Reader: นี่เอ็งยังมี Part 8 อีกเหรอ !!!
Writer: อือ ยาวๆไป ฮ่าฮ่าฮ่า
21 มกราคม 2567
และในวันนี้ผมก็ยังอยู่ที่ อินทนนท์น๊ะครับ
หลังจากที่ผมนั้นได้รับคำแนะนำจากเพื่อนนักท่องเที่ยวที่มากางเต้นท์ด้วยว่า ถ้ามาที่นี่แล้ว ก็ต้องไม่พลาดไปเที่ยวชม ซากูระ ของ "ขุนวาง" ซึ่งผมไม่เคยรู้จักมาก่อน และไม่เคยอยู่ใน หมุดของ GooGle Map ของผม ผมจึงปักหมุด และออกเดินทางแต่เช้าเลยครับ
ถึงแล้ว
ที่นี่ สามารถกางเต้นท์ได้ด้วยครับ
หมายเหตุ: และเนื่องจากว่าที่นี่นั้นเป็น "ศูนย์เกษตร" ไม่ใช่ "อุทยาน" จึงสามารถนำสัตว์เลี้ยงสี่ขา ที่คุณรัก มากางเต้นท์ และเดินเล่นที่นี่ได้เลยครับ
Writer: และผมขอเชิญทุกท่านเข้าสู่ ดินแดนมหัศจรรย์ "ขุนวาง งาง งาง" ที่เต็มไปด้วยสีชมพู พูว พูว ...
Writer: ของดอกซากูระเมืองไทย งัย งัย ...
Writer: เอ๊ะ!!! อะไรว๊ะ "Card full" เต็มไปด้วยการ์ดเหรอ???
Writer: ห๋าๆๆๆ เอ็งมาเต็มอะไรตอนนี้ๆๆๆ ฮือๆๆๆ
และหลังจากนั้น แต่เดิมที่ผมนั้นแบกกล้องอยู่ 2 ตัวด้วยเลนส์ 2 ระยะ คือเลนส์ไวด์ และเทเล ผมจึงต้องใช้กล้องตัวเดียว และคอบสลับเลนส์ทันที
และหลังจากเดินไปได้ซักพัก
"เอ๊ะๆๆๆ ทำไมต้นนั้นมันสีขาว"
หูยๆๆๆ สวยแปลกตาดีเหมือนกัน
และผมก็ใช้เวลาอยู่กับ ต้นซากูระสีขาว 2 ต้นนี้อยู่นานมาก
และเนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยว อันมหาศาล ถ่ายติดใคร ก็ขออภัยเอาไว้ ณ. ที่นี่ด้วย
เพราะว่าพยายามหลบ และยืนรอแล้ว พอคนนี้เดินไป คนใหม่ก็เข้ามาแทน ฮ่าฮ่าฮ่า
หูยๆๆๆ สีชมพู พูว พูว ...
.
.
.
และหลังจากนั้น ผมก็เดินทางไปยัง "สวนลุงเปา" ตามคำแนะนำ ของคนที่ลานกางเต้น?์ต่อทันที
เสียค่าเข้า 30 บาทครับ (แต่รับรองว่าคุ้ม)
เพราะว่าต้นซากูระของที่นี่ ออกดอกแน่นมากครับ และเนื่องจากว่า ต้นไม่สูงมาก ดังนั้น ไม่ว่าคนจะแย่ะแค่ไหน ก็สามารถหลบมุม เพื่อหามุมถ่ายรูปได้แบบสบายๆครับ (ในกรณีที่ถ่ายรูปคนคู่กับดอกไม้น๊ะครับ)
ขนาดย้อนแสงยังสวย
.
.
.
และหลังจากนั้น ผมก็ตรงต่อไปยัง "สะพานซากูระขุนวาง" ที่อยู่ไม่ห่างจาก "สวนลุงเปา" เท่าไหร่นักครับ
และถ้าถามผม ผมคิดว่า ที่นี่สวยกว่าสวนลุงเปาน๊ะครับ (ที่นี่ก็เสียค่าเข้า 30 บาท เหมือนกันครับ)
แต่เนื่องจากจำนวนคนอันมหาศาล มันจึงเป็นไปไม่ได้เลย ที่จะถ่ายรูปในมุมสะพาน กับดอกซากูระ อันสวยงาม
ดังนั้น ถ้าจะมาที่นี่ ก็ต้องมาแต่เช้ามากๆครับ (เพราะว่าจริงๆแล้ว เมื่อตอนเช้า ผมก็ขับผ่านไปตอนที่ไม่มีคนเลย)
.
.
.
มาถ่ายฟรีข้างทางก็ได้
อ่าๆๆๆ ได้รูปสวยเร่ะ กลับไปเก็บเต้นท์ได้
.
.
.
แต่ทว่า ในระหว่างทางกลับนั้น ผมพบว่า ที่่แห่งนี้นั้น มีรถจอดอยู่แย่ะมาก ผมจึงจอดรถเพื่อแว่ะชมทันที
และก็พบว่า ที่นี่นั้น ก็คือสวนดอกไม้ ที่มีแต่กล้วยไม้รองเท้านารี ตามชื่อเลยครับ
.
.
.
และหลังจากที่ผมนั้นเดินทางมาถึงลานกางเต้นท์ และทำการเก็บเต้นท์ และขนของขึ้นรถ เพื่อที่จะเดินทางต่อไปนั้น
ผมก็ได้เดินไปหยิบ โทรศัพท์ ที่ชาร์จทิ้งไว้ที่ศาลา ด้านหน้าลานกางเต้นท์
แล้วผมก็บังเอิญพบว่า มีน้อง 2 คน ที่สวมชุดของสาวม้ง แบบเต็มตัวนั่งอยู
"ย๊ากๆๆๆ ประกบร่างๆๆๆ"
"Mission Accomplished"
Writer: เย้ๆๆๆ ได้ถ่ายรูปแล้วๆๆๆ แถมแต่งชุดสวยมากซ๊ะด้วย ฮ่าฮ่าฮ่า
หมายเหตุ: รูปนี้ขออนุญาติ น้องเค้าแล้วน๊ะครับ ^^
และหลังจากที่น้องเค้าดูรูปแล้วถูกใจ พวกเราก็ไปถ่ายรูปกันต่อที่ "สะพานซากูระ" ครับผม
คำแนะนำ: สำหรับการเที่ยวดอบปุยที่ถูกต้องคือ ผมแนะนำให้นอนที่ศูนย์เกษตร หรือไม่ก็ลานกางเต้นท์ของเอกชนเลยน๊ะครับ เพราะลานกางเต้นท์ ของที่นี่มีหลายลานมากๆ และบางลาน คุณก็สามารถกางเต้นท์ใต้ต้นซากูระสีชมพูสวยๆได้เลย
และจะได้ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางในตอนเช้า เพื่อมาที่นี่เหมือนผมด้วย
และหลังจากถ่ายรูปเสร็จแล้ว ก็แยกย้าย โดยผมนั้น ก็ออกเดินทางไปสู่ ดินแดน ที่พึ่งปีกหมุดลงไปใน GooGle Map นั่นก็คือ
"ดอยปุย งุย งุย"
.
.
.
แบกกล้อง
วันพฤหัสที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567 เวลา 21.26 น.