทศแอฟริกาใต้(South Africa) 13:35
หลังเติมเชื้อเพลิง กัปตันหญิงพาบินชมความอลังการของราชินีน้ำตกวิกตอเรีย ที่มีความยาวเกือบ 2 กิโลเมตร ครอบคลุมเนื้อที่ประเทศ Zambia และประเทศ Zimbabwe จากมุมนี้เรามองเห็นรุ้งกินน้ำพาดผ่านละอองน้ำฟุ้งๆที่ลอยขึ้นฟ้า สวยจนขนลุก ผู้โดยสารบนเครื่องปรบมือกันใหญ่
การเดินทางภายในเมือง : ก่อนแพลนที่เที่ยว ที่พัก ต้องศึกษาแต่ละโซนของเมืองให้ดีก่อน จากข้อมูล Cape Town Safety https://www.capetownsafety.com/cape-town-safety-map/ แบ่งเป็น 5 โซน ได้แก่ Safe , Low Risk , Moderate Risk , High Risk และ Extreme Risk โซนไหนที่มีการรักษาความปลอดภัยเป็นอย่างดี จะมีกล้อง CCTV และเจ้าหน้าที่ใส่เสื้อ Security สีเขียว ยืนเป็นจุดเต็มสองข้างถนน
เดินทางจากสนามบินเข้าเมืองเคปทาวน์
1.ติดต่อบริษัท Shutter service บริเวณหน้าบันไดเลื่อน หรือจากทางที่พัก
2.ใช้ App Uber เรียกมารับที่สนามบิน
3.แนะนำ Shuttle Bus ราคาถูกสุด ซื้อตั๋ว MyCiti airport transport service นั่งสาย A01 รถออกจากสนามบินเข้าเมือง(City Centre) ทุก 30 นาที (ข้อมูลที่นี่ http://capetown-internationalairport.co.za/airport/airport-transfers.php)
ขึ้นขนส่งสาธารณะในเคปทาวน์ช่วยให้ค่าใช้จ่ายทริปประหยัดไปได้เยอะ สามารถซื้อบัตร MyCiti ตามร้านซุปเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป เราซื้อที่ร้าน KWIKSPAR บนถนน Kloof ติดกับที่พัก เติมเงินในบัตรขั้นต่ำ 35 Rand แล้วใช้งานได้เลย
โหลดแผนที่และตารางเวลา MyCiti ที่นี่ MyCiTi | Cape Town Integrated Rapid Transit (IRT) systemhttps://myciti.org.za › ...
เราลองนั่งรถไฟจาก Cape Town ไป Muizenberg ซึ่งดูแล้วไม่ค่อยเป็นที่นิยมสำหรับนักท่องเที่ยวสักเท่าไหร่ หลายคนในที่พักนิยมเช่ารถขับเองมากกว่า
ตั๋วแบบ MetroPlus(ชั้นพิเศษ) และ Metro(ชั้นธรรมดา) ต่างกันแค่ที่นั่ง ในชั้นธรรมดาจะเป็นที่นั่งยาวๆสองฝั่ง โดยเราซื้อตั๋ว MetroPlus ราคาแค่ 13.50 Rand เท่านั้น
ขาไป ผู้โดยสารน้อย มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเดินตรวจบนรถไฟตลอด บรรยากาศดี นั่งรับลมธรรมชาติตลอดทาง
ขากลับ เหมือนหนังคนละม้วน ผู้โดยสารขึ้นกันมาเต็มรถ ไม่มีแยกชั้นตั๋ว ไม่มีเจ้าหน้าที่คอยตรวจ ดื่มแอลกอฮอล์บนรถ และคนที่นั่งเบาะหลังเราโดนกระชากโทรศัพท์ต่อหน้าต่อตา ส่วนแผ่นกระดาษสีขาวเล็กๆที่แปะรอบขบวนคือโฆษณาคลินิกทำแท้ง
ที่พัก (Accommodations) : The Backpack hostel ห้องแบบ 8 Bed Mixed Dorm Shared Bathroom ราคา 270-340 Rand ต่อคืน รวมอาหารเช้า รับบัตรเครดิต มีค่า Deposite กุญแจอีก 50 Rand โดยจะคืนให้ตอน Check out
เราส่งเมล์ให้ทางที่พักติดต่อ คุณ MONIEB ADAMS ไปรับที่สนามบิน ขับรถถึงที่พักใช้เวลาประมาณ 20 นาที หรือถ้าใครจะมาที่พักด้วย MyCiti ให้นั่งจากป้าย Airport >> ลงป้ายสถานีหลัก Civic Certre >> ต่อมาลงป้าย Lower Kloof โดยรถสาย 107 (เส้นทางสีม่วง) อีกทีค่ะ
ถ้าเที่ยวบินเช้าตรู่หรือดึกมาก แนะนำให้ติดต่อบริษัท Shutter ผ่านที่พัก ราคา 220-280 Rand ต่อเที่ยว
เราว่าที่นี่เป็นที่พักที่วิวสวย สะดวกสบาย ราคาประหยัด และปลอดภัยมาก เราเริ่มแพลนที่เที่ยวเมื่อมาถึงที่พัก ยังไม่รู้จะเริ่มต้นที่ไหน Staff ให้คำแนะนำดีมาก สนใจอยากไปทริปไหน Staff ก็โทรจองให้เลยค่ะ
วิวหลังที่พักติดกับ Table Mountain มีกล้อง CCTV ติดทุกมุม มีป้อมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอยู่ด้านหน้าอีก ที่ประทับใจคือ Staff น่ารักมาก นั่งห้องนั่งเล่นก็คอยเปิดฮีทเตอร์ให้เอาผ้าห่มอุ่นมาเพิ่มให้ตอนนอนอีก เราเลยเลือกนอนที่นี่ทุกคืนไม่ไปไหนเลยค่ะ ฮ่า...
ที่พักแบ่งเป็นหลายส่วน แผนกต้อนรับ ห้องพัก ห้องอาหาร ห้องครัว ห้องนั่งเล่น ห้องอ่านหนังสือ ตู้เซฟ สวนพักผ่อน และสระว่ายน้ำ
Supermarket ก็อยู่ไม่ไกลจากนี้เลย สะดวกในการซื้อของมาทำมื้อเย็นทานเอง
เที่ยวแอฟริกา ไม่ว่าที่ไหนก็ต้องช่วยกันประหยัดน้ำนะคะ ช่วง Extreme water ก็แปะข้อความหน้าห้องน้ำกันไปเลย ‘If it is yellow let it mellow’ ‘If it is brown flush it down’ สุดของจริง
เรื่องปลั๊กที่เราเตรียมไปจากไทยก็ใช้ได้ ไม่ต้องซื้อปลั๊กสามขาที่โน่นเพิ่ม
กิจกรรมสำหรับนักเดินทาง :
ในวันแรก -
เราเดินสำรวจรอบเมือง แสงแดดหลังฝนตก พอช่วยให้อุ่นขึ้นบ้าง จากที่พักเดินเลาะตึกเข้ามาใน The Company’s Garden สวนร่มรื่นล้อมไปด้วยต้นไม้ใหญ่ ผู้คนต่างเดินลัดเข้ามาสูดอากาศในสวน มีกระรอกน้อยวิ่งเล่นเต็มไปหมด นี่คือบรรยากาศยามเช้าค่ะ
สวนนี้ติดกับ National Library of South Africa และ The Houses of Parliament ของรัฐบาล โดยทางเข้าออกหลักอยู่ทางประตูที่มีรูปปั้นท่าน J.C SMUTS (ปี 1870-1950) ตั้งอยู่
ขบวนเรียกร้องสิทธิของชาวผิวสีกำลังเคลื่อนตัวเข้าเขตที่ทำการรัฐบาล สวนกับเราที่เดินเลือกเสื้อหนาวมือสองอยู่ตรงนั้น ทุกอย่างดูสงบ ผู้เดินขบวนยิ้มแย้ม และทักทายเรา ‘หนีห่าว’.......
เดินตามป้ายบอกทาง วิ่งข้ามถนนแปดเลนไปยัง V&A Waterfront (The Victoria & Alfred Waterfront) โซนนี้มีขึ้นป้ายเลยว่าปลอดภัยมาก มีกล้อง CCTV 800 กว่าตัวโดยรอบ ที่นี่เป็นท่าเรือ เป็นจุดจอดของเรือขนาดเล็กใหญ่ รวมแหล่งช้อปปิ้ง ของกิน ห้างสรรพสินค้า (Victoria Wharf Shopping Centre) , Fish market , ร้านอาหาร , Aquarium , White Shark Tour และ Robben island ติดต่อซื้อทัวร์ ได้ที่นี่เลยค่ะ
เดินเทียบท่าเรือในเช้าวันสบายๆ ดู Fur seal แมวน้ำตัวอ้วนใหญ่นอนอาบแดด นกนางนวลพันธุ์ Kelp gull และ Hartlaub’s gull บินวนสลับกับนักกิจกรรม Paragliding รอบบริเวณนั้น
ถ้าได้ยินเสียงพลุดังในตอนเที่ยงวันเป้ะ ไม่ต้องสะดุ้งแรงเหมือนเรานะคะ นั่นคือเสียงจากยอด Signal hill และพลุจะถูกจุดดังเพียงหนึ่งครั้งต่อวันเท่านั้น
ไม่อยากบินสูงเท่า Paragliding ลองขึ้น Cape Wheel ดู มุมสูงนี้เริ่มต้นจากใจกลาง Waterfront เลยค่ะ
เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 10:00 ถึง 22:30
ราคาตั๋ว : ผู้ใหญ่ 130 Rand , เด็ก 60 Rand
รูปปั้นบุคคลสำคัญในแอฟริกาใต้ที่ Nobel Square ตำนานการต่อสู้โดยสันติวิธี จากรางวัล Nobel Peace Prize ที่แต่ละท่านได้รับ (จากซ้ายไปขวา คือท่าน Albert Luthuli , ท่าน Desmond Tutu , ท่าน FW de Klerk และท่าน Nelson Mandela)
เราไปที่ Mouille point ทางเดินเล็กๆ หลัง The Table Bay Hotel เราเดินลัดเข้าด้านในโรงแรม ทะลุออกสู่ Breakwater walkway แต่แนะนำเส้นทางด้านหน้าโรงแรม (ถนน Quay6) ที่คนทั่วไปนิยมเดินดีกว่าค่ะ
Breakwater walkway นั้นทอดยาวออกไปในทะเล ทางถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1860 ต่อเติมกว่าจะแล้วเสร็จก็ปี 1927
แต่ก่อนสภาพอากาศที่เคปทาวน์นั้นแสนเลวร้าย พายุพัดหนักจนได้ชื่อ ‘The Cape of Storms’ ต่อมามีการคิดค้นจดลิขสิทธิ์แท่งหินขาวเรียงซ้อนกัน เป็นสิ่งปลูกสร้างเพื่อปกป้องชายฝั่งทะเลของเมือง
Cape Town Helicopters แถว East Pier
กิจกรรมพิเศษจาก Cape XTreme เน้นๆเฉพาะผู้รักการผจญภัย
•Paragliding จากเนิน Signal hill วนรอบเมือง Cape Town ไปถึง Table Mountain ใช้เวลา 15-30 นาที ราคา 1550 Rand
•Skydiving บนความสูง 9000 ft ใช้เวลา 2 ชั่วโมง ราคา 3650 Rand
•Heli&Gyrocopter Tours นั่งฮอจาก Waterfront ชมวิว Table Mountain ไปถึง Cape of Good Hope ใช้เวลา 15 นาที-1 ชั่วโมง ราคา 1500 Rand
•Shark Cage Diving ดำน้ำชมฉลามขาวแบบใกล้ชิด ทริปแบบ Full Day ราคา 1800 Rand
•Seal Snorkeling ว่ายน้ำไปกับ Fur seal ทริปแบบ Half day ราคา 900 Rand รวมอุปกรณ์ ชุดดำน้ำ อาหาร และเครื่องดื่ม
•Surfing Lessons เล่นเซิร์ฟที่หาด Muizenberg ทริปแบบ Half day ราคา 500 Rand
(ข้อมูลเพิ่มเติม www.capextreme.com หรือโทร +27 0 760169696)
Cape Town Stadium สนามกีฬาใหญ่ของเมือง
ย่าน Green Point บ้านริมเนินเขา Signal hill
เดินถึงย่าน Bo-Kaap ในตอนเย็น แสงอ่อนๆสะท้อนผนังบ้านสีสดใส ดูโดดเด่นไม่น้อย นอกจากสีสันของบ้านเรือนที่เป็นเอกลักษณ์ ยังได้นั่งอ่านเรื่องราววัฒนธรรมชาวอิสลามในย่านนี้ที่มียาวนานกว่า 300 ปีอีกด้วย
สำหรับกิจกรรม Free live guided walking tours ของ City Sightseeing Tour (Hop-on Hop-Off
Highlight : ชมบ้านสีสันย่าน Bo Kaap
รอบเวลา : 10.30 , 13.30 , 16.00 ของทุกวัน
ระยะเวลา : 90 นาที
จุดนัดพบ : 81 Long Street
มีอีกกิจกรรมจากจุดนัดพบ 81 Long Street เป็น Historic city tour เล่าประวัติความเป็นมาของเมืองที่มีมากว่า 350 ปี
รอบเวลา : 10.30 , 12.00 , 13.30 , 15.00 , 16.00 ของทุกวัน
ระยะเวลา : 90 นาที
ศิลปะใน South Africa เองก็น่าสนใจอยู่ไม่น้อย งาน First Thursday ถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ตามเมืองหลักอย่าง Johannesburg และ Cape Town ให้ผู้คนสามารถเข้าถึง เสพย์อาร์ท และเรียนรู้วัฒนธรรมอย่างเต็มอิ่ม
แต่ละแกลลอรี่จัดสรรขึ้นตามตึกเต็มถนนรอบเมือง โดยเฉพาะเส้น Church Street และ Long Street
ชื่อ First Thursdays ความหมายตรงไปตรงมาเข้าใจง่าย จิบไวน์ฟรี เดินชมเองได้ฟรี ในทุกวันพฤหัสแรกของเดือนนะคะ
ดูโปรแกรมที่นี่ www.first-thursdays.co.za
เสพย์บรรยากาศยามค่ำคืนแรกที่ Greenmarket Square เราเรียกถนนสาย Alcoholic เครื่องดื่มสูตรเฉพาะแบบฉบับของเจ้าของร้าน ทั้งไวน์องุ่นชื่อ White lighting ที่นิยมในฝั่ง Western Cape และทางฝั่ง Northern ได้นำมาดัดแปลงทำเป็นไวน์พีช ไวน์แอพริคอต ไวน์ลิ้นจี่ และไวน์ผลไม้อีกหลายชนิด ทุกชนิดล้วนแล้วแต่มีสีใสกริ๊ง เลือกดื่มได้ตลอดทางเลย
ส่วนเบียร์กับไส้กรอกแอฟริกาใต้ หรือ Boerewors ต้องมาคู่กันตลอด ซึ่งในแอฟริกาใต้เองก็มีแหล่ง Craft beer ที่มีชื่อเสียงแห่งนึงอีกด้วย
Greenmarket Square ยังเป็นจุดเริ่มต้นกิจกรรม Free Walking Tours ของ www.freewalkingtourscapetown.c... (ร่มเขียว หน้าร้านกาแฟ Motherland ตรงข้าม St.George’s Cathedral)
Highlight : 1) ทริป Historic City Tour เวลา 11.00 และ 16.20 ของทุกวัน , 2) ทริป Bo-Kaap Walking Tour เวลา 14.00 และ 16.20 ของทุกวัน , 3) ทริป Apartheid to freedom Tour เวลา 11.00 และ 14.00 ของทุกวัน
ระยะเวลา : 90 นาที
เบอร์โทร : +27 76 636 9007 ไม่ต้องจองล่วงหน้า
(St.George’s Cathedral)
ที่น่าสนใจอีกอย่าง คือ City Sightseeing Cape Town (Hop On - Hop Off)
เลือกกิจกรรมและ ซื้อตั๋วออนไลน์ ที่นี่ www.citysightseeing.co.za หรือโทร 021 511 6000
กิจกรรม Free downtown walking tour
Highlight : Six Museum and Castle of good hope
รอบเวลา : 10.30 , 12.00 ,13.30 , 15.00 , 16.00 ของทุกวัน
ระยะเวลา : 90 นาที
จุดนัดพบ : Bus stop no.5
สถานที่ : St.George’s Cathedral , South African Museum , Iziko Slave Lodge , SA Jewish Museum , District six museum and Castle of good hope
อยากชมบรรยากาศยามค่ำคืน (Night life) แนะนำย่าน V&A Waterfront , ย่าน Green Point : Somerset road , ย่าน Long Street , ย่าน Camps Bay และย่าน Observatory ค่ะ
ในวันที่สอง-
ตื่นมาในเช้าวันที่สอง วันนี้ฟ้าหม่นตามธรรมดาของหน้าหนาว เรากับเพื่อนใหม่ชาวโปแลนด์ ชื่อ ‘อันนา’ ชวนกันนั่งรถไฟไปเที่ยว Muizenberg beach หาดห่างจาก Cape Town 40 โล แบบไม่มีรีวิวหรือใครแชร์ให้ฟังมาก่อน
รถไฟเทียบชานชาลา หมู่บ้านเล็กริมชายเขาวิวชายหาด ฤดูหนาวแห่งความเงียบสงบ ได้ยินแค่เสียงรถไฟกับเสียงม้วนคลื่นกระทบหิน มองเห็นละอองฟุ้งสูงจากคลื่นลมแรง ชวนให้ตื่นเต้นมากทีเดียว
ทางเดินธรรมชาติที่เชื่อมโซน Muizenberg กับ โซน St.James ชื่อ Muizenberg-St.James walk กระท่อมหลากสีปลูกสร้างไว้หลายโซนโดยรอบ กระท่อมนี้ไม่ใช่ที่พัก มีไว้สำหรับเปลี่ยนเสื้อผ้าเท่านั้น
ทางเดินสิ้นสุดที่ St.James เรายังคงเดินริมทางรถไฟ เลาะชายหาดต่อไปนอกเส้นทางอีกเรื่อยๆ
หนาวจัด ลมแรง แต่ยังมีนักกีฬา Surfing โต้คลื่นกันเป็นจุดๆ จุดนี้อยู่ตรงข้ามกับ Shark Education Centre โดยศูนย์ใหญ่ที่เฝ้าระวังฉลามจะอยู่หน้าหาด Muizenberg คอยเก็บสถิติ ที่หาดไหนเจอฉลามกี่ครั้งในรอบปี เพื่อกำหนดโซนโดยใช้ธงฉลามเป็นสัญลักษณ์เตือนในรูปด้านล่าง และในโซนหาด Muizenberg เป็นธงรูปฉลามสีดำ ปีนี้เจอฉลามว่ายเข้ามา 3-4 ครั้งแล้ว เอิบ.....
สุดทางที่ Kalk Bay Harbours & Fishery Beach เดินเข้าอ่าวจอดเรือตามหาร้าน Fish and Chips ตามคำแนะนำจากมาดามของที่พักว่าอร่อยและราคาถูก
สั่ง Snoek Calamari Chips ราคา 90 Rand อาหารคือเนื้อปลาสดชุบแป้งทอด(บีบผลเลมอนใส่ไปด้วย) เฟรนช์ฟรายส์ และชีสดิป
อารมณ์หลังมื้อหนัก ตอนฝนพรำ ก็จะประมาณนี้ค่ะ......
เราชอบอิฐสีชมพูของตัวตึกสถานีรถไฟ Muizenberg เก่าแต่ละมุน ตัดกับสีฟ้าน้ำทะเลด้านหลังและสีเขียวต้นไม้ด้านข้าง
ริมถนนฝั่งตรงข้ามเป็นย่านโบฮีเมียน มีทั้งเสื้อผ้า เครื่องประดับ คาเฟ่ และร้านอาหารออร์แกนิค เดินเล่นเพลินจนถึงเวลาต้องกลับแล้ว
ผู้ที่โดยสารรถไฟเป็นชาวท้องถิ่นทั้งขบวน เรากับอันนาเป็นนักท่องเที่ยวแค่สองคน บางขบวนดูปลอดภัย บางขบวนน่าหวาดกลัว ถ้าอยากลองให้เป็นประสบการณ์ ชวนเพื่อนหรือใครมาด้วย ไม่แนะนำให้นั่งรถไฟสาธารณะคนเดียวเด็ดขาด ที่สำคัญเก็บของมีค่าให้มิดชิดนะคะ
เราเก็บข้อมูลเส้นทางรถไฟ Southern line และตารางเวลามาฝากด้านล่างค่ะ
ในวันที่สาม -
แปดโมงเช้าวันอากาศดี รถจาก BazBus Tour มาแวะรับเราหน้าที่พัก ทริปวันนี้ชื่อว่า Cape Peninsula Day Tour ค่ะ
จากที่พัก ผ่านโซน Sea point ชายหาดที่ผู้คนวิ่งออกกำลังในตอนเช้า ประมาณ 30 นาทีก็ถึงท่าเรือ Hout Bay ก่อนจะล่องเรือ Seal Island Cruises ไปชมฝูง Fur seal หลายร้อยตัวบนเกาะ Duiker island แบบใกล้ชิดเลยค่ะ
ความสโลว์ไลฟ์ของแมวน้ำในวันคลื่นลมเงียบสงบ มันไถลตัวลงจากหินลื่นๆลงน้ำ แหวกว่ายหาปลากินจนอิ่ม แล้วขึ้นมาผึ่งพุงบนโขดหิน
ข้อมูลชมฝูง Fur Seal
ราคาตั๋ว : ผู้ใหญ่ 90 Rand , เด็ก 50 Rand
ระยะเวลาล่องเรือ : 40 นาที
รอบเวลา : 8:30 , 9:15 , 10:00 , 10:45 , 15:30
(ข้อมูลติดต่อที่นี่ www.drumbeatcharters.co.za หรือโทร 021 791 4441 , 082 658 7055)
ขับรถชิดขอบหน้าผาไปชมวิวพาโนรามาที่ Chapman’s Peak ที่นี่เป็นเส้นทางยอดนิยมของนักปั่นจักรยาน ซึ่งอยู่ติดกับย่าน Clifton ย่านที่ขึ้นชื่อว่าบ้านและที่พักแพงสุดๆ (จากจุดชมวิวในรูป ย่าน Clifton อยู่ทางขวามือ)
ถ้าเช่ารถขับเอง เสียค่าผ่านด่าน Chapman’s Peak 47 Rand ต่อคันค่ะ
โปรแกรมไม่ได้เร่งรีบอะไร มีเวลาเดินถ่ายรูป นั่งกินขนมที่จัดไว้ให้ และสูดอากาศบริสุทธิ์ได้เต็มที่
Boulders Beach Penguin Colony จุดชมเพนกวินยอดนิยมที่ Simon’s Town
วิว North view across false bay จากซ้ายไปขวา คือ กองทัพเรือ(Royal Navy) >> ยอดเขา Glencairn peak >> ยอดเขา Elsies peak >> ยอดเขา Muizenberg peak
ที่เรายืนจุดนี้คือ Boulders , ฝั่งเหนือด้านหน้าคือ Muizenberg peak ฝั่งใต้ด้านหลังคือ False bay
ฝูงเพนกวินแอฟริกาตัวน้อยสีขาวสลับดำเดินส่ายพุงไปมากันเต็มหาด อาหารสุดโปรดปรานพวกเค้าคือ ปลาและปลาหมึก สามารถว่ายน้ำได้ไกล 7 km/hr เลยทีเดียว เจ้าเพนกวินจะเริ่มผลัดขนในเดือนธันวาคม จากนั้นออกสู่ทะเลเพื่อหาอาหาร และกลับฝั่งอีกครั้งเพื่อหาคู่ ทำรัง ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธุ์ถึงเดือนสิงหาคม
ปัจจุบันเจ้าเพนกวินสปีชีส์นี้ได้รับการคุ้มครองโดยกองทัพเรือของรัฐบาล เนื่องจากมีแนวโน้มใกล้สูญพันธุ์แล้วค่ะ เห็นแล้วน่าเอ็นดู...
ไปปั่น..ปั่น..กันต่อ Cape Peninsula Nature Reserve (Bike Lane) ชมนก ชมต้นไม้ ชมทะเล ได้พร้อมกันในทีเดียว
เส้นทางปั่นธรรมชาติช่าง ก ว้ า ง สุดลูกหูลูกตา ฟ้าใส แดดแรง ได้ระยะทางวันนี้ 6 กิโลเมตร จริงๆพื้นที่ปั่นไปได้ไกลกว่านั้นอีกเยอะนะคะ ถ้าไม่หิวซะก่อน
ไกด์พามาเติมพลังมื้อเที่ยงกลางลาน Buffel Sfontein Visitor Centre ศูนย์ศึกษาพันธุ์ไม้และพันธุ์สัตว์ของ Cape Point
เมื่อถึง Cape Point (จุดล่างสุดในแผนที่) มี Light House ประภาคารเก่าแก่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1860 จากบนนี้มองเห็นแหลมที่ยื่นออกไปเชื่อมมหาสมุทรอินเดียไว้กับมหาสมุทรแอตแลนติกเข้าด้วยกัน ที่ที่บรรจบกันของกระแสน้ำเย็น Benguela จากทิศตะวันตกและกระแสน้ำอุ่น Agulhas จากทิศตะวันออก
จุดชมวิว Cape Point ขึ้นได้ 2 วิธี
1.เส้นทางเดิน Keepers Trail ใช้เวลาไปกลับชั่วโมงครึ่ง
2.ขึ้นกระเช้า (Funicular) ใช้เวลา 3 นาทีต่อรอบ Adult Return 70 Rand One-way 55 Rand Child Return 30 Rand One-way 22 Rand
(ข้อมูลเพิ่มเติม ที่นี่ www.capepoint.co.za)
Cape of good hope
ระหว่างเส้นทาง Hiking ถ้าเดินเงียบๆไม่ทำเสียงดังกวนเจ้าถิ่น สามารถพบสัตว์ใหญ่หายากอย่างเจ้า Common Eland (สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลกรองจากเจ้า Giant Eland) , The flightless ostrich (นกกระจอกเทศที่ใหญ่และวิ่งเร็วที่สุดในโลก) , Bontebok , Zebra , Baby klipspringer ไปจนถึงสัตว์เล็กๆอย่างเจ้า Dassie , เต่า Angulate , ลิง Baboon วันไหนโชคดีอาจจะเจอ แมวป่าหูดำ Caracal ก็ได้
ถึงแหลม Cape of good hope นั่งมองหาวาฬ Southern right อยู่นาน..ไม่เจอ แต่เจอฝูงโลมาแทน ช่วงเดือนมิถุนายนถึงเดือนพฤศจิกายน เป็นเวลาดีเหมาะแก่การนั่งชมวาฬหลายชนิด โลมา และฝูงแมวน้ำ
(Bontebok ยืนอยู่โน่น)
(The flightless ostrich)
สนใจกิจกรรม Cape Peninsula Day Tour ของ Bazbus
มีทุกวันยกเว้นวันอังคาร รับส่งถึงหน้าที่พักในเมืองเคปทาวน์ เริ่ม 8:00-8:30 ถึง 17:00-18:00
ราคา 790 Rand
รวมขนม และอาหารมื้อเที่ยง ค่าเข้าชม Boulders beach , Cape of good hope และ Chapman’s peak drive
(ข้อมูลเพิ่มเติม : www.bazbus.com หรือโทรจอง 021 422 5202)
ในวันที่สี่ -
อยู่ที่นี่ได้ตื่นเช้าทุกวัน มองอะไรก็น่าสนใจและดูตื่นเต้นไปหมด หลังจิบกาแฟร้อนๆเราแพลนนั่งรถบัสไป Table mountain สัญลักษณ์สุดโดดเด่นของเมือง
(เดินทางไป Table mountain และ Lion’s head โดย MyCiti สาย107 (เส้นทางสีม่วง) จากป้าย Lower Kloof >> Ludwig’s Garden >> Belle Ombre >> St Michael’s >> Costwold >> ลงรถป้าย Kloof Nek
จากป้าย Kloof Nek เดินเท้าตรงมาทางเข้า Table mountain ด้านซ้ายมือ นั่งรอรถบัสฟรี สาย 110 จากป้าย Lower Tafelberg ไป Upper Tafelberg หรือสะดวกเดินขึ้นเองได้เลย
จากป้าย Kloof Nek ข้ามถนน แล้วเดินเข้าปากทางเข้า Hiking ที่ Lion’s head)
ถึงจุดขายตั๋วแต่เช้า และจะเช้ากว่านี้ถ้าไม่ลงรถผิดป้าย ฮ่า...ต่อแถวไม่นานก็ได้ตั๋วมาครอบครอง ถ้าแพลนช้ากว่านี้สองชั่วโมงต้องยืนรอแถวซื้อตั๋วยาวอีกเป็นกิโล
เราซื้อตั๋วไปกลับ 293 Rand ราคาจะต่างกันตามช่วงเวลาที่ขึ้น ช่วงเช้าจะแพงกว่าช่วงบ่าย และในแต่ละปีราคาตั๋วจะปรับขึ้นตามลำดับ
(ดูราคาตั๋วอัพเดท ช่วงเวลาเปิดปิด และจองออนไลน์ ที่นี่ https://www.tablemountain.net/content/page/rates )
ถ้าชอบความท้าทายปีนป่ายภูเขาหิน Hiking ขึ้น Table Mountain มี 4 เส้นทาง
1.เส้นทาง Platteklip Gorge เป็นเส้นทางเดินตรง เร็วที่สุด เป็นที่นิยม เริ่มเดินจาก Lower Cable Station มาทางถนน Tafelberg ระยะทาง 2 กิโลเมตร ใช้เวลา 4-5 ชั่วโมง
2.เส้นทาง India Venster (รูปด้านบน) เดินขึ้นบริเวณด้านหน้า Table mountain ทางเดียวกับ Cable car ระยะทาง 2.5 กิโลเมตร ใช้เวลา 4-8 ชั่วโมง ต้องปีนขึ้นบนหินสูง ไม่แนะนำให้เดินลงเส้นนี้นะคะ เพราะอันตรายมาก
3.เส้นทาง Skeleton Gorge หรือ Maclear’s Beacon เส้นนี้เดินผ่านป่าธรรมชาติ ระหว่างทางไม่มีวิวทะเล เป็นที่นิยมไม่แพ้กัน สวยงามมากแต่เดินไกล 6.2 กิโลเมตร
4.เส้นทาง 12 Apostles เริ่มต้นที่ Camps Bay เดินอ้อมมาจากทางด้านหลัง ใช้เวลา 4-5 ชั่วโมง ระยะทางยาว 6 กิโลเมตร แต่เดินง่ายกว่า
เมื่อขึ้นถึงด้านบน (Upper Cable Station) เรายืนในจุดที่มองเห็นเมืองเคปทาวน์แบบ Landscape ภูเขา Lion’s Head โดดเด่นอยู่ด้านซ้ายมือสุด ตัดกับมหาสมุทรแอตแลนติกเบื้องหลัง ย่านริมทะเลอย่าง Clifton Beach , Sea Point , Signal Hill , V&A Waterfront , Table Bay และ Bloubergstrand ดูมีขนาดเล็กเท่าฝ่ามือ
เนินเขาที่ถัดจาก Lion’s Head คือ Signal Hill ค่ะ ยังมองเห็น Cape Town Stadium , Bo-Kaap , The National Parliament , The Castle ที่ได้เดินเล่นเมื่อหลายวันก่อน และเห็นเกาะ Robben Island ที่ห่างออกไปอีกด้วย
กลุ่มพืชเก่าแก่ตระกูล Restio ชื่อ Elegia filacea ความสูงไม่เกิน 1 เมตร กระจายทั่วพื้นที่ตลอดเส้นทางเดิน และดอกกล้วยไม้พันธุ์ Disa uniflora หรือเรียกว่า The Pride of Table mountain ซึ่งหาดูยาก
สัตว์เล็กๆที่อาศัยบนนี้ ได้แก่ Rock agama กิ้งก่าตัวเล็ก กับตัว Dassie
กิจกรรมบน Table Mountain ที่น่าสนใจคือ Free daily guided walk ตั้งแต่เวลา 9:00 ถึง 15:00 ทุกวัน มีจุดเริ่มต้นที่บริเวณ The Twelve Apostles Terrace มี 3 เส้นทางสั้นๆ
1.Dassie Walk ใช้เวลา 15 นาที ชมวิวทางฝั่งเหนือ ตะวันตก และใต้
2.Agama Walk ใช้เวลา 30 นาที นิยมมากที่สุด เพราะได้ชมวิว 360 องศา ทั้ง Cape Town และ Cape Peninsula
3.Klipspringer Walk ใช้เวลา 45 นาที เหนือ Platteklip Gorge ขึ้นมา ในช่วงฤดูร้อนแนะนำให้มาชมดอกไม้มุมนี้ค่ะ
(Emergency numbers : Police 10111
TM National Park Safety 0861 106 417
Mountain Rescue 021 937 0300 , 021 508 4527)
Table Mountain มีความสูง 1085 เมตร หรือ 3563 ฟุต ถือเป็น 1 ใน New 7 Wonders of Nature ส่วนในที่อื่นๆได้แก่ Amazon in South America , Halong Bay Vietnam , Iguazú Falls Argentina/Brazil , Jeju Island South Korea , Komodo Indonesia และ Puerto Princesa Underground River Philippines
ชมวิวจนอิ่มแล้วจะแวะซื้อของฝาก หรือนั่งจิบกาแฟบนนี้ได้นะคะ
มีกิจกรรม Free Table Mountain Guided Hike (ขึ้นทางเส้นทาง Platteklip Gorge) ทุกวันอังคาร และวันศุกร์
จุดนัดพบและจุดเริ่มต้น : Lower Cable Car Station
เริ่มเดิน 8:15 ใช้เวลาขาขึ้น 2.5 ชั่วโมง ขาลง 1.5 ชั่วโมง แต่มีเวลาชมบรรยากาศแค่ 30 นาที เราแนะนำอยู่บนนั้นนานหน่อย แล้วค่อยนั่ง Cable car ลงมาดีกว่า
ติดต่อ : www.bazbus.com หรือโทร 021 422 5202
หลังอาหารช่วงบ่าย เราชวนอันนาและเพื่อนใหม่ชาวเยอรมันแชร์ค่า Uber ไป Hiking ต่อที่ Lion’s head ค่ะ
เส้นทางช่วงแรกเป็นทางราบเดินสบาย ช่วงหลังต้องปีนไต่หน้าผาขึ้นมา ค่อนข้างลื่นและอันตรายหน่อย
จุด Summit มีความสูงที่ 670 เมตร เหมาะกับการนั่งชมพระอาทิตย์ตกอีกแห่งนึง
( Signal hill )
ในวันที่ห้า -
ย้อนไปวันแรกที่เราเจอชาวผิวสีเดินขบวนเรียกร้องสิทธิ เลยเริ่มสนใจทัวร์ Township Langa ขึ้นมา เราจองทัวร์ผ่านที่พัก แบบ Full Day คือไป Langa กับไกด์ช่วงเช้า ช่วงบ่ายไกด์พาไปส่งท่าเรือ Robben island ต่อ ราคาทั้งหมด 950 Rand ราคานี้ไม่รวมมื้ออาหาร และเดินทางกลับที่พักเอง
ถ้าจองแบบ Half Day เฉพาะ Langa ทริปเช้าเวลา 8:45 จนถึง 12:30 ทริปบ่ายเวลา 14:00 จนถึง 17:30 ราคา 550 Rand มีรถมารับหน้าที่พักค่ะ
ถ้ามองความเป็นอยู่แสนยากจนเลือนลางลงหน่อย จะมองเห็นความวัฒนธรรมที่น่ารัก จะว่าไปก็คล้ายวัฒนธรรมไทย ไม่ว่าจะเป็นการที่เด็กต้องนอบน้อมผู้ใหญ่ การให้เกียรติ และไม่แสดงความรักระหว่างชายหญิงในที่สาธารณะจนเกินงาม
ตลอดสองข้างทางการยิ้มทักทายนั้นควรจะต้องทำ ไกด์แนะนำให้ทำตัวกลมกลืนกับคนพื้นที่ไว้ เพื่อสวัสดิภาพของตัวเอง ฮ่า....ถ้าจะถ่ายภาพความเป็นอยู่หรือบุคคล อยากให้ถามไกด์ก่อนนะคะ
โรงฆ่าแกะริมถนน นี่ย้อนไปหนึ่งชั่วโมงก่อนหน้า ไกด์หั่นแกะย่างให้ชิม อื้อหือ....ภาพลอยมาเลย
Umqombothi เป็นภาษาชาวท้องถิ่น Xhosa beer นี่ต้องฝึกสกิล Tongue twister ถึงจะออกเสียงอ่านได้
Umqombothi คือเบียร์ที่หมักจากข้าวโพด ฟองฟอดจากการเคี่ยวบนถังที่ใช้ฟืนให้ความร้อน ยกดื่มกันเป็นถัง วนกันรอบวง
ไกด์บอกคนที่นี่เข้าร้านทำผมบ่อย เข้าร้านกันอาทิตย์ละ 3-4 ครั้ง
เข้าชมบ้านคุณ Shooter พบปะพูดคุย ไปรับฟังสิ่งที่คนในพื้นที่อยากบอก เรื่องการศึกษา ความไม่เท่าเทียม การถูกเลือกปฏิบัติ เรารับฟังพอเข้าใจบ้าง และถามถึงความคาดหวังอะไรจากรัฐบาลต่อชาวลังกาในอนาคต คุณ Shooter ตอบว่า คาดหวังว่าทุกอย่างจะถูกพัฒนาให้ดีขึ้นกว่าเดิม เราก็หวังให้เป็นเช่นนั้น...God bless you
สำหรับ City Sightseeing Tour (Hop-on Hop-Off ก็มีกิจกรรม Township tour(Langa & Gugulethu)
ราคา : ผู้ใหญ่ 320 Rand , เด็ก 160 Rand
ระยะเวลา : 3 ชั่วโมง
จุดนัดพบ : V&A Waterfront หรือ Long Street
จาก Langa สู่ V&A Waterfront สองพื้นที่ช่างคอนทราสต์กันเหลือเกิน ไกด์มาส่งบริเวณ The Clock Tower และรอนั่งเรือ Ferry ข้ามไป Robben island
ที่ Mandela gateway ประตูสู่อาณาจักรที่เราจะได้เข้าไปเรียนรู้ประวัติศาสตร์กัน ซึ่งใช้เวลา 3 ชั่วโมง (13:00-16:00) ราคาไปกลับ 360 Rand
ใครที่สนใจกิจกรรมนี้ แนะนำจองล่วงหน้านะคะ (จองออนไลน์ ที่นี่ www.robben-island.org.za)
เมื่อเรือเทียบท่า การทัศนศึกษาก็เริ่มขึ้น อารมณ์เหมือนอยู่ในโรงเรียนแล้วฟังครูเล่าเรื่อง ทัวร์นำโดยไกด์เท่านั้น ที่แห่งนี้ปัจจุบันคือพิพิธภัณฑ์แทนเรือนจำในสมัยก่อน
ถือเป็นเกาะที่สวยงาม แต่มีประวัติที่ช่างน่าเศร้าใจ ท่าน Nelson Mandela อดีตประธานาธิบดีผิวสีคนแรกของอเมริกาใต้ ถูกจำคุกบนเกาะแห่งนี้ 18 ปี ด้วยข้อหาต่อต้านการแบ่งแยกสีผิว จากสันติวิธี สู่ความรุนแรง แล้วกลับมาสู่สันติวิธีอีกครั้ง ไม่เพียงแต่นักโทษคดีการเมือง ที่นี่ยังเป็นแหล่งกักกันผู้มีอาการทางประสาท และผู้ป่วยโรคเรื้อนอีก
Maximum security prison แบ่งเป็นห้องขังรวมและห้องขังเดี่ยว สำหรับนักโทษระดับโทษสูงสุด ก่อนหน้านี้คิดว่าจะเป็นห้องมืดปิดทึบ แต่จริงๆมีหน้าต่างเปิดรับแสง มองสู่ด้านนอกได้ แล้วก็รับอากาศบริสุทธิ์ภายนอกได้เหมือนกัน แต่ฤดูหนาวคงจะทรมานมาก ลมพัดแรง สภาพอากาศหนาวจัด มีเพียงผ้าห่มผืนบางๆและผืนหนาหยาบไว้ห่มตัว
ห้องขังเดี่ยวของท่าน Nelson Mandela ไม่ต่างจากอีกหลายห้องข้างๆ มีที่นอน ถาดข้าว และถังไว้ถ่าย
จากนั้นไกด์พานั่งรถบัสชมรอบเกาะ เล่าประวัติความเป็นมาของบ้านพัก โรงเรียน มัสยิด บนเกาะนี้
นักโทษต้องใช้แรงงานอย่างหนัก ขุดเหมืองปูนด้วยมือเปล่า ทำไม่ไหวก็ล้มป่วยตายกันเหมือนใบไม่ใบหญ้า ทุกคนในรถคงจะหดหู่ไม่น้อยกว่ากัน บวกกับบรรยากาศทึมๆเงียบๆ สถานที่นั้นสวยงามแต่ซ่อนอดีตที่น่าเจ็บปวดไว้มากมาย
นั่งเรือกลับถึง V&A Waterfront ในช่วงเย็น เดินเล่นชมพระอาทิตย์ตกดินริมท่าเรือ ก่อนจะขึ้นรถบัสกลับที่พักค่ะ
จาก Waterfront นั่ง Myciti สาย T01 >> ลง Civic centre >> รอชานชาลาที่ 5 ในสถานีใหญ่ >> ต่อสาย 107 ลง Lower Kloof
ไปไหนต่อ (Where to go next) :
•เมือง Johannesburg ประเทศ South Africa
•เมือง Windhoek ประเทศ Namibia
And...More great things to do in Cape Town? แนะนำเราได้เลยนะคะ
อีกหลายเส้นทางของเรา ที่นี่ www.facebook.com/Inspiremyjourneys
InspireMyJourneys
วันพุธที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566 เวลา 23.17 น.