สำหรับเนื้อหาใน Part 5 นั้น จะเป็นเรื่องราวของการเดินทางเพื่อชมความงามของ "ยอดดอยหลวงเชียงดาว" น๊ะครับ
หมายเหตุ: เนื้อหาในบทความนี้ จะเล่าแต่ละสถานที่แบบคร่าวๆน๊ะครับ ส่วนรีวิว แบบละเอียดของแต่ละที่ จะแยกไปเป็นบทความของแต่ละที่อีกทีครับ
หลังจากที่ออกเดินทางจาก กทม. ในวันที่ 4 มกราคม และได้แว่ะตามจุดต่างๆ ตามนี้
"อุทยานแห่งชาติภูแลนคา" - > "มอหินขาว"
->
"อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า" -> "บ้านร่องกล้า"
->
"อุทยานแห่งชาติน้ำตกชาติตระการ"
->
"อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว" (ไม่ได้เดินขึ้นเขาน๊ะ)
->
"อุทยานแห่งชาติศรีน่าน" -> "ผาชู้" -> "ดอยเสมอดาว"
->
"ถนนหมายเลข 3" -> "สปัน" -> "ลานกางเต้นท์ โอเวอร์วิว @น่าน"
->
"ภูลังกา" -> "ลานกางเต้นท์ ภูซัน"
->
"อุทยานแห่งชาติภูชี้ฟ้า" -> "ลานกางเต้นท์ GOODVIEW @ภูชี้ฟ้า"
->
"ดอยช้าง" -> "ลานกางเต้นท์ ชมตะวัน" -> "อาข่า ฟาร์มวิลล์"
->
"อุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก" -> "ลานกางเต้นท์ม่อนสน" -> "ไร่ชา 2000" -> "ไร่สตรอว์เบอร์รีบ้านนอแล" -> "สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง" -> "ลานกางเต้นท์ซุยถัง" (ไม่ได้ค้าง)
->
"สันป่าเกี๊ยะ" -> "ลานกางเต้นท์ 1348 @สันป่าเกี๊ยะ"
->
"อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง"
สามารถเก็บสะสมแสตมป์ของอุทยาน ได้ 8 แห่ง
และเขตรักษาพันธ์ุสัตว์ป่า 1 แห่ง
15 มกราคม 2567
แน่นอนว่า เส้นจาก "ห้วยน้ำดัง" ที่อยู่ก่อนถึงปายเพียงเล็กน้อย เพื่อไปยัง "ปางอุ๋ง" นั้น จะต้องผ่าน "เมืองปาย"
เราก็ต้องแว่ะถ่ายรูป "สะพานท่าปาย" แป๊บนึง
และเมื่อขับรถต่อไป ก็จะถึงจุดชมวิว ที่ดันชื่อเดียวกันกับ ที่ห้วยน้ำดัง ที่มีชื่อว่า "ดอยกิ่วลม"
ถึงวิว 2 ข้างทางของจุดชมวิวนี้ จะค่อนข้างธรรมดา
แต่ก็เหมาะเป็นที่แว่ะพักเหนื่อยระหว่างทาง เพราะสถานที่นั้นค่อนข้างกว้างขวาง และมีร้านค้าอยู่พอสมควร
และเมื่อขับต่อไปอีก ก็จะพบกับ "จุดชมวิวปางมะผ้า" ซึ่งก็มีสถานที่กว้างขวาง และวิวภูเขานั้น ค่อนข้างกว้างกว่าจุดเมื่อกี้
ส่วนร้านกาแฟร้านนี้นั้น ก็มีวิวดีๆ ที่เป็นวิวทุ่งนา ที่สวยพอสมควรให้ถ่ายรูป ก่อนที่จะเลี้ยวเข้าไปในเส้นทาง ที่พาทุกท่านไปสู่ "ปางอุ๋ง" และ ""บ้านรักไทย
.
.
.
เวลาประมาณ 16:50
ถึงแล้ว
ได้มาอีก 1 แสตมป์ อิอิ
ฟลุ๊บๆๆๆ
เจอเจ้าถิ่นด้วย
ต้อนรับแบบเบาๆ ด้วย 19.1 องศา ณ. เวลาประมาณ 6 โมงเย็น
ณ. เวลาประมาณ 1 ทุ่มครึ่ง
Writer: แค่นี้เองเหรอๆๆๆ ขอเลขตัวเดียวหน่อย เซ่ๆๆๆ ฮ่าฮ่าฮ่า
16 มกราคม 2567
และหลังจากที่ผมนอนหลับอย่างสบายในถุงนอน 2 ชั้น และตื่นขึ้นมาก่อนเวลาพระอาทิตย์ขึ้น
Writer: ไหนอ่ะควัน ที่ลอยขึ้นจากน้ำอ่ะ ฮือๆๆๆ T_T
Reader: โอ๋ๆๆๆ อย่าร้องเลยน๊ะ ปีหน้าค่อยมาใหม่ ก็ได้ ฮ่าฮ่าฮ่า
"อ่าๆๆๆ เริ่มมาแล้ว หูยๆๆๆ หมอกตื่นสาย นี่เอง"
"มาเรยๆๆๆ เหล่าบรรดา นายแบบ และนางแบบของข้า"
"แช๊ะ !!!"
"แช๊ะ !!!"
"แช๊ะ !!!"
"แช๊ะ !!!"
บรรยากาศยามเช้าแบบสบายๆ ครับ
ที่นี่มีร้านอาหารเอาไว้บริการใกล้ๆด้วยครับ
แต่ข้อเสียคือ ห้องน้ำ กับที่จอดรถ ไกลมากๆๆๆ
แล้วเจอกันใหม่น๊ะ "ปางอุ๋ง งุ๋ง งุ๋ง" ...
และแน่นอนว่า เมื่อมา "ปางอุ๋ง" แล้ว ก็ต้องไม่พลาดที่จะต้องเดินทางต่อไปยัง "ดินแดนสุดแฟนตาซี" ที่มีชื่อว่า "บ้านรักไทย งัย งัย"
และหลังจากที่ตะเวนหาลานกางเต้นท์ จนเหนื่อยมาก และพยายาม ขึ้นไปบนยอดเขาที่รายล้อมหมู่บ้านรักไทย จนล้อฟรี "ฟรืดๆ" และก็ได้ตะหนักว่า ที่แห่งนั้น ไม่ใช่ที่ของเจ้า T_T
ผมก็มาปัก "สมอบก" ที่ลานกางเต้นท์ "จุดกางเต็นท์ ฟาฉาย" ในจุดที่มีวิวดีที่สุดของอาณาจักร ที่ยังไม่ค่อยมีความเจริญเท่าไหร่นักทันที
Reader: หืมมม ทำไมถึงไม่เจริญ ร้านค้า กับรีสอร์ท เต็มไปหมดเลยไม่ใช่เหรอ
Writer: มันยังไม่มี "7-11" มาเปิดอ่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า
หมายเหตุ: ลานกางเต้นท์แห่งนี้นั้น พึ่งมีการปรับปรุง โดยการนำเอาพื้นที่ครึ่งนึง ไปทำห้องพัก และพื้นที่อีกครึ่งนึง ยังคงเป็นลานกางเต้นท์ และเนื่องจากว่า ในวันนี้นั้น ยังไม่มีการปูหญ้าสีเขียวๆให้สวยงาม ทางลานจึงคิดค่าบริการแค่คนละ 150 บาท เท่านั้น (เมื่อมีการปูหญ้าแล้ว แน่นอนว่าจะมีการขึ้นค่าบริการอย่างแน่นอน)
แน่นอนว่า มีไฟฟ้าให้ใช้ มีห้องน้ำ ที่มีน้ำอุ่นให้อาบ พร้อมทั้งมีบริการกาแฟซอง พร้อมน้ำร้อนเอาไว้บริการฟรีด้วย ^^
"บ้านรักไทย" ในวันที่ "ลีไวน์" ไม่ได้เป็น landmark เพียง 1 เดียวอีกต่อไป
แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะรีสอร์ท ที่มาสร้างใหม่นั้น ก็ยังคงเอกลักษณ์ ของสถาปัตยกรรม แบบจีนอยู่ นั่นจึงทำให้ "บ้านรักไทย" นั้น ดูสวยยิ่งขึ้นไปอีก
และเมื่อใกล้เวลาค่ำ ผมก็เดินไปหามุมถ่ายรูปสวยๆ ที่อยู่ห่างจากลานกางเต้นท์ แค่เพียง 100 เมตร เท่านั้น
แน่นอนว่า ก็ต้องมาถ่ายเรือแพ ที่เป็นกิจกรรม ของคู่รัก หรือครอบครัว ที่หลายๆคนนั้น จะไม่พลาดอย่างแน่นอน
บรรยากาศสบายๆ ของการมานั่งดื่มชา และรับประทานอาหารบนเรือแพ
หมายเหตุ: อืมมม คือว่ามีสิ่งที่อยากจะแนะนำเจ้าของเรือแพนิดนึงครับ คือว่า ผมสังเกตเห็นว่า มีลูกค้าเป็นกลุ่มหลายคน ที่เค้าลงทุน ไปเช่าชุดจีนแบบยกทีม เพื่อลงไปถ่ายรูปบนเรือแพ แน่นอนว่าลูกค้ากลุ่มนี้นั้น ต้องการอยากได้รูปภาพที่สวยงาม
แต่ในเมื่อทุกอย่างในเรือ และบรรยากาศรอบๆ มันเป็นจีนแล้ว แต่คนพายเรือ เค้าดันใส่เสื้อกันหนาว ที่มีโลโก้ อย่างเช่น "USA" อย่างเด่นชัดมาก มันทำให้รูปภาพมันดูขัดตาไปเลยน่ะครับ
ผมว่า หาชุด ยูนิฟอร์ม ที่เป็นแบบว่า ชาวบ้านชาวจีน และหมวกแบบจีนให้ใส่เถอะครับ เหล่าลูกค้าที่ถ่ายรูปมาแล้ว มันจะดูเป็นจีน แบบทั้งลำ และไม่ติดหน้าคนพายเรือ ที่พวกเค้าจะต้องมาลบออกที่หลังน่ะครับ
และหลังจากนั้น ผมก็ลองไปเดินตลาดของที่นี่ดู เพื่อหาของกินเล่น
แต่ก็พบว่า ที่ตลาดแห่งนี้นั้น มีของกินที่ไม่หลากหลายเลยครับ ทุกร้านนั้นก็จะขายอาหารคล้ายๆกันทั้งหมด ซึ่งผมนั้น ไม่ค่อยชอบกินเท่าไหร่ ก็เลยไม่ได้กินอะไรเลย T_T
Reader: อ่าวๆๆๆ ไหนบอกว่า ทุกอย่างมันควรเป็น "จีน" งัย จะได้ตรงคอนเซ็ป ถ่ายรูปสวยๆ ไม่ใช่เหรอ ตลาดจีน เค้าก็ต้องขาย "หมั่นโถว" ดิ๊ๆๆๆ จะให้มาขาย ข้าวเหนีวหมูปิ้ง ส้มตำไก่ย่างเหรอๆๆๆ ฮึ๊ๆๆๆ
Writer: ครับๆ เด๋วผมไปกินที่อื่นก็ได้ T_T
"แต่อย่างน้อย มันก็น่าจะมี ซาลาเปา หน่อยป่าวว๊าๆๆๆ หมั่นโถว มันไม่มีไส้อ่าๆๆๆ T_T"
และหลังจากที่พระอาทิตย์ตกดิน ไปได้ซักพักใหญ่ๆ การเดินทางสู่ "ดินแดนสุดแฟนตาซี" ก็ได้เริ่มต้นขึ้น
"โดโซะ"
Reader: "โดโซะ" มันภาษาญี่ปุ่น โว๊ยๆๆๆ
ปล. อืมมม อยากจะฝากถามเจ้าของรีสอร์ทว่า ไม่คิดที่จะขยายเพิ่มไปด้านขวาหน่อยนึงเหรอ ถ่ายรูปแล้วมันไม่เต็มเฟรมอ่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า
โอ้ยๆๆๆ รูปของที่นี่ แย่ะ มาก เด๋วเอาไปลงในรีวิวแยกก็แล้วกันครับ หึหึ
วันนี้ ส่งพระจันทร์มาบอกลากันครับ
17 มกราคม 2567
เวลาประมาณ 07:00
เหล่าจอมยุทธ ก็ได้ออกมาผจญภัยกัน
ถึงสายน้ำแห่งนี้จะหยุดนิ่ง แต่วิถีชีวิต ก็จะยังคงเดินต่อไป
และแน่นอนว่า การตื่นเช้าในวันนี้ จุดหมายของผมก็ไม่ได้อยู่ที่ริมน้ำแห่งนี้หรอก
เพราะจุดหมายของผมก็อยู่บนเทือกเขาอันสูงชันด้านหลังนั่นเอง
เต็นท์น้อยๆ ริมน้ำ ที่แสนอบอุ่น เพราะในนั้น มีที่นอนยางพารานุ่มๆ ที่เหมือนนอนอยู่บ้าน ถุงนอน 2 ใบ และผ้าห่มนวมเล็กๆ อีก 1 ผืน
เวลาประมาณ 07:56 พระอาทิตย์ พ้นแนวเขาแล้วครับ
วันนี้มีหมอกบางๆ ปกคลุม อ่างเก็บน้ำครับ
และ "ลีไวน์ รักไทย" ก็ยังคงเป็นสถานที่ยอกนิยม ที่ผู้คนนั้น มักจะแว่ะเวียนเข้ามาถ่ายรูปได้ฟรีครับ
หมายเหตุ: แต่ด้านขวาส่วนที่เป็นรีสอร์ท ห้ามเข้าไปน๊ะครับ เพราะเป็นที่พัก ที่มีแขกนั้นพักอยู่ครับ ไร่ชาด้านซ้าย ก็เข้ามาถ่ายรูปได้เลยครับ
แต่ตรงนี้เข้าไปได้หรือเปล่า ก็ไม่รู้เหมือนกันครับ
ต้นซากูระสวยๆ ของที่ "ลีไวน์รักไทย" ครับ
วิว บนยอดเขา ที่สูงตระหง่าน ที่ผมจนใช้ความ มุมานะ และอุสาหกรรม ในการปีนขึ้นมาครับ
หมอกจางๆ ที่ไม่ใช่ PM 2.5 ครับ
และสำหรับอีก 1 สถานที่ ที่ทุกคนไม่ควรพลาด เมื่อมาเยือนที่บ้านรักไทย ก็คือ
ร้านกาแฟที่อยู่ด้านซ้ายมือของตู้ไปรษณีย์ สุดคลาสสิค ตู้นี้ครับ
ร้านนี้ครับ (ซึ่งจริงๆแล้ว ก็เป็นร้านของ "ลีไวน์ รักไทย" นั่นเหลอะครับ)
Writer: หลังจากลองชิมแล้ว ไม่อร่อยเลยครับ
Reader: นี่แกกินใบชาใช่มั๊ยๆๆๆ
Writer: ฮ่าฮ่าฮ่า
หลังจากซื้อเครื่องดื่ม ที่เป็นเสมือนกับค่าเข้าแล้ว ก็ถ่ายรูปได้ครับ ^^
บรรยากาศตอนประมาณ 9 โมงเช้าครับ
มุมมหาชนครับ
เล่นกับเงาหน่อย
ดื่มด่ำ กับบรรยากาศ ของจีนยูนนาน กันครับ แล้วก็คิดในใจว่า
"เฮ้อๆๆๆ คิดถึง ส้มตำไก่ย่างจริงจริ๊งๆๆๆ"
สะพานไม้แบบจีน ที่เคยเห็นในหนังจีนกำลังภายในครับ
อุ๊ยๆๆๆ ท้องฟ้าแจ่มใส ถ่ายพาโนรามา ดีฟ่าๆๆๆ
ถ่ายศาลเจ้า กับท้องฟ้าที่สดใส ^^
และหลังจากที่ผมนั้น เดินกลับไปถึงยังลานกางเต้นท์แล้ว
Writer: หูยๆๆๆ มีกาแฟซอง ให้กินฟรีด้วย อิอิ
และในระหว่างที่ผมนั้น กำลังดื่มด่ำกับของฟรี พร้อมทั้งรับชมวิวที่สวยงาม ที่อยู่ตรงหน้า
"เหม่อะ" เสียงฝนเม็ดเล็กๆ ที่ร่วงจากฟากฟ้า นั้นกระทบกับพื้นดินลูกรัง ที่ไม่มีหญ้าแม้แต่ต้นเดียว
Writer: อืมมม บรรยากาศ ฝนตกยามเช้า ในระหว่างที่ดื่มกาแฟ ก็ไม่เลวเหมือนกันน๊ะ
"พรี่ๆๆๆ ฝนตกๆ" น้องเต้นท์ข้างๆ เริ่มแหกปากโวยวาย
"อืมมม ก็ใช่งัยฝนตก" ผมนั้นนึกในใจ ในระหว่างที่มองน้องเต้นท์ข้างๆ รีบวิ่งเข้าไปเก็ยของในเต้นท์
"อ่าวๆๆๆ เต้นท์กรู ก็ยังไม่ได้เก็บนี่หว่าๆๆๆ"
ผมนั้นนึกออกทันที แล้วก็รีบวิ่งเข้าไปเก็บของในเต้นท์ ที่ส่วนใหญ่นั้น เป็นเครื่องนอนทันที
และหลังจากที่ผมนั้น เก็บของทุกอย่างในเต้นท์ออกมาจนหมด "ฝนห่าใหญ่" ก็ได้ตกลงมาแบบไม่ยั้ง T_T
"สู้ๆ" เสียงของน้องฝนนั้น ดังเหมือนคอยให้กำลังใจผมอยู่แบบไม่ขาดสาย
ฝนเม็ดใหญ่นั้น ตกลงกระทบฟรายชีทของเต้นท์ และกระเด้งขึ้นตามกฏของฟิสิกส์
แล้วเต้นท์ของผมล่ะ T_T
หมายเหตุ: สำหรับ เต้นท์รุ่นนี้นั้น ข้างในตรงที่เป็นสีดำๆนั้น มันจะมีตาข่าย ที่เป็นเหมือนกับการระบายอากาศ และมันไม่ได้เป็นเต็นท์ที่ปิดทึบแต่อย่างใด
ผมนั้นนั่งคำนวณทันทีว่า เมื่อเม็ดฝนนั้น ตกลงบนพื้นด้วยมุมประมาณ 70 - 80 องศานั้น น้ำฝนมันจะกระเด็นเข้าไปในเต้นท์หรือเปล่าทันที
และเมื่อน้องฝนนั้น ร้องตะโกนว่า "สู้ๆ" จนหมดแรงไป
"ว่ากันว่า ฟ้าหลังฝน นั้น มักจะงดงาม เสมอ"
"ยกเว้น เต้นท์ ที่เก็บไม่ทัน T_T"
และหลังจากที่ผมนั้น เข้าไปตรวจสอบภายในเต้นท์ จึงพบว่า
Writer: เฮ้ยๆๆๆ ข้างในไม่เปียกเลย ไม่มีน้ำซักหยด สุดยอดๆๆๆ ฮ่าฮ่าฮ่า (นั่นก็หมายความว่า ถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้เก็บเครื่องนอนในเต้นท์ก่อนฝนตก มันก็ไม่น่าจะเป็นอะไรหรอก)
ช่วงขายของ
"สุดยอด สมกับเป็นเต้นท์แบรนด์ระดับโลก จากประเทศฝรั่งเศส ที่ออกแบบมาโดยนักฟิสิกส์ ชั้นแนวหน้าของโลกจริงๆเลยครับ"
ปล. ไปหากันเอาเองน๊ะ กลัวว่าใส่ชื่อแบรนด์ แล้วมันจะผิดกฏอ่ะ
แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็ต้องเสียเวลาในการล้างเต้นท์ ด้วยความยากลำบาก และก็ต้องพับเก็บเต้นท์ ที่ยังเปียกอย่างนั้นอยู่ดี
และมันก็กระทบกับแผนการเดินทางในจุดหมายปลายทางต่อไปของผมทันที โดยจุดหมายต่อไปของผมนั้นก็คือ ดินแดนที่อยู่สูงที่สุดของประเทศไทย
นั่นก็คือ "ดอยอินทนนท์" นั่นเองๆๆๆ
แบกกล้อง
วันจันทร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567 เวลา 16.44 น.