พาไหว้พระฉ่ำบุญที่สุพรรณบุรี สำหรับทริปนี้จะเป็นวันเดย์ทริปนะคะ โดยขับรถเที่ยวเน้นไหว้พระ แต่ถ้าใครไม่มีรถส่วนตัวแล้วอยากไปเที่ยวสุพรรณบุรี ถ้ามาจากกรุงเทพสามารถมาขึ้นรถมินิบัสที่ท่ารถต่างจังหวัดตรงข้ามขนส่งหมอชิตได้ ค่าโดยสารจะอยู่ที่เที่ยวล่ะ 120 บาท  เอาล่ะเราไปเริ่มที่ "วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร " ก่อนเลย 

วัดนี้เป็นวัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองสุพรรณมายาวนาน โดยปกติชาวสุสพรรณบุรีจะเรียกสั้นๆ ว่า "วัดป่า" ความโดดเด่นของวัดนี้คือภายในวิหารนั้นจะประดิษฐานหลวงพ่อโต ซึ่งมีขนาดใหญ่มากๆ แต่เดิมหลวงพ่อโตเป็นพระพุทธรูปปางประทานปฐมเทศนาและต่อมาได้มีการบูรณะและทำเป็นปางป่าเลไลยก์ ตามที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

ที่นี่ค่อนข้างครบคันในเรื่องของการทำบุญไม่ว่าจะ ไหว้พระ บูชาพระ บริจาคทาน ทำบุญตามวันเกิด ถวายผ้าหรือสังฆทาน มาที่เดียวก็ครบจบบุญฉ่ำแล้ว แต่เราอยากให้อาหารปลาด้วยก็เลยจะไปต่อที่วัดพระลอย

"วัดพระลอย" เป็นอีกหนึ่งวัดเก่าแก่ของสุพรรณบุรี โดดเด่นที่อยู่ติดริมแม่น้ำท่าจีน ที่นี่จะมีแพใหญ่ยื่นลงไปที่แม่น้ำ อาหารปลาจะมีทั้งแบบขนมปังและอาหารเม็ด โดยอาหารเม็ดจะอยู่ที่ห่อล่ะ 10 บาท ส่วนขนมปัง 15 บาท 

ส่วนสาเหตุที่ชื่อว่าวัดพระลอยนั้นก็สืบเนื่องมาจากสมัยก่อนเคยมีพระพุทธรูปปางนาคปรกเนื้อหินทรายขาวลอยมาตามแม่น้ำท่าจีน 

ถนนเส้นไปวัดพระลอยนั้นจะมีอีกหลายๆ วัดเลย จริงๆ เริ่มตั้งแต่วัดแค วัดพระลอย วัดพระนอน วัดพร้าว แต่เราเลือกไปวัดพระลอยก่อน แล้ววนรถกลับทางเดิมเพิ่มมาวัดแค เพราะอากาศร้อน แค่ 3 วัดก็อิ่มเอมฉ่ำทั้งบุญฉ่ำทั้งเหงื่อแล้วนั่นเอง 

วัดแค หรือที่หลายๆ คนเรียกว่า คุ้มขุนแผน ( คุ้มขุนช้างอยู่ที่วัดป่าฯ ) สำหรับวัดนี้เราสามารถบูชากราบไหว้พระได้ แล้วยังสามารถไหว้ขอพรท้าวเวสสุวรรณที่ขึ้นชื่อเรื่องลาภยศ ทรัพย์สินเงินทอง อำนาจวาสนา ปกติเราไหว้พระทั่วไปแต่ไม่เคยไหว้ท้าวเวสสุวรรณจนกระทั่งเมื่อปี 2023 เราไปไหว้ท้าวเวสสุวรรณที่วัดสุชน ไปเที่ยวแล้วบังเอิญคนในทริปเขาเลื่อมไสเขาแวะเราก็เลยตามเลย แล้วค่าชุดบูชาก็ไม่แรงเลยคิดว่า ไหนๆ ก็มาแล้ว เอาซะหน่อย ได้ก็ดีไม่ได้ก็ถือว่าทำบุญทั่วไป และหลังจากนั้น ก็มีการติดต่อทาบทามเรื่องงาน ซึ่งเป็นงานที่เราอยากได้แต่ไม่เคยมีวี่แววโอกาสว่าจะได้ ซึ่งก็ร่วมงานกันแล้วเสร็จไปตั้งแต่กลางปี 2023 ดังนั้นเราเลยรู้สึกว่าเรื่องแบบนี้เชื่อไม่เชื่อก็ไม่เสียหาย แต่ที่แน่ๆ เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจและสร้างกำลังใจในการทำงานได้ระดับหนึ่งเลย

ท้าวเวสสุวรรณมี 2 รูปลักษณ์ คือ ท้าวเวสสุวรรณที่มีองค์เป็นยักษ์ หน้าที่รักษาความเรียบร้อยรวมถึงความยุติธรรมในสวรรค์ และท้าวเวสสุววรณในร่างมนุษย์ เป็นเทพเจ้าแห่งความมั่งคั่ง เจ้าแห่งเงินทอง ตามความเชื่อคือคนที่บูชาร่างนี้จะช่วยเพิ่มโชคลาภ ทําให้มีกินมีใช้ตลอด แต่สำหรับวัดแคนั้นองค์จะเป็นยักษ์ยืนถือกระบองยาว

 ตามความเชื่อคือ ใครของานมักได้งาน ขอต่ำแหน่งมักได้ นอกจากนี้ยังมีความเชื่อว่าท้าวเวสสุวรรณจะช่วยคอยปัดเป่าสิ่งไม่ดีออกไปจากชีวิตคนที่สักการะบูชา

การสักการะท้าวเวสสุวรรณเราจะต้องกล่าวคำบูชา 9 จบ และที่นี่ท้าวเวสสุวรรณจะตั้งอยู่กลางแจ้งเป็นการยืนกล่าวคำบูชากลางแดด รู้สึกเหมือนกว่าจะบูชาเสร็จต้องอดทนต่อสู้กับแดดเป็นอย่างมากเลย แต่ก็สู้มากสวดจนจบ 9 จบนะ

นอกจากท้าวเวสสุวรรณแล้ว ยังมี "หมอชีวกโกมารภัจจ์" ตามความเชื่อคือช่วยเรื่องสุขภาพ ปัดเป่าโรคภัยไข้เจ็บ 

จริงๆ แล้ว วัดแคนั้นค่อนข้างมีหลายโซนนะคะ พระพุทธรูปปรางต่างๆ หมอชีวกโกมารภัจจ์ ท้าวเวสสุวรรณแล้ว ยังมีต่อยักษ์ ซึ่งก็คือต่อของขุนแผนที่เสกออกมาต่อสู้กับศัตรู มีถ้ำขนาดเล็กที่มีน้ำตกไหลผ่าน น่าจะเป็นการสร้างเลียนแบบธรรมชาติเซตฉากขึ้นมา และยังมีการป้อนอาหารปลาและคาเฟ่ ของกินมี ที่นั่งพักมี ห้องน้ำมีครบค่ะ 

สุพรรณบุรีนั้นจัดเป็นจังหวัดที่ใกล้กรุงเทพ เดินทางไม่นานก็ถึง หากใครไม่มีรถส่วนตัวสามารถมาขึ้นรถมินิบัสที่ท่ารถต่างจังหวัดตรงข้ามหมอชิต รถจะมาส่งถึงที่ขนส่งสุพรรณบุรีจากนั้นเราก็สามารถเลือกได้ว่าจะไปต่อด้วยรถสองแถวหรือรถสามล้อเครื่อง

สุดท้ายนี้หากใครชอบบทความนี้ก็สามารถแชร์ออกไปได้เลยนะคะ และถ้าอยากติดตามเรื่องราวอื่นๆ ของหญิงเถื่อนนั้นก็สามารถติดตามกันได้ที่ twitter ที่ Artinime หรือ Facebook เพจ แบกกล้องชิลเที่ยวไปเรื่อย ได้เลยค่ะ


อ่านต่อ

แจกพิกัดเที่ยวเมืองรอง เที่ยวไหนดี 2567 เที่ยวไทยง่ายๆ ด้วยตัวเอง




Kampairoh Supamas

หญิงเถื่อน Solo Traveler

 วันอังคารที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2567 เวลา 13.43 น.

ความคิดเห็น