สำหรับเนื้อหาใน Part 11 นั้น จะเป็นการเดินทางเพื่อกลับกรุงเทพแล้วน๊ะครับ
หมายเหตุ: เนื้อหาในบทความนี้ จะเล่าแต่ละสถานที่แบบคร่าวๆน๊ะครับ ส่วนรีวิว แบบละเอียดของแต่ละที่ จะแยกไปเป็นบทความของแต่ละที่อีกทีครับ
หลังจากที่ออกเดินทางจาก กทม. ในวันที่ 4 มกราคม และได้แว่ะตามจุดต่างๆ ตามนี้
"อุทยานแห่งชาติภูแลนคา" - > "มอหินขาว"
->
"อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า" -> "บ้านร่องกล้า"
->
"อุทยานแห่งชาติน้ำตกชาติตระการ"
->
"อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว" (ไม่ได้เดินขึ้นเขาน๊ะ)
->
"อุทยานแห่งชาติศรีน่าน" -> "ผาชู้" -> "ดอยเสมอดาว"
->
"ถนนหมายเลข 3" -> "สปัน" -> "ลานกางเต้นท์ โอเวอร์วิว @น่าน"
->
"ภูลังกา" -> "ลานกางเต้นท์ ภูซัน"
->
"อุทยานแห่งชาติภูชี้ฟ้า" -> "ลานกางเต้นท์ GOODVIEW @ภูชี้ฟ้า"
->
"ดอยช้าง" -> "ลานกางเต้นท์ ชมตะวัน" -> "อาข่า ฟาร์มวิลล์"
->
"อุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก" -> "ลานกางเต้นท์ม่อนสน" -> "ไร่ชา 2000" -> "ไร่สตรอว์เบอร์รีบ้านนอแล" -> "สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง" -> "ลานกางเต้นท์ซุยถัง" (ไม่ได้ค้าง)
->
"สันป่าเกี๊ยะ" -> "ลานกางเต้นท์ 1348 @สันป่าเกี๊ยะ"
->
"อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง"
->
"อุทยานแห่งชาติถ้ำปลา-น้ำตกผาเสื่อ" -> "ปางอุ๋ง"
->
"บ้านรักไทย" -> "ลานกางเต้นท์ฟาฉาย"
->
"อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์" -> "ผาดอกเสี้ยว" -> "กิ่วแม่ปาน"
->
"ขุนวาง" -> "สวนลุงเปา" -> "สะพานซากูระ"
->
"อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย" -> "ขุนช่างเคี่ยน" -> "ดอยหัวหมู"
->
"อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน" -> "วัดเฉลิมพระเกียรติ"
สามารถเก็บสะสมแสตมป์ของอุทยาน ได้ 12 แห่ง
และเขตรักษาพันธ์ุสัตว์ป่า 2 แห่ง
25 มกราคม 2567
หลังจากเก็บเต้นท์ และได้ลงไปนอนแช่น้ำแร่ ในห้องอาบน้ำของ "อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน" ที่เป็นเหมือนกับดินแดนสวรรค์ เสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมก็ออกเดินทางต่อ เพื่อไปยังจุดหมายต่อไป นั่นก็คือ "อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง"
พร้อมทั้งคิดในใจว่า นี่ก็น่าจะเป็นอีกสาเหตุหนึ่ง ที่ทำให้ชาวญี่ปุ่นนั้นอายุยืนก็เป็นได้ เพราะว่า ประเทศของเค้านั้น มีที่อาบน้ำแร่ออนเซ็น แบบนี้อยู่แย่ะมากนั่นเอง
และในระหว่างทางนั้น เมื่อผมเห็นสิ่งนี้อยู่ตรงหน้า ผมก็รู้ได้ทันทีว่า ผมต้องจอดข้างทาง เพื่อบันทึกภาพทันที
(ขออภัยที่ไม่ทราบว่า ตรงจุดนี้คือที่ไหน)
และเมื่อท้องหิว ก็ต้องแว่ะเติม ไก่ย่าง ส้มตำ หน่อยๆๆๆ
และเนื่องจากระหว่างทางนั้น ก็มีฝนตกโปรยปรายมาระหว่างทาง ในเส้นทางที่มุ่งหน้าไปเขาค้อ
Writer: หืมมม มีเมฆหมอกหลังฝนตกด้วยๆๆๆ หึหึ
เมื่อเห็นดังนั้น ผมก็ไม่รอช้า มุ่งหน้าไปยัง สถานที่ ที่ผมนั้นอยากถ่ายรูป ในเวลาที่มีเมฆหมอกนั้นปกคลุมอยู่อย่างมากทันที ด้วยความหวัง
อ่าๆๆๆ ไม่มี T_T
และก็เป็นอีกครั้ง ที่ผิดหวัง
และหลังจากนั้น ผมก็มุ่งหน้าไปยังที่หมายหลักต่อทันที นั่นก็คือ ลานกางเต้นท์ ของอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง
และผมก็ได้พบเรื่องน่าตื่นเต้นอย่างนึงคือ ในวันนี้นั้น มีกองถ่ายภาพยนต์ขนาดใหญ่นั้น มาปักหลักกัน
Writer: โอ้โห๋ๆๆๆ โอกาศแจ้งเกิดมาแล้ว เด๋วมันต้องมีถ่ายติดเรามั่งเหลอะ ฮ่าฮ่าฮ่า
"ปักสมอ เท่ห์เสมอ"
โอกาศแจ้งเกิดในวงการบันเทิงมาแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า
แต่ทว่าหลังจากนั้น เหล่ากองถ่าย ที่มีรถตู้อยู่ประมาณ 20 คันรถนั้น ก็รีบหนีผมออกไปทันที T_T
หมายเหตุ: ในระหว่างที่ผมกางเต้นท์นั้น ก็มีฝนโปรยปรายลงมาเล็กน้อย ผมนั้นจึงต้องรีบกางเต้นท์ เพื่อแข่งกับเวลา และในใจนั้น ก็หวังว่า ในวันพรุ่งนี้นั้น มันจะต้องมีหมอกหนาแน่น อย่างแน่นอน หึหึ
อีก 1 แสตมป์ อิอิ
26 มกราคม 2567
"ครืดๆ" เสียงนาฬิกาปลุกดัง
ผมนั้นลุกไปล้างหน้าแปรงฟันอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าผมนั้น ไม่ได้รอถ่ายรูปพระอาทิตย์ขึ้นที่ ลานกางเต้นท์หรอก เพราะผมนั้นตั้งใจที่จะไปถ่ายรูปที่ "จุดชมวิวหนองแม่นา" นั่นเอง
และแน่นอนว่า หลายๆคนก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่าทางไปนั้น ค่อนข้างโหดร้ายเอาการอยู่ (รูปนี้ผมถ่ายตอนขากลับน๊ะครับ)
แต่ถึงแม้ว่า ทางจะเป็นแบบนี้ แต่รถเก๋งก็สามารถไปได้ครับ แต่แนะนำว่า ให้เดินลงมา เพื่อตรวจดูไลน์ ที่จะขับไป ว่ามันสามารถไปได้ตลอดทางหรือเปล่าน๊ะครับ
พระอาทิตย์ขึ้นแล้ว (แต่หมอกนั้นเงียบเหงามากครับ T_T)
และหลังจากที่ผมนั้น ต้องต่อสู้กับแสงที่เจิดจร้าของพระอาทิตย์อยู่พักใหญ่
"ถ้าหลบไม่ได้ ก็มาสู้กันซึ่งๆหน้าเลยๆๆๆ ย๊ากๆๆๆ"
"และข้าก็คือผู้ชนะ ฮ่าฮ่าฮ่า"
"ต้นไม้ที่เปลี่ยวเหงา"
"กับเส้นทางที่เปลี่ยวร้าง"
"ในทุ่งกว้างที่ห่างไกล"
"และต้นไม้รูปทรงแปลกตา"
"ที่รอเธอนั้นมาเยี่ยมเยียน"
I'll be black.
again
ลานกางเต้นท์ครับ
และในระหว่างทางขากลับ ผมก็เจอกับจุดถ่ายรูปสวยๆ ที่อยู่ใกล้ๆ กับลานกางเต้นท์ และสามารถเดินทางมาได้แบบสะดวกมาก เพราะมันเป็นถนนลาดยางแบบนี้เลยครับ
ค่อนข้างสวยเลยครับ
มองลงมาจากลานกางเต้นท์ ก็เห็นครับ
บรรยากาศตอนเช้าๆครับ
และหลังจากเก็บเต้นท์แล้ว ผมก็เดินทางต่อไปยัง "ทุ่งกังหันลมเขาค้อ" ครับ
แต่ผมก็ต้องพบกับความผิดหวังเล็กน้อยครับ
เพราะที่จุดที่คนไปแย่ะมากนั้น กลายเป็นธุรกิจแบบเต็มตัว จนไม่มีมุมถ่ายรูปเลยครับ เพราะในทุกๆจุดนั้น ก็จะต้องเข้าไปใช้บริการร้านค้าเท่านั้น ถึงจะสามารถไปในจุดที่ถ่ายรูปกังหันลมได้
ผมจึงได้ตัดสินใจ ไปในจุดอื่น นั่นก็คือลานกางเต้นท์ ที่อยู่ในทิศเหนือของทุ่งกังหันลมครับ (จำชื่อลานกางเต้นท์ไม่ได้ ขออภัยด้วยครับ)
หมายเหตุ: ทางไปนั้นเป็นทางลูกรังน๊ะครับ แต่รถเก๋งนั้นสามารถไปได้สบายๆครับ และวิวสวยมากครับ
27 มกราคม 2567
และวันนี้ พระอาทิตย์ก็ขี้อายอีกแล้วครับ
วิวด้านหน้าลานกางเต้นท์ครับ
ถนนบนสันเขาสวยๆครับ
และเนื่องจากว่า มีเมฆบดบังแสงอาทิตย์ มันจึงมีแสงแบบนี้ลอดผ่านลงมาครับ
มันก็เลยเป็ภาพที่สวยน่าทึ่งไปอีกแบบครับ
อ่าๆๆๆ ได้ถ่ายทุ่งกังหันลมแบบกว้างๆ
ลานกางเต้นท์ของที่นี่ อยู่ใต้กังหันลมเลยครับ
และหลังจากที่เก็บเต้นท์ และออกเดินทางต่อ
ผมก็ไป check in ที่นี่อีกครั้งครับ เพื่อดูว่า จะมีหมอกหรือเปล่า และก็พบกับความผิดหวังอีกครั้ง
และหลังจากนั้น ผมก็หาหมุดต่อไป ที่จะเดินทางต่อ และผมก็เลือกจุดหมายที่อยู่ใกล้กรุงเทพครับ นั่นก็คือ "อุทยานแห่งชาติเจ็ดคต-โป่งก้อนเส้า" ที่อยู่ในจังหวัดสระบุรี
และแน่นอนว่า ระหว่างทางนั้น ผมก็พบว่า "อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ" ที่พึ่งได้ขึ้นทะเบียนเป็น มรดกโลก นั้น อยู่ในทางผ่าน ผมก็ต้องแว่ะอย่างแน่นอน
สำหรับการเที่ยวชมนั้น จะมีรถแบบนี้คอยให้บริการ
ซากอารยธรรมโบราณ
โครงกระดูกคนโบราณ
โครงกระดูกช้างโบราณ
และถ้าท่านใดนั้น ต้องการตราแสตมป์ ก็สามารถมาประทับตราของที่นี่ได้ครับ
หมายเหตุ: กาแฟที่นี่หวานมากครับ อิอิ
แต่ที่นี่ไม่ใช่อุทยานน๊ะครับ เพราะที่นี่เป็นอุทยานประวัติศาสตร์ ภายใต้การดูแลของกรมศิลปากร
ก็เลยต้องแสตมป์ที่ด้านหลังของสมุดครับ
และหลังจากนั้น ผมก็เดินถ่ายรูปครับ
และหลังจากที่ผมเดินถ่ายรูปในจุดนี้ แล้วก็พบว่า ที่นี่นั้น ไม่มีสถานที่ ที่เป็นเหมือนกับพีระมิด ผมจึงได้ถามเจ้าหน้าที่ จนได้ทราบว่า ตรงนั้นเรียกว่า "เขาคลังนอก" และคนทั่วไปนั้น สามารถไปเยี่ยมชมได้โดยไม่ต้องซื้อตั๋ว
หมายเหตุ: ถ้าท่านนั้นคิดที่จะมาเยี่ยมชมที่นี่ กรุณาเผื่อเวลาไว้แย่ะๆด้วยน๊ะครับ เพราะถนนที่เป็นเส้นทางมาที่นี่นั้น มีรถบรรทุกอ้อย แย่ะมากๆครับ
.
.
.
และหลังจากนั้น ผมก็มุ่งหน้าสู่ "อุทยานแห่งชาติเจ็ดคต-โป่งก้อนเส้า" ต่อทันที
ถึงแล้ว
อีก 1 แสตมป์
จุดชาร์จโทรศัพท์
เซเว่น ที่เปิดๆ ปิดๆ ครับ
ที่นี่ ถ้าใครนั้นรักสันโดษ ก็สามารถหลบมากางได้ที่ในป่าตรงนี้ครับ
และหลังจากที่ผมนั้นเดินหาที่กางเต้นท์อยู่พักใหญ่ๆ ก็พบว่า ที่ลานกางเต้นท์ ที่ใกล้กรุงเทพแห่งนี้นั้น คนแย่ะมากๆ ผมจึงเลือกกางในบริเวณที่ใกล้ๆกับ ที่จอดรถเพื่อลงของ
นั่นจึงทำให้ จุดกางเต้นท์ของผมในวันนี้นั้น ไม่ค่อยตรงคอนเซ็ปที่ว่า
"ปักสมอ เท่ห์เสมอ"
เท่าไหร่ครับ ก็เลยไม่ได้ถ่ายรูปมา ฮ่าฮ่าฮ่า
และเมื่อถึงเวลากลางคืนนั้น ผมก็พบว่า ที่นี่นั้น ไม่หนาวเลย ในช่วงหัวค่ำ (แต่จะเริ่มหนาวในช่วง ตี 3 ตี 4 จนผมนั้นต้องตื่นขึ้นมา เพื่อเอาตัวมุดเข้าไปในถุงนอนอีกครั้ง)
28 มกราคม 2567
บรรยากาศยามเช้าครับ
พระอาทิตย์ขึ้นแล้ว
และหลังจากที่เก็บเต้นท์เสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมก็เดินทางกลับกรุงเทพมหานคร
.
.
.
และก็สิ้นสุดการผจญภัยในครั้งนี้ ด้วยระยะเดินทางกว่า 4 พันกิโลเมตร
รวมเวลาเดินทางทั้งหมด 24 วัน
โดยมีค่าใช้จ่ายในเรื่องของน้ำมันประมาณ 10,670 บาท (รถยนต์ที่ผมใช้ มันเป็นรถ Hybrid น๊ะครับ)
และค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่นค่ากิน ค่าเข้าอุทยาน จิปาถะ ประมาณ 12,000 - 15,000 บาท
และรูปภาพที่ถ่ายไว้แบบมหาศาล
つづく
แบกกล้อง
วันจันทร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567 เวลา 15.04 น.