สำหรับเนื้อหาใน Part 4 นั้น จะเป็นเรื่องราวของการเดินทางเพื่อชมความงามของ "ยอดดอยหลวงเชียงดาว" น๊ะครับ
หมายเหตุ: เนื้อหาในบทความนี้ จะเล่าแต่ละสถานที่แบบคร่าวๆน๊ะครับ ส่วนรีวิว แบบละเอียดของแต่ละที่ จะแยกไปเป็นบทความของแต่ละที่อีกทีครับ
หลังจากที่ออกเดินทางจาก กทม. ในวันที่ 4 มกราคม และได้แว่ะตามจุดต่างๆ ตามนี้
"อุทยานแห่งชาติภูแลนคา" - > "มอหินขาว"
->
"อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า" -> "บ้านร่องกล้า"
->
"อุทยานแห่งชาติน้ำตกชาติตระการ"
->
"อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว" (ไม่ได้เดินขึ้นเขาน๊ะ)
->
"อุทยานแห่งชาติศรีน่าน" -> "ผาชู้" -> "ดอยเสมอดาว"
->
"ถนนหมายเลข 3" -> "สปัน" -> "ลานกางเต้นท์ โอเวอร์วิว @น่าน"
->
"ภูลังกา" -> "ลานกางเต้นท์ ภูซัน"
->
"อุทยานแห่งชาติภูชี้ฟ้า" -> "ลานกางเต้นท์ GOODVIEW @ภูชี้ฟ้า"
->
"ดอยช้าง" -> "ลานกางเต้นท์ ชมตะวัน" -> "อาข่า ฟาร์มวิลล์"
->
"อุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก" -> "ลานกางเต้นท์ม่อนสน" -> "ไร่ชา 2000" -> "ไร่สตรอว์เบอร์รีบ้านนอแล" -> "สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง" -> "ลานกางเต้นท์ซุยถัง" (ไม่ได้ค้าง)
และสามารถเก็บสะสมแสตมป์ของอุทยาน ได้ 7 แห่ง
13 มกราคม 2567
จากการพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ ก็ทำให้ทราบว่า จริงๆแล้ว "ดอยหลวงเชียงดาว" นั้น ไม่ใช่ อุทยานแห่งชาติ นั่นจึงทำให้ในสมุดแสตมป์ จะไม่มีช่องของเชียงดาวให้ประทับ แต่ที่ด้านหลังของสมุด ก็สามารถประทับตรา เพื่อเก็บเอาไว้เป็นความทรงจำได้
และสำหรับเส้นทางของ การเดินทางไปสู่ "สันป่าเกี๊ยะ" นั้น ส่วนใหญ่มันก็จะเป็นทางลูกรัง ที่เต็มไปด้วยฝุ่น แต่รถเก๋ง ก็สามารถไปได้แบบสบายๆ
แต่มันจะมีทางบางช่วง ที่กำลังมีการก่อสร้าง และมันเป็นหลุ่ม เป็นบ่อขนาดใหญ่ แต่ก็ไม่ได้มีปัญหามากนัก เพราะมันมีระยะทางแค่ไม่ถึง 100 เมตร (ก็ค่อยๆขับแบบหยอดๆเอา)
และนอกจากเวลาขับรถนั้น จะต้องระวังรถด้วยกันแล้ว ก็ให้ระวังน้องตัวนี้ด้วย ฮ่าฮ่าฮ่า
และหลังจากที่ใช้เวลาขับรถในทางลูกรัง ที่เต็มไปด้วยฝุ่น ซักพักใหญ่ๆ ก็จะเจอทางแยกนี้ โดยถ้าเลี้ยวขวา มันก็จะเป็นเส้นทาง ที่พาไปสู่จุดออกสตาร์ท เพื่อเดินขึ้น "ดอยหลวงเชียงดาว"
ส่วนในวันนี้นั้น ผมไม่ได้มาเดินขึ้นยอดดอย แต่ขอมานั่งชมความงามของยอดดอยแค่นั้น
และหลังจากขับรถมาอีกซักพักใหญ่ๆ ผมก็เห็นลานกางเต้นท์ที่ค่อนข้างกว้างขวาง และเห็นวิวของ "ยอดดอยหลวงเชียงดาว" อย่างชัดเจน
ผมจึงเลือกกางที่นี่ทันที เพราะว่าที่บริเวณหมู่บ้าน และ โรงเรียนบ้านสันป่าเกี๊ยะ นั้น เค้ามีการจัดงานวันเด็กกันอยู่
ผมนั้นเลือกกางโดยหันประตูของเต้นท์ เข้าหา "ยอดดอยหลวงเชียงดาว" ทันที
เมื่อดูภาพจากมุมนี้ จึงได้เห็นความสูงใหญ่ ของ "ยอดดอยหลวงเชียงดาว" นั่นจึงทำให้ผมนนั้นนึกสงสัยอยู่ทันทีว่า
Writer: เฮ้ยๆๆๆ นี่กรูเดินขึ้นไปได้ยังงัยว๊ะ ตั้ง 2 ครั้ง สูงซ๊ะขนาดนั้น !!!
และเมื่อหันไปถามน้องที่กางเต้นท์อยู่ใกล้ๆกัน และก็เคยเดินขึ้นมาแล้วเหมือนกัน ก็ได้ความว่า
"โห๋ยๆๆๆ พรี่ๆๆๆ เราเริ่มเดินจากทางขวา แล้วก็ค่อยๆ ไต่ความสูงมาเรื่อยๆ เราไม่ได้เดินขึ้นตรงหน้าผาชันๆตรงนี้"
Writer: อ่าวเหรอ ฮ่าฮ่าฮ่า
และเมื่อถึงเวลาพระอาทิตย์ตก ผมก็เดินไปอีกฝั่งหนึ่งของลานกางเต้นท์เพื่อถ่ายรูป แต่น่าเสียดาย ที่บริเวณนี้นั้น ถูกรายล้อมไปด้วยภูเขาที่สูงชัน นั่นจึงทำให้ ไม่สามารถถ่ายพระอาทิตย์ตกที่เป็นช่วง ไข่แดง ได้
แต่เมื่อพระอาทิตย์ตกไปแล้ว ก็ยังพอเห็นแนวทิวเขาที่สวยงาม ที่มี "แสงสุดท้าย" จากดวงอาทิตย์อยู่
แถมยังมีดวงจันทร์ ที่เป็นเสี้ยวดวงเล็กๆ ลอยเด่นอยู่บนฟ้า
และพอตกกลางคืน น้อง Biker ที่เดินทางด้วย รถมอเตอร์ไซค์ทัวริ่ง สุดเท่ห์ ก็ได้ชวนออกมาถ่ายรูปดาวกัน (อันนี้เป็นรูปที่น้องเค้าถ่ายครับ)
14 มกราคม 2567
อ่าวๆๆๆ วันนี้ น้องค่อนข้างขี้อายเป็นพิเศษ ไม่ยอมออกมาให้ผู้ที่เฝ้ารอ ชมความงามของน้องนั้น ได้ยลโฉม
เฮ้ยๆๆๆ น้องจะโดน UFO ลักพาตัวไปแล้วๆๆๆ
เฮ้อๆๆๆ ถ่ายเต้นท์ ก็ได้
ที่นี่น้ำค้างแรงพอสมควร
ถ่ายดอกไม้ก็ได้
หูยๆๆๆ มีผึ้งตัวใหญ่ด้วยๆๆๆ
ผีเสื้อก็มี
และเมื่อหันไปหาน้อง น้องก็ยังไม่ยอมโผล่หน้าออกมา
พระอาทิตย์พ้นยอดเขาแล้ว
และหลังจากนั้น ผมกับน้องเต้นท์ข้างๆ ก็รอกันอยู่เป็นชั่วโมง โดยน้องนั้น ตั้งกล้องถ่ายแบบ Timelapse เอาไว้ โดยคิดว่า ถ้าตั้งไปเรื่อยๆ จนท้ายคลิป ยอดดอยหลวงเชียงดาวนั้น โผล่ออกมาให้เห็น มันก็น่าที่จะเป็นภาพที่สวยงามอย่างมาก
แต่สุดท้ายแล้ว น้องก็ไม่ยอมโผล่หน้าออกมาเลย
และก่อนกลับ ผมจึงได้แว่ะเข้าไปที่โรงเรียนเล็กน้อย
แอ๊ะๆๆๆ เค้ากางเต้นท์กันตรงไหนหว่า ไม่เห็นมีที่ให้กางเลย
หมายเหตุ: และหลังจากที่ผมกลับถึง กทม. แล้ว จึงได้รู้ว่า จริงๆแล้วเค้าไม่ได้มากางกันที่ โรงเรียนแห่งนี้หรอก เพราะว่าเค้าไปกางกันที่ "สถานีวิจัยเกษตรที่สูงป่าเกี๊ยะ"
"ฮือๆๆๆ"
และในระหว่างขากลับ ผมก็แว่ะร้านกาแฟเล็กๆ ที่อยู่ระหว่างทาง ที่เป็นทางลูกรังนั่นเหลอะ
โดยร้านนี้นั้น ตั้งอยู่ติดกับลำธาร ที่มีน้ำตกเล็กๆไหลผ่าน
บรรยากาศของร้านก็ดูสบายๆ
กาแฟก็รสชาติดี
และหลังจากที่ผมนั้น ได้ข้อมูลเพิ่มเติม จากน้องเต้นท์ข้างๆ ถึงจุดชม "ดอยหลวงเชียงดาว" ที่ดีที่สุด และอลังกาล ที่สุด ก็คือ "ห้วยน้ำดัง" งัง งัง
ผมนั้น จึงได้ปักหมุด เพื่อตงไปยัง "ห้วยน้ำดัง" งัง งัง ทันที
เก็บได้อีก 1 แสตมป์
และสำหรับความเห็นของผม ผมคิดว่า ลานกางเต้นท์ ของ "อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง" นั้น น่าจะมีวิวที่ดีที่สุด
เพราะว่า มันมีลานกางเต้นท์ของทั้ง 2 ฝั่ง ที่สามารถรับชมได้ทั้ง พระอาทิตย์ขึ้น และตก โดยฝั่งตะวันออกนั้น จะมีวิวของดอยหลวงเชียงดาว ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า และทิศตันตกนั้น จะเป็นแนวเทือกเขาของเมืองปาย
และแน่นอนว่า ผมนั้นเลือกกางในฝั่งตัวันออก เพื่อรอชมความงามของ "ดอยหลวงเชียงดาว"
ซึ่งในภาพนี้ น้องก็ยังคง ขี้อาย และไม่โผล่มาให้เห็นหน้าซักที
แต่ถ้าจะถามว่า ลานกางเต้นท์ฝั่งไหนดีกว่า ผมคิดว่าฝั่งตะวันตกครับ
เพราะนอกจากจะมีให้เลือกหลายจุดแล้ว การออกแบบลานยังทำเป็นแบบ ชั้นๆ ลดหลั่นกันไปอีกด้วย
โดยจากรูปนี้ตรงนี้น่าจะมี 3-4 ชั้นครับ ส่วนรถก็จอดได้ตรงที่ผมยืนถ่ายรูปอยู่
แต่สำหรับ จุดกางเต้นท์ ที่เห็นอยู่ไกลๆทางขวามือนั่น มันก็เป็นชั้นๆเหมือนกัน แต่ความดีงามของมันคือ ขับรถลงไปได้เลยครับ จะได้ไม่ต้องขนของไกล
เนี่ยครับ เอารถมาจอดข้างๆได้เลย
ส่วนใครชอบความสงบ ขอเชิญลานนี้ครับ
ลานนี้เค้ากาง และอยู่กันอย่างเงียบสงบมากครับ
วันนี้พระอาทิตย์มาแปลกครับ ค่อยๆโผล่ออกมาจากเมฆ
พระอาทิตย์จะตกอีกแล้ว
บ๊ายบาย
15 มกราคม 2567
วันนี้พระอาทิตย์แอบขึ้นด้านหลังเขา แบบไม่ไห้คนที่มารอนั้นรู้ตัว
เห็นอีกที ก็โผล่มาเต็มดวงแล้ว
และวันนี้ "ดอยหลวงเชียงดาว" นั้น ขี้อายหนักมาก จนไม่โผล่ออกมาให้เห็นแม้แต่นิดเดียว T_T
และเมื่อพูดถึงเรื่องน้ำค้าง ก็ต้องบอกว่า ที่นี่นั้น น้ำค้างแรงมากๆ
เพราะเมื่อคืนตอนประมาณ 1 ทุ่มกว่าๆ น้ำค้างก็แกาะเต็มท์จนเปียกโชกแล้ว
จงบอกสิ่งที่หายไปจากภาพนี้
"ใช่แล้ว ดอยหลวงเชียงดาวนั่นเอง T_T"
จุดชมวิว "ดอยหลวงเชียงดาว" อีกจุดหนึ่ง
แต่ถ้าพูดถึงจุดชมวิว "ดอยหลวงเชียงดาว" ที่สวยที่สุด จนเป็น UnSeen ของประเทศไทย ก็ต้องเป็นจุดนี้ ที่พลาดไม่ได้เด็ดขาด (แต่โชคร้าย ที่วันนี้นั้น ดอยหลวงเชียงดาวนั้น ถูกเมฆหมอกบังตลอดทั้งเช้าของวันนั้น)
และที่นี่ ก็เป็น 1 ในจุดหมาย ที่ผมจะต้องมาอีกครั้ง อย่างแน่นอน
"ห้วยน้ำดัง" กับ "กอยหลวงเชียงดาวที่หายไป"
ถ่ายอย่างอื่นก็ได้ "ชิส์"
สวนดอกไม้ของที่นี่ ก็สวยพอสมควร
และสำหรับดอกนี้ ผมก็มีความสงสัยมานานมากแล้วว่า "มันกินได้หรือเปล่า" เพราะก็เห็นเค้าเรียกว่า "กะหล่ำปลี"
ถ้ากินได้น๊ะ หมดสวนอ่ะ บอกเลยๆๆๆ อิอิ
และถ้าใครได้เคยมาที่นี่แล้ว ก็คงเคยสังเกตเห็นว่า มันมีลานกางเต้นท์ อยู่ติดกับจุดชมวิวสุด UnSeen แห่งนี้เลย แล้วก็เกิดความสงสัยว่า ตรงนี้มันกางเต้นท์ได้มั๊ย
ก็ต้องบอกว่า หลังจากถามเจ้าหน้าที่มาแล้ว เค้าก็แจ้งว่า กางไม่ได้ แต่เต้นท์ที่เห็นอยู่ คนทั่วไปก็สามารถจองได้
ส่วนสาเหตุที่เค้าไม่ไก้กางเต้นท์ส่วนตัว ก็เดาว่า น่าจะเป็นเรื่อง อาจจะทำให้วิวต้องนั้น มันไม่สวย เพราะว่าตรงนี้ มัคนมาถ่ายรูปแย่ะมากนั่นเอง
Reader: แล้วทริปต่อไป เอ็งจะไปไหนต่อ
Writer: ข้าก็ต้องไปในที่ ที่ข้าอยากไปมานานแล้วน่ะซิ
"นั่นก็คือ" "ปางอุ๋ง" งุ๋ง งุ๋ง
แบกกล้อง
วันอาทิตย์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567 เวลา 17.30 น.